I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Nine Yang Sword Saint ตอนที่ 002 ชายชราผู้ลึกลับ #1

| Nine Yang Sword Saint | 1057 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

Chapter 002 ชายชราผู้ลึกลับ #1

 

ในเวลานี้ท้องฟ้ามืดเป็นสีดำ หยางติงเทียน เงยหน้าขึ้นมองไปที่ท้องฟ้า แต่เนื่องจากถ้ำลึกนั้นลึกมาก มันก็เห็นเพียงแค่ปากถ้ำที่มีขนาดใหญ่พอๆกับฝ่ามือของเขาเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ หยางติงเทียนจึงได้มองเห็นท้องฟ้าที่มีขนาดแค่ฝามือเขา

 

ขณะนี้ดวงจันทร์ได้ขึ้นสู่ฟากฟ้า เขามองขึ้นไปด้านที่ด้านบนของปากถ้ำ ที่นั่น หยางติงเทียนเขาเห็นดวงจันทร์สองดวงอย่างชัดเจน

 

ดังคำกล่าวของ ซูตงโผ่ว :  “ถึงแม้นว่าห่างออกไปหลายพันลี้ แต่เราก็ยังคงสามารถชื่นชมแบ่งปันความงดงามของดวงจันทร์ “

 

แต่ตอนนี้ดวงจันทร์ ที่หยางติงเทียนและพ่อแม่ของเขากำลังเฝ้ามองเห็นนั้น มันคงไม่เหมือนกัน เพราะที่นี่มีดวงจันทร์ถึงสองดวง

 

ความเศร้าโศกและความเหนื่อยล้าได้เข้าครอบงำเขาอีกครั้ง หยางติงเทียนมองไปยังชายชราที่นอนอยู่ไม่ไกลคนนั้น ชายชราเอาแต่นอนนิ่งอย่างเงียบงันและเขายังคงหลับตาเหมือนเช่นก่อน

 

เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่เขาต้องกลัวอีก หยางติงเทียนค่อยๆหลับตาลงช้าๆและหลับลึกลงไป

 

เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากผ่านเวลาไปนานหลายสิบชั่วโมง

 

หยางติงเทียน ต้องการที่จะลุกขึ้นและดำเนินการค้นหาทางออกจากถ้ำอีกครั้ง แต่เขากลับพบว่าตัวเองไม่สามารถที่จะลุกขึ้นได้ ความหิวโหยเป็นเวลาหลายวันคืน ได้ทำให้เรี่ยวแรงพลังของเขาหมดไปแล้ว พลังงานความร้อนที่ถูกเก็บสะสมมานานนับทศวรรษก็ถูกใช้จนหมดสิ้นเพื่อที่จะช่วยชายชราชราคนนั้นออกจากแท่งน้ำแข็ง

ในช่วงสองสามวันมานี้  หยางติงเทียนได้แค่ดื่มน้ำที่ละลายจากน้ำแข็งเพียงบางส่วนเท่านั้น เขาไม่ได้กินอาหารแม้แต่น้อยและนอกจากนี้เขายังสูญเสียเลือดมาก แค่เพียงต้องการที่จะยืนขึ้นในตอนนี้เขาก็ไม่สารารถทำมันได้

 

ขณะนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม ไม่มีแม้นแสงดวงอาทิตย์ ชั้นเมฆดำก่อตัวทับซ้อนเรียงราย

 

ไม่นานหลังจากนั้นก็เริ่มมีหิมะตกลงมามาจากฟากฟ้า หิมะได้ทับถมกันจนกลายเป็นชั้นหนาที่ด้านล่างของพื้นถ้ำ ชายชรายังคงนอนนิ่งอยู่เช่นเดิมดวงตาของเขาปิดสนิท และร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะอย่างช้าๆ หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงร่างทั้งร่างของชายชราก็หายตัวไปจากครรลองของสายตา เขาถูกทับถมจนกลายเป็นมนุษย์หิมะ

 

หิมะบนร่างของ หยางติงเทียนเริ่มทยอยสะสมมากขึ้น ในเวลานี้ความร้อนในร่างกายของเขาไม่สามารถละลายหิมะได้อีกแล้ว

 

เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฝังอยู่ภายใต้กองหิมะ หยางติงเทียนได้แต่ใช้แรงเพื่อกวาดและกดหิมะให้ออกไป แต่หลังจากนั้นสักครู่หิมะก็ได้เริ่มทับถมเข้ามาใหม่อีกครั้ง หยางติงเทียนจึงกวาดมันออกไปอีกครั้ง
หนึ่งครั้งสองครั้งสามครั้ง ……

 

ในที่สุดหยางติงเทียนก็ไม่มีแรงมากพอที่กวาดมันออกไปอีก ร่างกายของเขาถูกรีดเค้นความร้อนจากร่างกายเป็นครั้งสุดท้าย เขาเฝ้ามองไปยังหิมะที่มันกำลังฝังกลบตัวเขา และมันคงเป็นเช่นเดียวกับชีวิตของเขาถูกฝังไปด้วยกัน

 

ทันใดนั้นร่างของชายชราที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะซึ่งอยู่ตำแหน่งที่ไม่ไกลมาก ชายชราได้เริ่มขยับตัว เขาเอื้อมมือออกมาควานหยิบอะไรบางอย่างออกมาแล้วก็โยนมันไปให้หยางติงเทียน

 

มันมีลักษณะเป็นเม็ดสีแดง

 

ยาเม็ดร่วงหล่นลงบนหิมะ หิมะที่อยู่โดยรอบก็พลันละลายหายไปในทันที เม็ดยาที่วางอยู่ด้านบนของหิมะขาวบริสุทธิ์ มันดูมิต่างจากเปลวไฟ

 

ในขณะนี้ ด้วยสัญชาตญาณแห่งการมีชีวิตอยู่ หยางติงเทียนรวบรวมกำลังที่มีอยู่อย่างน้อยนิด เขาพยามโยนร่างกายของไปในทิศทางของยาเม็ดนั้น แล้วก็อ้าปากของเขากัดมันเข้าไปทันที

 

ไม่ว่ามันจะมีพิษหรือไม่? ไม่ว่าจะกินมันแล้ว จะมีผลกระทบอันใด ๆ ? หยางติงทียนไม่แม้จะใส่ใจมันแต่น้อย

 

เมื่อเม็ดยาทรงกลมเข้าไปปากของเขา เขารู้สึกได้ทันที ราวกับว่ามันมีไฟลุกไหม้อยู่ภายในปากของเขา มันก็เหมือนดังเปลวไฟมันกลายเป็นของเหลวรินไหลผ่านลงลำคอของเขาไปที่ช่องท้องแล้วก็แผ่กระจายความร้อนไปตามกระแสเลือดภายในร่างกายของเขา

 

มันเหมือนกับการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิในทันที มันเหมือนเช่นความอบอุ่นจากแสงแดดที่สาดส่องลงบนพื้นดิน ร่างกายหยางติงเทียนเริ่มฟื้นตัวทีละนิดๆ
ร่างกายของเขาเปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนเตาเผาอีกครั้ง พลังชีวิตของเขาก็เริ่มฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ามีพลังที่รุนแรงอยู่ภายในร่างกาย

ของเขาและมันพร้อมที่จะระเบิดออกมาทั้งหมด แต่หยางติงเทียนกลับไม่รู้ว่าจะใช้เจ้าพลังแข็งแกร่งนี้อย่างไร

 

“สิ่งนี้มันคืออะไร? มันแปลกประหลาดยิ่งนัก? “หยางติงเทียน รู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นมาก เขาเดินไปที่ด้านหน้าของชายชราแล้วคำนับ:” ขอบคุณท่านผู้เฒ่า! “

“ว่าแต่ร่างกายของท่านสามารถทานทนความหนาวได้นานแค่ไหนกัน ท่านไม่จำเป็นต้องกินมันหรือ?” หยางติงเทียน ถาม
ชายชราไม่ได้ให้ความสนใจกับคำพูดของเขาและยังคงหลับตาของเขาต่อไป เขาได้ปล่อยให้หิมะตกทับถมไปบนร่างกายของเขาอีกครั้งจนกลายเป็นมนุษย์หิมะ

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าหยางติงเทียนตะพูดอะไร ชายชราก็ไม่ตอบอะไรเขาเลย
หยางติงเทียน ที่ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยความร้อนและพลังงาน แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดี เขาได้แต่โยนกำปั้นไปรอบถ้ำและวิ่งพร่านไปทั่วเพื่อหาทางระบายออก

 

หิมะก็ยังคงร่วงหล่นลงมาจากฟ้าอย่างต่อเนื่อง มันกองเป็นพะเนินเทินทึกจนเกือบจะฝังร่างทั้งร่างของชายชรา ดังนั้นทุกครึ่งชั่วโมงหยางติงเทียนจะเดินไปบนหิมะรอบๆ ชายชราหนึ่งครั้งเพื่อจัดการกับมัน

 

“ปริมาณหิมะที่ตกลงมานั้นมันมากมายนัก มันทับซ้อนกันขึ้นอย่างรวดเร็ว บางทีถ้ำนี้จะถูกเติมเต็มขึ้นไป ภายหลังจากนี้อีกไม่กี่ปีก็เป็นได้  ” หยางติงเทียน แอบคิด

 

เขาไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ในขณะนั้นเขาถลาเข้าไปหาชายชรา: “ท่านผู้เฒ่า ท่านผู้เฒ่า ผมพบวิธีแก้ปัญหา เพื่อที่จะออกไปจากที่แล้ว”

 

ชายชรายังคงไม่มีปฎิกริยาตอบสนองเขาเหมือนเช่นเคย

 

หยางติงเทียน ได้ค้นพบวิธีที่จะออกไปอย่างแท้จริง เขาคิดได้ว่าสามารถใช้หิมะปั้นเป็นก้อนเหมือนอิฐแล้วใช้ทำขั้นบันไดและตรึงพวกมันเอาไว้กับผนังน้ำแข็ง ถ้ำนี้มีความลึกประมาณกิโลเมตรดังนั้นเพื่อทำให้บันไดน้ำแข็งบนผนังต้องใช้ขั้นบันไดประมาณหนึ่งพันขั้น

 

หลังจากพูดจบ หยางติงเทียน ได้ใช้หิมะอัดแท่งยาว⅓เมตรกว้าง ⅙ เมตรและหนา 3 นิ้ว จากนั้นเขาทำให้ก้อนอิฐหิมะนี้หลอมติดไปบนกำแพงถ้ำเพื่อยึดมันไว้ เขาใช้ความร้อนจากร่างกายของเขาละลายก้อนหิมะเล็กน้อยเพื่อยึดติดมันกับผนัง อิฐหิมะเริ่มหลอมติดแน่นกับผนังถ้ำจนแน่น

 

หลังจากใช้เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงหยางติงเทียน ก็ได้สร้างบันไดขั้นแรกขึ้นมาสำเร็จ มันเป็นบันไดน้ำแข็งที่อยู่ห่างจากพื้นดินประมาณครึ่งเมตรและเมื่อหยาง ติงเทียน ขึ้นไปยืนอยู่ด้านบนของมัน มันสามารถที่จะรองรับน้ำหนักของคนทั้งคนได้โดยที่ไม่แตกหักหรือหลุดลงมา

 

ดังนั้นหยางติงเทียน จึงได้เริ่มการสร้างขั้นบันไดอันที่สองทันที บันไปขั้นที่สองนั้นอยู่สูงกว่าบันไดแรกประมาณ 30 เซนติเมตรและเยื้องไปข้างหน้าอีก 30 เซนติเมตร บันไดจะลาดเอียงขึ้นทีละขั้นและด้วยวิธีนี้จะทำให้เขาสามารถเดินขึ้นบันไดน้ำแข็งได้ง่ายขึ้น
หลังจากผ่านไปกว่าสิบชั่วโมงหยางติงเทียนได้ผ่านการทดลองด้วยความยากลำบาก เขาสร้างมันได้ 10 ขั้นบันไดน้ำแข็ง ซึ่งมันทำให้เขาเหนื่อยมาก เขาจึงนั่งลงพักแล้วก็หลับไป และเขาตั้งใจที่จะทำมันอีกครั้งหลังจากตื่นขึ้นมา

……………………………………………………………………………………….

 

สิบวันต่อมาหยางติงเทียน สามารถสร้างขั้นบันไดได้ทั้งหมด 120 ขั้น ขั้นที่สูงที่สุดมันอยู่เหนือพื้นถ้ำแล้วราว 40 เมตร ภายใน10 วันนี้ชายชรายังคงปิดตาของเขาและเขาก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหนเหมือนเดิมนอกเหนือจากนั้นเขาก็ยังคงไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำพูดคำออกมา ในทางกลับกันหยางติงเทียนได้ใช้เวลาในทุกวินาทีที่มีในการสร้างบันไดน้ำแข็ง เมื่อเขาเหนื่อยมากเขาก็จะนอนหลับลงบนพื้นและหลังจากนั้นก็จะตื่นขึ้นมาและเริ่มสร้างบันไดอีกครั้ง

 

แต่อย่างไรก็ตาม การสร้างบันไดของหยางติงเทียนก็ต้องหยุดลง เนื่องจากหิมะที่มีตกลงมาตลอดเวลาหลายวันนั้นได้หยุดลงแล้ว และหิมะทั้งหมดที่มีอยู่นั้นมันเพียงพอแค่บันได 120 ขั้นเท่านั้น หากเขาจะสร้างมันอีกเขาคงต้องรอจนกว่าจะมีการตกมาอีกครั้งของหิมะ

 

นอกจากนี้ พลังงานของความร้อนจากเม็ดยาสีแดงที่เขาได้กินเข้าไปนั้นมันก็ถูกใช้อย่างหมดจดเช่นกัน ร่างกายของหยางติงเทียนในตอนนี้เริ่มไม่อาจที่จะต้านทานความหนาวได้เพราะความแข็งแกร่งของเขาหมดไปแล้ว

 

หยางติงเทียนเงยหน้าขึ้นฟ้า แต่เขามองไม่เห็นแม้นเมฆดำแห่งลมหนาวเลย ในตอนนี้เขาเฝ้าหวังให้หิมะตกหนักลงมาอีกครั้ง แต่ทว่าท้องฟ้าอันกว้างใหญ่นั้นปราศจากเมฆดำ มันมีแต่แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง

 

ในเวลานี้ ชายชราก็เริ่มลืมตาขึ้น นี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบวันที่เขาลืมตาขึ้นมา เขามองไปที่บันไดน้ำแข็งที่หยางติงเทียนสร้างขึ้น จากนั้นก็หันมองกลับไปทางหยางติงเทียน

 

หยางติงเทียน อารมณ์ดีขึ้นในทันที เขาภาคภูมิใจในบันไดน้ำแข็งที่เขาทำสร้างขึ้นมาก เขากล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ดูสิท่านผู้เฒ่า ขั้นบันไดเหล่านี้เป็นบันไดที่ผมทำขึ้น เราจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ในเร็วๆนี้  ท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับขั้นบันไดของผม เพราะว่าผมทำมันแน่นมาก เมื่อถึงเวลาแล้วผมจะพาคุณออกไป “

 

ใบหน้าของชายชรายังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ และไม่ได้มีวี่แววแห่งการสรรเสริญอยู่ภายในแววตาของเขา เขาค่อยหลับตาลงอีกครั้งราวกับว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตามเขาได้หยิบบางอย่างจากหน้าอกของเขาออกมาและโยนมันให้กับหยางติงเทียนอีกครั้ง

 

มันเป็นยาเม็ดสีแดงเหมือนครั้งที่แล้ว หยางติงเทียนหยิบมันขึ้นมาและโยนมันเข้าปากของเขาอย่างรวดเร็ว

 

ในทันทีร่างกายของเขาเริ่มเผาไหม้ มันก็เหมือนกับว่าร่างกายของเขานั้นถูกเติมเต็มไปด้วยพลังงานอันไม่มีที่สิ้นสุด มันทำให้เขาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะคำราม ตะโกนออกมา แต่ติดที่กลัวว่าการกระทำของเขาอาจจะไปรบกวนชายชราเข้าแล้วทำเขาถูกทุบตีได้

 

ยาเม็ดนี้นมันน่าอัศจรรย์นัก บนโลกที่ผ่านมามันไม่เคยมีสิ่งที่น่าอัศจรรย์ขนาดนี้มาก่อน สิ่งนี้น่าจะเป็นของที่มีค่ามากมายหากเอามาขายเป็นเงิน ด้วยเม็ดยา เม็ดนี้หยางติงเทียนสามารถที่จะอยู่ได้หลายวันโดยที่ไม่ต้องกินอะไรเลยและร่างกายของเขาคงเต็มไปด้วยพลัง

 

แม้ว่ายาเม็ดนี้มีค่ามากนัก แต่หยางติงเทียนก็ไม่ได้คิดที่จะฉกฉวยแย่งชิงมันมาเป็นของตัวเองแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าเมื่อเขากินมันเข้าไปพลังงานที่เขาได้รับมานั้นมันมากมายจนอยากจะระบายออก ดังนั้นตอนนี้เขาจึงคิดแต่รอเวลาให้มีหิมะตกมาเท่านั้น ตราบใดที่หิมะตกลงมา เขาก็สามารถที่จะสร้างบันไดน้ำแข็งได้อีกครั้งและเขาก็สามารถออกจากสถานที่นรกแห่งนี้ได้โดยเร็วที่สุด

 

ในที่สุดสวรรค์ก็ได้ยินคำอธิษฐานของหยางติงเทียน อากาศหนาวกำลังใกล้เข้ามาอีกครั้ง ในวันที่สิบห้าหลังจากหยางติงเทียนกินยาเม็ดที่สองเข้าไป หิมะเริ่มตกลงมาจากฟากฟ้าอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่หนักเท่าครั้งก่อน แต่ก็ยังไม่น้อยไปกว่ากัน

 

หยางติงเทียนเกือบจะเป็นบ้าจากความตื่นเต้นดีใจของเขา เพราะว่าชีวิตทั้งชีวิตของเขาล้วนขึ้นอยู่กับมัน
เขาไม่ได้ให้รอหิมะทับถมกันจนหนาถึง 2-3 นิ้ว เขาก็เริ่มสร้างบันไดในทันทีที่หิมะเริ่มตก

 

ทันใดนั้น ชายชราก็เริ่มขยับตัว หิมะบนตัวของเขาก็หลุดออกไป ชายชราเปิดตาของเขา และโบกมือขณะที่เขาเผชิญหน้ากับหยางติงเทียน เขาเปิดปากพูดออกมาสองคำ แม้ว่าหยางติงเทียนจะยังคงไม่เข้าใจเหมือนก่อน แต่เขาก็เข้าใจได้ว่าความหมายที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของชายชรานั้นคือการให้เขาเข้ามาหา

 

หยางติงเทียน รีบเดินไปและกล่าวว่า: “ท่านผู้เฒ่าดูหิมะที่ตกนี่สิ เราจะได้ออกไปกันเร็ว ๆ นี้ “
ชายชราแสดงรอยยิ้มที่จาง ๆ ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมานี่เป็นรอยยิ้มแรกของเขา

จากนั้นชายชราก็เหยียดตัวและเขียนตัวอักษรลงบนหิมะมันเป็นตัวอักษรที่หยางติงเทียนไม่รู้จัก จากนั้นชายชราก็เริ่มอ่านตัวอักษรเหล่านั้น หลังจากอ่านแล้วเขาก็ชี้ไปที่ตัวเอง

 

หยางติงเทียน ไม่สามารถยับยั้งความตื่นเต้นของเขาได้และถามกลับไป: “ท่านผู้เฒ่านี่ท่านต้องการสอนให้ผมอ่านและเขียนภาษาของโลกนี้ใช่หรือไม่?”

 

ชายชราไม่เข้าใจว่าหยางติงเทียนกำลังพูดอะไรและยังคงชี้ไปที่ตัวอักษรที่เขียนขึ้นบนหิมะก่อนที่จะใช้นิ้วชี้ไปที่ตัวเองอีกครั้ง

 

จากนั้น หยางติงเทียน ก็เริ่มเขียนตัวอักษรลงบนหิมะบ้าง ‘ผม’

 

“ตัวอักษรที่คุณเขียนควรเป็นความหมายของคำว่า ” ผม “หยางติงเทียน กล่าวว่า” ตัวอักษรที่ผมเขียนขึ้นบนหิมะมันก็หมายถึง “ผม” เขาค่อยๆอ่านออกเสียงและชี้ไปที่ตัวเอง “

 

“ผม …… ” ถึงแม้ว่าชายชราได้ฟังเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่เขาก็สามารถอ่านออกมาได้ในทันที จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ตัวอักษร “ข้า” บนหิมะหลังจากนั้นก็ชี้ไปที่ตัวเขาบ้าง

 

หยางติงเทียน รู้สึกประหลาดใจในทันที ชายชราคนนี้น่ากลัวมาก เพียงแค่ได้ยินและเห็นมันครั้งเดียวเขาสามารถอ่านและเขียนได้ ตัวอักษรของ หยางติงเทียน เขียนได้สวยมาก แต่เขาไม่คิดว่านี่คือครั้งแรกของชายชราในการเขียนตัวอักษร ‘ผม’ ได้ดีเท่าเขา ชายชรามีวิธีการประดิษฐ์ตัวอักษรที่เข้มงวดและลึกซึ้งมาก

 

หลังจากนั้นชายชราก็เริ่มเขียนคำที่เขาเคยเขียนลงบนหิมะอีกครั้งแล้วอ่านอีกครั้งและชี้ไปที่ตัวเอง

 

หยางติงเทียน รีบอ่านตามแล้วเขียนคำนั้นลงบนหิมะหนึ่งครั้ง ตัวอักษรตัวนี้คือตัวอักษรของโลกนี้ “ข้า”

 

การออกเสียงและการเขียนของ หยางติงเทียน มันมีความชัดเจนและความถูกต้องมาก ชายชรายิ้มและพยักหน้าจากนั้นเขาก็เริ่มเขียนคำอื่นลงบนหิมะ เขาอ่านมันออกมาแล้วชี้ไปที่หยางติงเทียน
นี้มัน น่าจะเป็นตัวอักษรของโลกที่แตกต่างนี้

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments