ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
“ ตาแก่ซ้ง เจ้าเป็นอะไร ? คำพูดของไอโง่นั่นมันทำให้เจ้าหัวหมุนหรือไง ? ”
ชายวัยกลางคนยกเหยือกเหล้าขึ้นมาอย่างนุ่มนวล รินอีกแก้วให้ตัวเอง
“ เขาเป็นเพียงเด็ก เขาพูดนั้นช่างไร้เหตุผล เจ้าเป็นผู้ที่มีความอดทนนี่ เจ้าไม่ต้องไปสำคัญกับเรื่องนี้หรอก เขาอาจจะไม่รู้ว่าสุราของเจ้านั้นดีอย่างไร แต่ข้ารู้น่ะ ”
“ ฝ่าบาท อาจจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่สุราของข้านี้คือสินค่าที่มีคุณภาพ เป็นการเก็บเกี่ยวมาทั้งชีวิต สำหรับคนอื่น พวกเขาเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากคนที่ผ่านมา เมื่อข้าเห็นไอโง่นั่นดื่มสุราของข้าด้วยความดูถูก ทั้งหมดที่ข้าทำคือหัวเราะและไม่สนใจเขา ! ”
ตาแก่ซ้งเพ่งมองไปทางที่จวินเซี่ยออกไปด้วยความว่างเปล่า ดูสับสน
“ น่าเสียดายที่ข้าออกมาหลังจากที่ได้ยินประโยคสุดท้ายและเขาก็ได้จากไปแล้ว พลาดที่จะได้เจอสหายที่เข้าใจในสุรา ช่างน่าเวทนาอะไรเช่นนี้ ! ”
“ สหายผู้เข้าใจในสุรา? น่าเวทนา ? ”
ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่า ฝ่าบาท สะดุ้ง
“ แท้จริงแล้ว มันน่าเวทนาจริงๆ ! ”
ตาแก่ซ้งพยักหน้าโดยไม่ลังเล
“ จากทั้งหมดที่เอ่ยมา เด็กหนุ่มผู้นี้ พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเข้าใจในสุรา ! ”
จากนั้นเขาก็บ่นกับตัวเอง
“ วิถีแห่งการร่ำสุราที่แท้จริง คือการดื่มในความรู้สึกเดียว! หรือภายในความคิดเดียว! การดื่มสุราเพียงคนเดียวไม่ถือว่าเป็นวิถีการร่ำสุรา นี่คือการร่ำสุราที่ไร้ประโยชน์! การพลาดที่จะได้เจอกับสหายที่เข้าใจในสุรานั้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดในชีวิตหนึ่ง … ”
เมื่อเหลือบมองไปรอบๆ หมวกไม้ไผ่กันฝนที่จวินเซี่ยวางเอาไว้ได้หายไปโดยที่ไม่มีใครรู้
เมื่อตาแก่ซ้งกระพริบตา จากนั้นลูกตาดำของเขาก็วาร์บเป็นสีฟ้าอ่อนขึ้นมา
น่าเสียดาย ที่ผู้ที่ถูกเรียกว่า ฝ่าบาท ที่มองมาที่เขาจากข้างหลังสังเกตุสิ่งนี้ไม่ได้
สีเหลืองสำหรับขั้นปฐพี สีฟ้าสำหรับขั้นสวรรค์ !
ตาแก่ซ้งที่ดูเหมือนจะเลอะเทอะมาก และรู้เพียงแต่วิธีการหมักสุรานั้น มีความลับคือขั้นสวรรค์เชวียน ! ซึ่งอยู่ต่ำกว่าขั้นเทพเฉวียนเท่านั้น ขั้นสวรรค์เชวียนนั้นถือว่ามีชีวิตอยู่บนยอดสุดของ ทวีปเชวียนเชวียน ! ที่แยกตัวออกมาอยู่คนเดียวในร้านสุราเล็กๆและถูกเมินเฉย !
มันช่างโชคร้าย หากจวินเวียไม่จากไป เขาอาจจะพบถึงความสามารถที่ซ่อนอยู่นี้ของตาแก่ซ้งด้วยปราณพิเศษของเขาก็เป็นได้ เขาอาจจะเป็นที่รักของตาแก่ซ้งที่ชื่นชอบสุราอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดาย ที่เขาจากไปโดยไร้แม้เงา…
หลังจากที่ออกมาจากร้านสุรา จวินเซี่ยเดินอย่างช้าๆ หูทั้งสองข้าและมองของเขารับรู้ได้อย่างชัดเจน เขาได้แสดงออกมาอย่างประหลาดมากตอนที่อยู่ข้างใน การแสดงออกแบบนั้นอาจจะถือได้ว่าเป็นตัวแทนของ จอมโฉด จวินเซี่ย ซึ่งมันเป็นสภาพจริงของจอมโฉดเมื่อก่อน ที่ดูถูกและรังเกียจโลก! แสดงออกมาโดยที่ไม่เกรงว่าจะทำให้ใครขุ่นเคือง เขาจะพูดอะไรก็ตามที่เขาอยากพูด ทำอะไรก็ตามที่เขาอยากทำ แม้แต่การเลือกเส้นทางที่แตกต่างจากคนนับหมื่น แม้ว่าการกระทำของเขาจะทำให้ทั้งโลกตราหน้า จอมโฉดคนเดิมจะต้องจองหองต่อไป ยื่นหยัดต่อต้านกับโลกเพียงลำพัง !
การกระทำต่ำช้าในความคิดเพ้อฝันของเขา โดยไม่สนใจในศีลธรรม ไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น ! หากโลกเลือกที่จะยกย่องข้าและส่งให้ชื่อเสียงของข้าโด่งดังไปทั่วแผ่นฟ้า ข้าจะยอมรับมันในระหว่างที่ข้ายังมีสติ หากโลกเลือกที่จะสาปแช่งข้า ข้าก็จะยอมรับมันทั้งหมดเหมือนกัน !
บุคลิคภายนอกของของเขานี้เองที่นำพาชื่อ จอมโฉด มาให้แก่เขา
หลังจากที่ได้ปลดปล่อยความผิดหวังของเขาออกมา ที่ได้รวบรวมชีวิตตัวเองก็เลือกที่จะหยุดนึกถึง จอมโฉด สงบสติตัวเองลง เขาเพ่งมองไปยังสายฝนที่สาดกระหน่ำและตัดสินใจได้ว่า ไม่มีที่ใดที่น่าไปในตอนที่ฝนกระหน่ำเช่นนี้ ในเมื่อไม่มีที่ใหนน่าไป เขาจึงหันหลังและมุ่งหน้าไปยังบ้านของเขา
ในขณะที่เขากำลังจะเลี้ยวผ่านมุมถนน จวินเซี่ยถึงกับสะดุ้งและเดินช้าลง มีเสียงบางอย่างดังมาจากมุมถนนข้างหน้า ถ้ามิใช่ความจริงที่ว่าหูของจวินเซี่ยนั้นจดจ่ออยู่กับการนับจำนวนคน เขาไม่เคยได้ยินเสียงอะไรเลยท่ามกลางสายฝนนี้
มีเสียงพูดว่า
“ …. เราทำสำเร็จแล้ว หากฝนไม่ตกหนัก เราคงไม่มีโอกาศที่จะได้ของ ของสกุลทัง นี่คงเป็นลิขิตสวรรค์ … ”
สกุลถัง ? เขารู้สึกตกตะลึงทันทีเมื่อคิดถึงสกุลของถังหยวน เมื่อครุ่นคิดเรื่องนี้ เขาได้ขยับร่าง โดยใช้สายฝนหนักนี้ป้องกันและหลบซ่อนตัวไว้หลังกำแพงอย่างรวดเร็ว ซึ่งกำแพงนั้นเป็นดินเผา ไม่สูงพอที่จะยืน แต่สามารถหลบซ่อนตัวได้ดี จากการมันจะปกคลุมไปด้วยสายฝนและเต็มไปด้วยหมอก ไม่ต้องพูดถึงเลยว่า คนที่อยู่ข้างหน้าจะไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ตรงนั้น เขาถอดหมวกไม้ไผ่กันฝนอย่างช้าๆและในทันทีเขาก็เปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า
นี่เป็นเพราะว่าเสียงที่ตกกระทบหมวกไม้ไผ่นั้นต่างไปจากเสียงที่จกกระทบกำแพงดิน จวินเซี่ยทำได้เพียงต้องระมัดระวัง แน่นอนว่ามันยังมีเสียงฝนที่ตกกระทบร่างที่ต่างไปจากเสียงที่กระทบกำแพงดิน แต่เมื่อเทียบกับหมวกไม้ไผ่แล้ว เสียงมันแตกต่างกันน้อยกว่า
ภายใต้เสียงหอบดัง “ฮู” “ฮู” มีคนราว หก คนเดินตรงมา ดูเหมือนว่าพวกเขามีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง ไม่มีใครเลยที่คิดว่าจะเป็นไปได้หรือที่จะมีผู้ใดมาเดินบนนถนนหลักแห่งนี้ในยามฝนกระหน่ำ ในหมู่พวกเขามีคนที่ถือหีบอยู่ จากนั้นเขาก็หันกลับไปและพูด
“ มันสำคัญตรงที่เราวางแผนกันมานาน แต่หาได้สำเร็จไม่ สำหรับพวกเราสุดท้ายแล้ว เวลาแห่งความสำเร็จก็มาถึง นายท่านคงจะดีใจจนหาที่สุดไม่ได้ ”
ชายอีกคนตอบกลับมาในระหว่างที่สอบ
“ มันก็จริงที่พวกเราสำเร็จ แต่มันเล็กน้อยยิ่งนัก นึกไม่ถึงเลย แม้จะคาดว่า ยอดฝีมือสี่ในหกคนของสกุลถังจะไม่ประมาท แต่พวกเขายังตรวจพบการเคลื่อนไหวของเรา หากไม่มี บุคคลลึกลับที่ล่อให้ ยอดฝีมือสองของ ของสุกลถังไปทางอื่น และพี่น้องสิบสีคนของพวกเราที่สังเวยชีวิตให้พวกองครักษ์นั่น ข้ากลัวว่า …. เฮ้ออ… ”
ในขณะที่พูดอย่างนั้น เขาก็ไอออกมา
“ แต่กระนั้น สิ่งของชิ้นนี้ก็มีความสำคัญมา เราไม่มีที่ว่างให้ความผิดพลาดเลย เราต้องกลับไปโดยเร็วและมอบสิ่งของนี้ให้กับนายท่าน เราควรจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด แล้วพวกเราก็ลดลงเล็กน้อย เห้ออ หากช้ากว่านี้อาจจะไร้ประโยชนืได้ ! ช้าไม่ได้แล้ว จงระวังการขัดขวางและเคลื่อนไหวทุกอย่าง ! ”
“ ความจริงแล้ว ความจริง แม้ว่า พี่หลางจะสั่งให้พวกเราแทรกซึมเข้ามาในสกุลถังก่อนหน้านี้ โดยมีพี่ชายของเจ้าช่วย จะเกิดอะไรขึ้นหากสกุลถังรู้เรื่องนี้เข้า ? ข้ากลัวว่าพี่ชายของเจ้าจะไม่มีโอกาสที่จะหนี … ”
“ กลัวพ่องสิ ! ในตอนที่พวกเขาสืบเรื่องนี้ พี่น้องเราจะได้รับรางวัลของพวกเขาและไปจากที่นี่พร้อมกับคนอื่นๆ โลกนี้หาเล็กไม่ เข้าไม่เชื่อว่าสกุลถังจะมีความสามารถที่จะหาพวกเราเจอ ! สำหรับพี่ชายข้า ข้าเชื่อว่าเขาคงจะหนีไปแล้วตอนนี้ เขาคงจะไม่รอให้สกุลถังจับเขาหรอก ! คนผู้นั้นช่างเล่นห์เหลี่ยม หากเจ้ามีเวลาจะเป็นห่วงเขา เจ้าควรจะหัวตัเองมากกว่า ! ”
“ จริงด้วย ”
คนทั้งหก มุ่งหน้าไปด้วยความเร่งรีบ ทุกๆก้าวทำให้พวกเขาเข้าใกล้จวินเซี่ย ที่กำลังเฝ้ามองมาจากด้านข้าง สี่คนในพวกเขานั้นมีการบาดเจ็บขนาดหนักและอีกสองคนที่เหลือก็มีสภาพไม่ต่างกัน มีเลือดไหลออกมาตลอดเวลาในขณะที่พวกเขาเคลื่อนตัว มีสองคนที่ไอออกมาอยู่ตลอดเวลา และทุกครั้งที่ไอ จะมีสเก็ดของของเหลวสีแดงเข้มกระเด็นลงไปที่พื้น แม้ว่าของเหลวแดงนั้นจะโดนชะล้างไปด้วยน้ำฝนอย่างรวดเร็วก็ตาม
ของอะไรกันที่พวกเขาขโมยจากสกุลถัง ? เหตุใดถึงสำคัญขนาดนั้น ? พวกเขาส่งคนไปถึงยี่สิบ แต่ทิ้งคนคุ้มกันไว้เบื้อหลังถึงสิบสี่ ปล่อยให้เหลือกลับมาเพียงหกคน สำหรับหกคนนี้ สี่คนในพวกเขาบาดเจ็บรุนแรง แต่ก็ยังภูมิใจและหยิ่งทะนง ?
หากสกุลถังได้ของดีบางอย่างมา เหตุใดสกุลถังถึงไม่แสดงมันออกมาแต่แรก ?
ทันใดนั้น หนึ่งในพวกเขาที่ดูเหมือนจะบาดเจ็บรุนแรงที่สุดก็หยุดเดินลง เขาไอออกมาก่อนที่จะพูดอย่างรวดเร็ว
“ นั่นใคร ? แสดงตัวเจ้าออกมา ! ”
ดั่งสายฟ้าแลบ เขาเพ่งมองมาทางจวินเซี่ย และทันใดนั้นร่างของเขาก็เปล่งแสงสีเงินออกมาในขณะที่เขาใช้ปราณเชวียนทั้งหมดในร่างกาย เพื่อพร้อมที่จะต่อสู้ตลอดเวลา !
คนที่บาดเจ็บมากที่สุด อยู่ในขั้นเชวียนเงิน !
และยิ่งไปกว่านั้น เขายังพบว่ามีจวินเซี่ยอยู่ตรงนั้นด้วย !
Translate by iHaveNoName