I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Otherworldly Evil Monarch ตอนที่ 32 คิดถึงบ้าน

| Otherworldly Evil Monarch | 855 | 2337 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

พลังที่ได้เวียนอยู่นี่ดูเหมือนจะบอบบาง หากแต่แท้จริงแล้วมัน ทนทานเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้น จวินเซี่ยก็ยังคงไม่พอใจเพราะว่าระดับของพลังที่ไหลเวียนอยู่นี้สามารถเทียบได้แค่ขั้นเริ่มต้นเท่านั้น พลังที่ไหวเวียนนี้เกือบจะเอาไปใช้ทำอะไรไม่ได้เลย มันอาจจะใช้ในการเล่นกล และปรับเปลี่ยนผลในระหว่างเล่นกลได้ หากเป็นเรื่องความเป็นตายในการต่อสู้ที่ใช้กระบี่ละ ? พลังในระดับนี้น้อยนิดเกินไป !

แม้ว่ามันจะคล้ายเส้นไหมของตัวไหม ที่แต่ละเส้นสามารถรองรับน้ำหนักได้สูงถึง สองร้อยจิน (ร้อยยี่สิบจุดเก้า กิโลกรัม) ซึ่งมันเป็นน้ำหนักสูงสุดที่ทำได้ แต่วินเซี่ยก็ยังคงต้องการมากกว่านั้น เขาต้องการร้อยหรือพันเส้นเพื่อที่มาผสานรวมกันและกลายมาเป็นต้นกำเนิดของพลังภายใน !

เขาปราถนาที่จะ บ่มเพาะพลังที่ไหลเวียนไปถึงจุดที่มันจะเติมเต็มเส้นลมปราณของเขาได้ ซึ่งทำให้จวินเซี่ยรู้สึกว่าเขานั้นยังห่างไกลนัก

แม้ว่า นั่นจะเป็นข้อได้เปรียบหนึ่งในสถานะการณ์ปัจจุบันของเขา เขาสามารถที่ใช้ในการลอบโจมตีที่ทำให้เกิดความประหลาดใจได้จริงๆ และมันก็เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ! จวินเซี่ยหลับตาในขณะที่เขาประเมิญความเป็นไปได้ในการที่จะใช้พลังที่ไหวเวียนในร่างกายของเขานี้ เขาได้เข้าสู่ขั้นของการแยกตัวตนออกจากสิ่งอื่นอย่างช้าๆ …

ที่พำนักของ สกุลลี่

ถังหวานลี่ รีบวิ่งอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปยังที่พักของสกุลลี่ ที่อยู่ด้านหลังของกลุ่มชายชกรรณ์ แม้ว่าในตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังวิ่งโดยเอาหัวพุ่งเข้าใส่กองผ้าฝ้าย ณ. ที่พักของผู้ดูแลของตระกูลลี่ ลี่โย่วหลานต้อนรับเขาด้วยความอบอุ่น ด้วยความรักใคร่และไมตรี ซึ่งเป็นเหตุให้ ปู่ถังรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ในขณะที่เขาไม่สามารถที่จะหาข้อผิดเพื่อโต้แย้งได้ แม้ว่าเข้าจะโมโหอย่างมาก แต่เมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับ รอบยิ้มที่สงบและความจริงใจของ ลี่โย่วหลาน ก็พบว่าเขานั้นไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ แม้ว่าพฤติกรรมที่ที่ทำให้โกรธนั้นไม่สามารถที่จะระงับได้อย่างง่าย หลังจากที่ได้ดื่มชาแล้ว เขาก็กระแทกมันลงเสียงดัง ซึ่งทำให้ถ้วยชานั้นแตกเป็นชิ้นเล็กๆ

ลี่โย่วหลายยังคงยิ้มอย่างนุ่มนวยและพูด “ มา รีบเตรียมชาอีกถ้วยมาให้กับท่าน อดีตเสนาบดี ” จากนั้นเสียงของเขาก็ดังหนักแน่น “ ข้าเองก็ไม่ระวังแต่แรก เร็วเข้า ไปเอาชา ฮานหยาน ระดับสูงมาจากห้องของท่านปู่ข้า ข้าเคยได้ยินว่า ท่านเสนาบดีถัง ชื่นชอบชา ฮานหนาย ระดับสูงนี้มาก ”

หลังจากที่สั่งสอนข้ารับใช้เสร็จสิ้น เขาก็ลดเสียงลงอีกครั้ง มองไปยังปู่ถังหวานลี่ อย่างขออภัย “ ท่านพี่เสนาบดี ข้าน้อยผู้นี้สั่งสอนคนของข้า แทนตัวท่าน ข้าหวังว่าท่านจะไม่ใส่ใจ หากข้าน้อย ผิดพลาดรื่องอันใด โปรดชี้แนะ ข้าจะให้ข้ารับใช้เปลี่ยนมันให้ท่านทันที ”

ปู่ถังเพ่งมองไปด้วยปากที่อ้ากว้าง ราวกับหมาที่โดนเม่นกัด เขาไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว หลังจากที่เงียบมานาน สุดท้ายเขาก็ถาม “ ให้ลี่เฟิงและลี่เจิน พวกคนเลวสามคนนั้นออกมาเดียวนี้ พี่มีบางอย่างที่ต้องซักถามพวกมัน ”

ลี่โย่วหลานได้แสดงสีหน้าที่ไม่เต็มใจออกมาอย่าชัดเจน “ การที่ท่านพี่เสนาบดีชี้แนะ คือคำอวยพรสำหรับเด็กพวกนั้น หากท่านพี่จะมีเวลาอีกสักแล็กน้อยตอนนี้พวกเขาทั้งสามกำลังได้รับการลงโทษตามกฏอย่างเคร่งครัดและจะต้องมารับผิดชอบความผิดพลาดอย่างแน่นอน ข้าอาจจะขอให้ท่านแสดงความเมตตาและสำเร็จโทษให้เสร็จก่อนที่จะมารับคำชี้แนะของท่าน … ” สมาชิกในสกุลถังที่ได้ยินสิ่งนี้ถึงกับสะดุ้ง

มีกลุ่มคนได้เข้าไปสู่หอวินัยของที่พักสกุลลี่ เพื่อดูว่าลี่เฟิงและ อีกสองคนนั้นกำลังอ่อนเพลียจากการเสียเลือด ปู่ถังที่กำลังโกรธจัดอยู่นั้นก็พบว่าว่า ความโกรธของตัวเองหายไปครึ่งหนึ่ง เขาตัดสินใจที่จะถามคำถามพวกเขาไม่กี่อย่าง แม้ว่าเขาจะได้ยินว่า ต้นกำเนิดของเรื่องนี้มากจากสกุลเมิง เมิงไฮ่โจว ปราถนาคู่มั่นของ ถังหยวนมานาน สำหรับลี่เจินและอีกสองคนนั้น พวกเขาถูกลงโทษเพราะมีส่วนเกี่ยวข้อกับเรื่องนี้ เมื่อได้ยินดังนั้น ความเดือดดาลของปู่ถังต่อสกุลลี่ก็หายไปมาก แต่ว่า ความเดือดดาลของเขาต่อสกุลเมิงก็ได้พุ่งสูงขึ้นไปราวกับเสียงฟ้าร้อง

หลังจากที่บอกลาอย่างรวดเร็ว ปู่ถังก็ให้ชายชกรรณ์ของเขารีบขึ้นหลังม้า และมุ่งหน้าตรงไปหา ตระกูลลี่

ลี่โย่วหลานตามพวกเขาออกไปด้วย เขาแสดงสีหน้าที่เสียใจออกมาในขณะที่ขออภัยในการเป็นเจ้าบ้านที่ไม่ดี เขากล่าวคำอำลาในขณะที่มอง ปู่ถังนำกลุ่มชายชกรรณ์ของเขาจากไป

เขาจัดระเบียบตัวเอง รอยยิ้มที่สง่างามของเขาหายไปอย่างไร้ร่อยรอย มีความเยือกเย็นปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขาครู่หนึ่งก่อนที่มันจะหายไป เขายกเสื้อขึ้นและเข้าไปยังที่พัก ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายลง ไร้ซึ่งร้องรอยของความโกรธ …

ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงทีละน้อย ในทันใดนั้นมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นและฝนก็โปรยลงมา ในขณะที่ฝนตกลงมาหนักขึ้นและหนักขึ้น ดูราวกับว่าสวรรค์และโลกจะรวมเข้าด้วยกัน ลี่โย่วหลานหยุดเดินทันที และเงยหน้าขึ้นไปเฝ้าดูสายฝนเหล่านั้น เขาหัวเราะอย่างร่าเริงในขณะที่พยักหน้าและกระซิบ “ดูเหมือน เสนาบดีถังนั่นคงต้องเลื่อนเวลาที่จะไปยังตระกูลเมิงไปก่อน…. ฮ่า ฮ่า ฮ่า …. ”

เคอน้อยนั่งอยู่บนหน้าต่าง มือของนางถือโถกกำยานในขณะที่มองออกไปยังสายฝนที่โปรยลงมาอย่างนัก จากนั้นนางก็เริ่มน้ำตานอง

หลังจากที่จบการฝึกฝน จวินเซี่ย ยืดตัวตรงและเดินไปด้านหลังของเคอน้อย เขาถามอย่างอ่อนโยน “ เคอน้อย เจ้าคิดอะไรอยู่ ? ”

เคอน้อย กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ นางกลับหลังหันและเสียศูนย์อยู่ชั่วขณะก่อนที่นางจะยืดตัวตรงและโค้งคำนับ “ นายน้อย ”

“ เจ้าคิดอะไรอยู่ ? ” จวินเซี่ยเดินไปข้างๆงและนั่งลงบนเก้าอี้ที่เคยนั่งอยู่เป็นประจำ เขายกขาขึ้นและเฝ้ามอง เด็กสาวตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขา นางเป็นเด็กสาวตัวเล็กที่แลดูน่ารัก จวินเซี่ยพยายามที่จะหยุดตัวเองไม่ให้แกล้งนางไม่ได้ นั่นทำให้เขารู้สึกเป็นกังวล หลังจากที่เห็นนาง หมดมุ่นอยู่กับความคิด

“ ข้า … ข้าคิดว่า ในไม่กี่วันนี้ เทศการฤดูใบไม้ร่วงจะมาถึงแล้ว …. ” แววตาของเคอน้อยดูเหมือนมีน้ำตาอยู่ “ ข้าจำได้ว่า เมื่อสามปีที่แล้ว ระหว่างเทศการฤดูใบไม้ร่วง ตอนอายุเก้าขวบ ข้าได้ไปพร้อมกับท่านพ่อและท่านแม่ ในตอนนี้ …. ข้าร่าเริงมาก … มีความสุขมาก… ท่านพ่อ ท่านแม่ …. ” น้ำตาสองหยดก็ร่วงหล่นลงไปยังพื้น นางไม่สามารถที่จะพูดประโยคต่อไปได้

“ แล้วตอนนี้พ่อของเจ้าอยู่ที่ใหน ? ” เมื่อจวินเซี่ยถามคำถามนี้ เขาจำได้ว่า พ่อของเคอนั้นน้ันเป็นผู้นำของหมู่ทหารที่คอยรับใช้ตระกูลจวิน เขาได้ติดตามพี่ใหญ่ของจวินโม่เซี่ย จวินโม่โย่ว ออกไปอย่างรวดเร็วและไม่ได้กลับมาอีกเลย แม่ของเคอน้อยยนั้นตายไปเพราะโรคภัย ในขณะที่กำลังโศกเศร้าและทำงานหนัก ก่อนที่นางจะตาย นางส่งเคอน้อยมายังที่พักของสกุลจวิน อ้อนวอนให้สกุลจวินดูแลลูกสาวของนางในตอนนี้ เคอน้อยได้กำพร้าทั้งพ่อและแม้ !

เมื่อคิดกลับไป ไอโง่จวินโม่เซี่ยนั้นก็ยังคงเลี้ยงเคอน้อยนี้อย่างเลวทราม เขาสาปแช่งนางตลอดเวลา แต่นางก็ยังคงอดทนอยู่อย่างเงียบๆ จวินเวี่ยทำได้แค่รู้สึกสงสารนาง ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา เขาเอื้อมมืออกไปและตีหัวนาง แต่ก็ยังคงเงียบอยู่ เมื่อได้ยินคำว่า เทศกลาฤดูใบไม้ร่วง เขาคำนวนวันเวลาและพบว่า เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงจะมาถึงในไม่ช้านี้แล้ว มันทำให้หัวใจของจวินเซี่ยรู้สึกขุ่นเคือง

มันดูเหมือนว่าข้าจะต้องเฉลิมฉลองเทศการดั้งเดิมของจินนี้ด้วยตัวเอลในโลกนี้แล้วละ

เคอน้อยรู้สึกว่าจิวนเซี่ยตีผมนางเบาๆ ท่าทางของเขานั้นอ่อนโยนอย่างหน้าประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร นางสามารถรู้สึกได้ว่าจวินเซี่ยนั้นสงสารและขอโทษนางด้วยความจริงใจ ความอบอุ่นนั้นได้ห่อหุ้มนางไว้ ราวกับสาวน้อยที่จากบ้านมาและได้พบกับพี่ชายของนาง หัวใจของนางจมอยู่กับความผ่อนคลาย นางรู้สึกจากใจว่า คนเสเพลผู้นี้ที่เคยสาปแช่งนางมาตลอด ในตอนนี้ได้กลายมาเป็นคนที่สนิทของนาง ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปนี้ แปลกประหลาดและเป็นอะไรที่ไม่คาดฝัน นางทำได้แต่ขยับร่างเล็กๆของนางเข้าไปใกล้ๆจวินเซี่ย และรู้สึกถึงความอบอุ่นจากร่างของเขา นางรู้สึกราวกับว่าฝนที่ตกหนักอยู่ด้านนอกนั้น เป็นอะไรที่นางไม่จำเป็นต้องกังวลถึง

หลังจากเวลาผ่านไปนาน จวินเวี่ยตีหัวเคอน้อยอีกครั้งและพูด “ ไปพักผ่อนเถิด มันจพดีกว่าถ้าเจ้าไปนอนบ้าง ข้าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย ”

“ นายน้อย ตอนนี้ฝนตกหนักมากเลยน่ะ ท่านจะไปใหน ? ” เคอน้อยรู้สึกสับสนและเริ่มวิตกกังวล “ ถ้าท่านโดนฝนไม่สบายละ ? ข้าจะไปเตรียมเสื้อกันฝนให้ท่าน ! ”

“ ข้าไม่เป็นอะไร ” จวินเซี่ยยิ้มอย่างนุ่มนวล สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความสงบนิ่ง เขาคว้าหมวกไม่ไผ่กันฝนและใส่มันไปบนหัวก่อนที่จะเปิดประตู และเดินออกไปท่ามกลางฝนที่ตกหนัก … สัหน้าของเคอน้อยเต็มไปด้วยความเป็นห่วง นางสัมผัสได้ว่าตอนนี้ นายน้อยกำลังอดทดต่อความทุกข์และความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้ …

จวินเซี่ยสัมผัสได้ว่ามีการรบกวนอารมณ์ของเขา เจดีย์หงจวินที่อยู่ภายในทะเลแห่งการตระหนักรู้ของเขานั้นโตขึ้นและเริ่มมีหมอกสีขาวไหลออกมา หหมอกสีขาวนั้นลอยไปตามเส้นเลือดของจวินเซี่ยและการไหลของปราณไปตามเส้นลมปราณของเขา ราวกับว่ามันกำลังยกระดับความโศกเศร้าของจวินเซี่ยให้เพิ่มขึ้น

Translate by iHaveNoName

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments