I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Otherworldly Evil Monarch ตอนที่ 14 ตู่กู่ เซียวอี้

| Otherworldly Evil Monarch | 835 | 2359 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

จวินเซี่ยถึงกับต้องตกใจในระหว่างที่เขานึกถึงเรื่องราวในชีวิตที่แล้วของเขาขึ้นมาได้ หลังจากนั้นเขาก็เดินไปตามถนนตอนที่เขาเจอกับนางเข้า นางช่างงดงามอร่ามแท้แลตลึง จนทำให้เขาต้องหันกลับไปมองนางอีกครั้ง

แต่อยู่ดีๆความโกรธของนางก็เพิ่มขึ้นมาแบบกระทันหัน แล้วหันมาละสาปแช่งเขา

“ มองบ้าอะไรของเจ้า ? ไม่เคยเห็นสาวสวยรึไง เจ้าคนเสเพล ? ”

จู่ๆพวกเขาก็ดูคล้ายจะคุ้นเคยกัน เหมือนกับเป็นมือสังหาร จวินเซี่ยระมัดระวังที่จะไม่ก่อปัญหา ตลอดเวลาช่วงที่เขาเข้ามาสู่โลกนี้ ตอนนี้พวกเขานั้นถูกแยกออกเป็นสองโลกแล้ว เมื่อคิดดังนั้น จวินเซี่ยก็ทำได้แต่รู้สึกสูญเสีย

ในขณะที่จวินเซี่ยมองกลับไปนั้น ก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นพรั่งพรูเข้ามายังในหัวใจของเขา เขายิ้มและพูด

“ แม่นาง เราเคยเจอกันมาก่อนหรือไม่ ? เจ้านี่ดูคุ้นหน้า … ราวกับอยู่ในหัวใจข้ามานานแสนนาน… ”

หญิงสาวกัดฟันและเพ่งมองไปที่เขา

“ ยี๊! ข้ารู้ดีว่าเจ้าเป็นใคร ไอกาก ! นายน้อยจวินที่สาม เจ้าเล่นตลกอะไรละวันนี้ ? แกล้งบังเอิญเจอข้าครั้งแรกงั้นหรอ ? ”

เอ๋ ? หรือนางจะเป็นคนที่ข้ารู้จักจริงๆ จวินเซี่ยรีบค้นหาความทรงจำเกี่ยวกับ หญิงสาวเอาแต่ใจผู้นี้ เขาหัวเราะและพูดลอยๆออกมาในขณะที่กำลังเขิลเบาๆ

“ ถ้าเราเป็นคนรู้จัก ความรักคงลิขิตมาเป็นแน่ แม่นางตู่กู่ ”

พรหมลิขิต ? เพ้อเจ้ออะไรกัน ?

แม่นางตู่กู่ เซียวอี้ เพ่งมองไปด้วยแววตาที่ตกตะลึง องครักษ์หญิงคนหนึ่ง ไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้จนต้องหัวเราะออกมา หลังจากที่เทียงหยวนรู้ตัวว่าจวินเซี่ยไม่ได้ตามเขามา เขาก็เดินกลับไปและได้ยินคำพูดของจวินเซี่ยเข้า … ด้วยความเคารพ ! นายน้อยจวินที่สามนั้นเป็นยอดฝีมือในการเต๊าะสาวตัวจริงเลยละ แม้แต่ความกล้าที่จะพูดอย่างนั้นกับหญิงสาวมากมายในเมืองเทียนเชียงช่างน่าเคารพมาก ไม่เว้นแม้แต่ แม่นาง ตู่กู่เซียวอี้

ตู่กู่เซียวอี้เพ่งมองไปยังจวินเซี่ย นางถลึงตาช้าๆอย่างอำมหิต

“ จวินโม่เซี่ย ที่เจ้าโดนจัดหนักไปเมื่อคราวที่แล้ว เจ้ายังไม่เข็ดอีกหรือ ? ข้ากำลังมีน้ำโห คงช่วยอะไรไม่ได้หากข้าจะกระเทาะกระดูกเจ้าน่ะ ! ”

จวินเซี่ยถึงกับสะดุ้ง และสุดท้ายเขาก็รู้ว่า นางเป็นหนึ่งในคนที่จวินโม่เซี่ยกลัวที่สุด ไม่นานมานี้เขาได้ทำอะไรบางอย่างจนทำให้นางจับเขาอัด จนเขาต้องใช้เวลาราวครึ่งเดือนถึงจะสามารถคลานลงมาจากเตียงได้ …

“ แม่นานตู่กู่ เจ้าสบายดีน่ะ เอ่ออออ … จริงข้าอยากจะพูดอะไรอย่างนั้น น้องเล็กผู้นี้ต้องมีเรื่องที่ต้องไปทำ คงต้องขอตัวก่อน ไว้เจอกันน่ะจ๊ะ ”

จวินเซี่ยเตรียบตัวที่จะหลบไป เมื่อมองไปยังหน้าและท่าทางของนางแล้ว ดูราวกับว่านางตั้งการที่จะพุ่งมาและอัดเขาจริงๆ ในความทรงจำของจวินโม่เซี่ย แม้ว่าเด็กน้อยที่มีน้ำโหผู้นี้จะยังเด็ก แต่ความสามารถการต่อสู้ของนางก็น่านับถือมากกว่าจวินโม่เซี่ยนัก

ที่เขาไม่อยากต่อสู้กับนาง ไม่ใช่เพราะจวินเซี่ยกลัวนางหรอก หากแต่ ณ. จุดๆนี้ เขากำลับปกปิดความแข็งแกร่งของตัวเขาเองอยู่ มันเลยต้องระมัดระวังไว้ก่อน

เอ่อออ … สุภาพบุรุษไม่ต่อยผู้หญิง !

“ หยุดอยู่ตรงนั้น !!!! ”

นางเชิ่ดหน้าขึ้น และมองไปยังจวินเซี่ยด้วยใบหน้าที่เย่อหยิ่ง

“ เจ้าจะไปใหน ? เจ้าจะไปทำชั่วๆอะไรสินะ ? จวินโม่เซี่ย ! เจ้ามาทำเป็นลืมไปหรือว่าเจ้าชนข้า ! มานี่ให้ข้าระบายความแค้นก่อน แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป ! ”

มีหยดเหงื่ออกมาเต็มใบหน้าของ เทียงหยวน ท้องของเขาปั่นป่วน

“ นายน้อยสามจวิน คนอื่นเขาหลบหนีกันหากมาเจอเข้ากับอิป้านี่ ทำไมเจ้ากลับไปทำให้นางโกรธกันเล่า ? ไม่สำคัญว่านางจะสวยแค่ใหน ถึงอย่างไรมันก้ไม่คุ้มกับชีวิตเจ้าหรอก ”

เมื่อมองไปที่ดวงตัวกลมโตที่เปล่งประกายในระหว่างที่กำลังหยิ่งทะนงและควบคุมสีหน้าอยู่ จวินเซี่ยก็มีความคิดที่จะเสแสร้ง และแอบกระซิบ

“แม่นางตู่กู่ ที่ที่เราจะไปกันหน่ะ ….. เหอะเหอะ มันไม่เหมาะสำหรับเด็กหญิงหรอก ”

“ เจ้าว่าอะไรนะ ? เจ้าจะไปซ่องหรือ ? ”

นางไม่สงสัยในความทะลึ่งของพวกนี้เลย เมื่อคิดดังนั้นนางก็คายคำพูดออกมาอย่างเปิดเผย !

ตู่กู่ชำเลืองมองอย่างเย็นชาและถลึงตาใส่ทั้งสองคนนั้นด้วยความดูถูก

“ ไอขยะ เจ้าไม่ละอายเลย !? ”

“ ใครบอกว่าข้าจะไปซ่อง ? เจ้าคิดว่าคนอื่นๆจะเหมือนเจ้าหรือ ? ”

จวินเซี่ยปั้นหน้าแสดงสายตาความตำหนิออกมา

“ พวกเรามุ่งหน้าไปยังหอทองพันชั่งต่างหาก จะไปเล่นพนันสักเล็กน้อย .. อุ้บส์ ? ”

เมื่อรู้ตัวว่าเขากำลังหลุดปากไป เขาจึงหุบปากทันที

“ หอทองพันช่าง ? เล่นพนัน ? ”

เมื่อได้ยินการพูดยอกย้อนของจวินเซี่ยในตอนแรกแล้วนางก็โมโหขึ้นมา แต่เมื่อได้ยินประโยคหลัง แววตานางก็เปล่งประกายขึ้นมาในทันที นางชำเลืองมองและยิ้ม เผยให้เห็นฟันกระต่ายสีขาว

“ ข้ายังไม่เคยไปที่นั่นเลย ! พาข้าไปด้วยสิ ! ”

นางพูดด้วยเสียงที่วางอำนาจ แบบไม่ยอมรับการปฏิเสธ ความเร็วและระยะทางที่นางฝึกฝนมาจนเคลื่อนที่ได้ไวขนาดนั้นช่างน่าชื่นชมเสียจริง

“ แม่นาง … ”

ผู้ติดตามสาวคนนึง ดึงปลอกแขนของ เซียวอี้เอาไว้ พยายามที่จะขัดขวางนาง ซึ่งการกระทำนี้ช่างมีเหตุผล เพราะสถานที่ ที่เด็กเสเพลทั้งสองจะไปนั้น เป็นสถานที่ที่ไม่ดีแน่นอน และด้วยความที่นางมาจากตระกูลที่สูงส่ง จะให้ไปกับพวกเขาได้อย่างไร ?

ตู่กู่ เซียวอี้ไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยแค่นี้หรอก นางพูดอย่างตื่นเต้น

“ อย่าห่วงไปเลย พี่ชายสองคนของข้า พูดถึงหอทองพันช่างทุกวันเลย ใช่ ! ต้องเวลาเท่านั้น มันจะต้องเป็นสถานที่ที่วิเศษแน่ และฉันจะทำให้มีคนมาสนใจฉันให้ได้!! ”

เมื่อเอ่ยอย่างนั้น นางเอื้อมมือไปและดึงที่หูของจวินเซี่ย

“ พาข้าไปเร็วๆ ! จนกว่าเจ้าจะพาข้าไปที่นั่น แล้ววันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป ! ”

จวินเซี่ยสามารถหลบมือของนางไปได้ แต่หากนึกถึงแผนการของเขาแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือก เขาทำได้แค่ปั้นหน้าตาที่เจ็บปวดและแสร้งแสดงออกมา ในระหว่างที่นางดึงหูของเขาในระหว่างที่เดินไป

องครักษ์ทั้งแปดคนยิ้มออกมาเล็กน้อย มองหน้ากันและเดินตามไป สำหรับ องครักษ์ทั้งแปดของเซียวอี้แล้วนั้น พวกเขาต่างเห็นด้วยเป็นอย่างมาก มากไปกว่านั้น ไม่ว่าพวกเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ องครักษ์ทั้ง สิบหกคน ก็ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันแล้ว องครักษ์ของจวินเซี่ยนั้นได้ควบคุมตัวเองเอาไว้ แต่องครักษ์ของเซียวอี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเลย พวกเขาแต่ละคนพยายามที่จะอดกลั้นที่จะนินทาคนของอีกตระกูล

เทียงหยวน ถอนหายใจด้วยความโกรธ ทำไมนังเสือร้ายนี่มาร่วมทางกับเราได้ ? ถ้านางเกิดเห็นหนังสือสัญญานั่น .. เทียงหยวนก็ตัวสั่นขึ้นมา นังนี่เป็นตัวเพร่งพรายตัวดีเลย นางสามารถที่จะกระจ่ายข่าวไปทั่วเมืองได้ภายในครึ่งวัน และในสองวันผู้มีชื่อเสียงในอาณาจักรคงจะรู้เรื่อง …. ถ้ามันเกิดขึ้นน่ะหรอ ข้าอาจจะรับผิดชอบด้วยการฆ่าตัวตาย

เมื่อพวกเขามาถึง ร้านหอมหวลพันไมล์ และเดินผ่านสวนด้านนอก จากนั้นก็เข้าสู่ลานขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง เทียงหยวนก็วิ่งเข้าไปด้านในอย่างหงุดหงิด ตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังที่สุด

“ นายน้อยจวินที่สามมานี่แล้ว ! เร็วเข้า ! เอาหนั… ส่งมันคืนมาให้ข้า ! ”

หลังจากนั้นก็มีเสียงหัวเราะเบาๆตามมา ปรากฏเด็กหนุ่มสาวหกคนที่ประตู ก่อนที่พวกเขาจะทันได้พูดอะไรก็เห็นเข้ากับ ตู่กู่เซียวอี้ดึงหัวจวินเซี่ยอยู่ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนสีไปคล้าคลึงกับสีพื้นเลยทีเดียว

แม่นางตู่กู่เซียวอี้น้อย เป็นสูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลตู่กู่ ซึ่งเป็นตระกูลที่มั่งคั่ง โดยที่มีลูกชายเจ็ดคนและลูกสาวหนึ่ง สำหรับลูกสาวเพียงคนเดียว นางกลายเป็นสิ่งที่เลอค่ามาก และช่างเอาแต่ใจจนเกินกว่าจะจินตนาการ

แม้ว่าเด็กสาวนี่จะมีพรสวรรค์ที่สูงส่ง ตั้งแต่อายุยังน้อย ขั้นการฝึกฝนปราณเชวียนของนางก็บรรลุไปถึงขั้นสูงแล้ว อีกทั้งนางยังมีความยุติธรรมที่สูงส่ง ชื่อเสียงของนางขจรไปอย่างกว้างขวางทั่วทั้งเมือง

เทียนเชียง และนายน้อยทุกคนที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของนางเป็นแน่แท้

มันพูดได้ว่า ปู่ของตระกูลตู่กู่ นาม ตู่กู่ ซ่งเหิง เป็นผู้ที่มีปราณเชวียนขั้นสูง ที่เลื่องลือกันว่าอยู่ในขั้นสวรรค์เชวียน ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวในอาณาจักรที่สามารถท้าทายกับจวินจ้านเทียนจากตระกูลจวินได้

และเขาก็อยู่ในตำแหน่งอครมหาเสนาบดีเช่นกัน และสำหรับพ่อของ ตู่กู่เซียวอี้ นามตู่กู่ อู่ตี้ และน้าทั้งสามของนางก็เป็น นายพลที่ปราดเปรื่องของอาณาจักร พี่ชายทั้งเจ็ดของนางก็เป็นทหารในกองทัพเช่นกัน

หากจะเปรียบตระกูลของนางก็มีอำนาจล้นฟ้า แต่ก็มิอาจเทียบกับตระกูลจวิน !!

Translate by iHaveNoName

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments