ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วหยางเฉิน คิดว่าเวลานี้คงใกล้จะหกโมง ในที่สุดเขาก็มาถึงบาร์สวรรค์รำไรตลอดการเดินทางหลี่จิงจิงนั่งอยู่ที่ด้านหน้า ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอด และแอบชำเลืองมองหยางเฉินเป็นครั้งคราว
หน้าประตูทางเข้าประดับด้วยหลอดไฟนีออน ส่องสว่างมาแต่ไกล ทำให้บาร์ในระแวกนั้นดูด้อยไปถนัดตาหลี่จิงจิงควงแขนหยางเฉินทันทีที่ลงจากรถ แล้วตามเขาเข้าไปภายในบาร์
เมื่อมาถึงหน้าประตูเธอรู้สึกกลัวเล็กน้อยเนื่องจากไม่เคยมายังขนาดที่เช่นนี้มาก่อน
“ไม่ต้องกังวล คิดซะว่ามากินข้าวกับเพื่อนๆในร้านอาหารเล็กๆ “
หลังจากเข้าประตูไป พนักงานต้อนรับสาวก็เดินมาข้างหน้าพูดขึ้นว่า
“ไม่ทราบ จองไว้หรือยังค่ะ”
“มัน……..มันเป็นห้องที่ชื่อว่า มะกรูดแดง”
พนักงานสาวยิ้มพลางภายมือไปด้านหน้า
“เชิญทางด้านนี้ค่ะ”
ตามทางเดินเต็มไปด้วยกระจกพร้อมแสงไฟระยิบระยับ พนักงานของที่นี่นั้นก็ต่างก็หน้าตาดี ชี้ให้เห็นว่าบาร์นี้นั่นใส่ใจในทุกรายละเอียดเมื่อมาถึงประตูที่มีคำว่า ‘มะกรูดแดง’ ติดอยู่
พนักงานสาวยิ้มแล้วชี้ไปในด้านในหยางเฉินควักเงิน 100 หยวนจากกระเป๋ายื่นส่งให้พนักงาน พนักงานสาวรับเงินมาด้วยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อยพร้อมกล่าวว่า
“ขอบคุณค่ะ”
ก่อนที่จะเดินออกไปหลี่จิงจิงมองหยางเฉินด้วยความประหลาดใจ
“พี่หยางให้ค่านำทาง 100 หยวนเชียวเหรอ”
“บาร์ที่นี่มักจะเป็นรูปแบบตะวันตก และจะไม่มีการจ่ายเงินให้พนักงาน พวกเขาจะได้รับเงินจากติ๊ปเท่านั้น และเงินจำนวนนั้นยังไม่ถึง 10 ดอลล์ล่า มันไม่ได้มากมายนัก”
“ฉันลืมไปว่าพี่จบมาจากเมืองนอก”
หลี่จิงจิงไม่เจ็บปวดกับเงินที่ต้องจ่ายไปอีกหยางเฉินไม่พูดอะไร และทันทีที่เปิดปรตูเข้าไป เสียงดังก็กระหึ่มออกมาจากภายในห้อง
“เราคือใคร ใครคือเรา เมาจนนึกไม่ออกกก………….”
ชายรูปร่างสั้นป้อมคนหนึ่ง ใส่แว่นยืนตะโกนใส่ไมโครโฟนอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ เงยหน้ามองเพดานสองตาปิดลงมีคนไม่มากนั่งอยู่ที่โซฟาภายในห้อง ถ้าหากเพิ่มพวกหลี่จิงจิงและหยางเฉินเข้าไปก็มีจำนวน ทั้งสิ้นแปดคน
“ตัวเอกของงานได้มาถึงแล้ววววว “
ครูผอมผมหยักศกเป็นลอนปรบมือเอ่ยขึ้นทุก ๆ คนต่างยืนขึ้นในทันที ครูอ้วนที่ร้องเพลงเมื่อครู่กล่าวว่า
“คุณครูหลี่ ไม่ลืมที่จะพาแฟนมาด้วย ดูเหมือนความสัมพันธ์ของพวกเขาจำลึกล้ำยิ่ง”
หลี่จิงจิงรีบปล่อยมือจากหยางเฉิน ใบหน้าของเธอแดงแม้อยู่ภายใต้แสงไฟสลัว
“ไม่ใช่อยากที่ทุกคนคิดนะคะ”
“แล้วเขาเป็นใครล่ะ”
ครูผู้ชายคนหนึ่งหัวเราะพลางเอ่ยถาม
“เขาไม่ใช่พี่ชายในสายเลือดใช่มั้ย”
เมื่อเห็นหลี่จิงจิงดูกังวลอย่างมาก จนไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้ หยางเฉินจึงตอบไปว่า
“พ่อของหลี่จิงจิง กับผมเป็นเพื่อนต่างวัยกันครับ แต่ผมก็ดูแลจิงจิงเหมือนเป็นน้องสาว วันนี้ผมบังเอิญได้ยินว่าทุกคนอยากจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเธอ เธอบอกว่าอายที่จะมาคนเดียวเลยขอให้ผมมาเป็นเพื่อน”
ครูผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งกายวาบหวิวหัวเราะพูดขึ้นว่า
“งั้นสุดหล่อมานั่งข้างฉันได้มั้ยจ๊ะ ครูหลี่คงไม่ได้ว่าอะไรหรอกใช่มั้ย”
เธอพูดพลางขยิบตาให้หลี่จิงจิงหลี่จิงจิงได้ยินดังนั้นก็รีบส่ายหัวหน้าอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้นะ พี่หยางต้องนั่งข้างฉันเท่านั้น !”
เมื่อคำเหล่านั้นหลุดจากพวก ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นโดยพร้อมเพรียง จนหลี่จิงจิงหน้าแดงด้วยความเขินอายเมื่อบรรยากาศภายในห้องสงบลง ประตูก็ถูกเปิด ชายอายุราวยี่สิบปี ทรงผมที่เรียบแป้ เค้าโครงหน้าอันแหลมคม บ่งบอกได้ว่าเขาเป็นนักวิชาการที่มีความมั่นใจในตัวเองเมื่อชายคนนี้เข้ามาในห้องครูทุกคนต่างกล่าวคำทักทาย
“หัวหน้าเจียงมาแล้ว !”
ชายคนนั้นยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนหันไปมองทางหยางเฉินและหลี่จิงจิง เมื่อเห็นหลี่จิงจิง ใส่เสื้อผ้าแฟชั่น ขาเรียวยาวเผยออกมา ประกายตาตื่นเต้นซาบซ่าก็ปรากฏ
“จิงจิง วันนี้คุณสวยมาก ถ้าคุณแต่งตัวเช่นนี้ไปโรงเรียนทุกวัน ผมเดาว่าครูและนักเรียนคนอื่นๆคงจะละสายตาไปจากคุณไม่ได้แน่ๆ”
ครูคนอื่นๆต่างเห็นด้วยกับ หัวหน้าเจียงผู้หญิงทุกคนต่างรู้สึกดีเมื่อมีคนชม แม้มันออกจะดูเวอร์ไปบางก็ตามแต่เมื่อเห็นหยางเฉิน เจียงเฉาก็หลี่ตาลงเล็กน้อย
“คุณจะต้องเป็นคนที่จิงจิงเอ่ยถึงก่อนหน้านี้แน่ๆ คุณหยางใช่มั้ยครับ ผมเจียงเฉา หัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษ คุณทำงานที่ไหนเหรอครับ?”
หยางเฉินภายในพากันบ่น
“อีกคนยิ้มด้วยความตั้งใจที่ชั่วร้าย”
และเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจจะจับมือ
“ผมหยางเฉิน เป็นลูกจ้างเล็กๆ ที่บริษัทแห่งหนึ่งน่ะครับ มีหน้าทีซื้ออาหารเช้ากับทำงานแปลกๆ “
ได้ยินดังนั้นเจียงเฉาก็ยืดหลังตรง ด้วยความดื้อรั้นและหยิ่งทระนง พร้อมกล่าวว่า
“คุณหยาง คุณไม่จำต้องถ่อมตัวไปครับ พวกเรายังหนุ่มยังแน่น ตราบใดที่คุณทำงานหนัก ต่อไปในอนาคต คุณจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอนครับ บางทีคุณอาจจะกลายเป็นแบบผมที่เริ่มต้นในตำแหน่งที่สูง โอ้ คุณหยางคงยังไม่รู้เรื่องนี้ พ่อของผม เจียงเมิ่ง เป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนอี้จง และเป็นรองรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ผมใช้ความสัมพันธ์ของพ่อทำให้สามารถมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ ผมรู้สึกละอายเล็กน้อยที่เขียนตำราเรียน และได้ไปสัมภาษณ์ที่ต่างประเทศ ใครจะรู้ว่าต่อไปความสำเร็จของคุณหยางอาจมากกว่าผมก็ได้”
“หัวหน้าเจียงถ่อมตัวมากไปแล้ว ในหมู่พวกเราใครบ้างที่ไม่รู้ว่าหัวหน้าเจียงเป็นความหวังของโรงเรียนอี้จงคนต่อไป และเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการการศึกษา”
ครูผู้หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้วค่ะ”
ครูหญิงผอมยัง chimed ใน
“ใครจะรู้บางทีอีกไม่กี่ปีหัวหน้าเจียงอาจจะได้เป็นผู้อำอวยการก็ได้ ในแง่ของความสามารถจะมีใครเทียบกับหัวหน้าเจียงได้อีกเหรอคะ?”
คุณครูทุกคนในห้องต่างกล่าวคำสรรเสริญกันถ้วนหน้า ในขณะที่เจียงเฉาเพียงโบกมือยิ้มอย่างสุภาพ แล้วกล่าวว่า
“ไม่ขนาดนั้นครับๆ”
หยางเฉินเห็นดังนั้นก็เอามือลูบจมูกพยายามเอามือปิดบังรอยยิ้มอย่างเต็มที่เราเคยเห็นคนไร้ยางอายมามาก แต่ไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายมากกว่าเรามาก่อน ดูเหมือนว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียวในเต๋าแห่งความไร้ยางอายนี้ อย่างน้อยยังมีชายคนนี้ที่หน้าหนากว่ากำแพงเมือง
ที่มา: