I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 49 ผู้กล้าอีกคน

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1717 | 2363 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘ซุยเมย์’ พา ‘เฟลเมเนีย’ มาที่บ้านของเขาซึ่งอยู่ในตรอกมืดๆ หลังจากที่เปิดประตูบ้านเข้าไป  ‘ซุยเมย์’ สังเกตเห็นว่ามีคนอยู่ในบ้านเพียงคนเดียว ดูเหมือนว่ากูลิก้าจะกลับไปแล้ว  ‘เลฟิลเลีย’ หันมาเห็นเขาพอดี

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ ‘ซุยเมย์คุง’ ”

“กลับมาแล้วครับ”

ร่องรอยของความอบอุ่นปรากฏขึ้นมาในใจของ ‘ซุยเมย์’ หลังจากตอบกลับ ‘เลฟิลเลีย’

นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีคนรอเขากลับมาที่บ้านแบบนี้ นับตั้งแต่วันที่พ่อของเขาจากไป หลังจากสายตาพร่ามัวจากแสงสว่างที่ส่องเข้ามากะทันหัน เด็กสาวก็มองไปที่ ‘เฟลเมเนีย’ อย่างประหลาดใจ

“ ‘ซุยเมย์คุง’ …..นั่นใครอ่ะ?”

“ ‘ซุยม์โดโนะ’   นั่นใครคะ?”

“อ่อ เอ่อ อ่า ใช่แล้ว….นี่คือจอมเวท ‘เฟลเมเนีย สติงเรย์’  เธอเป็นสภาจอมเวทของราชอาณาจักรแอสเทลน่ะ เธอออกจากเมเทอร์มาเพื่อมาตามหาผม”

หลังจากที่ ‘เลฟิเลีย’ นึกได้ว่า ‘เฟลเมเนีย’ คือใคร เธอเบิ่งตากว้างอย่างตกใจ

“โอ้ คุณคือ ‘เฟลเมเนีย สติงเรย์’  เปลวไฟสีขาวผู้มีชื่อเสียงคนนั้นนั่นเอง!!”

หลังจากที่ ‘เฟลเมเนีย’ พยักหน้ายอมรับ เขาจึงแนะนำ ‘เลฟิลเลีย’ ต่อ

“ส่วนนี่คือ ‘เลฟิลเลีย กราคิส’  เพื่อนร่วมทางในการมาที่นี่กับฉัน”

“เพื่อน…..เหรอคะ?”

“ใช่”

“หือ……”

‘เฟลเมเนีย’ มองอย่างสับสนเล็กน้อย สมาคนรับเด็กเข้าเป็นสมาชิกด้วยเหรอ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะว่า ‘เลฟิลเลีย’ ยังไม่สามารถกลับร่างเดิมได้  ‘เลฟิลเลีย’ แนะนำตังเองบ้าง

“ ‘เลฟิลเลีย กราคิส’ ค่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

หลังจากที่ทั้งคู่จับมือกันแล้ว  ‘เฟลเมเนีย’ หันไปหา ‘ซุยเมย์’

“ ‘ซุยเมย์โดโนะ’  กับ ‘เลฟิลเลีย’ นี่…….”

“รู้แล้วงั้นเหรอ”

“จากที่เห็น ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นชนชั้นสูง”

‘เฟลเมเนีย’ ยิ้มให้ ‘เลฟิลเลีย’  แม้ว่าเลฟิลเลียจะตัวเล็ก แต่ท่าทีของเธอก็ยังคงดูสูงศักดิ์

“มันมีหลายอย่างเกิดขึ้น ‘เฟลเมเนีย’  หลายอย่างที่พูดออกไปไม่ได้”

“ไม่ต้องพูดก็ได้ค่ะ ฉันพอจะเข้าใจ แค่เห็นท่าทางการพูดของคุณก็พอจะเดาได้ว่าเธอน่าจะเป็นลูกหลานของชนชั้นสูง”

‘เฟลเมเนีย’ เคยเห็น เมื่อ ‘ซุยเมย์’ พูดกับนายทหารหรือขุนนาง เขามักจะใช้น้ำเสียงที่สุภาพ และที่เขาคุยกับ ‘เลฟิลเลีย’  เขาใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยน  ‘เลฟิลเลีย’ กระตุกแขนเสื้อ ‘ซุยเมย์’

“ ‘ซุยเมย์คุง’  ก้มลงมาหน่อย”

“หืม?”

ดูเหมือนว่าจะเป็นความลับ เพราะใบหน้าของเธอดูกังวลมาก

“…….. ‘ซุยเมย์คุง’ จะให้ ‘เฟลเมเนียซัง’ พักที่นี่เหรอ?”

“…….. ‘เฟลเมเนีย’ ก็ต้องพักที่โรงแรมสิ จะมาอยู่ที่นี่ทำไม มีอะไรอย่างนั้นเหรอ?”

“ไม่ ไม่ ไม่ แบบนั้นแหละดีแล้ว”

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

“ไม่ ไม่มีอะไร ไม่มีความหมายอะไรลึกซึ้งเป็นพิเศษหรอก แล้วก็ไม่ได้อยากให้มีคนอื่นมาแทรกกลางระหว่างเราสองคนด้วย”

“…….?”

‘เลฟิลเลีย’ เข้าไปสู่โลกแห่งความวิตกกังวลและสับสนไปแล้ว  ‘เฟลเมเนีย’ มอง ‘ซุยเมย์’ อย่างลำบากใจ

“ซุยเมย์โดโนะ…..”

“หือ?”

“มีเรื่องบางอย่างที่ฉันจะต้องบอก”

“เรื่องอะไร?”

เมื่อ ‘ซุยเมย์’ ถาม ‘เฟลเมเนีย’ ก็เอ่ยขึ้นมาอย่างลำบากใจ

“…….. ‘ซุยเมย์โดโนะ’  ที่นี่มันดูไม่เหมือนบ้านของผู้กล้าเลยนะค่ะ”

“หมายความว่า?”

“มันน่าผิดหวังจริงๆ”

“อะไร?”

ความหมายของคำต่อว่าของ ‘เฟลเมเนีย’  ในท้ายที่สุดแล้ว ‘ซุยเมย์’ ก็ไม่อาจจะทำความเข้าใจกับมันได้

ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่า ‘เลฟิลเลีย’ และ ‘เฟลเมเนีย’ จะดำเนินไปได้ด้วยดี จากวันแรกที่ทั้งสองเจอกัน ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะสนิทกันเร็วมาก อาจจะเป็นเพราะว่าบรรยากาศของทั้งคู่นั้นคล้ายกันอยู่แล้ว ทั้งสองดูเข้ากันได้เป็นอย่างดี ไม่มีเหตุผลใดให้ซุยเมย์ต้องกังวล

ตอนนี้ ‘เลฟิลเลีย’ ได้เพื่อนใหม่เป็นคนที่คุ้นเคยกับเวทมนตร์ในโลกนี้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นโชคดียิ่งนัก แม้ว่าจะไม่ต้องแปเข้ามหาวิทยาลัยเวทมนตร์แต่ก็ยังมีเฟลเมเนียให้ถาม

คำถามที่ ‘เฟลเมเนีย’ ตอบไม่ได้ ก็เอามาถามกับ ‘ซุยเมย์’ ได้อีก บางครั้งบางทีก็ดูเหมือนกับว่า ‘เลฟิลเลีย’ กำลังทดสอบอะไรบางอย่างกับ ‘เฟลเมเนีย’

หรือว่าเขาจะคิดไปเองกันนะ? สองวันถัดมานับตั้งแต่วันที่ ‘เฟลเมเนีย’ มาเข้าร่วมด้วย  ‘ซุยเมย์’ ได้พาทั้งสองคนมายังสมาคมนักผจญภัยสาขาจักรวรรดิ นับตั้งแต่วันที่เขาต่อสู้กับราจัส เขายังไม่เคยได้ย่างกรายมาที่สมาคมนักผจญภัยสาขาจักรวรรดิแห่งนี้เลยสักครั้ง หลังจากบอกเล่าเหตุการณ์เกี่ยวกับ ‘ราจัส’ และกองทัพปีศาจ ก็เสร็จสิ้นการรายงาน

“…..ขอบคุณที่รายงานเรื่องนี้มานะค่ะ เรื่องราวที่เกินขึ้นในแอสเทล เป็นที่ร่ำลือกันในจักรวรรดิมากเลยค่ะ ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณืที่เกิดขึ้นจริงๆนะคะ”

“ครับ ขอโทษด้วยกับการมารายงานช้า”

‘ซุยเมย์’ กล่าวกับพนักงานต้อนรับ เรื่องที่สมาชิกในกองคาราวานทั้งหมดหายไปเพราะราจัส หลังจากที่คิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็ควรจะมารายงาน เพราะว่าหลักฐานการยืนยันตัวตนของเขานั้นยังไม่ได้ถูกรับรองอย่างแน่ชัด ไม่ว่ายังไงสถานที่แห่งนี้ก็ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด

“ไม่ค่ะ ไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรยาคางิซัง คึ่คุณปลอดภัยกลับมาก็ถือว่าเป็นเรื่องดีมากแล้ว หากมีอะไรให้เราช่วยเหลือ โปรดติดต่อมาได้เลยนะค่ะ”

เขากล่าว

“ขอบคุณ”

กับพนักงานต้อนรับของสมาคมนักพจญภัยสาขาจักรวรรดิ ก่อนจะเดินเข้ามาหาเฟลเมเนียและเลฟิลเลียที่นั่งรออยู่ทึ่โต๊ะ ในมือของ ‘เลฟิลเลีย’ นั้นถือถ้ายน้ำองุ่นที่ยังคงรักษาความเย็นไว้ได้อยู่  ‘เฟลเมเนีย’ หันไปมองรอบๆ ก่อนจะถามขึ้น

“เป็นยังไงบ้างคะ?”

“หมายความว่ายังไง?”

‘เฟลเมเนีย’ มองหน้า ‘ซุยเมย์’ ก่อนจะถอนหายใจออกมา แล้วอธิบายสิ่งที่เธอคิด

“หลังจากรายงานเรื่องนี้ไปแล้ว  ‘ฮาเดียส’ จะต้องรู้ที่อยู่ของพวกเราแน่ หลังจากนี้จะทำยังไงต่อไปคะ?”

“อืม……ตราบใดที่เธอยังเชื่อฟังฉัน เรื่องนั้นมันก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก  แม้ว่าคนคนนื้นจะมีความคิดที่อยากจะฆ่าฉัน มันก็ยังไม่ใช่ภัยคุกคามอยู่ดี”

“ถ้าหากดยุค ‘ฮาเดียส’ รู้รายงานเกี่ยวกับ ‘ราจัส’ นี้แล้วละก็ ‘ซุยเมย์โดโนะ’  เขาจะต้องนับรวมคุณเข้าไปในฐานะผู้กล้าด้วยแน่ๆ”

“ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่แล้วยังไงล่ะ จากสิ่งที่เขาทำ เขาต้องเข้าใจดีอยู่แล้วว่าตอนนี้ มันอยู่ในจุดที่ไม่อาจจะถอยกลับได้แล้ว”

‘เลฟิลเลีย’ วางถ้วยน้ำลง พลางกล่าวอย่างหนักแน่น สถานการณ์ตอนนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก หลังจากที่เข้าเมืองหลวงมาแล้ว เขาควรจะใช้ชื่อปลอมเพื่อไม่ให้ ‘ฮาเดียส’ รับรู้ว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่

สถานะที่แท้จริงของเขาไม่ควรเปิดเผยให้ใครรู้ในตอนนี้ จากคำพูดของ ‘เลฟิลเลีย’   ‘ซุยเมย์’ พิจารณาของข้อดีข้อเสีย

“เอาเถอะ เมื่อเวลานั้นมาถึง เราจะรู้เองว่าควรจะทำอะไร”

คำกล่าวที่ว่า

“เมื่อเวลานั้นมาถึง”

นั่นคือคำตอบที่ ซุยเมย์’ มอบให้ทั้งคู่

“อย่างน้อยเราก็ยังระบุได้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นคือ  ‘ดยุคฮาเดียส’ …..เขาเป็นใครนะ?”

“เจ้าเมืองและผู้บัญชาการกองทัพค่ะ”

‘ซุยเมย์’ ถอนหายใจให้กับปัญหาที่ประดังประเดเข้ามา ก่อนจะเริ่มบอกเล่าในสิ่งที่ทั้งคู่จะต้องทำ ทันใดนั้นเสียงหวานใสก็ดังขึ้นจากด้านหลังเขา

“….พวกคุณ?”

“เรียกเรางั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว”

‘ซุยเมย์’ หันไปมองด้านหลัง และที่อยู่ตรงนั้นคือชายหญิงคู่หนึ่ง ที่มีผมสีบลอนด์ ตาสีฟ้าใส ผิวสีขาวซีดเหมือนกับคนที่อยู่ในแถบยุโรป มีกลิ่นอายบางอย่างที่คล้ายกับ ‘เรอิจิ’

และที่สำคัญคือทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในเครื่องแต่งกายของจักรวรรดิ เสียงทักเขานั้นเป็นเสียงของเด็ก เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ดูแลสถานที่นี้จะเป็นคนพูด ดูเหมือนจะเป็นเขานี่แหละที่พุด

“ผมชื่อ  ‘ออสติน เอลเลียต’  อาจจะดูแปลกๆไปสักหน่อย แต่ผมคือผู้กล้าที่ได้รับพรจากเทพธิดา”

ทันทีที่ได้ยินคำแนะนำตัวนั้น  ‘ซุยเมย์’ ก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ทันที

“และนี่คือนักบวชของโบสถ์แห่งความรอด”

“คริสค่ะ”

หญิงสาวที่ถูกแนะนำโดยเอลเลียต ยกกระโปรงขึ้นอย่างงดงาม ผมเปียสีเขียวนั้น ทำให้ดูออกยากว่าเธอกำลังคิดอไรอยู่ ‘เอลเลียต’ มองไปยัง ‘เลฟิลเลีย’ ในทันที หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าเธอมีสีหน้าประหลาดใจ

“เป็นใบหน้าที่ดีเลยนะ”

“อย่าบอกนะว่า……มาเพราะคำพยากรณ์”

ตัวของเอสั่นด้วยความลังเลก่อนที่ ‘เลฟิลเลีย’ จะเอ่ยปากถาม  ‘เอลเลียต’ ยิ้มสดใส

“ใช่แล้ว ผมมารับเธอตามคำพยากรณ์ของเทพธิดา”

เหตุการณ์ที่ว่ามานี้ มันคือจุดเริ่มต้น

ปล.เทพธิดา…… ทำไมผมนึกถึงอควอ……..

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments