I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 188 – ตระกูล ปะทะ นิกาย

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

เขากวาดสายตาของเขาไปมา ‘ชูเฟิง’สังเกตเห็นว่าข้างในของหอคอยอสูรฟ้าก็ค่อนข้างที่จะกว้างใหญ่ มีสามคนที่ยืนอยู่บนบันไดที่นำไปสู่ชั้นที่สอง

คนที่อยู่ตรงกลางนั้นไม่ใช่ใครนอกจาก ‘เจี่ย เฮง’ ส่วนอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขา ก็คือสมาชิกของ ตระกูลเจี่ย และพวกเขาทั้งสองส่งกลิ่นอายของ ระดับ 6 กำเนิดวิญญาณ ออกมา.

‘ชูเฟิง’ สังเกตุรอบๆอย่างรวดเร็วและเขาก็พบว่ามีคนจำนวนมากที่ติดอยู่บนชั้นที่หนึ่งของ หอคอยอสูรฟ้า,นอกเหนือจากนี้ ‘เจี่ยเฮง’ และคนทั้งสอง,ก็ไม่มีใครอีกเลยใน ตระกูลเจี่ย มันอาจจะเห็นได้ชัดว่า ‘เจี่ยเฮง’ รอเขาอยู่

“ พี่เจ้าใช้ให้เจ้ามาที่นี่ งั้นหรอ ?”

‘ชูเฟิง’ กล่าวหลังจากไม่่เห็น ‘เจี่ยฉวน’ อยู่กับ ‘เจี่ยเฮง’ จึงทำให้’ชูเฟิง’ฉุดคิดขึ้นมาว่านี่อาจเป็นความตั้งใจของ ‘เจี่ยฉวน’

“อะไร? เจ้าคิดจะเอาพี่ชายมาขู่ข้างั้นเรอะ? ข้าจะบอกเจ้าให้เอาบุญ ว่าเจ้าคงไม่ได้ก้าวเข้าไปในชั้นที่สอง.”

‘เจี่ยเฮง’ จ้องหน้าด้วยสายตาและใบหน้าที่แดงก่ำไปที่ ‘ชูเฟิง’ และมันเปิดเผยสายตาที่จะฆ่า ‘ชูเฟิง’โดยทันที.มันอาจจะเห็นได้ว่ามันเกลียด ‘ชูเฟิง’ ลึกจะเข้าไปยังกระดูกดำ

“เจี่ยเฮง, เจ้าแพ้ให้กับไอ่เด็กคนนี่หน่ะเรอะ?”

หนึ่งใน ตระกูลเจี่ย มองไปที่ ‘ชูเฟิง’ ด้วยความสงสัย

“ อย่าได้ประมาท. ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้มันแข็งแกร่งกว่าที่ตาเห็น เจ้าอย่าได้คิดว่ามันอยู่แค่ระดับ 1 กำเนิดวิญญาณ ”

‘เจี่ยเฮง’ เตือนด้วยความหวังดี

“ ไม่ว่าจะดูยังไง มันก็เป็นเพียงได้แค่ระดับ 1 กำเนิดวิญญาณ หากพวกเรา ร่วมมือกันโจมตีไอเด็กบ้าคนนี่ เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็สามารถปลิดชีวิตของมันได้แล้ว.”

สมาชิกของ ตระกูลเจี่ย มองไปยังคนอื่นๆของ คนคนนั้นมีพลังวิญญาณอยู่ในระดับ 6 กำเนิดวิญญาณ.

“ ฮืมม.”

มันพยักหน้าและเพ่งสายตาไปที่ ‘ชูเฟิง’ อย่างกินเลือดกินเนื้อ มันทั้งสองกำลังจะโจมตี ‘ชูเฟิง’ ในทันที

“ โอ้ว นั่น ไอพวกตระกูลเจี่ย รังแกคนอีกแล้ว ?”

ในช่วงเวลานั้น, อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา พวกเขาทั้งห้าคนกำลังพูดคุยกัน ขณะที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งในหอคอยอสูรฟ้า.

มีชายสามคน และ หญิงสองคน ในห้าคนของพวกมันมีรังสีที่ปล่อยออกมาแข็งแกร่งมาก พวกเขาอยู่ในระดับ 6 กำเนิดวิญญาณ พวกเขากำลังยิ้มขณะที่มองไปยัง ‘เจี่ยเฮง’ และคนอื่นๆ. ดูจากเสื้อผ้าของพวกเขาน่าจะเป็นอัจฉริยะของ นิกายโลกวิญญาณ

“ หม่าเซียง เจ้าไสหัวไปซะ นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ?”

ขณะเห็นสมาชิก ตระกูลเจี่ย สมาชิกอีกคนที่เรียกว่า เจี่ยกัง ถาม

“ ข้าเห็นว่า ตระกูลเจี่ย ของพวกเจ้านั้น กำลังที่จะรังแกผู้อื่น ในฐานะที่ข้ามาจากนิกายโลกวิญญาณ, เป็นเรื่องปกติ, ที่ข้านั้นมาเพื่อพดุงควายุติธรรม.”

ชายที่ชื่อว่า ‘หม่าเซียง’ ยิ้มและกล่าวออกไป, โดยที่ไม่ได้ลืมมองหน้า ‘ชูเฟิง’ เขาพยักหน้าให้’ชูเฟิง’ด้วยความอ่อนน้อม

“ หม่าเซียง กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เจ้าชอบเข้ามาแส่เรื่องของพวกข้า ?”

ใบหน้าของสมาชิก ตระกูลเจี่ย จ้องมองได้ด้วยใบที่เคร้งครึม

“ แล้วไง ? ”

‘หม่าเซียง’ แสยะยิ้มแล้วกล่าวต่อ

“ ได้ ถ้าเจ้าจะเอาแบบนี้!!! ”

สมาชิกของตระกูลเจี่ยกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือและเดินออกไป เพราะเขาไม่ได้ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับ 6 กำเนิดวิญญาณถึง 5 คน

หลังจากนั้น’เจี่ยเฮง’ก็หันหน้ามามองที่ ‘ชูเฟิง’ เหมือนจะบอกว่า แล้วเจอกัน

“ ขอบคุณพี่ชาย.”

‘ชูเฟิง’ เดินมายังด้านหน้าของ ‘หม่าเซียง’ และคนอื่นๆพร้อมกับประสานมือต่อหน้าของพวกเขา สำหรับพวกเขา ‘ชูเฟิง’ เป็นแค่คนแปลกหน้ากัน แต่พวกเขาก็ยังมีน้ำใจ เป็นธรรมดาที่ ‘ชูเฟิง’ จะรู้สึกซาบซึ้ง

“ อย่าได้เกรงใจ ข้ามีนามว่า หม่าเซียง แล้วท่านล่ะมีนามว่าเช่นไร ? ”

‘หม่าเซียง’ พูดด้วยท่าทีสุภาพหลังจากทีสี่คนที่เหลือมองไปที่’หม่าเซียง’ พวกเขาก็มองไปที่’ชูเฟิง’ด้วยความเป็นมิตร

 “ ข้า ชูเฟิง!!!”

‘ชูเฟิง’ เขายิ้มและกล่าวอย่างสุภาพกับสาวกนิกายโลกวิญญาณ แต่แรกเริ่ม ผู้คนของนิกายโลกวิญญาณ ไม่มีท่าทีว่าพวกเขาจะวางอำนาจ พวกเขาต่างปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาสมควรได้รับการเคารพตอบ

เมื่อเทียบ อัจฉริยะที่มาจาก ตระกูลเจี่ย. โดยอย่างยิ่งถ้าเทียบเฉพาะกับ ‘หม่าเซียง’ พวกเขาต่างราวกับนรกและสวรรค์, ‘ชูเฟิง’ ก็ไม่ปฏิเสธ ที่จะแสดงความสุภาพต่อผู้คนที่มาจาก นิกายโลกวิญญาณ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครตำแหน่งเล็กหรือใหญ่ก็ตาม

“ สหายชูเฟิง นี่เอง พลังวิญญาณของท่านในชั้นแรกนั้นช่างน่าประทับใจ อาวุโสของเราต่างชื่นชมท่าน อีกทั้งตอนอยู่ที่นี่ใบหน้าของท่านไม่มีแม้แต่เหงื่อไหลท่านคงจะสบายๆสินะสำหรับชั้นนี้ งั้นแสดงว่าท่านคิดจะไปต่อชั้น 2 เลยใช่มั๊ย ? “

‘หม่าเซียง’ ยิ้มและกล่าวอย่างเป็นมิตร

“ ครับ ”

‘ชูเฟิง’ ตอบรับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

” งั้น ท่านก็มารวมกลุ่มกับพวกเรา “

‘หม่าเซียง’ ยิ้มและกล่าวขณะที่กำลังเดินไปยังชั้นที่สอง

“ งั้นต้องรบกวนท่านแล้ว ”

โดยปกติแล้ว ‘ชูเฟิง’ เข้าใจในสิ่งที่’หม่าเซียง’คิด เขาคงกังวลว่า ‘เจี่ยเฮง’และคนอื่นๆ จะสร้างความลำบากให้แก่ ‘ชูเฟิง’ และเพื่อเป็นการป้องกันจากอันตราย ดังนั้นจึงชวน ‘ชูเฟิง’ ร่วมทางไปยังชั้นสองเพื่อความปลอกภัย

‘ชูเฟิง’ เดินตาม ‘หม่าเซียง’ และมองไปรอบๆขณะกำลังไปยังชั้นที่สอง. ในช่วงท้ายของบรรไดก็ยังมี การก่อตัวของแรงดันวิญญาณ ที่อยู่ในชั้นที่สองเล็ดรอดออกมา

ในทันทีที่ผ่านประตูอำนาจพลังวิญญาณเข้ามา ‘ชูเฟิง’รู้สึกได้ทันทีว่าแรงกดดันของมันแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้’ชูเฟิง’รู้สึกคันแม้แต่น้อย แต่เมื่อเขามองกลับมาที่ใบหน้าของพวก’หม่าเซียง’ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับความกดดันเล็กน้อย

หลังจากที่เข้ามายังชั้นที่สองแล้ว ไม่นานพวกเขาก็ไปยังห้องโถงใหญ่. ถึงกระนั้น เมื่อ ‘ชูเฟิง’ กวาดสายตาไปรอบๆก็เป็นที่ดึงดูดจากผู้คน และไปสะดุดอยู่ตรงกลุ่มของผู้คนที่ขัดขวางเส้นทางไปยังชั้นที่ สามเหมือนกับ ‘เจี่ยเฮง’

มี 25 คนที่มาจากตระกูลเจี่ย มี 20 คนอยู่ในระดับ 5 กำเนิดวิญญาณ และอีก 5 คนอยู่ที่ระดับ 6 กำเนิดวิญญาณ. ในนั้นมีสองคนที่ช่วย’เจี่ยเฮง’จาก’ชูเฟิง’ เขาก็คือ ‘เจี่ยฉวน’

หลังจาก’เจี่ยเฮง’เห็นชูเฟิง รอยยิ้มอันเย็นยะเยือกของเขก็หลุดออกมาจากมุมปาก  อย่างไรก็ตาม’เจี่ยฉวน’ขมวดคิ้วแน่น ในขณะมันจ้องมองไปยัง’ชูเฟิง’ ราวกับว่ามันกำลังจะบอกว่าการตอบแทนที่เขาจะได้รับทั้ง ‘ชูเฟิง’และ’หม่าเซียง’

จริงๆแล้ว’ชูเฟิง’เข้าใจ’เจี่ยฉวน’ได้ในทันที เพราะการที่พวกเขารออยู่ที่นั่นกับกลุ่มคนจากตระกูลเจี่ย พวกเขาไม่ได้รอ’ชูเฟิง’ แต่กำลังรอ’หม่าเซียง’และคนอื่นๆจากนิกายโลกวิญญาณ

เพราะว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกองอยู่ด้านหน้าของตระกูลเจี่ย ไม่ว่าจะเป็น ชาย หญิง คนเหล่านั้นล้วนแต่มาจากนิกายโลกวิญญาณ

“ สิ่งที่พวกแกทำลงไป รังแต่จะทำให้ได้ตายกันเร็วขึ้นเท่านั้น!! กล้ามาก ที่มาแตะต้องคนของนิกายโลกวิญญาณในดินแดนนี้?!”

เปลวไฟแห่งความโกรธประทุขึ้นในใจของหม่าเซียงและคนอื่นๆ พวกเขาต่างตะโกนออกมาสุดเสียง

“ ฮ่า…เจ้ากำลังพูดอะไร? เห็นได้ชัดว่าอำนาจพลังวิญญาณของพวกมันอ่อนแอ จึงไม่อาจทนแรงดันวิญญาณได้ไหว ดังนั่นนี้ไม่ใช่ฝีมือของพวกข้า “

คนตระกูล เจี่ย ตะโกนออกมา

“ เหรอ!!! ข้าจะดูว่าพวกเจ้าจะมีความสามารถพอที่จะต้านทานแรงดันวิญญาณที่นี่ได้มั๊ย”

‘หม่าเซียง’ ไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลงใดๆ เขาได้พุ่งออกไปโจมตีในทันใดนั้นสี่สหายของพวกเขาก็พุ่งออกไปเช่นเดียวกัน และพวกเขาแสดงทักษะกระบวนท่าทุกประเภทที่แข็งแกร่งจัดแจงไปยังตระกูลเจี่ยเพื่อที่จะทำลายในทันที

“เจ้ารนหาที่ตายเองนะ ดีงั้นข้าจะให้ทำให้เจ้าได้สำนึก!!!”

ตระกูลเจี่ยก็ไม่ได้สะทกสะท้านเช่นเดียวกัน และพวกนั้นเรื่มที่จะเข้าปะทะพวก’หม่าเซียง’และคนอื่นๆ

‘หม่าเซียง’ และคนอื่นๆนั้นระดับพลังก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขาเลยพวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่ในระดับ 6 กำเนิดวิญญาณ แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาอาจได้รับผลกระทบจากแรงดันวิญญาณภายในหอคอยมากขึ้น ทำให้พวกเขาไม่สามารถดึงพลังออกมาได้เต็มที่

นอกจากนี้ตระกูลเจี่ยมีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจนเรื่องของกำลังคน เมือประสบโอกาสพวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะลงมือ

“ หม่าเซียง, ถ้าเจ้าคุกเข่าขอร้องข้าซะ บิดาผู้นี้อาจจะปล่อยให้เจ้าขึ้นไปยังชั้นสาม.”

หนึ่งในนั้นพูดออกมา

“ เจ้าต้องการให้ข้าคุกเข่าขอร้องงั้นเรอะ ฮ่าๆๆ ไปตายซะ!!”

‘หม่าเซียง’ กล่าวไปด้วยเส้นเสียงที่เย็นชา

“ งั้นอย่าได้หาว่าพวกข้าใจร้าย! วันนี้พวกเจ้าคงต้องจบลงแค่เพียงเท่านี้!!.”

สมาชิกของตระกูลเจี่ยพ้นลมปากเน่าๆออกมา

“ เอื้ออออ!!!”

ในระว่างที่เขาพูดจบ เสียงร้องโหยหวนก็ดังรอดออกมา และร่างของคนคนนั้นก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ พร้อมกับกระแทกใส่ผนังและกระอักเลือดออกมาเป็นเสียง พร้อมกับหมดสติไป. . . . . . .

 

ต่อจากนี้เริ่มที่จะสนุกแล้ว ชูเฟิงเราจะแผงฤทธิ์อีกครั้ง. . . . . . . . . . . . . งานนี้มีพิการ กันไปข้าง

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments