I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Otherworldly Evil Monarch ตอนที่ 11 ประกายแห่งการเปลี่ยนแปลง

| Otherworldly Evil Monarch | 839 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

จวินเซี่ย ชายสองโลก ในโลกที่แล้ว เขาเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งที่เห็นโลกแห่งการกดขี่มามากมาย เพียงแค่การเหลือบมอง เขาก็สามารถล่วงรู้ความคิดของสาวน้อยนั้นได้ เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ น่าเสียใจยิ่งนักกับเจ้าของร่างนี้จริงๆ แม้แต่สาวใช้ตัวน้อยๆยังเกรงกลัว อะไรจะโหดร้ายเช่นนี้ หลังจากที่ถอนหายใจจากนั้นก็พูด

“ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เจ้าไปได้ ”

เคอน้อยโค้งคำนับ และคิดในใจ ‘ ตราบใดที่ข้าไม่เข้าไปใกล้เกินไป เจ้าก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้ นอกจากนี้ ด้วยความอ่อนแอและการบาดเจ็บของเจ้า เจ้าไม่แม้แต่จะจับข้าได้ ’ หลังจากนั้น นางก็จากไป

จวินเซี่ยเดินไปที่หน้าต่าง และสูดหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นเขาก็เคลื่อนลมปราณเพื่อตรวจสอบระดับของร่างในตอนนี้

ในตอนเที่เขาตื่นมานั้น เขาสามารถรับรู้ได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลามากเพื่อที่จะวิเคราะห์ แต่ตอนนี้เขามีเวลาที่จะวิเคราะห์มันแล้ว มันทำให้เขาตกตะลึงมาก สายตาของเขานั้นดีขึ้นและมองไปได้ไกลกว่าเมื่อก่อนมาก แม้ว่ามันจะเป็นระยะแค่ สามชาน แต่เขาก็สามารถที่จะนับขาของมดที่เดินอยู่บนพื้นได้ ด้วยสายตาเขาในตอนนี้ ทุกอย่างภายในโลกดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ต้นไม้และหญ้านั้น ดูเขียวชะอุ่มและมีพลังแห่งการเติบโต

[ หนึ่ง ชาน = สิบฟุต หรือ สามจุดศูนย์สี่เมตร ]

จวินเซี่ยเงินหน้าขึ้นเพื่อมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่มากจากขอบฟ้า แม้จะนานแล้วที่เขาไม่รู้สึกแสบตา แต่กับเขานั้นมันราวกับลูกบอลที่อบอุ่น …..

แม้ว่าหูของเขาก็ได้เปลี่ยนไปด้วย เขาสามารถได้ยินเสียงแมลงที่เดินไปมาบนใบหญ้าอย่างชัดเจน หรือแม้แต่เสียงของใส้เดือนที่กำลับิดตัว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าโลกนี้ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

เขานึกถึงความหลังในช่วงชีวิตที่แล้ว สิ่งอัศจรรย์นี้มีแค่เพียงในช่วงที่เขาฝึกฝนจนบรรลุขั้น สวรรค์เบื้อต้น แม้อย่างนั้น มันก็ไม่ใช่สิ่งที่อยู่รอบๆตัวเขา แต่เป็นขอบเขตที่อยู่ระหว่างโลกและสวรรค์ ซึ่งมันทำให้จวินเซี่ยรู้สึกถึงความสุขอย่างล้นเหลือ ‘เป็นอย่างนี้เองหรือ ? ’ ด้วยการฝึกฝนอันคุ้มค่าเพียงหนึ่งคืน ข้าได้บรรลุไปถึงขั้น สวรรค์เบื้อต้นแล้วหรือเนี่ย ? มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรือ ? เขาเฝ้าดูปราณที่เคลื่อนอยู่ในร่างนี้และก็หยุดไม่ได้ที่รู้สึกโศกเศร้า

การไหลเวียนของปราณนั้นช่างอ่อนแอและบอบบาง แม้ว่ามันจะเริ่มสอดคล้องกันแล้วก็ตาม แต่ด้วยปราณแค่นี้ มันสามารถเขาไปหั่นผักได้เท่านั้น ไม่สามารถที่จะเอาไปต่อสู้จริงๆได้หรอก ถ้าเข้าทำตามลำดับสู้ขั้น สวรรค์เบื้องต้นได้อย่างถูกต้อง มันไม่มีทางที่ปราณจะไหลเวียนได้อ่อนขนาดนี้

แต่เมื่อคิดในมุมของคนอื่น ตั้งแต่ที่เขาสำเร็จขั้น สวรรค์เบื้องต้น แล้วร่างกายของเขาจะรับรู้รายละเอียดขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ? นี่คงเป็นผลที่อัศจรรย์จาก เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์แน่ๆ ! เมื่อคิดอย่างนั้น ความหดหู่ของเขาก็เพิ่มขึ้น

เมื่อเขาพับแขนเสื้อขึ้น ทันใดนั้นจวินเซี่ยถึงกับตกตะลึง นี่เป็นแขนของผู้ชายจริงหรือ ? ขาวเนี่ยนและมีเลือดฝาดอย่างกับหิมะ แม้แต่แขนของหญิงสาวก็มิอาจเปรียบ จวินเซี่ยรีบพุ่งไปอยู่ที่หน้ากระจกสำฤทธิ์ หัวใจของเขาถึงกับแหลกสลาย ใบหน้าของเขาก็เป็นเช่นเดียวกัน มันดูอ่อนหวานและขาวนวล เป็นใบหน้าที่จวินเซี่ยเกลียดมากที่สุดเมื่อชีวิตที่แล้ว เด็กชายที่สวยงามมาก ! นี่มันเป็นเด็กชายสาวที่ผิวราวกับน้ำนมและอ่อนแอ !

มันเหมือนกับผีที่มีชีวิตจริงๆ ! จวินเซี่ยบ่นในระหว่างที่หัวเราะ ‘ ตั้งแต่ที่ข้าเข้ามาในโลกนี้ สภาพของข้านี่ไม่ต่างจากผีที่มีชีวตในตอนแรกเลย แม้มีบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้น แล้วข้าจะไม่ตกตะลึงได้อย่างไรกัน ? ’

แม้ว่าเมื่อคืนเขาได้ฝึกวิชา ฉีกเนื้อเถือนกระดูกชำระเส้นลมปราณแล้ว รวมไปถึงสำเร็จในการเปิดประตูสู่ เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์แล้ว แต่ทำไมร่างนี้ถึงยังอ่อนแออยู่ละ ?

เพื่อมองหาปัจจัยอื่น เขาได้ตรวจสอบร่างนี้อีกครั้ง และในครั้งนี้มันทำให้ จวินเซี่ยถึงกับประหลาดใจอย่างมาก ถ้าหากพิจารณาจากที่เห็นภายนอก จะเห็นว่าเป็นเพียงชายที่อ่อนแอ แต่ในความเป็นจริง กล้ามและเนื้อของเขาได้จัดเรียงตัวใหม่ให้หน้าแน่นและแข็งแกร่งขึ้น ถ้าเปรียบกับร่างก่อนหน้านี้ โครงสร้างของมันจะดูอ่อนแอ ประสิทธิภาพภายในทั้งกระดูและเส้นลมปราณนั้นบรรลุไปถึงขั้นสูงแล้ว ร่างกายของเขาตอนนี้นั้นแข็งแกร่งราวกับสวรรค์ให้พร จนเหมาะสมที่จะฝึกศิลปการต่อสู้ที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น ใครก็ตามที่มองเขานั้นคงจะเชื่อได้ยากว่า คนที่มีร่างกายที่บอบบางอย่างนี้จะสามารถก้าวไปถึงจุดสูงสุดของมือสังหารได้ นี่ละคือความจริงที่อำพรางไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ !

เมื่อความคิดอย่างนั้นแล่นเข้ามาในหัว จวินเซี่ยถึงกับมีความกระตือรือล้นที่จะฝึกปรือตัวเองอย่างมาก เขาต้องการที่จะเรียกคืนความแข็งแกร่งเดิมของเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

ในระหว่างเดือนถัดมา มีบางอย่างที่ไม่คาดคิดอุบัติขึ้นมาใน ที่พักของตระกูลจวิน หนุ่มเสเพลอันดับหนึ่งของอาณาจักร นายน้อยจวินโม่เซี่ยที่อยู่แต่ในบ้างอย่างเรียบร้อยไม่ออกไปเที่ยวทำตัวอันธพาล เขาไม่ไปเที่ยวโรงเตี๊ยมนารี ชนไก่ และแข่งหมา และไม่แม้แต่ไปลอบวางเพลิง หรือฆาตกรรมใครเลย เมื่อยู่บ้านเขาเอาแต่อยู่แต่ในที่พักหรือไม่ก็ห้องสมุด ไม่แม้แต่ออกไปปี้สาวซิงเลย !!!!

เขานั้นเริ่มที่จะสุภาพต่อสาวใช้ !!

ทั้งหมดนี้ มันทำให้ข้ารับใช้ในตระกูลจวินต่างประหลาดใจ หรือนั่นจะเป็นพระอาทิตย์ที่ขึ้นทางทิศตะวันตกกัน ? บางทีพระอาทิตย์อาจจะขึ้นทางทิศใต้หรือเหนือหรือเปล่า ? แต่ที่แน่ๆพระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นทางทิศตะวันออกแน่นอน !

โอ้วสวรรค์อันบรรเจิด ! โอ้วโลกอันสวยงาม ! เปิดตาเจ้าดูสิ ! นายน้อยสามได้ผลิดใบใหม่แล้ว !

เรื่องทั้งหมดนี่ ทำให้ปู่จวินถึงกับผิดสังเกต ดูเหมือนว่าเด็กนี่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าเขานั้นได้ผลิใบใหม่เรียบร้อยแล้ว !

หลังจากหนึ่งเดือน จวินเซี่ยได้บรรลุไปถึงประตูแรกของเคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์แล้ว เขาจัดการให้ขั้นการเพาะปลูกของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย เขายังเริ่มที่จะเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของ ทวีปเจวียนเจวียนแล้ว แม้มันจะเทียบไม่ได้เลยกับนักปรวัติศาสตร์ แต่เมื่อเปรียบกับจวินโม่เซี่ยคนเก่าแล้ว จวินเซี่ยนั้นเป็นราวกับศาสตราจารเลยทีเดียว มันจะไม่เกินจริงเลยถ้าจะบอกว่า ทั้งสองคนต่างกันราว ฟ้ากับเหว

มีสิ่งเดียวที่จวินเซี่ยยังคงมีความไม่พอใจ นั่นคือ เจดีย์หงจวิน ที่ลอยนิ่งอยู่ในทะเลของความตระหนักรู้ของเขา หลังจากที่ฝึกฝนอย่างหนักมานับเดือน เขาก็บรรลุไปถึงระดับแรก เขาพยายามที่จะทะลวงไประดับที่สองหลายครั้ง เมื่อใหร่ที่เขารู้สึกว่ามีความก้าวหน้า เขาก็จะพยายามที่จะลองอีกครั้ง แต่ในตอนท้ายทุกครั้งเขาก็ต้องเจ็บตัวอย่างหนัก เป็นความเจ็บปวดที่ราวกับว่ามี เส้นก๋วยเตี๋ยว นับสิบล้านพุ่งใส่ทะเลแห่งความรู้สึกของเขา!

มันทำให้จวินเซี่ยถึงกับคันจนเกือบจะทนไม่ไหว ในขั้นแรกเขาก็สามารถที่จะท้าทายสวรรค์ได้ด้วยเคล็ดปลดผนักชะตาสวรรค์แล้ว ว่ากันตามจริง ในขั้นที่สองและสามจะต้องมีอะไรที่ดีกว่านี้แน่ ! แต่ …. มันเข้าไม่ด้ายยยยยยย!!!!!

ในเมื่อเข้าไปไม่ได้ แล้วเขาควรจะทำอย่างไรล่ะ ?

เขาลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็พบกับความผิดหวัง แม้ส่วนหนึ่งของจวินเซี่ยจะไม่เหมือนใครและอดทน เมื่อมันไปต่อไม่ได้แล้ว สุดท้าย จวินเซี่ยก็ยอมกลับมาเจอความจริงที่ว่า ขั้นที่สองนั้นไม่สามารถที่จะเปิดได้ด้วยวิธีการปกติ เขาเชื่ออย่างนั้น เหมือนกับขั้นแรกแหล่ะ ที่เขาดันโชคดีได้เข้ามาโดยบังเอิญ ตราบใดที่โอกาศนั้นมาไม่ถึง เขาจะพยายามยังไงมันก็ล้มเหลวอยู่ดี เมื่อไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามต่อไปแล้ว เขาก็เปลี่ยนมาฝึกฝนต่อ

แน่นอนว่า จวินเซี่ยได้เริ่มเข้าใจเกี่ยวกับ ปราณเชวียนมากขึ้นผ่านตระกูลนี้ เขารู้ว่า ปราณเชวียนและกำลังภายในที่เขาเคยฝึกเมื่อโลกที่แล้วนั้นค่อนข้างที่จะเหมือนกัน คุณสมบัติของมันก็เหมือนกับคุณสมบัติของปราณต่อสู้ มันสามารถที่จะแบ่ง เคล็ดปราณได้เป็นสองเคล็ด อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่ผู้ฝึกปราณเชวียนได้บรรลุไปแต่ละขั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นและสีของ ปราณก็เปลี่ยนไป ด้านนี้มันทำให้จวินเซี่ยนึกไปถึงตอนที่ฝึก เคล็ดพิษห้าประการเมื่อโลกก่อน แต่ในทางกลับกัน ปรารเชวียนนั้น ไม่มีพิษอยู่เลย

ด้วยเคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ มันเป็นปกติที่จวินเซี่ยจุดูถูกสิ่งที่เรียกว่า ปราณเชวียน อย่างไรก็ตามเขาตัดสินใจที่จะฝึกปราณเชวียน เมื่อสัญลักษณ์นั่นมีปฏิกริยา เขาแทบจะไม่ได้อยากให้ตัวเองบรรลุไปถึงปราณเชวียนขั้นสี่เลย หลังจากที่เขาคิดว่ามันมากเกินไปแล้วเขาก็เลือกที่จะหยุดการฝึกฝน

ในทวีปเชวียนนี้ ปราณเชียยจะเริ่มจากขั้นแรกถึงขั้นเก้า ตามมาด้วย เชวียนเงิน เชวียนทอง เชวียนหยก ปญพีเชวียน สวรรค์เชวียน และเทพเชวียน ในขั้นแรกถึงขั้นที่สาม จะสังเกตุได้เป็น แดงอ่อน แดงชมพู แดงเข้ม ขั้นที่สี่ถึงขั้นที่หก จะสังเกตได้จากสี ม่วงอ่อน ม่วง และม่วงเข้ม ขั้นเจ็ดถึงเก้าจะสังเกตุได้จาก สีม่วงดำ สีเทาดำ และดำแพรวพราว (เทาเฉยๆ) ขั้นเงิน จะสังเกตุได้จากสีเงิน ขั้นทองจะสังเกตุได้จากสีทอง ขั้นหยกจะสังเกตุได้จากสีเขียว ขันปฐพีจะเป็นสีเหลือง ขั้นสวรรค์จะเป็นสีฟ้า ขั้นเทพจะไม่มีสีใดๆ

เมื่อคิดถึงแต่ละขึ้นของปราณเชวียนนี่มันช่างยุ่งบางอะไรเช่นนี้ อีกทั้งมันก็ยังมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่งดงาม มันค่อนข้างที่จะเหมือนกับกำลังภายในของการฝึกการขัดเกลากระดูก ในตอนนี้ จวินเซี่ยยังเปล่งประกายเป็นสีม่วงขั้นที่สี่ของปราณเชวียน ในมุมมองของเขาตอนนี้ นี่ช่างเป็นผลที่แย่มาก!

Translate by iHaveNoName

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments