I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Otherworldly Evil Monarch ตอนที่ 44 อีกก้าว

| Otherworldly Evil Monarch | 1293 | 2364 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

จวินเซี่ยเดินอย่างมั่นคงกลับไปยังห้องของเขา เมื่อเคอน้อยเห็นจวินเซี่ยในตอนนี้ นางนั้นน้ำตาคลอเบ้า นางถอดเสื้อและทำความสะอาดตัวเขาด้วยน้ำสะอาด ด้วยมือที่สั่นเทา ตลอดห้วงเวลานั้น จวินเซี่ยยังคงยืนอยู่ จากความเหน็ดเหนื่อยที่เขาอดทนมาตลอด เขารู้ว่าหาเขาสูญเสียสมดุลและล้มลง เมื่อนั้นเขาจะสิ้นสติทันที ! อย่างไรก็ตาม ตราบจนกว่าเขาจะฟื้นฟูความแข็งแกร่งของร่างกายเสร็จเขาจะต้องคงสติรับรู้ไว้ เมื่อนั้นเขาจะสำเร็จในการบรรลุอีกขีดจำกัดของร่างนี้ได้ !

หลังจากที่เคอน้อยทำความสะอาดร่างของเขาเสร็จ เขาจึงให้นางออกไปในขณะที่เขายังคงยืนอยู่ต่อไป ค้นลึกเข้าไปในตัวเอง ตรงไปยังจิตแห่งการรับรู้ เขาเฝ้าดูในขณะที่พลังของเคล็ดปลดล็อคชะตาลิขิตสวรรค์ เริ่มถูกกระตุ้นขึ้นอย่างช้าๆ

ด้วยความประหลาดใจของจวินเซี่ย เขาพบเจดีย์เจ็ดแสงอยู่ในทะเลแห่งการตระหนักรู้ของเขา มันหมุนด้วยความเร็วสูงมากหากเทียบกับก่อนหน้านี้ รวมไปถึง มีพลังปราณทางโลกสีขาวไหลซึมออกมาได้อย่างชัดเจนหากเทียบกับก่อนหน้านี้ พลังปราณได้ซึมเข้าสู่เส้นลมปราณของจวินเซี่ยอย่างช้าๆ มันเคลื่อนตัวไปตามเส้นปราณ ทุกครั้งที่เคลื่นไปถึงที่ใด มันทำให้จวินเซี่ยรู้สึกหนาวและสบาย ความรู้สึกนี้เทียบได้กับใครสักคนที่กระหายน้ำอย่างหนัก และทันใดนนั้นเขาก็ได้พบกับน้ำตกชั้นเยี่ยมในหุบเขา มันเป็นสิ่งที่เกินจะบรรยาย

หมอกลมปราณได้เคลื่อนเข้าสู่เส้นลมปราณของจวินเซี่ยได้ความเร็ว ร่างของเขาที่เหนื่อยอ่อนอย่างหนัก กำลังเริ่มฟื้นฟูตัวเองและในเวลาเดียวกัน ภายในร่างของเขาก็รู้สึกคัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตรงบริเวณที่บาดเจ็บนั้นมันคันมากจนเหลือทน จวินเซี่ยพยายามอย่างมากที่จะไม่เกา โดยการมุ่งสู่การทำสมาธิ แล้วเขาก็ได้เข้าถึงขั้นการตัดขาดจาก ตัวตน อย่างช้าๆ ….

ในขณะที่เวลาผ่านไป ทุกส่วนที่บาดเจ็บของจวินเซี่ยก็ได้ขับของเหลวใสที่ระยิบระยับออกมา และสุดท้ายมันก็จับตัวกันและกลายเป็นแผลเป็น …

ทีละน้อย แผลเป็นบนร่างของจวินเซี่ยเริ่มที่จะมีรอยย่นและแข็งตัว สุดท้าย มันก็กลายเป็นเศษผงที่ร่วงหล่นไป …

ชั้นผิวหนังที่แตกออกมานั้นกองอยู่รอบๆเท้าของจวินเซี่ย สำหรับผิวบนร่างของเขานั้น มันก็กลับกลายเป็นผิวขาวเนียนดังเดิม ที่จะดูต่างออกไปก็คงจะมีเพียงมันยืดหยุ่นกว่าเดิม …

ในมุมผู้อื่น กล้ามเนื้อที่เคร่งเครียดของเขาที่ผ่านการออกแรงมาอย่างหนักหน่วงได้มีของเหลวใส่เรืองแสงไหลซึมออกมาในระหว่างที่มันสั่นนิดๆ หลังจากการสั่นหยุดลง กล้ามเนื้อก็เริ่มคลายตัวออกอย่างช้าๆจนมันกลับไปเป็นกล้ามเนื้อที่ผ่อนคลายเหมือนก่อนที่จะผ่านการฝึก จากนั้น อาการคันจนเกินทนก่อนหน้านี้ สุดท้ายก็ค่อยๆลงลง …​

จวินเซี่ยที่ได้เข้าถึงขั้นสามธิมิได้ตระหนักรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้เลย หลังจากที่เอาชนะความเหน็ดเหนื่อยอย่างหนักมาได้ ความรู้สึกที่ตามมาคือการผ่อนคลายอย่างปลอดโปร่ง เขามีความรู้สึกเหมือนวิญญาณของเขาได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตของอากาศธาตุ เป็นความรู้สึกที่เปรียบได้กับ ความผ่อนคลายของผู้ที่ได้ท่องไปในท้องทะเลที่กว้างใหญ่ เพิลดเพิลนไปกับเกลียวคลื่นอันอ่อนโยนในท้องทะเล …

ภายในทะเลแห่งการตระหนักรู้ของเขา หมอกที่ไหลออกมาจาก เจดีย์อันวิจิตรนั้นเริ่มหนาแน่นและเรืองรอง คลื่นปราณทางโลกที่บริสุทธิได้ไหลไปตามร่างของจวินเซี่ยราวกับน้ำ ไปตามเส้นลมปราณ ทุกเส้นใยกล้ามเนื้อ ทุกเส้นเอ็นของเขา …

จวินเซี่ยสามารรู้สึกได้ชัดเจนถึงการไหลของปราณไปตามเส้นลมปราณของเขาและมันค่อยๆโตขึ้นอย่างช้าๆหลังจากที่ได้รับการบำรุงจากคลื่นพลังปราณ แม้การเติบโตนั้นจะไม่ดีนัก แต่มันก็ยังคงโตขึ้นไม่หยุด รวมไปถึง ประสาทสัมผัสของเขาก็เริ่มละละเอียดอ่อนไปในธรรมชาติ และความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยก็หายไป ในตอนนี้ จิตวิญญาณของเขาดูเหมือนจะรวมเข้ากันได้ดีกับเจดีย์น้อยนั้นในทะเลแห่งการตระหนักรู้ แม้จวินเซี่ยจะเป็นคนที่มีประสาทแข็ง แต่ความสุขสบายที่สุดซึ้งนี้ก็ทำให้เขารู้สึกหลงระเริง

ทันใดนั้น เจดีย์อันวิจิตรก็หยุดหมุนลง และเปล่งแสงอยู่อีกไม่นานนัก เหตุการณืนี้ทำให้จวินเซี่ยเกิดการตระหนักรู้ในทะเลแห่งการตระหนักรู้ของเขาและเริ่มตื่นจากสมาธิ และวิญญาณของเขาก็กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง สำหรับหมอกปราณขาวที่ไหลอยู่ในเส้นลมปราณ ก็เริ่มลดลง จวินเซี่ยสามารถทรู้สึกได้ว่าภายในร่างของเขานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่ง เขาลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นสายตาที่เรืองรองราวเทพเจ้า !

จวินเซี่ยงอตัวลงอย่างนิ่มนวล ทำให้ข้อต่อของเขาส่งเสียง กร๊อบออกมา ร่างของเขาก็กลับเป็นปกติและเครื่องไหวอย่างราบลื่นในขณะที่จิตใจของเขาก็รู้สึกดีเลิศอย่างน่าประหลาด ภายใต้แสงจันทร์อ่อนๆที่ส่องลงมา จวินเซี่ยเดินตรงไปที่หน้าต่าง ดวงจันทร์ขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้านั้นด฿ราวกับเป็นโล่รางวัล ที่รอบๆนั้นเป็นท้องฟ้าสีฟ้าที่ปลอดโปร่งไปไกลนับพันลี้

เมื่องานเทศกาลกลางฤดูใบไม้ผลิมาถึง ในโลกเก่าของเขานั้น เทศกาลกลางใบไม้ผลินั้นจะอยู่ถึงวันที่ สิบห้าสิงหาคม แต่ที่นี่ มันอยู่ถึงวันที่ ยี่สิบสิงหาคม

ไม่สำคัญว่าเขาอยู่ในโลกใหน แสงจันทร์ยังคงอ่อนโยนราวกับน้ำ ส่องแสงอันงดงามไปทั่วทุกที่ จวินเซี่ยถอนหายใจเบาๆ และน่าประหลาดใจที่เขาพบว่า ภายในหัวใจเขาไร้ความรู้สึกโดดเดียวอีกต่อไป อาจจะกล่าวได้ว่า สักแห่งที่ไกลออกไป หัวใจของเขาเริ่มคุ้นชินแล้ว พระจันทร์ยังคงเป็นพระจันทร์ ท้องฟ้ายังคงเป็นท้องฟ้า ! เมื่อท้องฟ้านั้นเหมือนกัน เขาจึงคิดเอาว่านี่เป็น … โอกาศในการทำงาน …

หวางหลินได้ตรวจสอบร่างของเขาอีกครั้งอย่างระมัดระวังและพบว่าอาการบาดเจ็บทั้งหมดได้ถูกรักษาไปจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะบาดเจ็บเล็กน้อยแค่ใหน มันถูกฟื้นฟูจนหมด รวมไปถึง แม้แต่แผลเป็นทั้งหมดได้หายไปในชั่วข้ามคืนอย่างน่าประหลาดใจ ผิวหนังของเขานั้นนุ่มนวลและละมุน จวินเซี่ยทำได้แค่มองไปยังผลลัพธ์ ข้าไม่เคยคาดหวังเลยว่า เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์นั้นจะมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ !

เดิมทีแล้ว จวินเซี่ยคิดว่าหลังจากผ่านการฝึกที่โหดร้ายมา ร่างของเขาจะเริ่มมีผิวทองแดงของชีวิตที่แล้วของเขา แต่ก็ไม่สามารถคาดได้ว่าคุณภาพของร่างกายนี้นั้นจะ พัฒนาขึ้นได้ในระดับที่รวดเร็วมา ผิวของเราเริ่มนุ่มนวลขึ้นทันที … ซึ่งน่าผิดหวังเหลือเกิน ! แต่ก็ต้องขอบคุณ ที่ผิวมันเปลี่ยนไปมีการยืดหยุ่นด้วย หากผิวของเขาแค่นุ่มนวล เขาคงจะไม่มีหน้าออกไปใหนทั้งนั้น !

จวินเซี่ยทดสอบฝีมือ ในร่างเขาใหม่และทันใดนั้นเขาก็ดีใจล้นเหลือ ! หลังจากวันแห่งการฝึกอันโหดร้าย และฝึกฝีมือในตอนเช้า ทำให้ผลที่ได้นั้นน่ายินดียิ่งนัก ! เส้นสายลมปราณที่ไหลไปในร่างของเขานั้นโตขึ้นเป็นสองเท่า ! หากเดิมทีเส้นลมปราณนั้นเทียบได้กับเส้นผม ในตอนนี้มันก็มีขนาดเปรียบได้กับขนหมู …​ ทันใดนนั้นจวินเซี่ยก็มีเหงื่อผุดออกมา เมื่อพูดเช่นนั้นกับตัวเอง หรือบางทีเขาอาจจะโรคจิต ที่จะรู้สึกดีในตอนที่ตัวเองเจ็บปวด …​

นอกจากนั้น ความเร็วในการไหลของปราณนั้นก็เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งมันชัดเจนกับตัวเขาเองว่า ขั้นการฝึกเคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ ขั้นแรกของเขาได้ก้าวหน้าไปอย่างมาก !

ที่น่าประหลาดใจที่สุดของเขา คือ จวินเซี่ยได้พบว่าเขาสามารถที่จะเข้าถึง ตาในได้ ! นี่เป็นสิ่งที่บอกได้ว่า ศิลปะการต่อสู้ของเขาได้ก้าวไปสู่สวรรค์เบื้องต้นได้แล้ว เคล็ดปลดล็อคชะตาสวรรค์นี้ มีความสามารถที่น่าประหลาดใจอย่างแท้จริง หากคิดว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ยังห่างไกลจากมาตรฐานของขั้นสวรรค์เบื้องต้นก็ตาม แต่เขาก็สามารถที่จะเข้าถึง ตาใน เรียบร้อยแล้ว !

ดูราวกับว่า ขีดจำกัดนั่นจะถูกทำลายลงเมื่อพลังทางกายถูกขูดรีดออกมาอย่างหนัก โดยผ่านทางเคล็ดปลดผนึกสวรรค์ที่ก่อให้เกิดผลอย่างคาดไม่ถึง

เมื่อลองตรวจสอบเส้นลมปราณของเขาแล้ว สุดท้ายจวินเซี่ยก็ได้เข้าใจถึงลักษณะที่ลึกลับของปราณเชวียนในโลกนี้ หรือจะเรียกว่า การฝึกปราณเชวียนนั้นไม่แตกต่างกันมาก หากเทียบกับการฝึกพลังภายใน มันถือได้ว่าเป็น กิ่งก้านของการฝึกกำลังภายใน ปราณเชวียนนั้นคงอยู่ไม่นานเท่ากำลังภายใน ในทางกลับกัน มันมีพลังทำลายล้างที่มากกว่ากำลังภายใน เนื่อจากพลังทำลายล้างนั้นผิดธรรมชาติ ทำให้มันยังคงมีความลึกลับอยู่ ธรรมดาแล้ว ความอดทนต่อพลังทำลายล้างนั้นอาจจะยังไม่ดีพอ ผู้ที่ฝึกฝนปราณเชวียนขั้นสูงนั้น ลักษณะภายนอกของเขาจะเริ่มมีความสำคัญอย่างมาก นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ ขั้นปราณเชวียนต่างๆมีการเปล่งแสงสีต่างกัน !

วิถีการฝึกฝนปราณเขวียนนั้นส่วนใหญ่จะละม้ายกับการฝึกกำลังภายใน ซึ่งมีช่องทางที่ตายตัวให้พลังเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณ อย่างเช่น มีเส้นลมปราณหนึ่งสำหรับผู้ฝึกเชวียนขั้นเก้าหรือต่ำกว่า ไม่ว่าจะทั้ง เส้นลมปราณปกติสิบสองเส้น หรือเส้นลมปราณพิเศษ แปดเส้น มันจะมีเส้นทางเดียวที่จะไป และมีรูปร่างเชื่อมต่อกันเป็นวงกลมภายใน เมื่อพวกเขาทะลวงถึงขั้น เชวียนเงิน พวกเขาก็จะเปิดเส้นลมปราณอื่นได้ ซึ่งนั้นเป็นวิธีที่จะเพิ่มการพลังการเคลื่อนของพลังปราณ อย่างไรก็ตาม วงรอบการเคลื่อนปราณก็ยังมีขีดจำกัดที่เหมือนกัน และนั่นเป็นความแตกต่างเดียวที่เป็นขีดจำกัดของการเติบโต

นี่อาจจะเป็นความจริงที่ว่าคนในโลกนี้ได้ครอบครองร่างกายที่พิเศษ มันจะไม่น่าแปลกใจเลยหากพวกเขาทะลวงทุกขั้นของปราณเชวียนด้วยการฝึกที่เจ็บปวดอย่างหนัก ซึ่งเปรียบได้กับงูที่ลอกคราบ มันจะมีการพัฒนาขึ้นเมื่อผู้เฝึกฝนใช้กำลัเพื่อเปิดเส้นลมปราณ แล้วมันจะไม่เจ็บได้เยี่ยงไร ?

ในขั้นต่อมาก็ใช้วิธีการเดียวกัน เมื่อเส้นลมปราณปกติทั้งสิบสองเส้นและเส้นลมปราณพิเศษสี่เส้นถูกเปิดออก เมื่อนั้นผู้ฝึกฝนก็จะสำเร็จไปถึงขั้นที่เหนือกว่าขอบเขตของเทพเชวียน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอย่างอื่น ในระหว่างการเปิดเส้นลมปราณพิเศษแปดเส้นนั้น มีสองเส้นลมปราณที่เชื่อมต่อกัน หลังจากที่บรรลุสิ่งนี้ ผู้นั้นจะถือได้ว่าสำเร็จในขั้นเทพเชวียนอย่างแท้จริง ! หากผู้ฝึกฝนสามารถที่จะเปิดเส้นลมปราณพิเศษ สี่ในแปดเส้นได้ แต่ไม่สามารถที่จะเชื่อต่อให้เส้นลมปราณสองเส้นนั้นเชื่อมต่อกันได้ ผู้นั้นก็ไม่ถือว่าได้เป็นเทพเชวียนอย่างแท้จริง !

ยังมีอีกมุมหนึ่ง ที่ทำให้จวินเซี่ยประหลาดใจ ในขั้นตอนที่จะไปถึงขั้นเทพเชวียนนั้น ผู้นั้นจะต้องเปิดเส้นลมปราณปกติทั้งหมดสิบสองเส้นก่อน ซึ่งมันเป็นจุดหลักของการฝึกปราณเชวียน จุดดันเที๋ยนนั้นเป็นราวกับที่ซึ่งบรรจะปราณเชวียนไว้ สำหรับในการเปิดเส้นลมปราณพิเศษสี่ในแปดนั้น ความยากมีเพียงแค่การเชื่อมต่อเส้นลมปราณสองเส้นเท่านั้น หลังจากที่ผู้นั้นสำเร็จทั้งหมดนี้ เขาก็จะได้เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ อย่างไรก็ตาม หากมีใครต้องการที่จะศึกษาเพื่อใช้ความรู้ของศิลปการต่อสู้ แม้แต่ผู้สำเร็จขั้นสูงถึงเทพเชวียน ในร่างของเขาก็ยังคงมีเส้นลมปราณพิเศษถึงสี่เส้นที่ยังปิดอยู่

ในเรื่องนั้น จะสามารถเปรียบได้ว่าผู้นั้นอยุ่สูงกว่าเทพเชวียน ?

Translate by iHaveNoName

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments