I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Otherworldly Evil Monarch ตอนที่ 9 ฉีกเนื้อเถือนกระดูกชำระล้างเส้นลมปราณ

| Otherworldly Evil Monarch | 848 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ในขณะที่จวินเซี่ยยังคงมึนงงอยู่ เขาทั้งดูแปลกใจและเป็นสุข เขายังคงฝึกเคล็ดวิชาอยู่ ดูเหมือนเขาจะไม่รู้เลยว่าอะไรได้เกิดขึ้น เคล็ดปลดชะตาสวรรค์มันลึกลับสุดจะหยั่ง มันเป็นทักษะชั้นเลิศมาตั้งแต่โบราณกาล ถ้าสวรรค์ยังคงอยู่ เส้นทางแห่งการฝึกตนนี้คงถือเป็นการต่อต้านสวรรค์ จิตใจคนก็ยากจะหยั่งรู้ สำหรับการเริ่มต้นฝึกฝนวิชานี้มันเป็นเรื่องยากเป็นอย่างมาก

แม้ว่าจะฝึกฝนอย่างไม่ย่อท้อขนาดไหน มันก็ต้องมีโอกาสและจังหวะที่เหมาะสมเพื่อที่จะสำเร็จด้วย! ดังนั้นในอดีตถ้ามีใครสักคนที่มีโอกาสได้ฝึกเคล็ดปลดชะตาสวรรค์ โอกาสที่พวกเขาจะฝึกได้สำเร็จมันก็ช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เมื่อคิดได้ผู้ฝึกเองก็จะใจไม่มั่นใจ

และคนผู้นั้นก็มักจะยอมแพ้เมื่อฝึกไปกว่าร้อยครั้งแต่ไม่ได้ผลลัพธ์อะไรกลับมาเลย มันต้องอาศัยความโง่งมที่คนธรรมดาไม่อาจมี อีกทั้งถ้าผู้นั้นมีจิตใจที่อ่อนแอมันก็คงไม่อาจทนต่อการฝึกได้ จากมุมมองของผู้ฝึกตนอย่างจวินเซี่ยที่ได้ฝึกอยู่บนเส้นทางนับพันมันไม่เคยมีอะไรง่าย!

 

แม้ว่าอาจจะมีบ้างที่อดทนได้เช่นนี้โดยไม่ย่อท้อไปเสียก่อน พวกเขาก็มักจะทุกทรมาณจากการที่พลังปราณย้อนกลับ สำหรับจวินเซี่ย เขาเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยเหมาะสมที่จะฝึกเคล็ดปลดชะตาสวรรค์ จวินเซี่ยเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้เมื่อตั้งใจจะทำ

หากมองให้ดีจะพบว่าเขาเป็นคนที่มีความพยายามสูงส่ง แต่ถ้ามองในแง่ร้าย… มองเขาคงตายกลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว ชนิดที่กู่ไม่กลับด้วย แต่ว่าจวินเซี่ยเป็นราชาของเหล่าซอมบี้กระหายสมองที่พร้อมจะวิ่งชนกำแพงจนกว่ากำแพง นั้นจะพังทลายลงและจะมุ่งหน้าต่อไปโดยที่ไม่ย้อนกลับไปมองด้วย

ในวันนี้เขาได้เริ่มต้นการฝึกฝนเคล็ดปลดชะตาสวรรค์ เมื่อมีคุณลักษณะและจิตใจที่เหมาะสมแล้ว โชคของจวินเซี่ยเองก็ดีเช่นกัน ได้รับเจดีย์หงจวินมันถือเป็นของจากสวรรค์ชิ้นใหญ่มาให้จวินเซี่ย ถ้าเขาไม่มีโชคที่จะได้รับมัน มันก็คงไม่มีหวังที่เขาจะได้ก้าวออกมาอยู่ในเส้นทางนี้

 

นอกจากนี้การที่จวินเซี่ยได้ย้ายวิญญาณเข้ามายังร่างนี้ทำให้จิตใจของเขายิ่งแข็งแกร่ง ด้วยความช่วยเหลือของเจดีย์หงจวิน ร่างของจวินมัวเอียที่ย่ำแย่ก็ได้รับการฟื้นฟูจนแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้มันทำให้เขาสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ

ได้ในเวลาเพียงแค่หนึ่งคืน!

 

มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและจะไม่มีทางเกิดขึ้นซ้ำอีก! จุดดันเถียนด้านในใจของเขาก็เริ่มสั่นพร้อมกับความแข็งแกร่งที่มากขึ้น จนท้ายที่สุดมันก็ได้กลับมาเป็นปกติ ร่างของจวินเซี่ยร้อนขึ้น ๆ จนทำให้ผิวขาวของเขากลายเป็นสีแดง

 

ในขณะนั้นเองที่ท้องฟ้าก็เริ่มทอแสง พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว! จวินเซี่ยรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพลังปราณที่อยู่ในร่างของเขา มันคล้ายกับผ้าไหมที่เริ่มเข้ามารวมกันและเชื่อมต่อกันอยู่ในร่าง เมื่อเส้นใยสุดท้ายได้เข้าเชื่อมต่อกัน จวินเซี่ยก็รู้สึกได้ถึงแสงอันสว่างไสวแห่งชีวิตที่ก่อตัวอยู่ตรงหน้าเขาในทันที

แสงนี้มันเต็มไปด้วยสีสันที่หลากหลาย ปรากฏเป็นโลกที่เต็มไปด้วยดอกไม้บานสะพรั่งอยู่ตรงหน้าของเขา ขณะเดียวกันก็มีสายฟ้าผ่าเปรี้ยงอยู่ในหัวของเขา แต่ดวงตาของจวินเซี่ยก็ยังคงหลับอยู่

เป็นเพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ภายในจิตใต้สำนึกของเขา นี่เป็นด่านแรกของเคล็ดปลดชะตาสวรรค์ การสงบใจ แม้ว่าจวินเซี่ยจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนถึงบรรยากาศรอบด้านอันแปลกประหลาด

แต่เขาก็ยังคงมีความเชื่อมั่นที่จะฝึกฝนต่อไป เขายังคงหลับตาอยู่ ภาพร่างของอะไรบางอย่างที่เขาไม่ควรจะเห็นได้ มันก็สามารถเห็นได้ นี่มันหมายถึงอะไรกันนะ หรือมันหมายถึงว่าทุกสิ่งตรงหน้าเขามันคือภาพลวงตา? ใจของจวินเซี่ยเลือกที่จะเพิกเฉยและยังคงฝึกต่อไป โดนไม่ได้เปลี่ยนแปลงสีหน้าเลยแม้สักเล็กน้อย

 

“ตูม!” น่าจะเป็นเสียงระเบิด มันระเบิดอยู่ภายในจิตใต้สำนึกของจวินเซี่ย

ร่างของเขาเริ่มชัก จนรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างในร่างได้ขาดหายไป จิตก็สั่นไหว จากนั้นเขาก็ฝอยเลือดออกมาจากปากจนสลบไป เลือดเหล่านี้ได้เปรอะเปื้อนไปทั้งผ้าปูที่นอน แต่มันดูผิดปกติ มันดูเป็นสีดำ แล้วมันก็ดูเหมือนจะเป็นของแข็งมากกว่าของเหลวด้วย มันไม่ไดไหลไปไหน อย่างกับว่ามันเป็นก้อนถ่านเสียด้วยซ้ำ

 

จวินเซี่ยร่างลงไปกองกับพื้น ทั้งร่างสั่นเทิ้ม อีกครั้งที่ของเหลวสีดำเริ่มทะลวงผ่านผิวของเขาออกมา มันทำให้เสื้อสีสว่างของเขาเริ่มเปียกทีละเล็กทีละน้อย จนกลายเป็นเสื้อสีดำ… นี่เป็นผลลัพธ์ที่แท้จริงของเคล็ดฉีกเนื้อเถือนกระดูกชำระเส้นลมปราณ!

 

ก่อนหน้านี้ที่ร่างของเขามีสิ่งโสโครกหนาเหนอะอยู่ พวกมันคือสิ่งสกปรกที่อยู่ในผิวหนังและกล้ามเนื้อแทบจะทั้งหมด สำหรับตอนนี้ที่มันเพิ่งออกมาจากร่างของเขามันคือสิ่งสกปรกที่อยู่ในกระดูกและอวัยวะภายใน ส่วนเลือดที่จวินเซี่ยพ่นออกมามันมาจากอวัยวะทั้งห้าของมนุษย์ที่ยากจะชำระล้าง

 

ตอนนี้จวินเซี่ยหากให้มองจากผู้ฝึกตนของหนทางแห่งเต๋าแล้ว มันไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากขั้นตอน “การละทิ้ง” มันหมายความว่านับจากนี้เขาได้หลุดพ้นจากห่วงของโลกใบนี้แล้ว

เขาได้เข้าสู่เส้นทางของการฝึกตนอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับใครก็ตามที่ฝึกฝนเส้นทางนี้จนมาถึงขั้นตอน “การละทิ้ง” มันต้องผ่านประสบการณ์ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสมาก่อน มันอาจจะต้องทนอยู่ถึงหลายเดือนหรือปีหรือจนกว่าจะเข้าถึงระดับนี้ได้

บางคนที่ทั้งชีวิตนี้ไม่อาจก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็มี แต่ทว่าจวินเซี่ยกลับผ่านมันมาได้ภายในหนึ่งคืน! นี่มันเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์เหนือความมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก

เรื่องนี้ถ้าพูดไปก็คงไม่มีใครอาจยอมเชื่อ มันชัดเจนว่าไม่ใช่เพราะร่างกายของจวินเซี่ยนั้นเศษ แต่ว่ามันเป็นเพราะจวินเซี่ยมีจิตใจที่เข้มแข็งมากเป็นพิเศษ เหตุผลทั้งหมดก็เป็นเพราะหมอกสีขาว หมอกสีขาวนี้มันเป็นส่วนสำคัญมาก

มันช่วยทำให้ปราณและจิตบริสุทธิ์อย่างถึงที่สุดแม้สวรรค์และปฐพีก็ไม่เคยปรากฏ แต่ว่าจวินเซี่ยยังคงไม่ตระหนักรู้ถึงสิ่งนี้ ในชีวิตก่อนหน้าของจวินเซี่ยที่เป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ แต่ว่าเขาไม่เผชิญกับระดับของการฝึกฝนเช่นนี้ ในมุมมองของเขา ทุกสิ่งที่เรียกว่าการฝึกฝนมันหมายถึงความเป็นอมตะอันไร้สาระ

สิ่งเดียวที่เขาคิดคือเขาได้รับโชคอย่างไม่น่าเชื่อมาแล้ว เมื่อจวินเซี่ยตื่นขึ้นเขาก็พบว่าร่างของตัวเองอยู่ในถังน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่น และยังมีมือสองมือที่กำลังพยายามจะขัดล้างร่างกายของเขา เมื่อเขาลืมตาขึ้นเขาก็เป็นเด็กรับใช้เค่อน้อย

ศีรษะของเธอเปียกและใบหน้าก็เป็นสีแดงจากความร้อน มือเล็ก ๆ ของเธอกำลังถือผ้าขนหนูอ่อนนุ่มอยู่ พร้อมกับกำลังทำความสะอาดร่างกายให้เขา ริมฝีปากของเธอเม้มแน่น ใบหน้าก็แสดงสีหน้าเขินอายออกมาจนเกือบจะร้องไห้แล้ว

ดวงตาคู่งามของเธอจงใจเสมองไปทางอื่น เธอมองลงมาเพียงแค่ชั่วครู่ก่อนที่จะเคลื่อนมือไปขัดถูยังตำแหน่งนั้น หลังจากนั้นเธอก็เบนสายตาขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง

 

“เด็กคนนี้เวลาอายช่างน่ารักเสียจริง”

เมื่อคิดไปคิดมาจวินเซ่ยก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังเปลือยอยู่ เขาในตอนนี้ไม่อาจสงบห้ามความรู้สึกของตัวเองได้ เค่อน้อยร้องออกมาอย่างตกใจขณะที่กำลังกำผ้าขนหนูเอาไว้ เธอร่างสั่นเมื่อมองไปยังจวินเซี่ย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ

“นะ-นะ- นะ-นายน้อย… ตะ… ตื่นแล้วเหรอคะ?”

 

จวินเซี่ยอดถอนหายใจไม่ได้

“ถ้าข้ายังไม่ตื่น เจ้าก็คงคุยกับผีอยู่สินะ?”

 

“ผี? หวา!”

เค่อน้อยกรีดร้องออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้จวินเซี่ยเห็นได้อย่างชัดเจนถึงเส้นขนบนหน้าของเธอที่ตั้งชูชันขึ้น หน้าของเธอก็ขาวซีดอย่างกับเห็นผีจริง ๆ จวินเซี่ยถอนหายใจอีกครั้ง

“เลิกร้องได้แล้ว แม้ว่าตรงนี้จะเป็นผี แต่หน้าของผีตัวนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนเจ้าหรอกนะ เจ้านี่ช่างมีปฏิกิริยาตอบสนองที่น่ายกย่องเสียจริง”

 

“ปัง!” เสียงกระแทกเปิดประตูดังลั่น พร้อมกับมีร่างของใครบางคนเดินออกมา

“มัวเซียเจ้าตื่นแล้ว? เกิดอะไรขึ้นกัน?”

ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณปู่จวิน ด้านหลังเขามีคนคุ้มครองอยู่กลุ่มหนึ่ง น้ำเสียงของปู่จวินเต็มไปด้วยความโกรธ เขาเพิ่งจะตวาดสั่งสอนคนคุ้มกันหกคนเพื่อคอยปกป้องจวินเซี่ย สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนับเป็นอุบัติเหตุได้ แต่ว่าที่เกิดขึ้นวันนี้ล่ะ?

ปู่จวินโกรธจนตัวพองแทบจะระเบิดออกมาได้ ปู่คิดในใจ ตระกูลจวินของข้าคิดจะข่มเหงก็ทำได้ง่าย ๆ? ดูเหมือนว่าข้าคนนี้จะต้องไปแสดงอำนาจบ้างเสียแล้ว ถ้าทุกคนมุ่งเป้ามาที่หลานชายข้า ตระกูลของเราก็จะไม่ปล่อยให้มันผ่านไปแน่

 

ปู่จวินคาดเดาไปเองว่าที่จวินเซี่ยสลบก็เพราะตกเป็นเป้าของการลอบสังหาร…

 

  • ขอขอบคุณ คุณ ณัฐดนัย วิชาผง นะคะ สำหรับการสนับสนุนผู้แปล 🙂
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments