ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปตอนนี้ จวินโม่เซี่ยวมีอายุ สิบหกปี เป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของ ตระกูล จวิน แห่งอาณาจักร เทียนเฉียง ที่ ว่างงาน สันหลังยาว หลอกแดก กากเดนสังคม และ ขี้เงี่ยนอย่างที่สุด เปรียบเสมือนกับ หนอนปรสิทที่ไร้ค่า และไม่คู่ควรแก่การมีชีวิตอยู่
นั่นคือ ลักษณะของร่างที่ จวินเซี่ยมาสิงอยู่ในตอนนี้
ไม่แปลกใจเลยที่ร่างของเจ้าจะโดนยึดโดยข้า !!
ข้านั้นมีนามว่า จวินเซี่ย และ ฉายา “ จอมโฉด ” ในทางกลับกัน เจ้านั้นมีนามว่า จวินโม่เซี่ย เจ้าไม่ละอายใจบ้างหรือ ? ยุติธรรมดีจริงๆ
ในระหว่างที่เขากำลังรับข้อมูลความทรงจำและการกระทำของขวินโม่เซี่ยจากอดีตนั้น จวินเซี่ยถึงกับถอนหายใจออกมาหนักๆ ถ้าเมื่อชาติที่แล้วนั้นข้าเจอเจ้าขยะนี่ ข้าคงจะสังหารมันไปโดยไม่คิดอะไรแน่นอน
มีร่างมากมายที่เขาสามารถที่จะไปจะสิ่งสู่ได้ ทำไมถึงต้องเป็นเจ้าขยะนี่วะ ?
จวินเซี่ยได้แต่คิดถึงกฏทางพุทธศาสนาเรื่อง กฏของเหตุและผลว่า ถ้าใครฆ่าหมูไว้มากๆ ชาติหน้าเขาจะกลายเป็นหมู มันดูเหมือนว่าคำพูดนั้นเป็นจริง จวินเซี่ยได้สังหารพวกขยะเดนเหล่านี้มากมายเมื่อชาติที่แล้ว !
ปู่ของคนเสเพลนี่ นามว่า จวินจานเซี่ย เป็นอัครมหาเสนาบดี และมีอำนาจทางการทหารสูงสุดของอาณาจักร
พ่อของเขา นาม จวินวูหุ่ย เป็นยอดแม่ทัพของอาณาจักร แต่เขาตายไปในสงครามเมื่อสิบปี่ก่อน
แม่ของเขาตายไปด้วยความโศกเศร้าหลังจากที่ พี่ชายทั้งสอง จวินโม่โหยว กับ จวินโม่เฉา ตายอย่างกล้าหาญในสงครามเมื่อสามปีที่แล้ว
มีอาอีกคนนาม จวินวูอี้ ได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากสงครามเมื่อสิบปีก่อน แม้ว่าเขาจะรอดมาได้แต่เขาก็เป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลงไป …
เป็นตระกูลที่ยึดเยี่ยมและเต็มไปด้วยเหล่าผู้กล้า ที่ตอนนี้ที่ตกต่ำลงไปอย่างน่าเศร้า
ผู้สืบทอดคนสุดท้าย จวินโม่เซีย ก็เสียงร่างของเขาให้กับจวินเซี่ยไปแล้ว ต้องขอบคุณที่เขาสามารถที่จะรักษาตัวตนอยู่ได้ ในขณะที่อยู่ในตระกูลจวิน
จวินเซี่ยเป็นลูกที่เป็นผู้สืบทอดของสายเลือดตระกูลจวินต่อไปได้อีกในอนาคต บางมันอาจจะเป็นเจตนาของสวรรค์ก็เป็นได้
เนื่องจากนี่เป็นความต้องการของสวรรค์ ข้าจะคิดว่าเราทั้งสองเป็นคนของตระกูลจวิน และตระหนักในความจริงถึงสถานการณ์ของเจ้า จวินเซี่ยยิ้มแป้นในขณะที่ยักไหล่ จะบอกความจริงให้ ข้าไม่ต้องการหรอก ร่างที่ไร่ประโยชน์และ มีชื่อเสียแบบนี้ ข้าจินตนาการได้แค่ว่า ข้าคงจะตายให้ได้ถ้าต้องเจอกับเรื่องราวแบบนี้
( วิญญาณของ จวินโม่เซี่ยที่ยังหลงเหลืออยู่ตะโกนออกมา “ เจ้าคิดว่าข้าอย่ากให้เป็นแบบนี้หรอ ?! ไอหัวขโมย!!!! ” )
ประตูได้เปิดออก จวินโม่เซี่ยเดินออกไปรับแสงแดด ผิวของเขากระทบกับแสดงแดดแล้วเปล่งแสงเรืองรองออกมา จวินเซี่ยถอนหายใจ พระอาทิตย์ยังคงเป็นเช่นเดิม แต่ข้านั้นเปลี่ยนไปแล้ว จวินโม่เซี่ย ไม่ใช่จวินเซี่ย !
แม่ว่าใจของข้ายังคงอยู่ในใจของ จวิน ! ข้าอยู่ในโลกอื่นแล้วไง ?!
สาวใช้สองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู โค้งคำนับและทักทาย
“ นายน้อย ”
จวินเซี่ยพยักหน้าเล็กน้อย ในระหว่างที่เขาสำรวจไปรอบๆ และสังเกตเห็นสาวใช้อีกเจ็ดคนที่ง่วนอยู่กับอะไรสักอย่างไม่ไกล เขานั้นได้แต่สายหัว
จวินเซี่ย มองไปรอบๆ เขากำลังมองหาอะไรเจริญหูเจริญตา แต่สิ่งที่เขาเห็นทั้งหมดนั้น อายุรุ่นราวป้า ! ยกเว้นแต่ สาวน้อยอายุสิบเอ็ดเท่านั้น มองย้อนกลับไป สาวใช้ทั้งหมดนี่คงโดนคัดเลือกโดยปู่ของเขา สาวใช้ทั้งหมดนี่มีรูปร่างที่โดดเด่นสะดุดตา พวกนางนั้นกำยำและบึกบึน มองไปที่ขาของพวกนางสิ ต้นไม้ยังกลัวอ่ะ …
“ พวกนั้นกำลังทำอะไร ”
จวินเซี่ยถาม และใช้คางชี้ตรงไปยังสาวใช้ที่อยู่ไกลลิบนู้น
“ พวกเขา…. ช่วยนายน้อยให้อาหารนกและหมา รวมทั้งแมลงเจ้าค่ะ … ”
สาวใช้แก่ตอบ โดยที่ก้มหัวต่ำ
“ เอิ่ม ”
จวินเซี่ยเดินทอดน่องไปยังที่ตรงนั้น ‘อืมมมม ช่างแปลกตามาก’ มีกรงเจ็ดหรือแปดกรงวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ตรงของสวน มีนกเจ็ดสีที่แตกต่างกัน กระโดดโลดเต้นอยู่ข้างใน ไม่ไกลนัก มีหมาตัวใหญ่นอนอยู่บนพื้นโดยมีลิ้นห้อยออกมา พวกนี่ช่างไร้สมองเสียจริง ไกลออกไปมีเสียงของจิ้งหรีดดังมาจากกอไผ่ จากเสียงที่ได้ยิน ดูเหมือนว่ามันกำลังต่อสู้กันเพื่อที่จะผสมพันธ์
ดูเหมือนว่านายน้อยตัวจริงนั้นมี งานอดิเรกมากมาย แล้วยังมีกรงอีกสองอันที่เป็นที่อยู่ของงู
จวินเซียถลึงตาด้วยความขยะแขยง ในระหว่างที่เขาเฝ้าดูรอบๆนั่น
“ หาใครสักคนมาซื้อพวกนี้ไป ถ้าขายไม่ได้ ก็โยนมันทิ้ง หรือไม่ก็ ฆ่ามันแล้วเอามากินซะ ! ที่อยู่ของพวกมันจะทำให้คนป่วย นี่มันบ้านคน ไม่ใช่สวนสัตว์ ! ”
หาาา ?!
เมื่อสาวใช้หกคนและเด็กสาวที่ตามจวินเซี่ยไปได้ยินเข้า ดวงตาของพวกนางก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง ! พวกเขามองหน้ากันและเพ่งมองอย่างเงียบๆไปยังนายน้อย ในตอนนั้น ทั้งหกคนนั้นมีความคิดเดียวกัน ‘นายน้อยเมนมาหรอวันนี้ ? ของเหล่านี้ซื้อมาในราคาที่สูงลิบลิ้ว! มันเป็นของล้ำค่าสำหรับเขา ! อะไรน่ะ จะให้ขายมันทิ้งไปวันนี้ และซื้อกลับมาพรุ่งนี้ ?! ’
“ โอ้ววว อย่าขายงูพวกนั้น ข้าจะกลับมาเอามันไปทำซุป ”
จวินเซี่ย เดินตรงไปโดยไม่หันกลับมา
สาวใช้ทั้งหลายถึงกับพูดไม่ออก ! ได้แต่มองตากันเท่านั้น
เขาเดินตรงไปยังสวนต่อ มีศาลา สนามฝึก ที่อยู่รอบๆสระน้ำ เขาเดินตามถนนไปเป็นเวลาสองชั่วยาม ที่ขนาบข้างไปด้วยต้นไม้สองข้างทาง ก่อนมาถึง ที่พักของท่านปู่ จวินเซี่ยค้นพบว่า ที่อยู่ของเขาและปู่วางตัวตามแนวเหนือใต้ ถ้าวัดระยะห่างกันด้วยการขีดเส้นตรง คงจะได้สัก หกลี้ ละมั้ง
ดูเหมือนว่าที่อยู่ของตระกูลเขานั้นยิ่งใหญ่มาก ! ถ้าจากความหลังก็คงจะเป็น ที่อยู่ของผู้มีฐานะของอาณาจักร สำหรับตระกูลที่มีพื้นที่เป็นสิบหมู่ในเมืองนี้ นอกจากราชวังแล้ว ก็เป็นของผู้ที่มีอำนาจ หรือความดีความชอบละมั้ง
[ 1 ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง , 1 ลี้ = 0.3 ไมล์หรือ 0.5 กิโล , 1 หมู่ = 666.6 ตารางเมตร ]
ปู่จัน นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ แม้ว่าเขาจะอายุ หกสิบกว่าแล้ว แต่เขายังมีผมสีดำ ถ้ามองเผินอาจจะดูเหมือนเขาอายุ สี่สิบ สีหน้าที่ยิ่งใหญ่ของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ในระหว่างที่เขามองไปยังหลานผู้เกียจคร้านที่เดินเข้ามาอย่างกับ ง่อยแดก เขาเกือบจะเสียสติไป
จวินจ้านเซี่ย กำเนิดมายากจน เขาก้าวขึ้นมาเป็นนายพลในสมัยยังหนุ่ม ใฝว้กับคนอื่นไปทั้วทุกมุมโลก ชื่อของเขาเป็นที่กล่าวขานไปทั่วทุกอาณาจักร ไม่เพียงแต่เขายังมีกลยุทธิที่เหนือชั้น แต่เขายังเป็นที่หนึ่งของ อาณาจักร เทียนเฉียง ด้วยขั้นการเพาะปลูกของโลก ฉวน ประกอบกับความมั่นคงในบุคลิคของเขา เขาสามารถที่จะสงบสติอารมณ์ได้แม้ว่าจะโกรธเพียงใด
เขาสามารถที่จะก้าวพ้นจากเด็กที่ยากไร้ สู่นายพลโดยการทดสอบความสามารถ มีสักกี่คนที่จะทำได้อย่างนี้? นานแค่ใหนที่คนหนึ่งจะก้าวสู่ขั้นนายพล? และแน่นอน เขาสามารถทำมันได้ในตอนยังหนุ่ม !
จวินจ้านเซี่ย ดิ้นรนจากยาจกผู้ตกต่ำจนขึ้นมาสู่อัครเสนาบดีได้ มันช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จของชายแก่อายุสี่สิบแล้ว แม้มันจะบอกได้ว่า สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ แต่ตามประวัติศาสตร์แล้ว จำนวนของวีรบุรุษนั้นช่างห่างไกลและน้อยเหลือเกิน แม้ว่าในตอนที่เขามองไปยังตัวเขา และหลานคนเดียวนั้น เขารู้สึกสิ้นหวัง ความก้าวหน้าของเขาก็สั้นลงเลยทีเดียว
ปู่จวิน จินตนาการไม่ออกเลยว่า เชื้อสายของตระกูลสุดสูงส่งของเขาจะสามารถให้กำเนิดกากเดนขึ้นมาได้อย่างไร ! เจ้านี่ไม่ยอมเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ แค่หยิบหนังสือมาก็ง่วงแล้ว และหายตัวไปราวกับมีเวทย์มนต์ หากเรียกเขามาฝึก หลานคนอื่นๆของเขานั้นช่าง สมบูรณ์แบบ สร้างชื่อให้ตัวเองได้ตั้งแต่ยังหนุ่ม เพาะปลูก เชียนชี่มาได้อย่างถูกทาง ถึงขั้นต่ำของระดับ ห้า หรือมากกว่า แต่อีกคน หลานที่รักของพวกเราที่ไล่ครูออกไปห้าคนแล้ว และขั้นการเพาะปลูก เชียนชี่ของเขายังคงแค่ระดับสาม …
เขานั้นดูเหมือนเป็นที่ผิดหวัง แต่เขาก็หากินเองได้น่ะ ดื่มเหล้า เล่นพนัน และ ไปเที่ยวกะหรี๊ ซึ่งถือว่าเชี่ยวชาญเลยละ ! ปู่เป็นวีรบุรุษในช่วงเวลาของเขาและแน่นอนมันจบลงที่หลานของเขา …
หลังจากถอนหายใจ ปู่ก็นึกถึงหลานอีกสองคนของเขา ถ้าพวกเขายังอยู่น่ะ …หึ เขานั้นหัวเราะให้กับตัวเอง ถ้าพวกเขาทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ เขาคงเอาอกเอาใจและคงสืบทอดสายเลือดของเขาไปจนถึงตอนนี้?
ย้อนกลับไปในตอนที่เขาได้ข่าวว่า วูหุ่ย ถูกสังหารในสงคราม เขายังคงแบกรับความเจ็บปวดนั้นได้โดยไม่มีน้ำตา เขายังเอาไปโม้เลยว่าลูกชายเค้าเป็นวีรบุรุษผู้กล้า และเมื่อหลานชายทั้งสองคนของเขา โม่โหยวและโม่เฉา เสียชีวิตในสงคราม เป็นอีกครั้งที่เขาน้ำตาตกใน ในขณะที่หลานของเขานั้นเป็น วีรบุรุษผู้กล้า ตระกูลจวินยังคงอยู่ต่อไปได้ …. แต่น่าเสียดายที่หลานที่เหลือนั้นเป็นลูกนอกสมรส สร้างความเสื่อมเสียจนไม่สามารถกู้คืนได้อีกแล้ว !
ข้าจะทำอะไรได้บ้างเนี่ย ?
“ ข้าได้ยินว่าเจ้าตกเตียงเมื่อคืน ? แล้วเจ้าก็สลบไป ? จริงไหม?! ”
จวินจ้านเทียนถามอย่างโมโห
“ หะ ? ”
จวินเซี่ยเงิยหน้าขึ้น เขาแอบสงสัยในใจ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เข้าใจ เพราะมีความทรงจำแล่นเข้ามาในหัวของเขา เขาสามารถตอบได้ทุกคำถามยกเว้นอันนี้ เขาไม่เจออะไรผิดปกติกับร่างนี่น่ะ แล้วเขาเข้ามาในร่างนี่ได้ไงกัน ? ในตอนนั้น เขาเดาเอาว่า ไอลูกนอกสมรสนี่ คงจะกลิ่งตกเตียงแล้วก็ ตาย … ตกเตียงตาย …
เป็นคนขี้เงี่ยนที่ ยอดเยี่ยมจริงๆ ไอดอลเลย ! มันก็อาจจะเป็นไปได้น่ะ ที่จะตกเตียงตาย !
หัวใจของ จวินเซี่ยนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างจริงใจ ความสามารถแบบนี้เป็นอะไรที่ควรค่าแก่การฉลอง !
“ หะ หะ อะไร ? ”
ปู่จวินทุบโต๊ะ เพ่งมองไปที่เขา ความเฉื่อยชาของจวินเซียทำให้เขาเลี่ยงไม่ได้ที่จะตะโกนออกไป
“ เจ้าชอบทำอะไรโง่ๆ เจ้าคงคิดไม่ถึงว่าจะมีใครมาลอบสังหารเจ้า ! ถ้าไม่ใช่เพราะการป้องกันของข้า ตอนนนี้เจ้าคงจะได้ไปคุยกับ ราชา ยามาแล้ว ! เจ้าจะเถียงอะไรข้าอีกไหม ? ”
[ราชา ยามา เป็น เจ้าแห่งนรก ]
ไอเด็กนี่โดนลอบสังหาร ! จวินเซี่ยแอบเบะปาก
‘ เจ้าเรียกมันว่า “การป้องกัน” ก็ธรรมดานะ หลานรักของเจ้าจากโลกนี้ไปแล้วละ ภายใต้การป้องกันของเจ้า ’
เมื่อสังเกตเห็น ปฏิกริยาของจวินเซีย หัวใจของปู่จันถึงกับประหลาดใจ ธรรมชาติของเด็กโง่นี่ ทำไมเขายังเงียบอยู่ได้ ? ก่อนนี้ ถ้าได้ยินว่าใครจะลอบสังหารเขา เขาจะอาละวาดใหญ่แล้ว
แต่ตอนนี้ เขายังคงยืนอยู่เฉยๆ เพียงแต่หน้าซีดลงเท่านั้น ดูเหมือนไม่ใส่ใจ รวมถึง …. ร่างกายของเขามีออร่าของความเย็นชาเปล่งออกมาเบาๆ
‘ข้าเห็นมันจริงหรือ ? ’ ปู่จวืนไม่อยากจะเชื่อว่า ออร่าอันเยือกเย็นนี้จะออกมาจากร่างของหลานเขา !