ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้าน หยางเฉินพยายามชวนคุยกับหลินรั่วซี แต่เธอขับรถโดยไม่พูดไม่จาสีหน้าเย็นเหยียบ เธอเมินหยางเฉินโดยสิ้นเชิงดังหยางเฉินไม่มีตัวตนอยู่หยางเฉินเข้าใจเป็นอย่างดี คำพูดที่เขาใช้ที่โรงแรมบูเบย์ได้กระตุ้นอารมณ์อันอ่อนไหวของภรรยา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซูจิฮงเธอจึงไม่ได้พูดอะไร แต่เวลานี้ ความโกรธของเธอปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อกลับถึงบ้านหลินรั่วซีก็พูดขั้น
“ลงไปจากรถ”
“หืม คุณไม่มาด้วยหรือ”
หยางเฉินถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ฉันมีเรื่องต้องทำ นายลงไปก่อน”
“โอ้ว…”
หยางเฉินมองหลินรั่วซี แล้วเผยรอยยิ้มนุ่มลึก
“ไม่น่าเชื่อว่าซีอีโอหลินก็ต้องการไปไนท์คลับด้วย ทำไมไม่บอกแต่แรกเล่า ฮ่าๆ ผมเป็นคนใจกว้างหรอกน่า และไม่ขึ้อิจฉาด้วย”
ความจริงเธอไม่ต้องอธิบายอะไรให้คนน่ารังเกียจคนนี้ฟังก็ได้ แต่เธอรู้สึกว่าถ้าให้หยางเฉินหลงระเริงพูดจาเลอะเทอะต่อไปมันจะไม่เป็นผลดีต่อตัวเธอนัก ดังนั้นเธอจึงขมวดคิ้วตอบไปว่า
“ฉันมีเรื่องต้องทำ มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด”
หยางเฉินตอบสนองเหมือนคนความรู้สึกช้าเขาลุกออกจากรถและโบกมือไปทางหลินรั่วซี
“ขอให้สนุกนะ”
หลินรั่วซีไม่อยากจต่อปากต่อคำกับหยางเฉินอีก เธอกลับรถ ขับจากไปอย่างรวดเร็วเมื่อแสงไฟท้ายรถค่อย ๆ หายลับไป หยางเฉินครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าผู้หญิงอย่างหลินรั่วซีจะไปไนท์คลับ
ครั้งแรกที่เขาพบเธอนั่นคงจะไปครั้งเดียวที่เธอไปเยือนสถานที่ดังกล่าว เธอไปไหนกันแน่นะ?
หยางเฉินกลับไปที่ห้อง ป้าหวังเห็นดังนั้นก็รีบเฉือนแตงโมใส่จานมาให้เขาด้วยความรักดั่งหนูน้อยในทันทีหลังจากอาบน้ำเย็นด้วยฝักบัวเสร็จ หยางเฉินตั้งใจจะหลับนอน แต่ทันในนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นหยางเฉินรู้จักคนไม่มาก ตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์จากหลินรั่วซี
คนที่รู้เบอร์ของเขามีเพียงหลินรั่วซี หวังหม่า เจียงเว่ยและครอบครัวตะกูลหลี่ดังคาดเบอร์โทรที่โทรมาเป็นของหลี่จริงจริงเมื่อคิดถึงความขี้อาย และอ่อนโยนของเธอ กระแสอบอุ่นก็วาบขึ้นในจิตใจหยางเฉิน เขารับสายอย่างเบามือกล่าวด้วยเสียงนุ่มว่า
“จิงจิง”
“พี่หยาง…..”
เสียงปลายสายเหมือนจะสั่นเล็กน้อยราวกับมันเป็นเรื่องยากที่จะพูดออกไป
“พี่เอง มีอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันโทรมารบกวนพี่หรือเปล่า”
เธอถามอย่างหวาดหวั่นหยางเฉินหัวเราะแล้วตอบไปว่า
“ใช่ ตอนนี้พี่กำลังฝันอยู่”
เสียงหัวเราะพรืดออกมาจากหลายสาย
“พี่นี่ล่ะก็ ชอบล้อเล่นอยู่เรื่อย ระวังพี่สะไภ้จะได้ยินล่ะ”
“ฮ่าๆ ไม่ต้องห่วงพี่หรอกน่า ว่าแต่เธอโทรมาทำไมดึกดื่นป่านนี้ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า”
ผ่านไปสักพักในที่สุดเธอก็พูดขึ้น
“พี่หยาง ฉัน…ฉันกลัว….”
“กลัว? กลัวอะไร?”
หยางเฉินถามเสียงเครียด
“เป็นเฉินเฟิง วันนี้มีคนมาที่บ้าน เขาต้องการให้ฉันเป็นแฟนของเขา ไม่งั้นล่ะก็เขาจะจัดการพ่อ”
หลี่จิงจิง พูดด้วยเสียงสะอื้นไห้ เธอคงจะร้องไห้ก่อนจะโทรหาเขา เป็นเหตุผลว่าทำไมเสียงเธอจึงสั่นเล็กน้อยหยางเฉินขวดคิ้ว เสียงของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นเหยียบ
“จิงจิง ไหนลองเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟัง รวมถึงตอนมันมาที่บ้านด้วย”
ได้ยินหยางเฉินเปลี่ยนอารมณื หลี่จิงจิงก็ใจเย็นลงและเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเรื่องนี้เกิดขึ้นในตอนเช้าเมื่อวานซึน วันนั้นหลี่จิงจิงและครอบครัวกำลังไปตลาด ลุงหลี่กำลังตั้งแผงขายของ ขณะที่หลี่จิงจิงกำลังเลือกซื้อของที่ร้านขายของชำ เมื่อก่อนเธอเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยและเพิ่งกลับมาหลังจากที่ฝึกงานเสร็จ
ลุงหลี่เลยแนะนำหลี่จิงจิง ในคนระแวกนั้นรู้จักเป็นเวลาเดียวกับที่เฉินเฟิงเดินเก็บค่าคุ้มครองอยู่นั้น มันเหลือบไปเห็นหลี่จิงจิงที่น่ารักไร้เดียงสาเข้าให้ จึงคิดอยากได้เป็นแฟน และด้วยความที่เป็นนักเลงเจ้าเล่ห์แสนกล มันจึงไม่ได้คุยกับหลี่จิงจิงโดยตรง แต่กลับไปคุยกับคนที่คุ้นเคยและคุ้นมือ นั่นคือลุงหลี่
โดยยื่นข้อเสนอว่าถ้าลูกสาวไม่ตกลงล่ะก็ จะไม่ได้มาเปิดร้ายขายของที่นี่อีกตลอดกาล แน่นอนว่าชีวิตครอบครัวจะต้องตกต่ำลงไปอีกภายใต้แรงกดดันและไร้อำนาจแล้ว เป็นไปได้ยากที่ครอบครัวตะกูลหลี่จะต่อต้านเฉินเฟิง ไม่นานจากนั้นพ่อของมัน เฉินต้าไห่ ผู้ซึ่งอยู่ในทำงานอยู่ทั้งในด้านสว่าง
และด้านสกปกรกมีอิทธิพลอย่างมากมายในเขตตะวันตกเช่นนั้นแล้วลุงหลี่จึงไม่ได้ขายของมาสองวัน แม้แต่หลี่จิงจิงเง ในขณะกลับจากโรงเรียน เธอสังเกตุเห็นคนติดตามมา มันคือเฉินเฟิงนั่นเอง มันมาเพื่อกดดันหลี่จิงจิงให้ตอบรับมันโดยพลันตอนนี้ครอบครัวตะกุลหลี่เปรียบเหมือนจั๊กจั่นในหน้าหนาว
ลูกคนเดียวของพวกเขาต้องออกไปเข้าถ่ำเสือ แม้แต่เพื่อนบ้านคนรู้จักที่สนิทก็ต่างไม่กล้าเข้าช่วยเหลือเมื่อได้ยินว่า ผู้ที่ไปมีเรื่องนั้นคือตะกูลเฉิน และแม้แต่จะไปแจ้งตำรวจ
สุดท้ายแล้วก็เหมือนพวกเขาต้องเผชิญกับตะกูลเฉินหลังจากที่หยางเฉินรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เปลวไฟแห่งความโกรธได้ลุกโชนขึ้นในทันที อันที่จริงหยางเฉินวางแผนว่าจะรอซักหลายวันก่อนที่จะไปจัดการพวกองค์กรใต้ดิน แต่เพลานี้ดูเหมือนว่าเขาจะต้องไปเก็บกวาดเร็วกว่าที่คิดไว้
“ไม่ต้องร้องนะจิงจิง ทุกอย่างจะดีขึ้นเชื่อมือพี่หยางคนนี้ได้เลย”
หลี่จิงจิงยังไม่อาจข่มกลั้นน้ำตา เธอเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา เมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้เธอไม่อาจทำไรได้ ถ้าไม่ถึงคราวจริงๆ เธอก็จะไม่ขอความช่วยเหลือจากหยางเฉิน และถึงจะรู้ว่าหยางเฉินมีความสามารถมาก แต่เธอก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะช่วยเธอและครอบครัวได้หรือไม่
“พี่หยาง พี่อย่าทำอะไรโง่ๆนะ ฉันได้ยินมาว่าตะกูลเฉินค่อนข้างมีปืนหลายกระบอก”
หลี่จิงจิงกล่าวเตือนหยางเฉิน
“ฮ่าๆ อย่ากังวลไปเลยน่า อีกไม่กี่วัน พี่จะไปเยี่ยมพวกเขาซะหน่อย เธอมาตรวจพี่ก็ได้ว่าแขนขาพี่ยังอยู่ครบหรือเปล่า”
หยางเฉินหัวเราะร่า
“นี่ก็ดึกมากแล้ว เธอควรไปนอนพักซะ พี่จะช่วยจัดการปัญหาให้เอง แล้วก็ไม่ต้องบอกพ่อแม่เธอล่ะ เข้าใจมั้ย พรุ่งนี้ทุกอย่างจะถูกตัดสินเอง”
“จริงเหรอคะ?”
หลี่จิงจิงรู้สึกประหลาดใจ
“พี่เคยโกหกเธอหรือไง?”
“เอ่อ….พี่ระวังตัวด้วยนะคะ”
เธอเตือนหยางเฉินถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าหยางเฉินจะทำอะไรก็ตามจบการสนทนาหยางเฉินฮัมเพลงเบา ก็กดต่อสายอีกครั้งเสียงปลายสายกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า
“คุณสามี ทำไมคุณเพิ่งโทรมาละคะ”
เพียงคนเดียวที่กล้าเรียกหยางเฉินว่าสามีอย่างเป็นธรรมชาติ แน่นอนว่าเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากเจียงเว่ยหยางเฉินสูดอากาศหยาว เมื่อคิดถึงเรือนร่างอันยั่วยวนนุ่มนิ่มของเธอแล้ว เขารีบสบัดความคิดนั้นทิ้งไปก่อนจะทำอะไรไปมากกว่านี้
(เจอเซ๊กโฟนเข้าไป)
เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของหลี่จิงจิง เขาไม่สมควรคิดเรื่องสกปรกตอนนี้ หยางเฉินกล่าวถามว่า
“ผมต้องการข้อมูลของเฉินต้าไห่ทั้งหมดยิ่งมากยิ่งดี แล้วก็ที่อยู่ของเขาด้วย”
เจียงเว่ยเป็นผู้หญิงประเภทที่รู้วิธีเอาใจผู้ชาย และเมื่อได้ยินน้ำเสียงของหยางเฉิน เธอก็ไม่ถามอะไรอีก เพียงกล่าวตอบไปว่า
“ได้ค่ะ ฉันจะส่งให้คุณทางกล่องข้อความ”
หยางเฉินหัวเราะขึ้นอย่างพอใจ
“เจียงเว่ยที่รัก คุณน่ารักเกินไปแล้ว คืนนี้รอผมก่อนนะ หลังจากเคลียงานเสร็จแล้ว ผมจะไปหาคุณ”
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะคะ”
เธอหัวเราะอย่างอารมณ์ดี งานที่ว่าของหยางเฉินนั้นอันตราย แต่เธอก็ไม่ถามต่อ มันถูกตัดสินแล้วว่าสองพ่อลูกตะกูลเฉินได้รับโทษประหาร
ที่มา: