I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Otherworldly Evil Monarch ตอนที่ 45 พบเจอถังหยวน อีกครั้ง

| Otherworldly Evil Monarch | 981 | 2359 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

หรือนั่นอาจจะดำรงอยู่ได้สูงกว่าเทพเฉวียน ?

สำหรับในมุมของการฝึกฝนกำลังภายใน คำตอบของคำถามนี้อาจจะดังกึกก้องว่าใช่ ! ต้องมีการดำรงอยู่ที่สูงกว่า ! อย่างไรก็ตาม นี่คือโลกที่ต่างออกไป แม้จะคิดว่าการฝึกกำลังภายในและปราณเชวียนนั้นมีเส้นทางที่คล้ายกัน ผลลัพธ์ อาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ มันก็เป็นไปได้ว่ากฏของโลกนี้อาจจะต่างไปและเทพเชวียนคือขีดจำกัดของการฝึกฝนปราณเชวียน

ด้วยที่จวินเซี่ยเข้าใจต่อปราณเชวียนในตอนนี้ เขายังคงมิอาจให้คำตอบที่ชัดเจนได้

นอกจากนี้ หลังจากที่ได้ประสบกับการฉีกเนื้อเถือนกระดูกชำระเส้นลมปราณแล้ว เส้นลมปราณทั้งหมดในร่างของจวินเซี่ยได้ถูกเปิดเรียบร้อย และได้สำเร็จถึงของเขตของ ร้อยเส้นลมปราณ ของขั้นสวรรค์เบื้อต้นแล้ว ในส่วนของคุณภาพเส้นลมปราณเพียงอย่างเดียวนั้น มันก็ล้ำหน้ากว่าผู้ที่อยู่ในขอบเขตของเทพเชวียน ! ทั้งในส่วนของความแข็งแกร่งที่แท้จริง เขาก็ยังล้ำหน้าพอที่จะสามารถ ต่อกรกับผู้อื่นได้ สุดท้ายแล้ว มันก็เป็นเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนตั้งแต่ที่เขาถูกย้ายมาสู่โลกนี้ ที่สามารถเปลี่ยนจากร่างอันไร้ประโยชน์มาถึงขั้นนี้ได้นั้น ช่างเป็นการประสบความเร็จที่เร็วอย่างล้นเหลือ !

นี่เป็นเพียงหนึ่งแห่งพลังอันน่าทึ่งของเคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ ! หากใครฝึกฝนด้วยความสามารถอื่นใดแล้ว หนึ่งเดือนอาจจะไม่เพียงพอต่อที่จะบรรลุขั้นเริ่มต้น ย่ิงกว่านั้น เจดีย์หงษ์จวินยังสามารถที่จะประสานกับเคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ได้และเปิดเส้นลมปราณทั้งหมดในร่างของจวินเซี่ย มันเป็นราวกับการเปิดขุมสมบัติมีพื้นที่อันไร้ขีดจำกัด เพียงแค่รอให้จวินเซี่ยเติมเต็มมันทีละนิด

ด้วยความแข็งแกร่งของจวินเซี่ยตอนนี้ ไม่แม้แต่ยอดฝีมือขั้นเชวียนเงินที่สามารถต่อกรกับเขาได้ แม้ในการต่อสู้ถึงตาย ! อย่างไรก็ตาม ผลมันคงจะต่างไปอย่างมากหานี่เป็นการลอบสังหาร สรุปแล้ว การลอบสังหารคือสิ่งที่จวินเซี่ยทำเพื่ออยู่รอด

อย่างไรก็ตาม เส้นลมปราณที่เปิดเต็มที่นั้นทำให้จวินเซี่ยเข้าถึงทักษะที่แปลกประหลาด ขณะที่ยังไม่ลอกเลียนรูปแบบที่แท้จริงได้ ตราบใดที่เขาสามารถวิเคราะห์ตำราของทักษะปราณเชวียนได้อย่างชัดเจน เขาก็สามารถที่จะเลียนแบบการสอนได้จากตำรานั้น ธรรมดาแล้ว เขาสามารถที่จะเลียนแบบแค่รูปแบบได้เท่านั้นและไม่แข็งแกร่งพอที่จะเป็นเคล็ดวิชา

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จวินเซี่ยช่วยอะไรไม่ได้เลยและยิ้ม มันดูเหมือนว่า ตอนนี้ข้าต้องมีวิธีอื่นในการตบตาแล้วละ

วันต่อมา จวินเซี่ยปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในลานฝึก เป็นเหตุให้ทุกคนเริ่มตกตะลึง ! การฝึกเมื่อวานนั้นทำให้ร่างขององครักษ์บ้านบาดเจ็บไม่น้อย แม้ตอนนี้ บนร่างกายส่วนใหญ่ของพวกเขานั้นบาดเจ็บมากจนถึงจุดที่ตายได้ และตอนนี้ นายน้อยก็ยังมาถึงลานฝึกเร็วกว่าพวกเขา !

หลังจากการฝึกเมื่อวานจบลง พวกเขาเกือบทั้งหมดพบว่าตัวเองมองนายน้อยผู้นี้ต่างออกไป แม้ใจของพวกเขาจะเคารพนายน้อยอย่างสุดซึ้ง แต่ พวกเขาทั้งหมดแน่ใจว่านายน้อยคงจะไม่มาในวันพรุ่งนี้ จะว่าเขาบ้าก็ไม่ได้ทำให้กิดคำถาม ที่ว่า ร่างอันบอบบางของเขารับไหวได้อย่างไร ?

อย่างไม่คาดคิดพวกเขามาถึงและเห็นจวินเซี่ยยืนอยู่ด้านบนด้วยการจับจ้องราวกับกระบี่ ทุกครู้สึกว่าตัวเองถูกตรึงอยู่กับภาพลวง นี่ยังเรียกว่าไร้ประโยชน์ รอคอยความตาย นายน้อยสามผู้เสเพล ? เขาลุกมาจากเตียงได้อย่างไรกัน ?

จวินวูอี้มาถึงลานฝึกเนิ่นนานแล้ว และกำลังนั่งอยู่บนเก้าอีเข็น เขาเฝ้ามองทุกสิ่งที่ได้เกิดขึ้น แม้เขาได้คาดไว้ว่าจะวิเซี่ยจะปรากฏตัว แต่เขาก็ยังคงประหลดใจ อาการบาดเจ็บอย่างหนักของจวินเซี่ยหลังจากที่สำเร็จการฝึกเมื่อวานนั้น เป็นอะไรที่เขานั้นเข้าใจดี ด้วยความสามารถของร่างแต่ก่อนของจวินวูอี้นั้น ไม่มีทางที่เขาจะอดทนต่อความลำบากขนาดนั้นได้ นั่นเป็นสิ่งที่จวินวูอี้สู้สึกยอมรับได้หาก จวินเซี่ยไม่มาปรากฏตัวในวันนนี้ ในมุมของจวินวูอี้ หากแม้จวินเซี่ยสามารถมาปรากฏตัวได้ จวินเซี่ยคงจะอยู่ในอาการเนื่อยล้าอย่างหนักหน่วง การฝึกเมื่อวานเป็นสิ่งที่จวินวูอี้ไม่สารมารถที่จะพิชิตได้แม้แต่ด้วยร่างที่สมบูรณ์ เขาไม่เคยคาดหวังว่าจวินเซี่ยจะมาปรากฏตัวในฐานะของผู้บังคับบัญชาของกองทหารตรงหน้าเขา !

หรือการฝึกเมื่อวานไม่ได้หนักอย่างที่ข้าคิด ?

เมื่อการฝึกที่โหดร้ายกำลังเริ่มขึ้นอีกครั้ง มันทำให้เหล่าองครักษ์บ้านประหลาดใจ พวกเขาพบว่าจวินเซี่ยนั้นมีความเร็วเพิ่มขึ้นหากเปรียบกับเมื่อวาน แม้ในบางจังหวะเดินเขาจะไม่มั่นคงนัก แต่ก็ไม่นาน และเริ่มพอดีหากเทียบกับเมื่อวาน

ความประหลาดใจไม่หยุดเพียงแค่นั้น ไม่นานเขาก็เริ่มไล่ตามความเร็วขององครืกษ์บ้านได้ และในที่สุด ก็เหนือกว่าพวกเขาบางคน ! สิ่งนี้ทำให้องครักษ์บ้านจำนวนไม่น้อย ตาแดง ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นในร่างแบบนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ในความจริง พวกเขาไม่เคยได้ยินอะไรทำนองนี้มาก่อน แต่นายน้อยผู้นี้ได้นำอภินิหารมาสู่ความจริงต่อหน้าต่อตาพวกเขา ! ร่างของนายน้อยนั้นบบบางและนุ่มนวลขณะที่พวกเรานั้นแข็งแกร่งและหยาบกระด้าง ! หากนายน้อยทำอย่างนี้ได้ เหตุใดพวกเราถึงไม่ ?

คถามเช่นนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดไฟลุกโชนในใจของเหล่าทหาร ! ความกระหายพลังของทุกคนทำให้การฝึกฝนนี้ได้เข้าสู่อีกระดับความโหดร้าย ! พวกเขาเกือบทุกคนมีเปลวไฟลุกโชนในดวงตาขณะที่พวกเขากัดฟันและทำการฝึกราวกับการใช้ชีวิตของสัตว์ป่า …

ไม่มีใครรู้เลยว่าระหว่างการฝึกนั้น จวินเซี่ยมีก้อนน้ำหนักถ่วงไว้ถึงแปดก้อนในร่างกาย อีกทั้ง เขายังฝึกพิเศษในตอนเช้าก่อนที่จพมาเข้าร่วมการฝึกนี้อีกด้วย ยิ่งกว่านั้น จวินเซี่ยยังเพิ่มรูปแบบการฝึกพิเศษเข้าไปอีกด้วย คือ การปีน คว้าหิน ระดับการเคลื่อนไหว การควบคุมแขน การพรางตัว …

จวินเซี่ยแบ่งเวลาสิบสองชั่วโมงของวันออก โดยที่ไม่ให้มันสูนย์เปล่าไปเลยแม้นาทีเดียว

ในวันที่สาม ปู้จวินได้รับข่าวเกี่ยวกับการฝึกของจวินเซี่ย และแอบมาเฝ้าดู ปู้จวินพอใจที่ได้รู้ว่าหลายของเขานั้นมีแรงผลักดันอย่างมาก แต่ก็ยังกังวลว่าการฝึกของจวินเซี่ยนั้นจะถี่เกินไปจนทำให้มันเร็วจนไร้ประโยชน์ได้ หลังจากที่ได้ดูการฝึกของจวินเซี่ยครั้งหนึ่ง ปู้จวินไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย เขาเดินากไปอย่างเงียบๆ พ่อบ้าน ตาแก่ปัง รู้สึกได้ชัดเจนว่าปู้จวินนั้นมีความขุอย่างมาก !

เมื่อไม่มีใครอยู่รอบๆ ปู่จวินได้บ่นวิเคราะห์กับตัวเอง แล้วเขานั้นก็เริ่มดื่มสุราครั้งแรก เมื่อเริ่มเมาอย่างหนัก ใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยความสุข จากนั้น เข้าก็เดิน อย่างโซซัดโซเซ ตรงไปยังห้อง ที่มีสมุดที่ระลึกของ ภรรยาที่ตายไปแล้วอยู่ ที่นั้น เขาพึมพำอยู่ทั้งคืน ในวันที่สอง เขาออกมาพร้อมรอยยิ้มอันเบิกบาน มีคราบน้ำตาเอ่อนองอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง…

ในวันก่อนถึงงานเทศการฤดูใบไม้ร่วง เมืองเทียนเชียงนั้นเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น ทุกคนต่างแต่งตัว และในทุกมุมเมืองก็ถูกแต่งแต้มด้วยสีสรรค์มากมาย ทุกคนที่จากบ้านมาก็ได้กลับบ้านและเฉลิมฉลองการกำเนิดใหม่ เป็นเรื่องยาวได้เลยหามันไม่มีชีวิตชีวา

ในช่วงบ่ายๆ ภายในชั้นสูงสุดของ มึนเมานิรันด์

มีกลุ่มขององครักษ์นั่งหันหน้าเข้าหากันในสองโต๊ะ โดยที่มีอีกโต๊ะที่อยู่ระหว่างนั้น และมีชายสาองคนนั่งอยู่นั่นก็คือ จิวนเซี่ยและถังอวน

ถังอวนที่นั่งอยู่ตรงข้าวกับจวินเซี่ยนั้นถอนหายในอยู่เนืองๆ คิ้วของเขายกขึ้นเป็นหน้าตาบึ้งตึง สำหรับไม่กี่วันที่ผ่าน ไออ้วนถึงถือว่าได้รับความทุกข์ใจอย่างที่สุด ปู้ ถังหว่านลี่เกือบจะฉีกไขมันออกจากร่างหลางหลายชายของเขา ในตอนแรก เเขาต้องโดนกับบริเวณ ไม่สามารถออกจากที่พักได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว หลังจากที่ ปู่ของเขาเริ่มสืบสวนเรื่อง แกนเชวัยนที่ถูกขโมยไป เขาก็จะเรียกถังอวนมาด้วย จากนั้นก็เริ่มได้ยินคำสาปแช่งของปู่ถังแก่เด็กอ้วนนั้นดังมา ต่อมา เขาก็จะฟาดถังอวนอยู่สักพักเพื่อระบายความโกรธ ก่อนที่จะบอกให้เขากรีดร้องออกมา สถานการนี้มีอยู่ถึงสามครั้งต่อวัน เพียงแต่เมื่อท่านปู่พูดถึงเหตุการที่เกิดขึ้น ก็จะมีถังอวนอยู่ทุกครั้ง

ในเรื่องที่ถังอวนเสียไปจนหมดตัว จนเขาเกือบที่จะเสียเจ้าสาวไป ทำให้พ่อตาของเขาต้องดุด่า ในทางกลับกันเมียงของเขาก็น้ำตาตก จนขู่ะฆ่าตัวตาย นางยืนกรานจะยุตุการหมั้นหมาย ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไร หากมันเกือบจะเกิดขึ้นวันนี้ เมื่อนั้นก็มีคนพูดว่ามันคงจะไม่สำเร็จในวันพรุ่งนี้ เมื่อมันเกิดขึ้น นั่นแหล่ะสิ่งที่นางควรจะทำ …

เมื่อพ่อมองมาที่เขา สิ่งแรกที่เขาจะทำก็คือตบหน้าเขา จากนั้นก็หากิ่งไม้มาฟาดเขา แม้แม่จะต้องการขัดขวางพ่อของเขา นางก็กลัวเกินไปที่จะทำ เขาต้องขมวดคิ้วอยู่ตลอด ไม่มีทางที่จะดีขึ้นได้เลย เมื่อไหร่ที่น้องเล็กเจอเขา พวกเขาจะถาม “ พี่ใหญ่ เมื่อใหร่ที่เจ้าจะไปยังหอทองพันชั่งอีก ? โปรดอณุญาติให้พวกเราไปลิ้มรสชื่อเสียงของท่านด้วย … ” จากจากพูดจบ พวกเขาก็หัวเราะร่าย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือทุกครั้งที่ปู่ถังด่าเขา เขาจะบังคับให้คุกเข่าลงบนลูกคิด ที่สร้างขึ้นมาพอเศษสำหรับทำเรื่องนี้ เหตุใด ? มิใช่คำถามที่ไร้สาระ เมื่อคิดว่ายิ่งอ้วนถังหนักเท่าใหร่ ลูกคิดก็จะแตกออกที่หัวเข่าเขามากเท่านั้น ลูกคิดไม่สามารถโตเป็นต้นไม้ เข้ารู้ไหม ? หลังจากหลายวันนั้น แม้แต่ลูลูกคิดที่ทำมาพิเศษก็เริ่มโค้งงา …
Translate by iHaveNoName

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments