ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแม้ว่า คำพูดขอจวินเซี่ยจะฟังดูนุ่มนวล แต่สำหรับ จวินวู้อี้ คำพูดเหล่านั้น ฟังดูราวกับเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้องไปทั่วท้องนภา!
ทันใดนั้น ดวงตาของจวินวู้อี้ถึงกับเบิกกว้าง ประกายแสงสีเหลืองอำพันเจิดจ้าออกมาจากร่างของเขา ทำให้คนอื่นๆไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่เขา ด้วยพลังความแข็งแกร่งแข็งแกร่งที่รุนแรงนี้ เขาจับไปที่แขนของจวินเซี่ยในทันทีและถามอย่างกระตือรือล้น
“ โม่เซี่ย ที่เจ้าพูดอย่างนั้นหมายถึงเจ้าจะช่วยรักษาข้าใช่ไหม ? ”
ดูเหมือนว่าในระหว่างที่พักฟื้นมาตลอดหลายปี จวินวูอี้ ไม่เคยหยุดการฝึกฝนปราณเซียนเลย โดยจะเปล่งเป็นแสงสีเหลืองออกมาซึ่งมันคือสัญญลักษณ์ของขั้น ‘ปฐพีเซียน’ แม้ว่าตอนนี้มันจะเป็นแค่ขั้นเริ่มต้น แต่ผู้ที่จะบรรลุมาถึงขั้นนี้ด้วยช่วงอายุเดียวกับเขานั้นถือว่าหาได้ยากจริงๆ !
จะมีผู้ที่บรรลุถึงขั้น ปฐพีเซียนได้ซักกี่คนในเมืองเทียนเซียง ? สำหรับจวินวูอี้ที่หาทางปีนขึ้นไปถึงขั้นปฐพีเซียนภายในเวลาประมาณสามสิบปีนี้ ซึ่งสิ่งนี้สามารถเปรียบได้ราวกับผู้มีพรสวรรค์ที่สะเทือนฟ้าดิน ! ไม่ต้องพูดถึงเส้นลมปราณที่ได้รับความเสียหาย ตั้งแต่เอวลงไปนั้น ถ้ามันยังใช้งานได้ปกติ เขาจะต้องแข็งแร่งกว่านี้และบรรลุไปถึงขั้นที่สูงกว่านี้แล้วแน่นอน !
จวินวูอี้จับแขนของจวินเซี่ยไว้แน่นมากจนมันเกิดเสียงที่บ่งบอกถึงการแตกร้าว แต่ว่าสีหน้าของจวินเซี่ยกลับนิ่งเฉย ราวกับว่าแขนนั้นไม่ใช่ของเขา ไม่มีความรู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เขายิ้มและตอบ
“ ข้าไม่รับประกันว่าจะได้ แต่ข้าจะลองดู ”
ทันใดนั้นเองจวินวูอี้ก็รู้สึกตัวขึ้นมา เขาจึงรีบดึงแขนของจวินเซี่ยมมาดู จู่ๆก็เกิดคลื่นแห่งความสงสัยถาโถมเข้ามาในระหว่างที่เขามองตรงไปยัง จวินเซี่ย
“ เจ้าไม่เจ็บหรือ ? ทำไมเจ้าไม่ร้องออกมาเลย ? ”
“ ข้าเจ็บน่ะ ! ”
จวินเซี่ยตอบอย่างร่าเริง
“ ถ้าข้าร้องแล้วมันจะทำให้หายเจ็บได้ไหม ? ถ้าได้ข้าจะร้องออกมาให้ดังๆเลย แต่น่าเสียดายมันไม่ใช่อย่างนั้น! ”
เมื่อมองเป็นแล้วเห็นว่าสีหน้าของจวินเซี่ยยังคงนิ่งเฉย ทำให้จวินวูอี้ถึงกับสะดุ้งตกใจอย่างแรงเลยนิ จวินวูอี้เพ่งมองเขาอย่างจดจ่อเป็นเวลานานก่อนที่จะหัวเราะเสียงดังออกมาในทันที
“ ฮ่า ฮ่า ! ตอนนี้เจ้าทำให้ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้าสามารถที่จะรักษาขาได้ ”
‘ ความคิดของไอหลานคนนี้มันช่างแตกต่างจากเมื่อก่อนจริงๆ! ’ จวินวูอี้คิดในใจอย่างเงียบๆ
“ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือ ให้ข้ารับใช้มานวดท่านทุกวันในตอนเช้า เที่ยง และเย็น! ถ้าเป็นไปได้ ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกคนที่มีศิลปะป้องกันตัวเพื่อนวดเส้นลมปราณให้กับท่าน และห้ามลืมแม้แต่ครั้งเดียว ! และทุกๆคืนท่านต้องแช่ในน้ำร้อนตลอดเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม หลังจากที่ข้าเตรียมการของข้าเสร็จแล้ว เราจะมาเริ่มทำการรักษาท่านกัน คงไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”
จวินเซี่ยยิ้ม
จวินวูอี้พยายามสงบสติอารมณ์ลง และพูดอย่างจิงจัง
“ ยอดเยี่ยม ! โม่เซี่ย อาสามจะเชื่อเจ้าสักครั้ง ! ”
จวินวูอี้กำหมันด้วยมือทั้งสองข้างอย่างช้าๆและพูด
“ แม้จะล้มเหลวแต่ข้าจะยอมรับมัน ”
เขาได้พูดอยู่ในใจ ‘ แม้ว่าเจ้าจะทำอะไรสกปรกใส่ข้า ข้าก็จะยอมรับมัน’
ทางอื่นที่มีหวังมากกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว !!
“ หลังจากหลายปีมานี้ ข้าเชื่อว่า น้าสามจะไปพบหมอมามากมาย ? ”
จวินเซี่ยรู้สึกว่ามีบางอย่างถูกผนึกไว้ หลังจากที่ตรวจสอบร่างกายของ จวินวูอี้อีกครั้ง เข้าก็พบว่า อาการของจวินวูอี้นั้นอยู่ในขั้นที่ใกล้จะหมดหวังแล้ว เส้นลมปราณทั้งหมดของเขาถูกผนึกไว้เรียบร้อย
นอกจากนี้ เขายังโดนวางยาที่ทำให้เส้นลมปราณโดนกัดกินอย่างช้าๆ ถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี กล้ามเนื้อของเขาคงจะผ่อและห่อเหี่ยวไป เมื่อถึงจุดนั้น ก็คงจะหมดโอกาสที่จะรักษาได้อย่างสิ้นเชิง ! แม้แต่หมอชั้นเลิศก็ไม่สามารถที่จะรักษาเขาได้
“ ไม่ใช่แค่นั้นน่ะ ! เกือบทั้งหมดของหมอที่ถูกเชิญมาให้ตรวจอาการข้า พบว่า ข้าไม่เพียงแต่โดนโจมตีด้วยวิชาลึกลับที่ผนึกลมปราณได้เท่านั้น ข้ายังโดนพิษที่ไม่รู้จักทำให้ข้ายังมีชีวิตอยู่ราวกับตายทั้งเป็น …. ”
จวินวูอี้ตอบกลับไปพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ ท่านพ่อพยายามคลายเส้นลมปราณที่โดนผนึกไว้อยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ล้มเหลว ละสำหรับเรื่องพิษไม่มีชื่อนั่น ไม่มียาเพื่อถอนพิษได้ มีทางเดียวที่เป็นไปได้คือการใช้พลังของปราณเซียนเพื่อหยุดมันไว้ นั่นอาจจะเป็นทางเดียวที่รักษาชีวิตข้าไว้ได้ ”
“ ถ้ามันเป็นอย่างนั้น แล้วทำไม …. ”
จวินเซี่ยกำลังจะถามแต่ทันใดนั้นเขาก็หยุด
“ คนที่แทงข้างหลังข้านั้นอยู่ในขั้น สวรรค์เซียน การที่จะปลดผนึกและขับพิษได้นั้น เราจะต้องยืมมือของเทพเซียนมาช่วย! แต่ คนระดับเทพเซียนนั้นอยู่อย่างเป็นตำนาน ผู้ใดจะไปพบได้นั้นเห็นจะมีแต่ผู้ที่เป็นหางของมังกรณ์เท่านั้น และไม่ใช่หางมังกรอย่างแน่นอน ที่เลวร้ายกว่านั้น หลังจากที่ทำการรักษาข้าแล้ว เทพเซียนจะสูญเสียความแข็งแกร่งลงไปครึ่งหนึ่งเพราะความรุนแรงของพิษ และมันไม่อาจฟื้นคืน ! ”
จวินวูอี้ยิ้มเล็กน้อย
“ เทพเซียนคนใหนจะเสียสละเพื่อข้าล่ะ ? โม่เซี่ย การจะบรรลุไปถึงขั้น เทพเซียนได้นั้นยากยิ่งนัก ! ใครจะยอมโยนการฝึกฝนครึ่งชีวิตที่ผ่านมาเพื่อข้าล่ะ ? ”
“ เลวทรามยิ่งนัก ! ทำให้ท่านอยู่ในสถานะการณ์ที่ถึงจะรู้วิธีรักษา แต่มันก็ไม่สามารถที่จะทำได้ … ”
จวินเซี่ยพยักหน้า
“ ดูเหมือนผู้ที่เกลียดท่านนั้น ไม่ใช่คนธรรมดา ! ใช่วิชามืดเพื่อทำให้ท่านทุกข์ทรมาณ มันต้องการที่จะให้ท่านอยู่อย่างทุกข์ทรมาณมากกว่าที่จะตายไป ! ”
จวินเซี่ยหยุดไปครัหนึ่ง แล้วก็ถามขึ้นอย่างกระทันหัน
“ หรือมันจะเป็นคนในตระกูลเรา ? ”
“โม่เซี่ยเจ้า … เจ้าหาวิธีรักษาข้ามาจากใหน ? ”
คำถามของจวินเซี่ยทำให้แววตาของจวินวูอี้มีประกายของความเศร้าออกมานิดนึง เขาไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่มองมาที่จวินเซี่ยด้วยสีหน้าที่คาดเดาอะไรบางอย่าง
“ วันนี้ดูเหมือนว่าเจ้าจะกลายเป็นคนใหม่ไปแล้วนะ ! ”
“ ด้วยความสัตย์ อาการเจ็บปวดของท่าน อาสามอยู่ในความคิดของข้า ตลอดวันคือ ”
จวินเซี่ย พูดมาเพื่อลดความกังวนลง
“ วิธีการรักษานี้ เป็นอะไรที่ข้าพบมันโดยบังเอิญ แต่มันกลับให้ผลที่ดี ข้าคิดว่าข้าควรจะลองดู อาสาม เราไม่ใช่ใครอื่น เป็นเรื่องปกติที่ข้าอยากให้ท่านอาการดีขึ้น ความจริงนี่ก็เป็นประโยชน์ต่อข้าด้วย ข้าต้องการให้ท่านคุ้มครองข้าและให้มีชีวิตอยู่ในฐานะผู้สืบทอดรุ่นที่สอง อาจจะช่วยไม่ได้ที่คนนั้นคือข้า ฮ่าฮ่า ”
“ สารเลว ! ”
จวินวูอี้หัวเราะ และเพ่งมองอย่างจริงจังในทันที เขาพูด
“ โม่เซี่ย ไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ อาาสามจะรับน้ำใจนี้จากเจ้า ”
เสียงของเขาดังก้องและชัดเจน
“ อาสาม ข้าจะรอวันที่ท่านสามารถเป็นร่มเงาให้ข้าได้ และเมื่อนั้น ข้าจะกลายมาเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สอง ฮ่าฮ่า … ”
จวินเซี่ยคิดให้รอบคอบอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจ ตราบใดที่เขายังสามารถที่จะเพิ่มกำลังภายในได้เพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับช่วงชีวิตที่แล้วของเขา และความรู้เรื่องการฝังเข็มและการทำยา เขาสามารถที่จะใช้วิธีสามง่ามเพื่อที่จะรักษาจวินวู้อี้ได้แน่นอน
เหตุผลที่เขาให้จวินวูอี้ไปได้รับการนวดอย่างช้าๆนั้นเพื่อที่จะซื้อเวลา ในตอนนี้เขาไม่มีกำลังภายในเลยแม้แต่น้อยนิด ! วิชาการฝังเข็มนั้นต้องอาศัยกำลังภายในเป็นอย่างมาเพื่อที่จะทำให้มันทำการรักษาได้
ดวงตาของจวินวูอี้เปล่งประกายในระหว่างที่ได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เขายิ้มในระหว่างที่พูด
“ โม่เซี่ย ขั้นปราณเซียนของเจ้านั้นยังอยู่แค่ขั้นที่สาม ซึ่งมันไม่แตกต่างจากผู้คนทั่วไปเลย และยังทนแรงจับของข้าโดยที่ไม่กระพริบตาเลย! ด้วยนิสัยและความอดทน มันเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะเป็นแค่ผู้สืบทอดรุ่นสองที่ธรรมดาแล้ว ”
แม้ว่าการบีบของจวินวูอี้ยังไม่ได้ใช้พลังที่เต็มที่ของเขา แล้วคนธรรมดาจะทนแรงบีบของผู้ที่อยู่ระดับปฐพีเซียนได้อย่างไรกัน ? แม้แต่ผู้ที่อยู่ระดับทองยังมีการตอบโต้ต่อการบีบของเขาเลย และแน่นอน จวินเซี่ยที่ไม่แม้แต่จะสนใจการฝึกฝนปราณเซียนขั้นที่สามจะสามารถทนอยู่ได้ อีกทั้งเขายังไม่ไม่ใช้ปราณเซียนเพื่อที่จะป้องกันเลย !
จวินวูอี้รู้ดีว่าจวินเซี่ยเจ็บปวดเท่าใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่มันเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว แต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะผง่ะถอยเลย ! ความคิดระดับนี้ …
น่าเสียดาย!
เมื่อมองไปยังจวินเซี่ย จวินวูอี้ถอนหายใจอีกครั้ง น่าเสียดายที่อายุของจวินเซี่ยนั้นมากเกินไป แม้เขาจะอดทนต่อความเจ็บปวดได้ดี ถึงแม้เขาจะอุทิศชีวิตที่เหลือให้กับการฝึกฝนปราณเซียน มันคงจะไม่มีหวัง อีกทั้งความอดทนของเขา ตระกูลจงินคงจะสร้างยอดฝีมือที่น่าหวาดกลัวขึ้นมาได้อีกคน !
Translate by iHaveNoName