ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปณ ห้องประชุม ตะกูล ชู ‘ชูเฟิง’กับ’ชูหยวน’ กำลังเดินกลับที่พักของพวกเขา
” ท่านพ่อ ลูกมีบางอย่าง อยากจะถามท่าน “
‘ชูเฟิง’ ถาม ‘ชูหยวน’ ในห้องพัก
” ลูกเฟิง มีอะไรก็พูดมาเถอะ “
‘ชูหยวน’มอง’ชูเฟิง’ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปลื้มปิติ
การต่อสู้ของ ‘ชูเฟิง’ ที่ปกป้องตะกูลทำให้เขาและคนอื่นๆต่างตกใจ ภายในใจของเขา ‘ชูเฟิง’ เป็นความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เห็น’ชูหยวน’พูดมาเช่นนั้น ‘ชูเฟิง’ ยิ้ม ขณะถามสิ่งที่เขาต้องการจะรู้
” ท่านพ่อใครคือบิดา มารดา แท้ๆของข้า แล้วทำไมพวกเขาถึงทิ้งข้าไป “
” คือ . . . . . . . “
เมื่อ ‘ชูเฟิง’ ถามออกมา ‘ชูหยวน’ที่เต็มไปด้วยความสุขก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที
” ท่านพ่อ ท่านบอกข้าไม่ได้งั้นหรอ “
‘ชูเฟิง’เห็นว่า’ชูหยวน’กำลังลำบากใจ
” ลูกเฟิง ไม่ใช่ว่าพ่อบอกเจ้าไม่ได้ แต่เรื่องบิดา มารดา แท้ๆชองเจ้าข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย “
‘ชูหยวน’ยิ้มแห้งๆพร้อมกับอธิบาย
” แม้แต่ท่านก็ยังไม่รู้หรอ ? แล้วท่านเอาข้ามาเลี้ยงได้ยังไง ? “
‘ชูเฟิง’ตกใจกับคำตอบ
ก่อนหน้านี้เขาเคยได้พบขอทานบ้าคนหนึ่งเขาเหมือนกับจะรู้จักความเป็นมาของ’ชูเฟิง’ ‘ชูเฟิง’รู้สึกว่าบรรพบุรุษของเขานั้นคงไม่ธรรมดา คำตอบของ ‘ชูหยวน’จึงทำให้เขาหงุดหงิด
แต่ถ้าหาก’ชูหยวน’เก็บเขามาเลี้ยงจริงๆ ก็หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของเขาและบิดามารดาแท้ๆของเขาได้ถูกปิดลง
” ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่รู้อะไรสักอย่าง จริงๆแล้วข้าถูกไหว้วานให้นำเจ้ามาดูแล “
‘ชูหยวน’ค่อยๆอธิบาย แต่ดูจากสีหน้าเขาเหมือนกำลังลำบากที่จะพูด
” ใครคือคนที่ไหว้วานท่านให้เลี้ยงข้า แล้วท่านรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่บิดามารดาของข้า ? “
‘ชูเฟิง’ถามอย่างร้อนใจ
เห็นท่าทางของ’ชูเฟิง’ที่กำลังร้อนใจ ‘ชูหยวน’อ้ำๆอึ้งๆ สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องถอนหายใจและกล่าว
” เห้อ หากเจ้าอยากรู้มากขนาดนั้น พ่อจะบอกเจ้าก็ได้ “
” ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน ตอนนั้นข้าและคนรับใช้ออกเดินทางไปทำการค้า เราเดินทางผ่านป่าบนภูเขา . . . .”
” บนทางที่เรากำลังเดิน ข้าได้พบกับชายคนหนึ่งที่กำลังอุ้มเด็กอยู่ในมือและเข้ามาถามข้าว่า ข้าเป็นคน แซ่ ชู ใช่มั้ย “
” เนื่องจากตอนนั้นพวกเรากำลังคุ้มกันสินค้าบางอย่างและผู้ชายคนนั้นก็แต่งตัวดูน่าสงสัย ข้าจึงไม่เห็นหน้าของเขา แต่ก่อนที่ข้าจะตอบ “
” ข้าเหลียวมองไปเห็นศพคน 2 คน มีเลือดกระจายกองอยู่เต็มพื้น “
” เวลานั้นพวกเราหวาดกลัวกันเป็นอย่างมาก พวกเราจึงคิดที่จะหนี แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เค้าใช้แรงดันวิญญาณ สะกัดพวกเราเอาไว้ไม่ให้เราขยับไปไหนได้ “
” เจ้า แซ่ ชู ใช่มั๊ย ? ชายคนนั้นถามย้ำข้าอีกครั้ง ตอนนั้นข้าก็ตระหนักได้หากข้าไม่ยอมตอบ คนรับใช้และข้า คงจะถูกเขาฆ่าตาย “
” เมื่อข้าได้เห็นความแข็งแกร่งที่เกินหยั่งถึง ตอนนั้นข้าก็ยิ่งหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น ข้าพอเข้าใจคำถามของเขา ข้าจึงมองหน้าเขาอย่างสิ้นหวัง “
” ในตอนนั้นข้าก็พบกับความประหลาดใจเมื่อข้ามองไปเห็นเปลวเพลิงที่อยู่ในดวงตาของเขา เวลาเดียวกัน สินค้าทั้งหมดที่นำมาก็ถูกเผาด้วยเปลวไฟที่รุนแรง แม้แต่เกวียนและม้าก็ยังกลายเป็นขี้เถ้า”
” เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามที่จะปกปิด จิตสังหารของเขา แต่มันก็เล็ดลอดออกมา ข้ารู้สึกว่าจิตสังหารนั้นหน้ากลัวที่สุดที่ข้าเคยสัมผัส เหมือนกับว่าเขาขึ้นมาจากนรก “
” ในตอนนั้น ข้ารู้ว่าข้า คงต้องตายอย่างแน่นอน แต่สุดท้าย เขาก็ไม่ได้ทำร้ายข้า เขายังคงถามข้าซ้ำอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย เจ้าใช่คน แซ่ ชู ใช่มั้ย ? “
” ตอนนั้น ข้าตอบเขาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ข้าบอกถึงที่ตั้งของตะกูลและสถานะของข้าในตะกูล”
พูดถึงตอนนั้น ‘ชูหยวน’ ดูเหมือนเขาจะรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ‘ชูเฟิง’พอจะเดาได้ว่าในตอนนั้นเขาคงกลัวถูกฆ่าตาย จึงได้บอกทุกอย่างเกี่ยวกับตะกูล ชู
เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงคิดว่าตัวเขานั้น เป็นคนที่ทรยศตะกูล ขายตะกูล ชู ให้กับคนอื่น เพื่อหนีเอาตัวรอด ยังไงก็ตาม เมื่อเขารู้ว่าข้าเป็นคนตะกูล ชู เขาจึงพูดออกมาว่า
“เมื่อมีชีวิตมนุษย์นั้นก็ควรจะมีเป้าหมาย”
” ท่านพ่อ แล้วยังไงต่อ ? “
‘ชูเฟิง’ อยากจะรู้ตอนท้าย
” หลังจากนั้นเขาก็ฆ่าบรรดาคนรับใช้ของข้าทั้งหมด เหลือข้าทิ้งไว้ พร้อมกับเด็กทารก และ เด็กคนนั้นก็คือเจ้า “
” หลังจากนั้นข้าก็พาเจ้ากลับมาเลี้ยงดูเป็นอย่างดี เหมือนกับเจ้าเป็นลูกแท้ๆของข้า ยังไงก็ตาม ชื่อของเจ้านั้นข้าไม่ได้เป็นคนตั้ง แต่ชื่อของเจ้ากำหนดมาแล้ว ว่าคือ ชูเฟิง “
” ทำไมล่ะ . . . . . . . . “ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ ตกใจอย่างมาก หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิดไม่ถึงว่า ชื่อของเขาจะไม่ใช่ ชูหยวนที่เป็นคนตั้ง แต่กลับเป็นผู้อื่นที่เป็นคนตั้งชื่อของเขา
เมื่อเขาคิดไปถึงผู้ชายคนนั้น ชูเฟิงจึงถามชูหยวน แบบเดิมซ้ำๆกัน 3 ครั้ง มันยากที่เขาจะยอมรับ ว่าจริงๆแล้วบิดา มารดาของเขา ก็มีแซ่ ชู ส่วนการได้รับหมอบหมายหน้าที่ดูแล เป็นไปได้ว่าคนๆนั้นไม่ต้องการให้ ‘ชูเฟิง’ เปลี่ยนแซ่ของเขา
” ตอนนั้นเป็นธรรมดาที่ข้าจะไม่กล้าปฏิเสธ ข้าจึงสัญญากับเขา “
” หลังจากนั้นก็จะไม่ได้เรียกร้องอะไรอื่น ข้าอาจจะไม่สามารถบอกเจ้าได้ว่าเจ้าเป็นใครและมาจากไหน แต่สิ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้า คือ เจ้านั้นเป็นลูกของข้า แม้ว่าเจ้าจะเป็นเพียงบุตรบุญธรรม แต่ข้าก็ไม่เคยคิดร้ายอะไรกับเจ้าหรือให้เจ้าถูกใครทำร้ายข้าหวังเพียงว่าเจ้านั้นจะเติบโตอย่างแข็งแรง “
” ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า คนๆนั้นเขาพร้อมจะทำทุกอย่าง เพื่อฆ่าล้างตะกูล ชู ดังนั้นข้าจึงปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ “
ในที่สุด ‘ชูเฟิง’ก็เข้าใจว่าทำไม ‘ชูหยวน’ ถึงไม่อยากพูดถึงต้นกำเนิดของเขา หรือมีท่าทีที่ไม่สบายใจ อีกทั้งยังหวาดกลัวเมื่อ’ชูเฟิง’ถามเรื่องต้นกำเนิดของเขาเพราะคนๆนั้นได้ข่มขู่เอาไว้
“ท่านพ่อ ท่านรู้มั้ยว่าชายคนนั้นมีชื่อว่าอะไร หรือสัญลักษณ์อะไรก็ได้บ่งบอกลักษณะของเขา ? “
‘ชูเฟิง’ถาม จริงๆเค้ามีคำตอบอยู่แล้วภายในใจ
” ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาชื่ออะไร แต่บนหน้าผากเขามีแผลเป็นแปลกๆ เหมือนกับเปลวเพลิง “
‘ชูหยวน’ตอบตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ ดูท่าทางสงบเพราะเขาคิดไว้อยู่แล้วว่าคงจะเป็นเขา แท้จริงแล้วเรื่องของต้นกำเนิดของเขาก็เกี่ยวข้องกับขอทานในวันนั้น
” ท่านพ่อ เขาไม่ได้พูดถึงบิดามารดาของข้าบ้างเลยหรอ ? “
” ไม่เลย เขาไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับบิดามารดาของเจ้า “
” แล้วทำไมท่านถึงคิดว่าเขาไม่ใช่บิดาของข้าล่ะ “
ได้ยินคำพูดนั้น ‘ชูหยวน’ หลับตาลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวอย่างช้าๆ
” เพราะหลังจากที่เขาส่งเจ้าให้ข้า ก็เหมือนกับภาระของเขาถูกปลดออก เขานั้นมีท่าทีเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน จากนั้นเขาก็โวยวายเหมือนกับคนบ้า”
” ข้ายังจำได้ดีว่าตอนที่เขาบ้านั้นเขาพูดอะไร “
” เขาพูดอะไร ? “
‘ชูเฟิง’ ถามอย่างไว
” เขาตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้าว่า ท่านเห็นแล้วใช่มั้ย ว่าข้าทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง แล้วท่านจะปล่อยข้าไป ข้าขอร้องได้โปรด ปล่อยข้าไปสักที!!!!!!! “
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . . .
ที่มา: