ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลิวมิ่งหยูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเธอเห็นรถของหยางเฉิน
“ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่านายขับ BMW ไปซื้ออาหารเช้าให้พวกเรา มันคงเป็นงานที่ยากลำบากสำหรับคนร่ำรวยอย่างนาย”
“ผมไม่ได้ร่ำรวยอะไรหรอก รถคันนี้เป็นของภรรยาผมเอง”
หยางเฉินกล่าวออกมาอย่างไม่หยี่ระ
“พี่มิ่งหยู พี่คิดว่าผมเป็นแมงดาใช่มั้ยล่ะ”
“หน้านายไม่ได้ขาวซะหน่อย”
หลิวมิ่งหยูหัวเราะร่า
“พี่มิ่งจะทำอย่างไรกับวิดีโอนั้น”
หลินยิ่งหยูเงียบไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“นายจะเก็บไว้หรือจะโยนทิ้งไปก็ได้ แล้วแต่นาย”
“พี่ไม่ต้องการมันเหรอครับ ?”
“ฉันเชื่อว่าหลังจากนี้ หัวหน้าหม่าคงไม่มาตอแยกับพวกเราอีก ฉันเป็นพนังงานบริษัทธรรมดา ไม่อยากจะไปมีปัญหากับใคร “
คำพูดที่ออกมาจากปากเธอนั้นใสซื่อบริสุทธิหยางเฉินพยักหน้า เขาไม่ได้เอ่ยถึงมันอีก แต่กล่าวถามว่า
“งั้น คุณผู้หญิงจะพาผมไปทานอาหารที่ไหนครับ”
หลิวมิ่งหยูเอามือก่ายหน้าผากกล่าวว่า
“ตรงไปถนนสุขุมวิท มีร้านอร่อยๆ อยู่แถวนั้นหลายร้าน”
“คุณดูเหนื่อยนะ นอนไม่พอมาหรือเปล่า”
หยางเฉินสังเกตุเห็น
“ใช่ ดูเหมือนฤทธิ์ยาจะยังไม่หมดไป”
เธอรู้สึกง่วงนอนอย่างมากหยางเฉินขมวดคิ้ว
“งั้นไม่ต้องไปกินข้าวแล้ว ผมจะพาคุณไปส่งบ้านเอง”
“ขอบคุณนะ………..”
หลิวมิ่งหยูรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เธอเพิ่งรู้ว่าชายข้างๆเธอรู้จักดูแลเอาใจใส่คนอื่นด้วย
“แต่เราไปทานข้าวต่อเถอะ ฉันเองก็รู้สึกหิวด้วย งีบซักหน่อยก็คงดีขึ้น”
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงร้านอาหารจีนกวางตุ้งร้านหนึ่งที่ค่อนข้างสะอาด มันไม่ได้เป็นร้านอาหารระดับสูง แต่มันเหมาะกับพนักงานวัยทำงานที่เร่งรีบหยางเฉินมาถึงก็สั่งอาหารอย่างรวดเร็ว เขากินมื้อเช้ามาไม่เต็มอิ่มนัก เวลานี้จึงหิวเป็นอย่างมาก
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ หยางเฉินจึงบรรจงจัดการอาหารอย่างตะกละตะกาม
“นายรักษาภาพลักษณ์หน่อยได้ไหม นายดูเหมือนคนไม่ได้กินอาหารมาสี่หมื่นแปดพันปี”
เธอกล่าวพลางหัวเราะ
“สร้างภาพนั้นเอาไว้ใช้กับคนโสด แต่ผมแต่งงานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้น”
หยางเฉินพูดพลางก็ตักอาหารใส่ปากคำใหญ่ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น หญิงสาวนางหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้าน เธอสวมชุดที่มีเสน่ห์น่าดึงดูด ตามติดมาด้วยชายหนุ่มสองคน
“บังเอิญจัง ไม่นึกว่าคุณมิ่งหยู จะนัดพบกับหนุ่มที่นี่”
หญิงสาวมองมาทางทั้งสองพร้อมรอยยิ้มหลิวมิ่งหยูประหลาดใจเล็กน้อย แต่เธอก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว และยืนขึ้นกล่าวว่า
“คุณหวังก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีถึงสองคนด้วย”
“พวกเขาเป็นผู้ช่วยของฉันเอง พวกเราเพิ่งกลับมาจากการคุยธุรกิจใกล้ๆ นี้ เลยถือโอกาศแวะมาทานข้าวที่นี่ ไม่ทราบว่าท่านนี้เป็น….. “
หยางเฉินวางตะเกียบอย่างไม่เต็นใจนัก ก่อนยิ้มกล่าวว่า
“หยางเฉินครับ “
“หวังเย่ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
หวังเย่ยื่นมือออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหยางเฉินจับมือเบาๆ ก่อนนั่งลง หยิบตะเกียบขึ้นมากินอาหารต่อหวังเย่เห็นดังนั้นก็มีสีหน้าหยิ่งทะนง ยิ้มอย่างเย็นชากล่าวว่า
“ความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองไปถึงขั้นไหนแล้วเหรอคะ ใช่คนที่มีความสามารถคนนั้นหรือเปล่า”
หลิวมิ่งหยูยิ้มตอบไปว่า
“หยางเฉินคือเพื่อนร่วมงานของฉันเอง เรามาทำงานนอกสถานที่ ถ้าพูดถึงคนมีความสามารถ คงไม่อาจเทียบได้กับผู้ช่วยทั้งสองของคุณ พวกเขาทั้งตัวสูง สามารถตอบสนองต่อคุณหวังได้อย่างดีเยี่ยม”
หญิงสาวทั้งสองเหมือนสายฟ้าพวยพุ่งออกจากตา ต่างคนต่างไม่ยอมอ้อนข้อให้อีกฝ่ายทำให้หยางเฉินรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางสนามรบ
“คุณหลิวไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอกค่ะ ฉันเห็นคุณหยางเหมือนเป็นดั่งเครื่องบดอาหาร เขาต้องแร็งแรงมากแน่ๆ เมื่อเขาทำงานให้คุณหลิวเขาคงต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล นั่นเป็นเหตุผลที่เขาหิวโหยใช่มั้ยคะ “
หวังเย่พูดพลางเบิกตากว้าง
“ดูเหมือนว่าคุณหลิวจะใช้งานคุณหยางอย่างหนักแน่ๆ เลย”
“ไม่สำคัญว่าเขาจะหิวโหยมาจากไหน แต่นั้นไม่สามารถเทียบได้กับคนถึงสองคนได้หรอกค่ะ สองย่อมดีกว่าหนึ่ง พวกเขาสามารถทำในสิ่งที่คนคนเดียวไม่สามารถทำได้ คิดว่าไงคะ คุณหวัง !”
หลิวมิ่งหยูยังคงสวนกลับไปอย่างต่อเนื่องทะเลาะกันก็ทะเลาะกันไปสิ ทำไมต้องดึงฉันเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย? ผู้หญิงสองคนทะเลาะกันกลางวันแสกๆ โลกนี้มันเป็นอะไรไปหมด หยางเฉินคิดใจในเงียบๆ เขารู้สึกเสียใจอย่างมากที่ผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัว
“คุณหวัง ขอโทษนะครับ แต่คุณเหมือนกับนักแสดงที่ผมชอบคนหนึ่งจริงๆ”
หยางเฉินเงยหน้าขึ้นพูดด้วยสีหน้าจริงจังไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบเวลาถูกชมว่าตัวเองสวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เมื่อหวังเย่ ได้ยินคำชมของหยางเฉิน เธอจึงรู้สึกภาคภูมิใจ และแกล้งทำเป็นนิ่งเฉยกล่าวว่า
“ชมเกินไปแล้ว ไม่มีทางที่ฉันจะเทียบได้กับคุณหลิวหรอกค่ะ”
หยางเฉินเหลือบมองหวังเย่เป็นบางครั้งกล่าวชมอีกว่า
“คุณคล้ายกับเธอจริงๆ ผมดูหนังของเธอหลายเรื่องมากครับ เธอชื่อ คาเอเดะ มัตสึชิม่า คุณหวังรู้จักเธอมั้ยครับ”
ได้ยินดังนั้นหวังเย่ก็เปลี่ยนเป็นโทสะ
“คุณหยางนี่ตลกจัง เธอเป็นใครเหรอค่ะ ฉันไม่รู้จักจริงๆ”
“เป็นธรรมดาที่คุณจะไม่รู้ “
หยางเฉินถอนหายใจพลางกล่าวว่า
“ผมค่อนข้างคุ้นเคยกับคุณ มัตสึชิม่า แต่ความคล้ายคลึงนั้นก็เหมือนจะมาจากชุดที่คุณสวมใส่อยู่นี่เอง”
หวังเย่เปลี่ยนเป็นเขียวด้วยความโกรธ เธอกระทึบเท้าจ้องหยางเฉินเขม็ง และเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็วหลิวมิ่งหยูที่อยู่ข้างๆ ไม่่อาจข่มกลั่นเสียงหัวเราะได้อีกต่อไป
“นายนี่จากแก่นจริงๆ ถึงกับเปรียบเทียบหวังเย่กับดาราเอวี ฉันคิดว่าคืนนี้เธอคงหลับไม่สบายเป็นแน่”
“ใครใช้ให้เธอว่าขัดขวางการกินของผมล่ะ”
หยางเฉินบ่น
“เธอคือพนักงานต้อนรับจากบริษัทคู่แข่ง ฉันแย่งลูกค้าจากเธอมาได้บ่อยๆ เหตุนี้เราจึงมักทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้า”
หลิวมิ่งหยูอธิบายหยางเฉินหัวเราะกล่าวว่า
“ไม่แปลกใจเลยที่พี่มิ่ง อยู่ในอันดับหนึ่ง”
หลิวมิ่งหยูไม่ได้ปฏิเสธ เธอลูบผมพลางกล่าวว่า
“โลกก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าพวกเราแผนกพีอาร์จะสามารถทำยอดขายโดยปลาสจากการบริการสุดพิเศษ “
หยางเฉินพยักหน้ายิ้มพลางกล่าวว่า
“พี่มิงหยูเองก็รู้จัก มัตสึชิม่า ด้วยเหรอครับ ?”
“ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก เรื่องอย่างนี้จะสำเร็จโดยปราศจากผู้หญิงได้อย่างไร ถ้าหากผู้หญิงเราไม่ศึกษามาบ้าง เราจะทำให้ผู้ชายมีความสุขได้อย่างไร ผู้หญิงเราเรียนรู้จากนักแสดงผู้เชี่ยวชาญไม่ได้บ้างหรือยังไง”
หลิวมิ่งหยูตอบโดยปราศจากความอายใดๆได้ยินดังนั้นหยางเฉินก็เปลี่ยนเป็นแข็งค้าง ยกนิ้วโป้งให้หนึ่งที แล้วลงมือจัดการอาหารตรงหน้าต่อไป
ที่มา: