I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Otherworldly Evil Monarch ตอนที่ 8 เคล็ดปลดชะตาสวรรค์

| Otherworldly Evil Monarch | 856 | 2364 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

*ชี้แจง มีการแก้ไขเล็กน้อยเนื่องจากเข้าใจคลาดเคลื่อนตอนแปล
ลมปราณเซียนซี แก้ไขเป็น ลมปราณเสวียน
________________________________________

จวินเซี่ยตระหนักได้ถึงสถานะพลังของตัวเองที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของตน การพบเจออย่างลึกลับนี้ทำให้ร่างกายของเขาดีขึ้นเป็นอย่างมาก! เคล็ดการปลดผนึกชะตาสวรรค์มันช่างลึกลับเหลือประมาณ ประสิทธิผลของมันทำให้เขาก้าวหน้าไปได้ไกลยิ่งกว่าผู้ใด เจดีเลิศภพเก้าชั้นนี่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้!

ไม่ว่าจวินเซี่ยจะโง่เง่าปานใด เขาก็เคยได้ยินชื่อเสียงในตำนานของหงจวิน เหลาซู ว่ากันว่าเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ผู้เป็นนายของเทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสาม ไท่ชาง เต๋า จวิน (เป็นที่เคารพในฐานะ เทพแห่งเต๋าผู้ทรงธรรม) หยวนชือ เทียนซวน

(เป็นที่เคารพในฐานะ เทพแห่งต้นกำเนิด) และถงเทียน เจียวจู (ผู้นำแห่งสวรรค์) บุคคลเหล่านี้ได้สะเทือนสวรรค์จนกลายเป็นตำนาน! สำหรับเจดีย์ที่มีนามว่า หงจวิน เหลาซู นี้ความสามารถนั้นไม่ต้องเป็นที่สงสัยเลย

จวินเซี่ยเกือบจะจมอยู่ภายใต้ความประสงค์ที่จะได้ฝึกเคล็ดปลดชะตาสวรรค์ในเวลานี้โดยทันที แต่ว่าเขาก็ยับยั้งใจตัวเองได้สำเร็จ ค่อย ๆ ใจเย็นลง เขาสำรวจร่างกายตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ

ผิวของเขานั้นปกคลุมไปด้วยชั้นสีดำ และมีของเหลวขุ่นสีเขียว เจ้าของเหลวนี่มันช่างน่ารังเกียจ และมีกลิ่นที่เหม็นมาก อีกทั้งมันยังหนามากอีกด้วย!

ชื่อตามตำนานที่ดูแล้วน่าจะเป็นชื่อดั้งเดิมปรากฏขึ้นในจิตใจของจวินเซี่ย

‘ฉีกเนื้อเถือนกระดูกชำระล้างเส้นลมปราณ? หรือมันคือ? หลังจากที่ผ่านความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสไปครั้งหนึ่ง สิ่งสกปรกภายในร่างก็ได้ไหลออกมา จวินเซี่ยไม่อาจควบคุมความยินดีเอาไว้ได้! ถ้าข้ารู้ก่อนหน้านี้ว่ามันจะให้ผลลัพธ์ที่แสนวิเศษเช่นนี้ แม้จะต้องเจ็บปวดอีกรอบข้าก็จะยอมทำ!

ที่จริงแล้วที่จวินเซี่ยรู้คือความเจ็บปวดเพียงไหนก็ไม่อาจเทียบได้กับการเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย ตราบใดที่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมันก็จะยิ่งเจ็บน้อยลงใช่ไหมล่ะ? ไม่ว่ามันจะเจ็บปวดขนาดไหนมันก็ยังคุ้ม!

จวินเซี่ยลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น เขาทนกลิ่นเหม็นที่แผ่ออกมาจากร่างแล้วรีบวิ่งตรงไปทางสระน้ำที่อยู่ในเขตบ้าน เขากระโดดลงสระไปโดยไม่รีรอดัง ตู้ม !!!

ทันใดนั้นเสียงหลายเสียงก็ถามออกมาพร้อมเพรียงกัน

“ใครกันน่ะ?”

จวินเซี่ยแค่นเสียงตอบกลับ

“ข้าเอง! นายน้อยคนนี้ต้องการอาบน้ำ ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามารบกวน”

“อ๋า เป็นนายน้อยนี่เอง”

จากนั้นก็ไม่มีเสียงอะไรโผล่ออกมาอีก

ช่วงที่เรียนอยู่คุณปู่จวินก็ขมวดคิ้ว

“นั่นอะไรกันน่ะ?”

ผู้ดูแลบ้านปางรีบออกมาตรวจสอบ เขากลับเข้าไปในทันทีพร้อมกับรายงาน

“เป็นนายน้อยครับ มีรายงานว่าเขากระโดดลงไปในสระน้ำหลัวเย่ว์เพื่ออาบน้ำครับ”

“อาบน้ำ? เขากระโดดลงไปในสระหลัวเย่ว์กลางดึกเพื่ออาบน้ำ?”

คุณปู่จวินอารมณ์ขึ้นอีกครั้ง จมูกเขาเริ่มฟุดฟิต ลมหายใจเริ่มกระชั้น เขาตะโกนออกมาอย่างติดขัด

“เจ้าสิ่งมีชีวิตบัดซบ!”

ด้วยอารมณ์โกรธเขาก็ไปเข้านอน

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาได้มองหาหลานชายที่เหมือนเพิ่งผลัดใบมา ในขณะนี้ความหวังของเขาได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ สิ่งที่ยังคงอยู่คือความรู้สึกไม่สบายที่ไม่อาจพูดออกมาได้พร้อมกับอกที่สั่นเทิ้ม

ความเป็นจริงคือยิ่งหวังมากก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น ในขณะนั้นคุณปู่จวินอยากจะลากเจ้าตัวบัดซบมาตีก้นจนกว่ามันจะลายเป็นรูปดอกไม้เลยทีเดียว และแล้วหลานเนรคุณของเขาก็ได้รับรู้ว่าทำไมดอกไม้ถึงเป็นสีแดง…

จวินเซี่ยลอยอยู่บนผิวน้ำอย่างเงียบเชียบ เขายืดร่างแล้วใช้มือทั้งสองและเท้าทั้งสองคงสภาพการลอยน้ำไว้ทีละครั้ง ทีละครั้ง ทำให้เขาลอยอยู่ได้โดยไม่จม จวินเซี่ยรู้สึกว่าร่างกายที่ได้ชำระล้างแล้วมันช่างสบายยิ่งนัก

หลังจากที่ล้างคราบสกปรกที่ค่อนข้างหนาออกจากร่างกายได้ จวินเซี่ยก็รู้สึกเหมือนเพิ่งจะปีนออกมาจากบ่ออึได้ ร่างของเขารู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือทั้งจิตใจและวิญญาณของเขาได้หลอมรวมเข้ากับร่างกายนี้โดยสมบูรณ์แล้ว แต่ว่าพลังของเขาก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะกลับมาเท่ากับชีวิตก่อนหน้าได้เลย

แต่ว่าหลังจากที่ปล่อยของเสียออกมาจากร่างกายมากมาย สภาพทางกายภาพของเขาตอนนี้ ทั้งกล้ามเนื้อและกระดูกต่างก็เพิ่มพลังขึ้นมากจนถึงระดับที่น่าตกใจ ใช่ไหมล่ะ? พอคิดแบบนี้จวินเซี่ยก็ยกยิ้มขึ้นมา

ที่ห่างไกลออกไป ผู้รักษาความปลอดภัยของด้านเห็นนายน้อยของตนกำลังลอยอยู่บนผิวน้ำ พวกเขาถึงกับตาถลนมองจวินเซี่ยที่ลอยอยู่บนผิวน้ำอย่างลื่นไหลโดยที่ไม่ได้จมลงไปในน้ำเลยแม้แต่น้อย นี่นายน้อยมีเคล็ดการฝึกจากสวรรค์หรือไรกัน? ให้คิดว่าการที่ใครสักคนจะลอยบนผิวน้ำได้เช่นนั้น ถ้าไม่ใช่คนที่มีปราณเสวียนคงไม่อาจทำได้ พวกเขาจะต้องมีระดับอย่างน้อยคือระดับหยกของปราณเสวียนถึงจะทำได้!

หลังจากที่แช่ตัวอยู่สักพัก จวินเซี่ยก็รีบขึ้นมาจากสระน้ำทันที ขณะที่ร่างกายของเขารู้สึกสดชื่นสุด ๆ สิ่งที่ตามมาคือความรู้สึกที่อ่อนแอ เป็นความรู้สึกที่หมดแรงและอ่อนแอเป็นอย่างมาก! หากให้พิจารณาแล้วเดิมทีนายน้อยจวินที่สามก็ไม่ค่อยจะได้ใส่ใจร่างกายสักเท่าไหร่ และให้พิจารณาไปถึงกระบวนการตัดเนื้อเฉือนกระดูกชำระเส้นลมปราณที่เขาได้ผ่านมา การที่ไม่ได้สลบไปก็ถือว่าเป็นเพราะความสามารถเหนือมนุษย์ของจวินเซี่ย

เพื่อสนับสนุนความคิดตัวเองจวินเซี่ยจึงเลี่ยงเดินไปจนถึงห้องตัวเอง หลังจกที่เปลี่ยนแต่งตัวเป็นชุดสีขาวแล้ว เค่อน้อยก็นำถ้วยซุปรังนกเข้ามาให้ พร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ

ไม่ว่าจะโลกแห่งไหน ความแข็งแกร่งก็มีความสำคัญเป็นอันดับแรก! ผู้คนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องมีแรงกดดัน ก็ต่อเมื่อพวกเขามีพลังที่เพียงพอ! แม้ว่าในชีวิตก่อนหน้าของเขา จวินเซี่ยจะไม่เคยร้อนใจและปรารถนาที่จะเพิ่มพลังของเขาเลย

ด้วยการที่ถูกโยนมายังโลกใบนี้ สิ่งเดียวที่จะทำให้จิตใจของจวินเซี่ยสงบลงได้ก็คือพลัง พลังอันแข็งแกร่งที่สามารถถือครองความเป็นและความตายเอาไว้ในมือได้

อย่างตอนนี้จวินเซี่ยเชื่อมั่นว่าเขามีสมบัติอันล้ำค่าอยู่กับตัว เจดีย์อันลึกลับ มันถือเป็นไพ่ลับของจวินเซี่ยในโลกใหม่ใบนี้ จวินเซี่ยเชื่อว่าความลับของเจดีย์นี้ไม่อาจหยั่งได้ถึงและอาจจะไม่ได้มีเพียงแค่เคล็ดปลดชะตาสวรรค์เท่านั้น มันจะต้องมีความลับอื่นซ่อนอยู่อีก! มันมีความเป็นไปได้ จวินเซี่ยต้องใช้เวลาคลี่คลายเรื่องพวกนี้

นอกจากนี้เคล็ดปลดชะตาสวรรค์มีการแจ้งชื่อไว้ชัดเจนว่า “เคล็ดนิรันดร์ลำดับแรก” จวินเซี่ยเชื่อมั่นเป็นอย่างมากว่าเคล็ดลึกลับพวกนี้มันจะต้องมีอีกมากมาย

เขาค่อย ๆ นึกถึงวิธีการฝึกส่วนแรกของเคล็ดปลดชะตาสวรรค์ “แสงเลิศล้ำ” จวินเซี่ยนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น ร่างกายและจิตใจรวมเป็นหนึ่งเข้าสู่ห่วงสงบ เขาค่อย ๆ…

“รัศมีที่เคลื่อนอย่างเป็นธรรมชาติ และแสงเลิศล้ำที่สาดส่อง ผ่านไปยังสวรรค์ทั้งเก้าเพื่อก้าวเข้าไปสู่น้ำพุแห่งสวรรค์ เข้าใจจักรวาล หัวใจจะเป็นสมบัติแห่งขุนเขา จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าอันประณีตที่ไม่เคยตกหล่นลงไปสู่น้ำพุแห่งความตาย…”

หลังจากที่ได้เริ่มฝึกตามวิธีที่อยู่ในจิตใจ เขาก็ไม่รับรู้ถึงอะไรอีก ไม่มีแม้แต่ปราณเล็กน้อยให้รู้สึก แต่นี่มันก็ไม่ได้ทำให้จวินเซี่ยหมดกำลังใจแต่อย่างใด เขาเริ่มฝึกอีกครั้งและสังเกตร่างกายทุกครั้งโดยที่ไม่ได้คลายการระวังตัวลงเลย

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน จวินเซี่ยได้ฝึกตามวิธีจนก่อเกิดเคล็ดปลดชะตาสวรรค์ขึ้นบนร่างของเขาไม่น้อยกว่าสองร้อยครั้ง โดยที่ร่างของเขาไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย! เส้นลมปราณของเขาได้ปิดการใช้งานตั้งแต่ตอนเริ่มจนถึงจบกระบวนการ การนั่งสมาธิเป็นเวลานานมันทำให้ขาของจวินเซี่ยเริ่มด้านชา แม้ว่าร่างกายของเขาจะผ่านการชำระล้างมาแล้ว แต่ร่างกายนี้ก็ยังคงไม่อาจรับไหว ในจุดนี้แม้แต่จิตใจของเขาก็เริ่มเหนื่อยล้าจนแทบจะเป็นลม

จวินเซี่ยสูดหายใจลึกเข้าไปครั้งหนึ่งพยายามที่จะทำให้สติแจ่มใส มันช่วยให้เขาตั้งจิตอย่างแน่วแน่ขึ้นมาได้

“ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะไม่อาจบังคับให้ปราณออกมาได้! ในเมื่อจะเป็นคนชั่ว ข้าก็จะต้องเป็นหมายเลขหนึ่ง! จะไม่มีใครชั่วร้ายได้ยิ่งกว่าข้า ข้าคือราชาแห่งความชั่วร้าย? ข้าคนนี้ต้องทำให้สำเร็จ!”

ข้าคนนี้ไม่เคยแพ้ความชั่วร้ายใด ๆ แต่ความชั่วร้ายพวกนั้นต้องสยบลงแทบเท้าความชั่วร้ายของข้า! ข้าคือราชาผู้ชั่วร้าย! ข้าคือราชันย์ของความชั่วร้ายทั้งปวง!

เป็นอีกครั้งที่เขาเริ่มนับการหายใจอีก หลังจากที่ผ่านไปเป็นเวลานาน จวินเซ่ยก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาไม่เชื่อฟังตัวเองอีก กล้ามเนื้อเริ่มรู้สึกเกร็งและแข็งตึง เขาควบคุมร่างกายตัวเองตามคำแนะนำของเคล็ดปลดชะตาสวรรค์ไม่น้อยกว่าสามร้อยครั้ง แต่มันก็ยังไม่มีอะไรให้รู้สึก!

จวินเซี่ยปิดตาลงบังคับความรู้สึกอ่อนเพลียทั้งหมดภายในร่างออกไป ในใจของเขามีเพียงแค่ความคิดเพียงอย่างเดียว เป็นความเชื่อมั่นที่ดื้อรั้น อีกครั้ง… อีกครั้ง… อีกครั้ง… อีกครั้ง..

ในที่สุดหลังจากที่เสียเวลาอยู่นาน จวินเซี่ยก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงด้านในจุดดันเถียนหนึ่งจุดในสมองของเขา หลังจากนั้นด้วยความร้อนที่พวยพุ่ง ความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็เกิดขึ้นในเส้นลมปราณของเขา แต่ว่ามันทั้งอ่อนแอเล็กจ้อยจนแทบไม่อาจจะรู้สึกได้ถ้าหากไม่ดูให้ดี

ในขณะที่ลมปราณกำลังไหลเวียนเป็นเส้นด้ายเบาบาง จนเกือบจะถึงจุดของการมีอยู่ แก่นแท้ของมันก็เริ่มผิดปกติ การไหลเวียนลมปราณนี้ค่อนข้างสับสน สำหรับใครที่เคยฝึกศิลปะกำลังภายในทุกนคจะได้รับการฝึกจุดไหลเวียนลมปราณ มันไม่ควรที่จะบีบอัดจนกลายเป็นของแข็งแล้วไหลเวียนอยู่ภายในร่าง แต่ว่าในตอนนี้จวินเซี่ยนั้นไม่ได้ตระหนักถึงมันเลย

ในขณะนั้นเองลมปราณผิดปกติที่ไหลเวียนอยู่ก็เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นใยแมงมุม เจดีย์ขนาดเล็กเจ็ดสีส่องสว่างก็ปรากฏขึ้นด้านในจิตใจของจวินเซี่ย มันค่อย ๆ หมุนรอบตัวอย่างช้า ๆ และปล่อยหมอกสีขาวจำนวนมากออกมาทุกครั้งที่หมุนครบรอบ

หมอกสีขาวค่อย ๆ ลอยออกมารอบ ๆ เส้นใยนับไม่ถ้วนนั้นก็เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นหมอก มันไม่อาจเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทันใดนั้นมันก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าร่างกายของจวินเซี่ย เส้นใยเหล่านั้นค่อย ๆ ทะลุผิวหนังของจวินเซี่ยเข้าไป ลึกขึ้น ลึกขึ้น ลงไปจนถึงเส้นลมปราณ…

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments