ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปตอนนี้มีการเปลี่ยนชื่อเล็กน้อยน๊าา เดี๋ยวผู้แปลจะกำกับไว้ให้เน้ออ พอดีกำลังฝึกผสมเสียงจีนอยู่ ยากเบาๆ อิอิ
*********************
“นายน้อยสาม ท่านช่างซื่อตรงนัก ! ”
เมิงไฮ่โจว ชื่นชมพร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้น
“ สมกับเป็นที่คาดหวังของตระกูลจวิน วีรกรรมคงทะลวงถึงสรวงสวรรค์ ! รัศมีของท่านช่างคล้ายคลึงกับปู่ของท่านในวันแห่งวีรบุรุษนัก! ”
แม้ว่าน้ำเสียงนั้นดูเคารพ แต่มันเต็มไปด้วยการถากถาง และเยาะเย้ยแม้ที่แม้แต่จวินโม่เซี่ยคนเก่าก็มิอาจตระหนักรู้ถึงสิ่งนี้ได้ !
เมิงไฮ่โจวเพ่งมองไปที่ ทางหยวน (เทียงหยวน) ในระหว่างที่เขาพูด
“ ก่อนหน้านี้ เราได้เล่นเกมส์ลูกเต๋าอยู่กับ นายน้อย ทาง แต่นายน้อยทางคงไม่ได้เล่นต่อแล้ว อย่างนั้นเราจะมาเล่นเกมส์เต๋ากันต่อไปไหมนายท่าน ? ข้าคงประหลาดใจหากท่านกล้า ? ”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของทางหยวนก็แดงก่ำ แต่เขาก็เลือกจะที่เงียบต่อไป
“ เกมส์ลูกเต๋า ? ”
จวินเซี่ยคิดเสียงดัง
“ อะไรที่ทำให้นายน้อยนี่กลัวเกมส์ลูกเต๋า? ”
เขาถอดหายใจในใจ นี่เป็นการยั่วยุอีกอย่างหรือ ? ถ้าจวินโม่เซี่ยคนเก่าได้ยินสิ่งนี้ คงไม่ได้กลิ่นอะไรตุๆหรอก !
“ รวมข้าด้วย ! ”
ตู่กู่เซี่ยวอี้ เข้าร่วมอย่างมีความสุข ทำให้ปรากฏสีหน้าของความดิ้นรนขึ้นบนใบหน้าของ เมิงไฮ่โจวทันที
“ เร็วเข้า เอาน้ำชามาเสริฟแขกของเรา ! ”
ลี่เฟิง (ลี่เฟง) ออกคำสั่งไปอย่างรีบเร่ง
ถ้อยชาก็ถูกน้ำมาวางไว้ข้าหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว ทางหยวนดื่มชาเข้าไปทั้งถ้วยรวดเดียว เลียริมฝีปากและพูดออกมา
“ นายน้อยสาม น้องท่านต้องการพึ่งพาท่านแล้ว โปรดแก้แค้นแทนข้าด้วย ! ”
จวินเซี่ยหัวเราะออกมาอย่างมีชัยและเอื้อมมือออกไปคว้าถ้วยชามา ในระหว่างนั้นเขาก็เพ่งมองไปยังแต่ละคนที่อยู่ที่นี่
ในตอนนี้ จวินเซี่ยรับรู้ได้แล้วว่า ลี่เฟิงและ เมิงไฮ่โจวเริ่มที่จะแสดงความยินดีออกมา ภายในใจเขารู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ระหว่างที่ก้มลงมองในถ้วยชาเขาสูดกลิ่นมันเข้าไป
“ ปกติเจ้าใช้ชาเห่ยๆมาเสิร์ฟลูกค้าหรือ ? การบริการของเจ้าช่างน่าผิดหวังเสียจริง ”
เขาวางถ้วยกระแทกลงบนโต๊ะ
แค่เพียงได้สูดกลิ่นเข้าไปครั้งเดียว จวินเซี่ยก็รับรู้ได้ถึง ยาหลอนประสาทที่อยู่ในชา กลิ่นที่แปลกประหลาดนี้มันเป็นอะไรที่เหมือนกับกลิ่นของ ฝิ่น และผลของมันก็คงจะเหมือนกัน
หากดื่มมันเข้าไป คงไม่ทำให้ร่างกายบาดเจ็บ แต่มันคงจะส่งผลต่อสมองของคนได้ เมื่อเขาหันไปมองเสื้อของ เมิงไฮ่โจวอย่างพินิจ เขาพบว่ามันช่างเจิดจ้าและการออกแบบก็พะรุงพะรัง รวมไปถึงส่งกลิ่นที่แปลกประหลาดออกมา
ผู้คนปกติคงจะงงงวยกับชุดนี้ แต่เสื้อผ้าชุดนี่และกลิ่นที่แปลกประหลาด หากคู่กับผลจากความเมายาจากชา มันจะมีผลร้ายแรงต่ออารมณ์
ดูเหมือนว่าปัญหามันจะไม่ได้มีแค่ในชา แต่รวมไปถึงเสื้อผ้าและกลิ่นนั้น นอกจากนี้พวกมันยังเกี่ยวข้องกัน เบื้องหลังชายผู้นี้จะต้องมีคนปรุงยาที่ชำนาญมากอยู่แน่
ไม่แปลกเลยที่ ทางหยวน จะเอาเมียไปพนันก่อนหน้านี้ มันคงเป็นเพราะเหตุนี้สินะ !
เมื่อเหลือบไปยังถ้วยชาที่อยู่ในมือของ ตู่กู่ เซี่ยวอี้ เขาสังเกตุมันและชัดเจนว่า มันไม่มียาผสมอยู่เลย ถ้ามองในสภาพแวดล้อมนี้ พวกเขาคงจะไม่กล้าที่จะทำให้ตระกูล ตู่กู่โกรธ
“ เจ้าจะรออะไร ? เร็วเข้า เปลี่ยนน้ำชาให้นายน้อยสาม ! ”
ลี่เฟิงร้องออกไป เมื่อเห็นว่า จวินเซี่ยไม่ยอมดื่มมัน ทันใดนั้นเขาก็เตรียมที่จะใช้วิธีการอื่น
“ ลืมมันซะ ข้าคงจะรบกวนพวกท่านมากไป ! ข้ามานี่เพื่อเล่นพนัน มิใช่เพียงเพื่อดื่มด่ำกับน้ำชา หากข้าต้องการจะดื่มน้ำชา คงไม่เสียเวลามาถึงที่นี่หรอก ”
จวินเซี่ยพูดอย่างเนือยๆ
“ ไม่ต้องเปลี่ยนชาหรอก ”
เขาเงิยหน้าขึ้นมาและดื่มชาเข้าไป
“ รีบเริ่มกันเถอะ ข้าชักจะร้อนใจแล้ว ”
สีหน้าของ ลี่เฟิงและ เมิงไฮ่โจว เปล่งประกาย
“ ถ้าอย่างนั้นเราจะทำตามที่ท่านต้องการ นายน้อยสาม ”
หลังจากนั้นพวกเขาก็สั่งให้ ข้ารับใช้น้ำทางไป พวกเขาทั้งหมด ถูกพาเข้ามาในห้องโถงที่ว่างเปล่า ภายในนั้น มีเพียงโต๊ะหินขนาดใหญ่และเก้าอีกราวสิบกว่าตัว แม้ระหว่างทางไปนั้นก็หาพบใครสักคนไม่ ! ราวกับว่า ธุระในวันนี้ โดนจองไว้สำหรับ จวินโม่เซี่ย …
ในระหว่างทางนั้น อยู่จวินเซี่ยก็จาม และพ่นน้ำลายใส่ ทำให้ชุดของทางหยวนเปียก ทางหยวนร้องออกมาเสียงดังและรีบเช็ดมันทันที …
จวินเซี่ยถูจมูกและ เช็ดน้ำลายออกไปด้วย แขนเสื้อ (pei ไปหาดูมันเหมือนจะแปลว่าชุดน่ะ)
“ แปลก ทำไมข้ารู้สึกวิงเวียน ? อีกทั้งจะจามอีกด้วย ”
ลี่เฟิงและ เมิงไฮ่โจวมองกันและกัน ใบหน้าพวกเขาเปล่งประกายด้วยความปิติ ยาเริ่มแสดงผลแล้ว วะฮ่าฮ่าฮ่า !
…
ณ ที่พักของมหาอุปราชย์
มหาอุปราช ลี่เฟิง นั่งลืมตาครึ่งหนึ่งอยู่บนเก้าอี้อันนุ่มนวล ในระหว่างที่เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงที่แสนจะไพเราะ ของนักร้องที่อยู่ตรงฉากบัง เขาถามออกไปด้วยรอยยิ้ม
“ สำหรับเรื่องที่สำคัญนี้ เหตุใดเจ้าถึงให้พวกไร้ความสามารถจัดการละสหาย ? ถ้าพวกมันทำเสียการ มันจะทำให้เราพลาดโอกาสที่สำคัญไปได้ ตระกูลจวินนั่นมีใช่อะไรที่น่ากลัว แต่ไอแก่จวินที่อยู่เบื้อหลังนั่น ไม่ใช่ใครที่สามารถจะยั่วยุได้ง่ายๆน่ะ แม้หากพวกเราไม่ได้กลัวเขา แต่เรื่องนี้มันจะนำปัญหามาให้พวกเราได้ ถ้าหากเขาต้องการที่จะสืบสวนมัน ! ”
คำพูดของเขาดูราวกับจะตำหนิ หากแต่เสียงของเขาช่างนุ่มนวลและผ่อนคลาย แม้เขาจะตั้งคำถามขึ้นมา หากแต่สีหน้าของเขานั้นแสดงถึงความเชื่อใจและไว้ใจผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขา
ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นคือเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาในชุดสีขาว ปากแดง ฟันขาว หน้าตางดงาม และสูง ชายอันหล่อเหลาผู้นี้มีก้นที่เหมือนกับภูเขา การเคลื่อนไหวและท่าทางของเขา เผยให้เห็นถึงความงดงามและสูงศักดิ์ เมื่อได้ยินคำถาม เขาก็ยิ้มและตอบกลับมา
“ ท่านปู่ ท่านช่างทำอะไรอย่างระมัดระวังอยู่ตลอดเลยน่ะ หลานผู้นี้รู้สึกชื่นชมท่านยิ่งนัก แม้จะเห็นได้ชัดว่าเจ้าจวินโม่เซี่ยนั้นเป็นพวกเสเพล หากส่งคนมีฝีมือส่วนตัวของเราไปจัดการคนประเภทนั้นคงจะไว้หน้าเขามากเกินไป หากเทียบกับเขา และแม้แผนกานนี้จะล้มเหลว เราก็ยังคงมีโอกาสอื่นอีก คงไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องนี้ นอกจากนี้ หากส่งผู้มีฝีมือของเราไป ด้วยลักษณะและความคุ้นเคยของพวกเขาเอง จะดูไม่เข้ากับสถานที่นั้น และมันจะทำให้แผนการถูกเปิดเผยได้ และมันจะนำมาซึ่งการศูนย์เสียโอกาศครั้งนี้ไป ”
“ ถ้าหากคิดว่า จวินโม่เซี่ยเป็นแค่คนเสเพล แต่การระมัดระวังตัวเขานั้นสูง ถ้าเราส่งผู้มีฝีมือขั้นสูงไปพร้อมกับความเจ้าปัญญาเพื่อจัดการกับ จวินโม่เซี่ย แผนการนี้อาจจะกลับมาเล่นงานเราได้ ”
เขายกคิ้วขึ้น ในระหว่างที่ปากเปิดเผยถึงความประชดประชัน
“ ถึงกระนั้น ลี่เฟิงและ ลี่เจิน ก็ยังไม่คู่ควร พวกเขามีความคิดเหมือนกัน หากเทียบกับจวินโม่เซี่ย นี่คือที่ ที่ทุกคนใช้เพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง ! ใช้พวกเสเพลจัดการกับพวกเสเพล โดยเฉพาะพวกเสเพลโง่เง่าอย่างจวินโม่เซี่ย ด้วยที่พวกมันทั้งสองนั้นเป็นตัวหลักเราอาจจะได้รับความประหลาดใจที่คาดไม่ถึงก็ได้ แต่หากเราส่งสมาชิคคนสำคัญของเราไปจัดการกับจวินโม่เซี่ย ข้าเกรงว่าแม้แต่เขาคงจะไม่หลงเชื่อมัน อีกด้วย … ฮ่าฮ่า ”
เขายิ้มอย่างร่าเริง เขายังคงจำคำที่ไม่ต้องเอ่ยถึงก็สามารถเข้าใจได้อยู่ จะมีใครใช้เนื้อวัวเพื่อสังหารไก่กัน ?
ผู้มีฝีมือจะต้องถูกส่งไปจัดการกับผู้มีฝีมือเท่านั้น ! กระบี่ชั้นดีควรใช้งานอย่างชาญฉลาด ! หากผู้มีฝีมือถูกส่งไปจักการงานง่ายๆอย่างพวกเสเพลหรือคนธรรมดา รังแต่จะให้พวกเขารู้สึกถึงการดูถูดเท่านั้น !
หากเพลง หิมะขาวในต้นใบไม้ผลิ ถูกบรรเลงต่อหน้าคนขายเนื้อ มิใช่แค่ผู้เล่นเพลงจะงงุนงงเท่านั้น หากแต่คนขายเนื้อก็คงจะง่วงหาวเช่นกัน
“ พูดได้ดี ! ”
ลี่ชางมิงไปที่ หลานคนโตของเขา ลี่โหยวหลาน ด้วยสีหน้าที่เห็นด้วย ล่างชางนั้นเชื่อมั่นและถูกใจในคำพูดของเขาแล้ว หลานโหยวนหลานของเขานั้นเป็นผู้นำที่สำคัญของรุ่นของเขาในตระกูลลี่ ทั้งการพูดจาและกริยท่าทาง สีหน้าและสไตล์การเป็นผู้นำของเขาช่างยอดเยี่ยม !
อีกทั้งระดับความมานะและสติปัญญาก็ไม่ได้ไร้ความสามารถเลย เขายังมีความอัฉริยะในท่ามกลางผู้ฝึกฝนปราณ เชวียน บรรลุไปถึงขอบเขตของขั้นเชวียนทองในวัยเพียง ยี่สิบห้าปี เขาเป็นหนึ่งเดียวในอาณาจักรเทียนเซียงที่สามารถฝึกฝนมาจนถึงขั้นนี้ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้!
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ ลี่โหยวหลานมีนั่นคือคือควางสงบและความคิดอันแน่นแน่ เขาไม่หยิ่งทะนงและมีความนอบน้อม อีกทั้งเขายังมีกลวิธีในการพิจรณาสิ่งต่างๆ ตั้งแต่อายุยังน้อย เขาได้สร้างกลวิธีที่ทำให้เขาสามารถชนะได้เป็นพันไมล์ แม้แต่สมัยที่ลี่ชางเป็นหนุ่มก็ยังมิอาจเทียบ
เขาสามารถหยั่งรู้ได้หากตระกูลลี่ปราถนาที่จะพุ่งทยานไป ดังนั้นความหวังของคนรุ่นต่อไปก็คงต้องอยู่บนไหล่ของลี่โหยวหลานแล้ว ! ด้วยความสามารถของหลานเขาแล้ว ลี่ชานถึงกับปลื้มปริ่มอย่างถึงที่สุด !
ลี่โหยว หลาน ไม่เคยประเมินผู้ใดต่ำไปเลย เมื่อมีการจัดเตรียมแผนการเขาจะวิเคราะห์ทุกแง่มุมของแผนการนั้น หากจัดจัดการกับผู้ใดเขาจะวิเคราะห์ผู้นั้นอย่างทะลุปรุโปร่ง แม้แต่กับคนอย่างจวินโม่เซี่ย ลี่โหยวหลานก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งทัศนคติที่เป็นกลาง ไม่แสดงความถูถูกเลยแม้แต่น้อย หากต้องสนทนาในเรื่องของเขา
ท่าทีดังกล่าวนั้นแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในทันที โดยไม่คำนึงว่าพวกเขาอยู่ในฐานะใด
“ กลยุทธ์นี้ได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว แต่เราก็ยังคงต้องป้องกันถึงความเป็นไปได้อื่นๆอีก และมันจะดีที่สุดหากสำเร็จได้ในการลงมือเพียงครั้งเดียว ! ”
พวกเขาเชื่อว่าจวินโม่เซี่ยจะไม่มีทางหลอดรอดแผนการของพวกเขาไปได้ นอกจากนั้น ลี่โหยวหลานก็ยังคงเป็นผู้วางแผนการนี้ด้วยตนเอง มันก็ยังคงต้องดำเนิดการต่อไปโดยใช้ ทางหยวน หากจิวนโม่เวี่ยหลุดรอดไปได้ แสดงว่าต้องมีบางอย่างผิดพลาดไปอย่างแน่นอน ! ตราบใดที่จวินโม่เซี่ยตกหลุมนี่ แผนสองก็จะดำเนินการไปทำให้เขาไม่มีวันที่จะหลุดรอดออกไปได้เลย !
เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว แม้แต่จวินจ้านเทียนก็ไม่สามารถที่จะใช้งานพวกเขาได้ เขาจะตกสูความสินหวังของหลานชาย และไม่สามารถสร้างความคุกคามอะไรได้อีกเลย !
“ เว้นแต่ ? ”
ลี่โหยวหลานขมวคคิ้ว เขาคิดถึงแง่มุมของแผนกานใหม่อีกครั้งในสมองและพยักหน้า
“ ไม่มีความเป็นไปได้อย่างอื่นแล้ว ! ไม่ต้องกล่าวถึง เมิงไฮ่โจว ที่พรสวรรค์ของเขาไม่เป็นที่น่านับถือ แต่สำหรับการจัดการคนอย่างจวินโม่เซี่ยแค่เขาก็มากเกินพอ! จวินโม่เซี่ยไม่สามารถที่จะหลุดเงื้อมมือของข้าไปได้แน่นอน ! ”
“ และอะไรที่ทำให้เขาหลุดพ้นเงื้อมมือเจ้าไปได้ละ ? ”
ลี่ชางพูดเล่นๆ
“ หนีไป ? ”
เขาครุ่นคิดถึงคำถามนั้นอย่างจริงจังก่อนที่จะหัวเราะออกมา ลี่โหยวหลาน ชายตามองไปที่ประตูและพูดขึ้น
“ หากมันจะเป็นแบบนี้ ก็คงจะมิใช่จวินโม่เซี่ยแล้วละ ! ”
Translate by iHaveNoName