I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Otherworldly Evil Monarch ตอนที่ 24 การตกที่นั่งลำบากของปู่จวิน

| Otherworldly Evil Monarch | 795 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ในตอนที่ เคอน้อย รับรู้ว่านายใหญ่ของบ้านได้มายืนอยู่ที่ประตูนั้น นางถึงกับสพดุ้งตกใจ จากนั้นนางก็รีบคุกเข่าลงคำนับก่อนที่จะตอบไป

“ สมบัติเหล่านี่เป็นสิ่งที่ นายน้อยชนะการพนันมาเมื่อไม่นานมานี้ ? ”

“ เขาชนะ ? ชนะจริงๆหรือ ? ”

เสียงของจวินจ้านเทียนเริ่มเบาลง ภายในหัวใจเขาเต็มไปด้วยความปิติและประหลาดใจ หากแถวนี้มิมีผู้ใดอยู่ใกล้ๆ เขาอาจจะตะโกนออกไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกปิติและประหลาดในนั้นเหนือกว่า ความคลางแคลใจที่มีอยู่ในความคิดของปู่จวิน เมื่อใหร่กันที่ไอบ้านี่เริ่มเรียนรู้ที่จะชนะเงินรางวัล ? จากที่ข้าจำได้ เขาไม่เคยชนะอะไรเลยตั้งแต่วันที่เรียนรู้ที่จะเล่นพนัน …

ถ้าหากปู้จวินมิได้จำกัดเงินของเขา ตอนนี้ จวินโม่เซี่ยอาจจะเอาบ้านหลังนี้ไปวางเดิมพันแล้วก็ได้ แต่ตอนนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะชนะเท่านั้น หากแต่เขายังได้สิ่งขอมูลค่าสูงขนาดนี้มาด้วย …

“ เป็นจริงเจ้าค่ะ สมบัติพวกนี้นายน้อยได้ชนะมา ไม่ว่าสาวใช้อย่างข้าจะกล้าหาญเพียงใด ก็คงมิกล้าโกหกนายใหญ่ของบ้านหรอกเจ้าค่ะ รวมถึง นายน้อยสามก็ได้เอาตั๋วเงินสามล้านเหลียงกลับมากด้วย ”

เคอน้อยตอบไปอย่างไม่ลังเล

“ จากที่ข้าได้ยิน สิ่งของเหล่านี้นายน้อยได้ชนะมากจา นายน้อยสี่และเมิงเจ้าค่ะ ตอนที่เขากลับมา เขาเอาสิ่งของพวกนี้มาวางให้ข้าจัดการ ก่อนที่เขาจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเจ้าค่ะ ”

เคอน้อยนั้นเต็มไปด้วยความ ภาคภูมิใจ เพราะนายน้อยมิเคยได้ชนะอะไรกัลบมาเลยก่อนหน้านี้ หากแต่ตอนนี้ จวินเซี่ยชนะกลับมามากจริงๆ ภายในหัวใจของเคอน้อย นายน้อยของนางนั้นมีฝีมืออย่างมาก แม้นางจะยังคงกลัวนายน้อยอยู่ก็ตามที แต่วันนี้ความรู้สึกที่มีต่อนายน้อยได้เปลี่ยนไป อย่างน้อยที่สุดก็มิได้เกลียดชัง !

“ ไอโง่นั่นไปที่ห้องสมุดอีกแล้วหรือ ? ”

ในตอนนี้ ความรู้สึกของปู่จวินนั้นมีความสุขเกินกว่าความประหลาดใจแล้ว ไม่ได้กังวลว่าจะต้องมานั่ง เก็บกวาดสิ่งที่หลานของเขาได้ทำลงไปเลยสักอย่างเดียว

เมื่อเขาได้ยินเคอน้อยพูดว่าหลานขอเขาไปใหนต่อนั้น เขาเพ่งมองออกไปอย่างนิ่งเฉย ดูเหมืนกับไม่สามารถที่จะคว้าเอาวความรู้สึกที่กำลังเข้าด้วยมือที่สั่นเทาไว้ได้ เขาแตะหน้าผากดูเพื่อที่จะตรวจสอบให้แน่ใจได้ว่าไม่ได้เป็นไข้ และดึงหูเพื่อที่จะแน่ใจว่าสิ่งที่เขาได้ยินนั้นไม่ผิดเพี้ยนไป มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้ฟื้นจากไข้

“ โอ้ ตอนที่เขากลับมา บอกเขาให้ไปหาข้า ”

หลังจากพูดจบ ปู่จวินก็พาพ่อบ้านพาง ออกไปด้วย ปล่ยให้แม่สาวน้อยนับต่อไปเรื่อยๆ แววตาของนางเปล่งประกายเป็นสีเงิน

“ หยกเสียงคลอสามอันนี้ น่าจะขายได้อย่างน้อยหนึ่งแสนเหลียง ลูกปัดและอัญมณีนั่น น่าจะขายได้อย่างน้อย แสนห้าหมื่นเหลียง …. และนั่น .. อย่างน้อยก็ …. รวมด้วยตั๋งเงินนี่ … ว๊าวว … ”

“ ตาแก่พาง เจ้าคิดว่าอย่างไร ? ”

จวินจ้านเทียนที่เดินอยู่ข้างหลังไม่สามารถที่จะจินตนาการถึงมันได้ การกระทำของหลานเขาในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ช่างทำให้เขาสับสนเหลือเกิน เขามีแผนการอะไร ? เขากำลังทำอะไรอยู่ ?

“ ข้ารับใช้แก่ชราผู้นี้ก็ไม่ทราบได้ อย่างไรก็ตาม การกกระทำของนายน้อยในตอนนี้นั้นเป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน ”

ตาแก่พางก็ดูเหมือนจะสับสนเช่นกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดีคือไม่ต้องไปช่วยเก็บกวาดให้จวินโม่เซี่ยละนะ

“ หากเขามีความใคร่ที่จะอ่านหนังสือจริงๆ เจ้าคิดอย่างไรหากข้าจะส่องเขาไปที่ สถาบันเหวินชิง ? ”

ปู่จวินถามคำถามแปลกๆ พร้อมกับความเพ้อฝันบนใบหน้า สถาบันเหวินชิงนั้นเป็น สถาบันชั้นนำที่ปราชญ์ทั้งหมดใน อาณาจักเทียนเชียงมาเพื่อเรียนรู้ อีกทั้งยังมีทั้ง อาจารย์ และศิษย์ รวมกันกว่าพันคน จำนวนนี้อาจจะดูว่าน้อยหากเทียบกับประชากรทั้งหมดในอาณาจักรเทียนเชียง

นั่นหมายถึงว่า ผู้ที่รำ่รวย มีพรรสวรรค์สูงส่ง ซึ่เป็นข้อบังคับและมีโอกาสได้เข้าไปเรียนรู้ยังที่แห่งนี้ตราบใดที่เด็กเหล่านั้นจะจบการศึกษา อาณาจักรจะเป็นผู้ว่าจ้างพวกเขาเอง ! แม้ว่า พวกอัจฉริยะจะต้องเผชิญกับความยากลำบากมากในการเรียนรู้เพื่อที่จะจบการศึกษาจากที่นี่ได้ !

อาจจะบอกได้ว่า สถาบันเหวินชิงนั้นคือเส้นทางอันรุ่งโรจของนักปราชญ์ก็ว่าได้ !

โดยไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใครหรืออาจจะใหญ่มาจากใหน แม้แต่ องค์ชายหรือองค์หญิง ก็จะไม่ได้อรับอณุญาติให้เขาสู่สถาบัน หากพวกเขาไม่มีความสามารถที่แท้จริง !

ที่ปู่จวินที่พิจารณาจะส่งจวินเซี่ยไปสู่สถาบัน เหวินชิงนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อว่าจวินเซี่ยได้ผลิดอกใหม่จริงๆแล้ว

“ … มันอาจจะเป็นได้ได้ยากมาก … ”

ความสามารถพื้นฐานของจวินโม่เซี่ยนั้น เขาจะสามารถเข้าสู่สถาบันเหวินชิงได้อย่างไรกัน ? พวกที่ถูกรับเข้าไปจะต้องอุสาหะร่ำเรียนเป็นเวลาถึงสิบปี พวกเขามีคณสมบัติที่เป็นที่เลื่องลือ และเลวทรามในหมู่ผู้อัจฉริยะ แล้วหลานชายของเจ้าที่ไม่เคยสนใจอะไรมาตั้งสิบหกมีและเพิ่งจะเริ่มอ่าหนังสือมาเดือนเดียวจะมีสิทธิเข้าได้อย่างไรกัน ?

แท้จริงแล้ว ตาแก่พางจำเป็นจะต้องพูดออกไปตรงๆ เขาอะธิบายอย่างละเอียด

“ สถาบันเหวินชิงนั้นเป็นที่ภาคภูมใจของชายแก่ผู้นี้ แต่หากนายน้อยเข้าไปและไม่สามารถอดทนได้ … เห้ออ ! ข้าเชื่อว่า … ข้าเชื่อว่าเราควรจะรอไปก่อน … เฝ้าดู .. เฝ้าดูเขาไปอีกสักพัก ”

“ พุทโธ ! ช่างโชคร้านที่ปราณเชวีนของเจ้าบ้านั่นช่างพื้นฐานนัก มันอาจจะดีกว่าหากเขาเข้าสู่สถาบัน เชวียนชั้นเลิศ เพื่อที่จะให้ตระกูลจวินของเรายังคงมี นายพลเพื่อไปต่อสู้ยังสมรภูมิต่อไป ! หากตระกูลของเราสร้างนักปราชญ์ เื่อนั้นตระกูลของเราจะเริ่มเสื่อมถอยลง ”

จวินจ้านเทียนตระหนักได้ด้วยตัวเองว่า เรื่องนั้นมันไม่ง่ายเลย หลังจากที่ที่เจ้าชายองค์ที่สองได้เข้าสู่สถาบันเหวินชิง และองค์จักรพรรดิได้ อดทนต่อความขุ่นเคืองของปู่จวินก่อนที่จะส่งองค์ชายเข้าไป ปู่จวินที่มักจะขัดแย้งกับนักปราชญ์เสมอ ได้ทำให้มันยุ่งยากมากขึ้น

ไม่ต้องกล้าวถึงชื่อเสียงของ โม่เซี่ย

“ ตาแก่พาง เจ้าคิดว่าอย่างไร ? เราควรจะจัดการอย่างไรกับจวินโม่เซี่ย ? ”

ปู่จวินถอนหายใจอย่างต่อนเื่อง

“ จะส่งเขาไปเรียนหรือ ? เด็กบ้านี่ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้แน่นอน หรือจะส่งเขาเข้าไปยังกองทัพ ? เด็กบ้านี่ก็ไม่มีพรสวรรค์เลยแม้แต่น้อย เขาไม่อดทนต่อความเจ็บปวดและการฝึกฝนเลย หรือจะส่งเขาไป ทำธุรกิจ ? … ข้าเกรงว่าเขาจะเสียเงินไปทั้งหมดจนถึงจุดที่ไม่สามารถที่จะซื้อโลงให้กับข้าได้เลย ! งงง หรือข้าจะต้องปล่อยเขาให้อยู่เฉยๆเพื่อรอความตายจริงๆกัน ? ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ตาแก่พางก็เริ่มท้อแท้ใจและปลอบใจปู่จวิน

“ นายน้อยนั้นเริ่มพัฒนาตัวเองไม่นานมานี้ เขาอาจจะพยายามบรรลุไปถึงความสำเร็จด้วยตัวเองเป็นอย่างดีก็ได้ การผลัดใบ .. อ่าห์ นายน้อยนั้นยังคงหนุ่มแน่น ข้าเชื่อว่ามันอาจจะไม่ช้าเกินไปนัก … ”

“ การปลอบใจที่เสแสร้งอย่างนี้เป็นอะไรที่ข้าเกลียดที่สุด ! เจ้าช่างเรียนรู้ที่จะทำอย่างนี้ได้ดีจริงๆ ! ”

จวินจ้านเทียนขมวดคิ้ว และประณาม

“ ตาแก่พาง นี่ดูไม่เหมือนเจ้าเลย ! ดูเจ้าสิ ! พางลี่ผู้ที่ต่อสู้กับศัตรูนับหมื่นในสมรภูมิอย่างเด็ดเดียวหายไปใหนแล้ว ? ”

ตาแก่พางยิ้มน้อยๆ ข้าไม่ได้ต้องการจะพูดอย่างนั้น แต่ ข้าจะพูดอะไรได้อีกล่ะ ? ข้าตั้งใจจะบอกว่า หลานของเจ้าแต่ละคนนั้นได้รับพรจากพรเจ้ามา แต่เจ้าลืมเรื่องหลานของเจ้าไปได้เลย ทุกคนรู้ว่าหลานคนนั้นไม่สามารถที่จะพัฒนาได้แล้ว ไม่สำคัญว่าเจ้ากังวลแค่ใหน ไม่สำคัญว่าเจ้าตระเตรียมเส้นทางใหนไว้ให้เขา เขาจะไม่ทำทุกอย่างเหล่านั้นพังพินาศไปหรอกหรือ ? จะให้ข้าพูดออกไปอย่างนั้นหรือ ? ข้าบอกให้เจ้าตัดหัวข้าดีกว่า !

“ มีอีกหนึงวิธีที่จะใช้ปกป้องนายน้อยได้ นายท่านมิต้องเป็นกังวล ”

ตาแก่พางพูดขึ้นในระหว่างที่เขาระลึกอะไรได้บางอย่าง

“ วิธีอะไร ? บอกข้ามาเร็ว ! ”

จวินจ้านเทียนตกตะลึง เขาได้กำจัดความรู้สึกออกไปหมดแล้วในวันนี้ เขาไม่เชื่อเลยว่า ตาแก่พางนั่นจะมีทางจริงๆ !

“ วิธีนี้จะต้องใช้การจัดเตรียมที่ยากมา ”

ตาแก่พางกำลังจะพูดต่อ แต่แล้วเขาก็ลังเลนิดหน่อย

“ วิธีคือ เราจะต้องซื้อสัตว์เชวียนหนุ่มที่ อยู่ในขั้นแปดเป็นอย่างน้อย หลังจากนั้น เราสามารถที่จะฝึกฝนมันที่ราคา … ”

“ หยุด ! หยุด ! หยุด ! ”

จวินจ้านเทียนขัดคำพูดของ ตาแก่พางอย่างนหักแน่น

“ ตาแก่พาง นี่เจ้าละเมอหรือไร ? เจ้าคิดจริงๆหรือว่าวิธีนี้จะเป็นไปได้ ? ”

ตาแก่พางคิดเรื่องนี้พร้อมกับเพ่งมองไปข้างหน้า จากนั้นก็ตอบมา

“ เป็นไปไม่ได้ ”

“ เมื่อเจ้ารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วเจ้าจะพูดถึงมันทำไม ?! ”

จวินจ้านเทียนถอนายใจแบบหนักๆ

สัวต์เชวียนนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษที่มาจาก ภูมิภาค เชวียนเชวียน สัวต์เชวียนที่มีระดับสูงนั้น จะสามารถมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หรือจะบอกได้ว่า สัตว์เชวียนขั้นที่แปดนั้นสามารถที่จะสู้ได้แม้กระทั่งกับผู้ที่อยู่ในขั้น สวรรค์เชวียน ! สำหรับสัตว์เชวียนขั้นเก้านั้น มีพลังที่แข็งแกร่งไม่ต่างกับผู้ที่อยู่ในขั้นเทพเชวียนเลยก็ไว่าได้ !

แม้ว่า เหล่าสัตว์เชวียนจะมีการจัดลำดับของตัวเองเหมือนกับคน แต่ระดับขั้นนั้น แข็งแกร่งกว่าคนมากนัก สำหรับมนุษย์ผู้ที่มีความสามารถพิเศษบางอย่าง มันเป็นไปได้ที่พวกเขาสามารถที่จะ ท้าทายและเอาชนะผู้ที่มีปราณเชวียนขั้นที่สูงกว่าได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อสู้กับสัตว์เชวียนเหล่านี้ !

สัตว์เชวียนที่ระดับขั้นต่ำกว่าสี่นั้น จะถือว่าเป็นเหมือนกีบสัตว์ป่า อย่างมากก็อาจจะมีพลังมากกว่าสัตว์ปกติเล็กน้อย มีเพียงแต่สัตว์เชวียนขั้นห้าขึ้นไปถึงจะมีความสามรถที่พิเศษได้ แม้ว่าสัตว์เชวียนขั้น หกและเจ็ดจะใช้ปะโยชน์ได้ไม่มากนัก

แม้แต่มันยังคงเป็นหนุ่ม นอกจากนี้ เมื่อมันเติบโตเป็นผู้ใหฐ่แล้ว จะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนนาน บางตัวอาจจะใช้เวลาหลายสิบปี หรือบางตัวอาจจะเป็นร้อยปี ! เพื่อรอให้เด็กอ่อนหัดเติบโต จุดใหนละ ? ไม่ต้องกล่าวถึงความแข็งแกร่งของสัตว์เขวียนขั้นที่หก ที่สามารถเทียบได้กับ ขั้นปราณเชวียนเงิน เพราะฉนั้น ราคาของสัวต์เชวียนขั้นนี้จิงไม่สูงและค่อนข้างหาได้ง่าย

แม้ว่า จากขั้นที่เจ็ดขึ้นไป สถานการณ์มันจะเริ่มต่างกันแล้ว ! พวกมันได้บรรลุถึงความสามารถที่แท้จริงไปแล้ว อาจจะบอกได้ว่า หากเทียบกับคนแล้ว มันก็อยู่ในขั้นที่มีสิปัญญา นอกจากจะมีความสามารถแต่เดิมแล้ว พวกมันยังมีความสามารถพิเศษอีกด้วย สำหรับความสามารถนี้ การพัฒนาการของเด็กพวกนั้นมันก็จะต่งออกไป !

Translate by iHaveNoName

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments