I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 29 หยอกล้อ

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บนใบหน้าของหลินเฟิงปรากฏรอยยิ้มที่เย็นชา เขาเอื้อมมือไปคว้าแก้วไวน์บนโต๊ะ และค่อยๆเทลงบนหัวของกู่ซง

 

ทุกคนตื่นตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าหลินเฟิงจะใช้วิธีนี้ในการตอบโต้ความอัปยศที่ได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาไม่นึกว่าหลินเฟิงจะกล้าเทไวน์ลงบนหัวของกู่ซง

 

ฝูงชนแตกตื่นแต่ก็ยังจ้องมองด้วยความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลินอวี่ที่มีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอยู่บนใบหน้า เขาไม่เพียงเห็นกู่ซงเสียหน้า แต่เขายังเห็นเจ้าขยะหยามเกียรติของกู่ซง เหตุการณ์ที่น่าสนุกเช่นนี้จะทำให้เขาไม่มีความสุขได้อย่างไร ?

 

กู่ซงไม่คิดมาก่อนเลยว่าหลินเฟิงจะกล้าที่จำทำเช่นนี้ เขาหลับตาลงเพราะแอลกอฮอล์ได้เข้าไปในดวงตานั่นเป็นเหตุที่ทำให้เขาปวดหัวเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ใช้มือปาดไวน์ออกจากใบหน้า

 

จากนั้นกู่ซงก็ลืมตาที่ส่องประกายแห่งความโกรธเกรี้ยว ดวงตาของเขาหดแคบลงจนทำให้เขาดูเหมือนงู

 

“ไอ้เศษขยะ ถึงแม้วันนี้เจ้าจะไม่ตาย แต่ข้าจะทำให้เจ้าปรารถนาถึงมัน!” ทุกคนเห็นการแสดงออกอย่างรุนแรงของกู่ซง ดูเหมือนความขัดแย้งระหว่างตระกูลหลินและตระกูลกู่จะย่ำแย่ลงแล้ว

 

“เจ้ากล้าดียังไงที่เทไวน์ใส่หัวข้า!?” กู่ซงกล่าวพร้อมดวงตาที่แดงก่ำ เขากล่าวด้วยโทนเสียงต่ำแต่ก็ยังพูดอย่างสงบนิ่ง มันก็ยิ่งทำให้เขาดูน่ากลัวยิ่งขึ้น

 

” เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้าในเมื่อดวงตาของเจ้านั้นปิดอยู่? เร็วเข้า ใครก็ได้เอาไวน์มาเพิ่มให้ข้าที ” หลินเฟิงกล่าวขณะที่ทำท่าขอไวน์เพิ่ม

 

” อย่าได้แกล้งโง่? มีใครที่ไหนเขาจะทำนอกจากขยะเช่นเจ้า? เจ้าพิจารณาถึงสิ่งที่ตามมาแล้วหรือไม่? หรือเจ้าคิดว่าหลินอวี่จะลุกขึ้นมาปกป้องเจ้า? ” กู่ซงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามเยาะเย้ยหลินเฟิงและหลินอวี่

 

หลินเฟิงไม่ได้กล่าวตอบ เขาหยิบขวดไวน์ที่วางอยู่บนโต๊ะและยกมันขึ้นเหนือหัวกู่ซง กู่ซงลุกขึ้นด้วยความตกใจ แต่มันสายเกินไป ไม่เพียงแต่ใบหน้าของเขาที่อาบไปด้วยไวน์ ตอนนี้ทั่วทั้งร่างของเขาก็อาบไปด้วยไวน์เช่นกัน

 

“ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงใช้คำว่า ‘ขยะ’ สิ้นเปลืองนัก เจ้าพยายามดูถูกข้า? หรือเพื่อปกปิดความรู้สึกแย่ๆที่อยู่ในส่วนลึกของเจ้า เพราะเจ้ามันเป็นตัวไร้ประโยชน์? ตอนนี้เจ้ายังลังเลอะไรอยู่อีก? ลูกนอกสมรสตระกูลกู่เช่นเจ้าไม่มีความกล้าเลยหรือไง? ข้าชักไม่แน่ใจแล้วว่าเลือดในร่าางกายของเจ้าเป็นเลือดของสามัญชนหรือของตระกูลกู่กันแน่?”

 

กู่ซงเป็นบุตรชายของตระกูลกู่กับคนใช้นางหนึ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาก็เป็นถึงนายน้อยแต่ก็เป็นเพียงชนชั้นลำดับล่างของตระกูล นั้นคือปมในใจที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดของกู่ซง คำพูดของหลินเฟิงเป็นการแทงใจดำของเขาอย่างมาก นอกจากนี้เขายังเกลียดคนอื่นๆที่กล่าวเรื่องนี้กับเขา

 

” เจ้าแส่หาความตาย… ” ตามที่คาด การแสดงออกของกู่ซงเปลี่ยนไปและดูเลวร้ายมากยิ่งขึ้น เขาถูกเผาด้วยเพลิงแห่งความโกรธและไม่สามารถซ่อนจิตสังหารได้อีกต่อไป

 

โดยปราศจากความลังเลกู่ซงปล่อยหมัดไปที่หลินเฟิง กำปั้นของเขาพุ่งผ่านอากาศไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

 

ทุกคนที่นั่งอยู่สั่นด้วยความกลัวเพราะทั้งความรวดเร็วที่น่าเหลือเชื่อและความรุนแรงของหมัด กู่ซงโกรธเกรี้ยวอย่างแท้จริง กำปั้นพุ่งตรงไปที่หัวของหลินเฟิงด้วยพละกำลังที่เพียงพอจะระเบิดมัน เขาต้องการที่จะทำลายหัวของหลินเฟิงด้วยมือเปล่า

 

หลินอวี่ไม่ได้เป็นเช่นคนอื่น ใบหน้าของเขายังคงประดับไปด้วยรอบยิ้ม เขาคาดหวังอย่างแท้จริงว่าหลินเฟิงจะตายอย่างทุกข์ทรมานจากการโจมตีของกู่ซง

 

แต่สิ่งต่างๆก็ไม่เป็นไปตามที่หวัง กำปั้นของกู่ซงหยุดลงขณะกำลังเข้าปะทะกับหลินเฟิง กู่ซงไม่ได้แสดงความเมตตา แต่มันเป็นเพราะมีฝ่ามือมาหยุดกำปั้นนั้นเอาไว้อย่างสมบูรณ์ เพียงฝ่ามือเดียวก็สามารถหยุดหมัดที่ถูกปล่อยออกมาได้อย่างง่ายดาย ใบหน้าของกู่ซงกลายเป็นตกตะลึงเพราะเขาไม่สามารถขยับมือออกจากฝ่ามือดังกล่าวได้ มันคือฝ่ามือของหลินเฟิงที่เอื้อมไปหยุดหมัดของกู่ซงราวกับเป็นเพียงการหายใจ ไม่มีสัญญาณการตื่นตระหนกบนใบหน้าของเขา หลินเฟิงยังดูผ่อนคลายและสงบ

 

” หืมม? ” ทุกคนอยู่ในภาวะตกใจ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? หลินเฟิงสามารถป้องกันการโจมตีที่ทรงพลังได้อย่างง่ายดาย? นอกจากนี้การแสดงออกของหลินเฟิงยังไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อกู่ซงพยายามขัดขืนฝ่ามือของเขา

 

” ที่จริงแล้วมีบางอย่างที่ข้ายังไม่เข้าใจ เจ้าเป็นเพียงขยะไร้ค่าจากตระกูลกู่และคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะกลั่นแกล้งข้า …. เจ้ามันก็แค่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ? “

 

” กร๊อบบบ “

 

กู่ซงกรีดร้องออกมาด้วยเสียงที่น่าเวทนาเพราะความเจ็บปวดที่เกินจะทนทานจากมือของเขา มันทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว หลินเฟิงทำลายมือของกู่ซงด้วยการกำเพียงครั้งเดียว

 

“ไสหัวไป ออกไปให้พ้นหน้าข้า” หลินเฟิงกล่าวขณะที่โบกมือที่กำมือของกู่ซงเอาไว้ จากนั้นเขาก็โยนกู่ซงลงจากหน้าต่างชั้นบนสุด ทุกคนได้ยินเสียงร่างของกู่ซงกระแทกกับพื้นด้านล่างตามด้วยเสียงกรีดร้องที่น่าสมเพช

 

ทุกคนต่างตกตะลึง กู่ซงบรรลุขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8 เขาได้รับบาดเจ็บและถูกจับโยนลงจากหน้าต่างไม่ต่างจากขยะ?

 

“เห้ออ… ” ทุกคนถอนหายใจ นี่คือคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นขยะจากตระกูลหลินจริงหรือ?

 

หลินเฟิงกวาดตามองไปยังทุกคนอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็จ้อมมองไปที่หลินอวี่ เมื่อเห็นว่าถูกหลินเฟิงมองดู มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะสั่นไปด้วยความกลัว ใช่แล้วเพราะก่อนหน้านี้หลินอวี่เรียกหลินเฟิงว่าเศษขยะ หลินเฟิงเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวซึ่งเป็นเรื่องยากที่เขาจะทำใจยอมรับได้

 

ดูเหมือนหลินเฟิงจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เขาราวกับปีศาจที่เร้นกายอยู่ในร่างของมนุษย์ หลินเฟิงเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง เขาเป็นที่รู้จักว่าขี้ขลาดและอ่อนแอ แต่ในตอนนี้เขากลับกลายเป็นสัตว์ร้ายที่ทรงพลัง ทั้งป่าเถื่อนและน่าเกรงขาม นี่คือเจ้าขยะที่พวกเขารู้จักจริงๆหรือ?

 

“นามอะไรที่เจ้าใช้เรียกข้า?” หลินเฟิงถามหลินอวี่อย่างเย็นชา

 

ริมฝีปากของหลินอวี่สั่นด้วยความกลัว แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะออกเสียงออกมา เขาไม่กล้าที่จะตอบออกไปเพราะเกรงกลัวชายที่ยืนอยู่ข้างหน้า

 

“เศษขยะใช่หรือไม่?” หลินเฟิงยิ้มขณะที่กล่าวอย่างเย็นชา หลังจากนั้นหลินอวี่รู้สึกราวกับว่ามีลมที่หนาวเย็นพัดเข้ามาและเสียงแหลมพาดผ่านอากาศ ทันใดนั้นใบหน้าของราวกับถูกตบ มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดเป็นอย่างมาก

 

ใช่ หลินเฟิงได้ตบหน้าของเขา!!

 

“เจ้า… ” หลินอวี่เอามือกำไปที่ใบหน้า กล้ามเนื้อของเขาทั้งหมดสั่นสะท้าน หลินเฟิงตบหน้าของเขาต่อหน้าผู้คน … แต่เมื่อหลินอวี่เห็นหลินเฟิงจ้องมองเขาอย่างใจเย็น เขากลืนสิ่งที่ต้องการจะกล่าวลงไปและไม่ส่งเสียงออกมาอีก

 

” ครั้งต่อไปที่เจ้าต้องการจะพูดอะไร จงตระหนักถึงสถานะของตัวเจ้าและข้าเอาไว้ให้ดี ” หลินเฟิงกล่าวอย่างเรียบเฉย หลังจากนั้นเขาก็เลิกสนใจหลินอวี่ เขาเดินผ่านหลินอวี่และตรงไปหาเหวินซาน

 

“เจ้าจะทำอะไร!?” เหวินซานถามขณะที่มีท่าทีตื่นกลัว หลินเฟิงผู้นี้จับกู่ซงโยนลงไปจากหน้าต่าง ไม่เพียงแต่เขาจะแข็งแกร่งแต่ยังกล้าหาญมากอีกด้วย

 

“เจ้ากลัวหรือ?” หลินเฟิงถามอย่างเย้ยหยัน

 

“ข้า… “

 

เหวินซานต้องการที่จะเปิดปาก แต่ก็หยุดก่อนที่จะกล่าวอะไรออกไป ทันใดนั้นจิตสังหารที่เย็นเยียบจากร่างของหลินเฟิงก็ถูกปลดปล่อยออกมา ซึ่งทำให้เหวินซานแข็งค้าง เขากล้ำกลืนความกลัวและทำได้เพียงก้มหน้า เช่นเดียวกับหลินอวี่ใบหน้าของเขาบวมปูดและกลายเป็นสีแดงสด เขาไม่สามารถที่จะตอบโต้ได้

 

“… เป็นเพียงขยะ ”

 

จิตสังหารที่น่ากลัวของหลินเฟิงหายไป เขาหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปด้านนอก ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าสบตาเขา

 

” บัดซบ… ” เหวินซาน สบทออกมาด้วยความอึดอัดใจ เขาบีบแก้วไวน์ในมือจนแตก แม้ว่าหลินเฟิงจะไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเขา แต่หลินเฟิงก็บังคับให้เขายืนก้มหน้าด้วยความกลัว มันเป็นให้เขารู้สึกอับอายและขายหน้าเป็นอย่างมาก ในตอนแรกเหวินซานคิดว่าหลินเฟิงไม่มีสิทธิ์ที่จะนั่งกับพวกเขา แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลินเฟิงเขาไม่กล้าที่จะขยับแม้แต่นิ้วมือ แก้วไวน์ในมือของเขาแตกละเอียดไปพร้อมกับความภาคภูมิใจที่เขาเคยมี

 

ในตอนนั้นสภาพของหลินอวี่ไม่ได้ดีไปกว่าเหวินซาน เขายังรู้สึกถึงฝ่ามือของหลินเฟิงบนใบหน้าของเขา เขารู้สึกแย่จนเกินกว่าจะบรรยาย ในตอนที่หลินเฟิงยืนอยู่หน้าของเขา เขาสูญเสียความกล้าที่จะป้องกันการตบหน้า

 

คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะต่างเงียบสงัน ทุกคนต้องการที่จะฉีกหน้าเจ้าขยะจากตระกูลหลิน แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าหลินเฟิงจะทำร้ายพวกเขาได้ พวกเขาที่อ้างตัวเองว่าเป็นผู้บ่มเพาะพลังรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหยางโจว… มีผู้บาดเจ็บและถูกโยนออกจากหน้าต่างโดยหลินเฟิง อีกคนถูกตบหน้า ส่วนอีกคนกลัวจนต้องเรียกตัวเองว่าขยะ ด้วยความกล้าหาญและความแข็งแกร่งที่น่ากลัว หลินเฟิงไม่มีสิทธิ์ที่จะนั่งกับพวกเขาเช่นนั้นหรือ?

 

ดวงตาของชิวหลันส่องประกาย นางเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มที่บรรลุถึงขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว ขณะที่หลินเฟิงยืนอยู่ที่นั่น นางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหลินเฟิงนั้นมีกลิ่นอายธรรมชาติบางอย่างที่ทำให้คนอื่นรู้สึกราวกับว่าเป็นเพียงผู้ต่ำต้อย

 

ไม่คิดเลยว่าการปรากฏตัวของหลินเฟิงในภัตตาคารในวันนี้จะทำให้ทุกคนถึงกลับต้องคิดทบทวนเกี่ยวกับเขาเสียใหม่ หลินเฟิงไม่ต้องการที่จะได้รับความอัปยศและถูกเรียกว่าขยะอีกต่อไป เหล่ารุ่นเยาว์จากตระกูลที่ทรงอำนาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการประกาศศักดาของเขา หลินเฟิงไม่สามารถที่จะทนต่อการเหยียดหยามได้อีกต่อไปดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะให้บทเรียนราคาแพงกับพวกมัน

 

ม้าค่อยๆวิ่งผ่านภัตตาคาร กู่ซงได้เฝ้ามองหลินเฟิงที่จากไปไกล ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาวางแผนที่จะแก้แค้นเจ้าขยะตระกูลหลินไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม

 

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments