I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Otherworldly Evil Monarch ตอนที่ 10 ความเกรียวกราดที่เพิ่มขึ้นของ ปู่จวิน

| Otherworldly Evil Monarch | 866 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ปู่จวินไม่รู้เลยว่าเหตุการที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้หลานของเขามีควาสุขที่แสนวิเศษ ไม่มีมือสังหารเลยแม้แต่คนเดียว! และเขาได้เชื่อต่อจุดสองจุดที่ไม่เกี่ยวข้อเข้าไว้ด้วยกันได้ หลังจากที่ได้ยินดังนั้น จวินเซี่ยก็กระโดดเข้าไปในสระ หลัวเย่เพื่ออาบน้ำ เขาเข้านอนด้วนความโมโหและความไม่พอใจ ในขณะที่เขาหลับลึก เขาก็ตื่นขึ้นมาในทันทีด้วยความตกใจ ในหัวใจเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่หาสาเหตุไม่ได้และร้องถามไปทั่ว เขาได้รับข่าวเรื่องปัญหาของจวินเซี่ยที่เป็นเหตุให้ความโกรธของเขาปะทุขึ้น

“ข้าโอเค ดีเลย ข้ายังอยู่ดีที่นี่ ”

จวินเซี่ยคว้าไปที่เป้าของเขาโดยไม่รู้ตัว พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขวยเขิน เขานอนอยู่โดยไร้ซิ่งสิ่งปกปิดร่างกายและมีใบหน้าของผู้อาวุโสนับสิบคนมาดูแลเขาอยู่ ร่างของเขาเป็นเป้าของสายตาทุกคู่ แม้จวินเซี่ยจะเป็นคนที่หน้าด้านและไม่สนใจอะไร แต่เขาก็ยังคงรับไม่ได้กับสิ่งนี้

“ เจ้าจะพยายามปิดปังอะไรอยู่หรือ ? นี่เจ้าอายที่จะให้ปู่ของเจ้าเห็นสิ่งนั้นหรือ ? ข้ายังจำตอนที่เจ้ายังละอ่อนได้ ข้าหน่ะถือเจ้าได้ด้วยมือเดียวเลย โดยที่อีกมือ เล่นไข่ของเจ้าอยู่ ”

คำพูดของจวินจ้านเทียนทำให้จวินเซี่ยอยากที่จะตายไปเลย

หลังจากนั้น ร่างกายขององครักษ์ได้ผ่อนคลายลง สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปในระหว่างที่พยายามควบคุมตัวเอง และหายใจหนักๆ พวกเขาหลายคนเหลือบไปมองตรงที่นายน้อยของพวกเขานั้นเอามือปิดไว้ แต่บางคนก็หันมองไปทางอื่นแล้วขยิบตาแลพส่งสัญญารไปยังคนอื่นๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังเปรียบเทียบมันกับอะไรบางอย่าง ….

“ มันคือใคร ? ”

จวินจ้านเทียนพูดด้วยสีหน้าที่ดุร้ายราวกับน้ำแข็ง และปลดปล่อยประกายสังหารออกมา

“ ห๊ะ ? ”

จวินเซี่ยสับสน ก่อนที่จะเข้าใจว่าปู่ของเขาหมายถึงอะไร จากนั้นสีหน้าของเขาก็แสดงความอับอายออกมาและก้มหัวลงต่ำ

“ ข้าล้มลงก่อนที่ข้าจะเห็นอะไร”

“ ไอ้เด็กขยะ ! ”

ปู่จวินด่าออกไปด้วยนำ้เสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง หลังจากที่ให้ทุกคนดูแล้วว่าหลานของเขายังปกติดีอยู่ เขาไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ต่อเพื่อดูร่างอันล่อนจ่อนนี้ ด้วยร่างอันบอบบางนี้ หลานของเขานั้นดูราวกับมิใช่คนของตระกูลแม่ทัพเลย ยกเว้นผิวพรรณของหญิงสาวที่พอจะเอามาเปรียบเทียบได้กับ ความขาว ! ฮึ่มมม ! มันก็จริง …. เขาพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ

“ เจ้าพักผ่อนเหอะถ้างั้น ”

หลังจากนั้นเขาก็ออกไปพร้อมกับ องครักษ์ จากนั้นเขาก็เอามือออกจากเป้า และรู้สึกผ่อนคลายลง

วันต่อมา อครเสนาบดี ได้ปลดปล่อยอารมณ์ของเขาออกมาถายในหอคอยทองคำ เขาชี้ไปยังขุนนาง พระ ผู้ที่เกี่ยวของกับจักรพรรดิ หรือแม้แต่เทศมนตรี เขาสถบและปลดปล่อยอารมณ์ที่ไม่ปกติออกมา เขาขู่ว่าหากใครกล้าที่จะลอบสังหารหลานของเขาอีกครั้ง จะไม่มีคนของตระกูลนั้นแม้แต่เพียงคนเดียวที่จะมีชีวิตอยู่เลย!

หลังจากที่เงียบงันมานานปี ความโกรธของจวินจ้านเที่ยนก็ได้ปะทุขึ้นมาภายในพระราชวัง ทั้งพลเมืองและกองทหารนั้นอกสั่นขวัญแขวนอยู่ภายใต้ความเงียบ หรือแม้แต่จักรพรรดิของตัวเขาเอง

แต่ก็ยังมีคนที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร คือ ผู้สนับสนุนอาวุโสของพี่คนโตของเจ้าชายคนโต หมอประจำราชสำนัก ซงชียี่ ที่ถูกขุนนางแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ ที่กำลังไต่ขึ้นไปจากตำแหน่งของเขาด้วยความช่วยเหลือของเจ้าชายคนโต หากแต่พวกเขาไม่รู้เรื่องของ อครมหาเสนมบดีคนเก่าเลย หากนับผู้สนับสนุนของเจ้าชายองค์โตแล้ว พวกเขาพยายามที่จะขัดคำพูดของ จวินจ้านเทียนและพยายามทำให้ องค์จักรพรรดิสนับสนุนเขา เขาถูกจี้จุดโดยจวินจ้านเทียนว่ามีใบหน้าเหมือนกับหมูและไม่มีฟันฟน้าสองซี่

เจ้าชายคนโตพยายามแข็งใจและโน้มน้าวจวินจ้านเทียน แต่เขาก็โดนเตะเข้าที่ท้อง ทำให้เขาล้มกลิ้งลงไปกับพื้น หลังจากเหตุการณ์นั้น ทำให้ทุกคนเกรงกลัว ไม่มีใครกล้าที่จะขยับตัว และในตอนสุดท้าย องค์จักรพรรดิก็ได้ออมาเพื่อทำให้เกิดความสงบขึ้นด้วยตัวเอง ด้วยความประนีประนอม และรับประกันความปลอดภัยของ นายน้อยจวินที่สาม ด้วยตัวเอง นั่นจึงทำให้จวินจ้านเทียนจากไปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโห แต่ก่อนที่จวินจ้านเทียนจะออกไป เขาหันไปมองคนอื่นๆและผู้ที่สนับสนุนองค์ชาย ทำให้ขาของพวกเขาถึงกับไม่มั่นคงราวกับเส้นก๋วยเตี๋ยว

อครเสนาบดีแก่ผู้นี้อดกลั้นมาได้อย่างดีเป็นเวลานับสิบปี แล้วในที่สุดสิบปีผ่านไปเขาก็ได้ระเบิดอารมณ์ออกมา ทำให้เกิดความหวาดกลัวแก่ พลเมืองและเหล่า ทหารของราชสำนัก ที่อยู่ภายในหอคอยทองคำ เขากล้าแม้แต่จะโจมตีองค์ชาย แล้วอะไรล่ะที่เขาทำไม่ได้ ?

องค์จักรพรรดิจึงพยายามทำตามความต้องการของจวินจ้านเทียนในระหว่างที่เขาเดินออกไป และเป็นคนเดียวที่ทำให้ถอนหายใจออกจาจากก้นบ้งของหัวใจ เกียรติและพลังของจวินจ้านเทียนที่แสดงในวันนี้นั้นน่าประทับใจยิ่งนัก แต่ องค์จักรพรรดิก็ดีด้วยว่า นายน้อยจวินที่สามนั้นเป็นผู้สืบทอดคนเดียวของตระกูลจวินที่ทำให้นายพลคนนี้ผิดหวังอย่างมาก เมื่อคิดกลับไปถึงตอนที่จวินจ้านเทียนมาหาเขาเป็นการส่วนตัว และขอให้จวินโม่เซี่ยแต่งกับองค์หญิงหลิงเมียง นั่นอาจจะเป็นไปได้ว่า จวินจ้านเทียนกำลังพยายามรักษาสายเลือดของจวินเอาไว้

แต่กระนั้น องค์จักรพรรดิก็ปฏิเสธคำของนั้นอย่างไร้ความปราณี

ตราบเท่าที่จวินโม่เซี่ยยังหายใจอยู่ จวินจ้านเทียนคงไม่ประเบิดอารมณ์ออกมาในหอคอยทองคำแน่นอน ที่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ในวันนี้อาจเพราะว่าเขานั้นมองไม่เห็นอนาคตของตระกูลจวินแล้ว ศัตรูของตระกูลจวินนั้นมีมากมายทั้งคนในและคนนอก ถ้าจวินจ้านเทียนตายไป ศัตรูของเขาคงจะไม่มีความเมตตาต่อจวินโม่เซี่ยเป็นแน่แท้

นี่คงเป็นเหตุผลที่อครมหาเสนาบดีกำลังวิตกกังวล! ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าทำร้ายตระกูลจวิน หลานข้า ข้าจะจัดการเจ้าก่อน ! ในตอนที่ตระกูลของข้าแข็งแกร่งนั้น จะมีอะไรต้องกลัว ?

ตระกูลจวินเคยน่าเกรงขามและ มีอิทธิพลที่คำ้ชูอาณาจักร เทียนเชียง พวกเขาจะให้อภัยกับเรื่องเช่นนี้หรือ ? องค์จักรพรรดิถอนหายใจ ความโศกเศร้าเสียใจได้เกิดขึ้นในหัวใจเขา บางทีหลังจากนั้น ….

หลังจากที่ได้ประสบกับอำนาจของท่านมหาเสนาบดีแก่แล้ว เจ้าหน้าที่ทหารทั้งหมดถึงกับปิติ ในขณะที่ใครมีแผนลับต่ออครหมาเสนาบดีแก่นั้น พวกเขาก็ตัดสินใจล้มแผนนั้นลงทันที หรือแม้แต่เจ้าชายองค์โต ที่ต้องทนทุกข์เพราะความขายหน้าก็ไม่แสดงออกถึงความข้องใจใดๆ และในตอนหมดวัน เขาก็ได้แต่ตำหนิ ผู้สนับสนุนแก่ของเขาที่โง่เง่าและน่าอาย เขาไม่รู้หรอว่าอครหมาเสนาบีดคนนั้นมันเกือบจะบ้าไปแล้ว ?

แน่นอนว่ายังมีคนอีกหลายคนที่มีความขับข้องใจอยู่ ‘ไอแก่นี่ มึงคิดว่าจะอยู่ได้ค้ำฟ้าหรอ ? วันที่เจ้าตายจะเป็นวันที่ล่มสลายของตระกูลจวิน ! ’

อย่างไรก็ตามมันก็เป็นแค่ความคิดที่คิดได้เพียงในใจเท่านั้น พวกเขาไม่มีอำนาจมากพอที่จะไปต่อกรกับ อครมหาเสนาบดีแก่นั่นได้ !

เว้นแต่ ….

พี่เลี้ยงของราชวงศ์ เทศมนตรีสูงสุด ลี่ชาง ที่นั่งอยู่โดยที่ไม่พูดแม้แต่คำเดียว แต่ตอนที่ปู่จวินออกไป เขาได้เลิกคิ้วขึ้นอย่างลับๆ และเปลี่ยนหน้าไปเป็นใบหน้าที่ยิ้ม ดูเหมือนว่า จวินจ้านเทียนค่อนข้างที่จะปกป้อง หลานที่น่าผิดหวังของเขา ถ้าเป็นแบบนี้ แสดงว่า จวินโม่เซี่ยนเป็นจุดอ่อนของจวินจ้านเทียน สินะ ? เป็นจุดอ่อนที่ง่านต่อการจัดการเสียจริง เมื่อใครคนหนึ่งแสดงจุดอ่อนออกมา ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ใหน หรือมีผู้คุ้มครองมากแค่ใหน มันก็อยู่ได้ไม่นาน….

เพื่อที่จะส่งสัญญาณและไม่ให้ผู้อื่นรู้ หัวหน้าองครักษวังหลวง เหม๋งลู่เฟยที่อยู่ ตรงข้ามกับผู้ลี่ มองไปยังคนอื่นๆ และพวกเขาก็เริ่มยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย

ณ. ตระกูลของจวิน …. ห้องของจวินเซี่ย

ประตูยังคงปิดอยู่ และใบหน้าน้อยๆได้เปลี่ยนไปเป็นสีแดงเพราะความเขิลอาย ในระหว่างที่นางอยากที่จะออกไปจากห้องนี้อย่างเห็นได้ชัด

“ เจ้ากลัวข้าหรือ ? ”

จวินเซี่ยกำลังเช็ดถูร่างกายอยู่ ตั้งแต่ที่สาวน้อยได้เห็นร่างอันเปลือยเปล่าของจวินเซี่ยก่อนหน้านี้ ดูแล้วไม่มีอะไรแตกต่างกันมากนัก จากนั้นเด็กสาวก็ไม่สนใจอะไร ทำไมต้องเป็นเขาละ ?

“ กลัว ”

เคอน้อยพยักหน้าของนางในทันที แต่หลังจากที่นางคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว นางก็รีบพูดออกมาในทันที

“ ไม่ ไม่ ไม่ได้ …. กลัวนะ ”

จวินเซี่ยนหัวเราะออกมาก่อนที่เขาจะยกขึ้นและเดินออกมาจากอ่างอาบน้ำ …. อย่างเปลือยเปล่า เด็กน้อยเคอกรี๊ดร้องออกมาอีกครั้ง ในระหว่างที่เอามือปิดตา

จวินเซี่ยรีบเอาเสื้อมาใส่ก่อนที่จะเดินไปตรงหน้าของ เดอน้อย ยิ้มออกมาและพูด

“ เปิดตาได้แล้ว ไม่มีอะไรแล้ว ”

เคอน้อยกางนิ้วออกเป็นช่องเล็กๆอย่างช้าๆ และแอบมองจากช่อนระหว่างนิ้วนั้น หลังจากที่ดูแล้วว่าจวินเซี่ยใส่เสื้อผ้าจริงๆนางก็เริ่มสบายใจและเอามือลง แต่ใบหน้าของนางยังคงแดงแป๊ด แลดูน่ารักเสียจริง

เมื่อเห็นว่านางน่ารักขนาดใหน จวินเซี่ยก็อดไม่ได้ที่จะเอื่อมมือไปขยี่หัวนาง เคอน้อยถึงกับตกใจ นางเงิยหน้าขึ้นไปและพบกับ แววตาอันแสนอบอุ่นของจวินเซี่ย ราวกับพี่ชายมองมายังน้องสาว ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางก็ใจเย็นลง ไร้แล้วซึ่งความรู้สึกกลัว นางคิดว่า

“ ตอนนี้ ดวงตาของนายน้อยช่างมีเมตตาจริงๆ ”

หลังจากที่คิดอย่างนั้น นางก็สดุ้งขึ้นมาทันที

‘ ข้าคิดอย่างนั้นไปได้อย่างไร ?  เขานั้นเต็มไปด้วยความลามก ขี้เงียน และ น่ารักเกียจที่สุด ! ข้าจะไม่ให้เขามาทำให้ความ สวยซิงของข้ามัวหมองเด็ดขาด ! ถ้าเขาใช้กำลัง ข้าจะยอมตาย !’

นางได้แต่ถอยหลังและแสดงสีหน้าที่ตื่นตัว

Translate by iHaveNoName นาจา

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments