I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Otherworldly Evil Monarch ตอนที่ 7 เจดีย์อันวิจิตรบรรจง หงจวิน

| Otherworldly Evil Monarch | 811 | 2376 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ในช่วงไม่กี่วันมานี้จวินเซี่ยเลือกที่จะไม่ออกไปไหน เมื่อเขาตื่นในตอนเข้าเขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังอาคารห้องสมุดแล้วอยู่ในนั้นทั้งวันเขาทำอย่างนี้เป็นกิจวัตรประจำวันโดยไม่มีการเว้นว่าง

ส่วนหนังสือที่เขาอ่านนั้นพวกมันถูกส่งไปให้คุณปู่จวินเพื่อวิเคราะห์อีกครั้ง หลังจากที่ปู่จวินส่ายหน้า พยักหน้า ถอนหายใจ สีหน้าของเขาสลับเปลี่ยนไปมาทั้ง ดูผิดหวัง แตกตื่น รื่นรมย์ ตกใจ… ดูเหมือนว่าเขาจะยังใช้สีหน้าทั้งชีวิตได้ไม่ครบ

 

ด้วยงานอดิเรกใหม่ของเขา คนรับใช้จึงไม่ค่อยได้กังวลอะไรมาก อย่างไรเสียมันก็ดีกว่างานอดิเรกเดิมของเขาเป็นอย่างมาก

 

คืนนี้ จวินเซี่ยก็ไปนั่งอยู่ใต้ต้นดอกไม้อีกครั้ง เขารื่นรมย์ไปกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความมืดในตอนกลางคืน ด้วยบรรยากาศที่มืดมิดเช่นนี้มันทำให้เขาไม่อาจแม้แต่จะมองเห็นนิ้วตัวเองที่อยู่ตรงหน้าได้

ในใจของจวินเซี่ยเริ่มมีความรู้สึกที่ปลอดภัยเกิดขึ้น สำหรับจวินเซี่ยที่หายตัวมาจากโลกของราชาแห่งนักฆ่า สถานที่ที่ปลอดภัยก็จะมีเพียงแค่ที่ประจำในความมืดเท่านั้น ความมืดเป็นเพียงอย่างเดียวที่จวินเซี่ยนับถือเป็นที่สุดและเป็นคู่หู่ที่เชื่อถือได้!

 

เมื่อเขามองไปยังดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ก็ทำให้จวินเซี่ยรู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน สำหรับช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เขาได้อ่านหนังสือไปมากมายเพื่อรวบรวมข้อมูลของโลกใบนี้

เขาได้เข้าใจไม่มากก็น้อยเกี่ยวกับสถานการณ์ในทวีปแห่งนี้ แต่ว่ายิ่งเขาเข้าใจมากขึ้นเขาก็ยิ่งสับสนขิ้นตาม ถ้ามันไม่ใช่เพราะความจริงทั้งดำและขาวที่เขียนอยู่ในหนังสือ จวินเซี่ยคงคิดว่าตัวเองได้ย้อนอดีตกลับมายังจีนยุคโบราณ ทั้งประชากร ทั้งสำเนียง วัฒนธรรมและเสื้อผ้าทั้งหมดมันเหมือนกับช่วงราชวงศ์ถังกับราชวงศ์ซ่ง มันเหมือนกันมาก!

 

จวินเซี่ยครางออกมาเมื่อวางศีรษะลงระหว่างเข่า มือทั้งสองกำด้านหลังศีรษะเอาไว้ เขาคิดอย่างหม่นหมอง ทำไม? ทำไมข้าถึงไม่ได้เป็นคนในช่วงจีนยุคโบราณ?

ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็คงอยู่ในตำแหน่งที่จะได้เปรียบเป็นอย่างมากแน่ ด้วยความรู้ความเข้าใจในยุคนั้นมันจะเป็นประโยชน์มาก

แม้ว่าข้าจะไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ ข้าก็ยังคงได้เปรียบที่รู้ล่วงหน้าอยู่ดี เขาสามารถที่จะเผยแพร่วจนะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อสร้างเส้นทางในประวัติศาสตร์ให้ตัวเอง เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงจากประวัติศาสตร์อันเลวร้าย!

 

ทวีปเสวียนเสวียน นี่มันนรกขุมใดกัน? เสวียนทอง เสวียนเงิน เสวียนปฐพี เสวียนฟ้า… ปราณเสวียน เสวียนพ่อเจ้าสิ!!! ทำไมมันถึงไม่ใช่กำลังภายใน? มีเพียงแค่สิ่งเดียวที่คุ้นเคยคือเทพเจ้าโบราณซึ่งก็คือดวงตะวันและดวงจันทรา

และความมืดอันอ่อนโยน นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้จวินเซี่ยรู้สึกคุ้นเคยได้ หน้าของจวินเซี่ยเริ่มเย็นเหมือนก้อนหิน กล้ามหน้าอกเริ่มรู้สึกเจ็บปวด เขาได้พยายามยับยั้งความปรารถนาของตนแล้วเริ่มสาปแช่งสวรรค์ออกมาด้วยเสียงอันดังก้อง!

 

ในขณะที่จวินเซี่ยปลดปล่อยอารมณ์ออกมานั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นความรุนแรงจนทำให้เขา ปวดศีรษะ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่อดทนได้ดีเยี่ยม แต่จวินเซี่ยก็ไม่อาจคงสภาพสีหน้าสงบเอาไว้ได้ หน้าของเขาเริ่มบูดบึ้งแล้ว ความปวดหัวถูกเข้าแทนที่ด้วยความเวียนหัว…

 

หากมองสำรวจในตาของเขา ดูเหมือนจะมีโลกทั้งใบหมุนวนอยู่ด้านในด้วยความเร็วสูง แม้แต่ท้องฟ้าในช่วงกลางคืนในดวงตาก็เปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง โลกทั้งใบได้กลายเป็นภาพมายา และมันไม่ใช่ความจริง…

 

ขณะที่ความเจ็บปวดเข้าเล่นงาน จวินเซี่ยหอบโยนพร้อมกับกัดฟันแน่น เลือดเริ่มไหลออกมาจากมุมปากของเขา ดวงตาทั้งสองก็ยังฉายแววของความอดทนอยู่ ไม่มีเสียงร้องใด ๆ ทั้งสิ้นหลุดรอดออกมาจากตัวเขา

 

ข้ามายังโลกใบนี้อย่างโดดเดี่ยว เพราะฉะนั้นข้าต้องรับความเจ็บปวดนี้ไว้ด้วยตัวเอง! ในโลกแห่งความแข็งแกร่งนี้ ข้ามีเพียงแต่ต้องพึ่งตัวเอง ไม่ใช่คนอื่น! ข้าจะไม่พึ่งพาใคร!

 

ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า การนำทักษะการสังหารทั้งหมดของข้าไปใช้ ข้าต้องสร้างเส้นทางเลือด! ทำลายท้องนภา! ฆ่าผืนดิน! ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า

 

จวินเซี่ยตกอยู่ในความสับสน ทันใดนั้นร่างของเขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นมาในจิตใต้สำนึกของตน มันจุดประกายเหมือนแสงที่อยู่ห่างไกล แต่ว่าแสงนั้นมันก็ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาหาเขาอย่างช้า ๆ ยิ่งใกล้มาก มันก็ยิ่งสว่างจ้า ยิ่งใหญ่ สุกสกาว ท้ายที่สุดมันก็กลายเป็นเจดีย์สีรุ้งทอแสงประกายแวววาว

เจดีย์นั้นหมุนวนอยู่ภายในจิตใต้สำนึกของเขา ทุกครั้งที่มันหมุน มันจะปล่อยหมอกที่สว่างสดใสออกมา ร่างกายของเขาเริ่มรู้สึกมึนงง แขนขาทั้งสี่ด้านชา จิตใต้สำนึกก็เริ่มพร่ามัว แต่ว่าจวินเซี่ยก็ยังคงจ้องมองเบื้องหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำ เขายังคงจ้องมองต่อไป

จ้องมองพลังแปลกประหลาดตรงหน้าโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา! ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงไร สายลมเยือกเย็นก็พัดผ่านจนทำให้จวินเซี่ยรู้สึกหนาว กลางคืนของฤดูใบไม้ร่วงแน่นอนว่ามันยังหนาวเย็นอยู่

เส้นสายความคิดพุ่งเข้ามาในจิตใจของจวินเซี่ย เขาเริ่มตระหนักได้ว่ามันคืออะไร การที่รู้สึกหนาวนั้นหมายถึงสัมผัสของข้ากลับมาใช้งานได้แล้ว แต่ว่าข้ายังไม่พร้อม… เขายืนขึ้นก็พบว่าตัวเองตกอยู่ท่ามกลางความหนาวเย็น

เสื้อของเขาทั้งเปียกชื้นจนทำให้รู้สึกไม่สบายตัว จวินเซี่ยไม่รู้จะอธิบายถึงความรู้สึกที่เหมือนการเกิดใหม่นี้อย่างไรดี

 

จวินเซี่ยที่ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของจวินมัวซีสามารถพูดได้ว่าเพื่อช่วยเหลือร่างนี้ บางทีด้วยวิธีการบางอย่างมันได้ย้ายทั้งจิตใจและวิญญาณของเขาเข้ามา

แต่อย่างไรจวินเซี่ยก็คือจวินเซี่ย หลังจากที่ผ่านความเจ็บปวดที่ไม่อาจเอ่ยได้มาแล้ว จวินเซี่ยก็ได้หลอมรวมร่างกายจนเป็นหนึ่งเดียวกับมัน ตอนนี้จวินเซี่ยก็คือจวินโม่ซี

เจ้านายที่แท้จริงของร่างกายนี้!

[TL: ¯\_(ツ)_/¯ ]

เขาคำนึงว่าร่างกายนี้จะสกปรกขนาดนี้ แต่สิ่งแรกที่เขาทำคือนั่งลงขัดสมาธิแล้วหลับตาลง เขาผลักจิตรับรู้ของตนลงห้วงลึกของจิตใต้สำนึก เขาระมัดระวังและทำความเข้าใจอะไรบางอย่าง

จวินเซี่ยได้ตระหนักถึงความทุกข์อันยาวนานจากเจดีย์ที่อยู่ในร่างกาย แต่ว่าจวินเซี่ยก็ได้ข้อสรุปว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่เจดีย์น้อยนี้สามารถทำได้

ไม่เช่นนั้นเขาจะรู้สึกได้ถึงการหลอมรวมเลือดเนื้อและวิญญาณที่เจ็บปวดขนาดนี้ได้ยังไง? เขาเชื่อมั่นว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เจดีย์น้อยนี้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จวินเซี่ยพึ่งพาได้ ด้วยความที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเขาจึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจ

 

ภายในจิตใต้สำนึกของเขา จวินเซี่ยรู้สึกได้ว่าเขาสามารถมองเห็นได้ด้วยตาตัวเอง เจดีย์อันงดงามที่มีแสงเจ็ดสีสว่างเรืองรอง หมุนวนอย่างช้า ๆ อยู่ภายในจิตใต้สำนึกของตน

จวินเซี่ยเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งว่าทุกการหมุนมันจะเชื่อมต่อกับร่างกาย เลือด และพลังปราณของเขา มันหมุนวนอย่างไม่รู้จักจบสิ้น

ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? จวินเซี่ยจ้องมองไปยังเจดีย์น้อยอย่างประหลาดใจ ของสิ่งนี้มันเกินกว่าความเข้าใจสามัญ ทำให้จวินเซี่ยที่ไม่มีความเชื่อพวกนี้ตกหล่นลงสู่ร่างแหแห่งความสับสน น่าสงสัย ข้าสามารถเข้าไปสำรวจมันใกล้ ๆ ได้หรือไม่?

ทันทีที่จวินเซี่ยคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าเจดีย์น้อยนี่มันเริ่มใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น อย่างช้า ๆ จากนั้นประตูที่อยู่ด้านล่างสุดของเจดีย์ก็เปิดออกในทันใด

หมอกหนาสีขาวแผ่กระจายออกมา ขณะนั้นสัมผัสรับรู้ของจวินเซี่ยก็เต็มไปด้วยหมอกสีขาวที่ถูกปล่อยออกมา หมอกสีขาวมันหนามากจนรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นของแข็ง จวินเซี่ยหายใจเข้าลึก ๆ

และเริ่มใช้สัมผัสอย่างเงียบสงบทันที มันดูคลุมเครือและสบาย แม้กระทั่งจิตวิญญาณของเขาก็รู้สึกเป็นสุขขึ้นมา

 

จวินเซี่ยสำรวยรอบด้านก็พบเพียงแค่เขายังคงอยู่ด้านหน้าของเจดีย์ เหนือศีรษะของเขามีอักษรโบราณขึ้นป้ายอยู่ เจดีย์หงจวิน!

 

จวินเซี่ยเดินเข้าไปด้านในเป็นห้องที่ว่างเปล่า มีเพียงแค่หมอกหนาสีขาวลอยอยู่รอบ ๆ ทันใดนั้นหมอกหนานั่นก็รวมตัวกันร่างขึ้นเป็นตัวอักษรสองตัว เจดีย์เลิศภพเก้าชั้น เคล็ดนิรันดร์ลำดับแรก

 

 

จากนั้นหมอกสีขาวก็หมุนวนรวมตัวกันอย่างเร่งรีบ ก่อขึ้นเป็นร่างขมุกขมัวปรากฏอยู่เบื้องหน้าจวินเซี่ยอย่างไม่ทันตั้งตัว

จวินเซี่ยถึงกับผวาที่ตรงหน้ามีอักษรนับไม่ถ้วน สัญลักษณ์และภาพวาดมารวมตัวกันแล้วหมุนวนเป็นเกลียว

ทันใดนั้นเขาก็รับรู้ได้ถึงข้อมูลมหาศาลที่ถูกส่งเข้ามาในจิตของเขาอย่างเร่งร้อน มันรู้สึกเหมือนมีรถไฟความเร็วสูงพุ่งเข้าชนสถานีเล็ก ๆ! ไม่พอ ความเร็วรถไฟที่อยู่ด้านในมันยังคงเดิมไม่มีการชะลอเข้าเทียบชานชะลาเลยด้วยซ้ำ…

 

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก จวินเซี่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกวิงเวียน หัวเขาตอนนี้รู้สึกเหมือนมันจะระเบิดเสียให้ได้ ร่างของเขาตอนนี้ลงไปสั่นอยู่กับพื้นแล้ว

 

เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนอะไรที่ค่อนข้างหนาวเย็น และยังคงเปียกชื้นเหมือนก่อนหน้านี้ แต่กระนั้นการพลังการฝึกตนมันก็ปรากฏขึ้นเด่นชัดอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา อีกทั้งยังมีภาพวาดเส้นลมปราณที่หมุนวนอยู่ทั่วร่าง

รวมทั้งรูปแบบการหมุนวนและการกระทำอีกด้วย

 

“เคล็ดการปลดผนึกชะตาสวรรค์!”

จวินเซี่ยพึมพำออกมา ดวงตาของเขาสว่างวาบพร้อมมือที่กำหมัดเอาไว้แน่น!

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments