I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 33 แปดคนสุดท้าย (1)

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“ท่านจะทำอะไร?” ผู้อาวุโสสองถามด้วยเสียงที่สั่นเครือขณะที่มองไปยังหลินไห่
ฝูงชนตื่นตะลึงกับผลงานของหลินเฟิง ในขณะนั้นเองพวกเขาก็สังเกตเห็นหลินไห่อยู่บนเวทีประลองและกำลังเดินไปทางผู้อาวุโสสอง

 

“ข้าจะทำอะไร? เจ้าคงไม่ลืมข้อตกลงของเราเมื่อครู่หรอกนะ?” หลินไห่ยิ้มอย่างเย็นชา

 

“น้องชายได้โปลดฟังก่อน ผู้อาวุโสสอง… ไม่สิ.. หลินเย่นั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลเรา… เขาทำงานอย่างหนักและช่วยเหลือตระกูลมาตลอด ได้โปรด ยกโทษให้กับความผิดพลาดของเขาในครั้งนี้ด้วย” หลินป้าเต้ากล่าวเสียงดังขณะพยายามปิดกั้นเส้นทางของหลินไห่

 

“ให้อภัยมัน? หลินป้าเต้าเจ้าไม่คิดว่ามันไร้สาระ? เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่าลูกชายข้าไร้ประโยชน์เป็นเพียงแค่ขยะอย่างไม่แยแส เจ้าเคยถามข้า หลินไห่ ว่าเคยทำประโยชน์อันใดเพื่อตระกูล? เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าตั้งใจจะผิดข้อตกลงต่อหน้าทุกคนและทิ้งรอยแผลไว้ในใจให้กับผู้เยาว์ของตระกูลคนหนึ่งเช่นนั้นรึ?”

 

หลินไห่เคร่งครัดกับตำแหน่งของเขาซึ่งทำให้หลินป้าเต้าละอายกว่าที่จะพูดอะไรออกมา หลินป้าเต้าต้องการที่จะผิดคำพูดแต่ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะสนับสนุนการกระทำนั้น ถ้าเขากลับคำมันก็เพียงจะทำให้เขาเสียหน้าเท่านั้น

 

“ตอนนี้ ออกไปจากทางของข้าซ่ะ ข้าขอประกาศว่าหลินเย่ ผู้อาวุโสสองได้พ้นจากหน้าที่ของเขาแล้ว นอกจากนี้ข้าจะให้บทเรียนกับเขาด้วย” หลินไห่กล่าวขณะเดินผ่านหลินป้าเต้า

 

“ถ้าเจ้าคิดว่ามันจะเป็นอย่างที่เจ้าคิด เจ้าประมาทข้าเกินไปแล้ว!” หลินเย่กล่าวขณะหนีไปอย่างรวดเร็ว

 

“ฟู่ววววววววว”

 

“ฟิ้ววววววววว”

 

หลินไห่สบัดแขนทั้งสองข้างเบาๆ ทำให้บรรยากาศรอบข้างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและกลายเป็นน้ำแข็งที่หนาวเย็น ตามด้วยเสียงกรีดร้องของหลินเย่ เขาพยายามที่จะหนีแต่ร่างกายกลับถูกแช่แข็งไม่สามารถขยับได้แม้เพียงปลายนิ้ว แม้แต่กระดูกของเขาก็ถูกน้ำแข็งเขาปกคลุม ทั่วทั้งร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งที่ทรงพลัง

 

“แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก”

 

น้ำแข็งที่ปกคลุมร่างกายของหลินเย่ค่อยๆแตกออกทำให้เกิดผลกระทบที่น่าสะพรึงกลัว ร่างกายของเขายังคงแข็งอยู่แต่ไอเย็นได้ทะลุเข้าไปในร่างเสียแล้ว เลือดไหลออกมาจากปากมันรู้สึกอุ่นเพียงชั่วครู่ก่อนที่เลือดจะแข็งตัว หลินเย่ไม่สามารถยืนได้อีกต่อไปเขาทรุดตัวลงบนพื้น ร่างกายของเขาราวกับหดลงกลายเป็นลูกบอลและกลิ้งไปมาบนพื้น เขาพยายามตะเกียกตะกายทำทุกอย่างเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดวงตาที่ผูกพยาบาทของเขาจ้องไปที่หลินไห่ที่ไม่สะทกสะท้าน การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งทำให้ผิวหนังที่ถูกแช่แข็งแตกออกจากกัน มันเป็นความเจ็บปวดที่เดินจะทานทน

 

หลินเย่ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะที่อ่อนแอ คนในตระกูลส่วนใหญ่ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับหลินไห่ หลินไห่เป็นดังขุนเขาที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เขาไม่สามารถบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของหยุนไห่ แต่การจะต่อสู้กับเขามันก็เท่ากับแสวงหาความตาย

 

ผู้คนมากมายที่มองดูฉากตรงหน้าราวกับกลายเป็นรูปปั้นไม่เคลื่อนไหวพร้อมด้วยปากที่เปิดกว้าง พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าหลินไห่จะทรงพลังขนาดนี้และใช้พลังนั้นในทางที่โหดร้าย เห็นได้ชัดว่าหลินเย่ที่กำลังถูกลงโทษผู้ที่ทำให้ผู้นำตระกูลโกรธแค้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังถือเป็นคำเตือนที่ชัดเจนด้วยการแสดงพลังออกมาและทำให้เห็นว่าเขาหลินไห่สามารถที่จะจัดการกับคนในตระกูลได้ง่ายดายเพียงใด นี่ถือเป็นการเตือนผู้ที่ว่าแผนจะปองร้ายเขา มันคือตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับผู้อาวุโสสองที่ได้รับการสนับสนุนจากหลินป้าเต้า

 

“ตอนนี้เรามาเริ่มงานกันต่อเถิด ข้าจะมอบหมายให้ผู้อาวุโสหกเข้ามารับตำแหน่งแทนหลินเย่ซึ่งเป็นผู้ล้มเหลว ถ้าเจ้าไม่ต้องการปฏิบัติตามกฎของตระกูลหรือต้องการปฏิเสธ เจ้าสามารถบอกข้าได้ตอนนี้” หลินไห่กล่าวขณะที่ม้วนแขนเสื้อของเขา ทำให้ดูสง่างามเป็นอย่างมาก

 

หลินเฟิงฉีกยิ้มไปถึงใบหูขณะที่มองพ่อของเขาด้วยความภูมิใจ พ่อของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ในโลกนี้เฉพาะผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะได้รับความเคารพ หลินไห่ไม่เคยคิดที่จะแสดงพลังของตัวเองด้วยวิธีนี้ ไม่ใช่เพราะของไม่แข็งแกร่งแต่เขาไม่ชอบความรุนแรงก็เท่านั้น

 

ไม่มีใครกล้าสงสัยว่าหลินไห่จะทำอะไรกับผู้อาวุโสของตระกูล แม้ว่าหลินป้าเต้าและหลินฉางจะโกรธแต่ก็ทำได้เพียงดูอยู่อย่างเงียบๆ

 

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป หลินเฟิงเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม 4 มีเพียงหลินอวี่เท่านั้นที่อยู่ในขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8 และอีกคนที่อยู่ในขั้นที่ 7 การต่อสู้ผ่านไป ไม่มีใครสามารถจัดการเจ้าขยะหลินเฟิงได้แม้แต่คนเดียว ตอนนี้การต่อสู้ภายในกลุ่ม 4 เหลือเพียงแค่หลินเฟิงและหลินอวี่เท่านั้น

 

ทางด้านกลุ่มอื่นๆ กลุ่มที่ 1 หลินเชียนไม่ได้ออกแรงแม้แต่น้อยเพราะคู่ต่อสู้ของนางทั้งหมดเลือกที่จะยอมแพ้ก่อนที่จะพยายามต่อสู้ ในกลุ่มที่ 2 และ 3 ทั้งหลินหงและหลินอู๋ก็ยังคงเก็บชัยชนะได้อย่างเรื่อยๆ พวกเขาชนะการประลองทั้งหมดตามที่คาดเอาไว้ ยังมีรุ่นเยาว์อีกคนหนึ่งที่ยังยืนอยู่ได้ เขามีชื่อว่าหลินเหิน ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะแข็งแกร่งทั้งยังไม่มีใครรู้ถึงระดับพลังของเขาก่อนหน้านี้ หลินเหินเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งหมด แต่โชคร้ายที่เข้าจะต้องเจอกับหลิวอู๋ในรอบต่อไป หลายคนคิดว่าคงจะเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับตัวตนอันต้อยต่ำเช่นเขา

 

ในที่สุดก็ได้มาถึงจุดสุดท้ายของการจัดอันดับและรอบที่ 3 กำลังจะเริ่มขึ้นเร็วๆนี้ เหลือเพียงการต่อสู้รอบสุดท้ายของกลุ่มที่ 3 และ 4 อย่างไรก็ตามผู้แข็งแกร่งที่สุด 8 อันดับแรกได้ถูกตัดสินไว้แล้ว

 

“กลุ่ม3 : หลินอู๋ ปะทะ หลินเหิน และกลุ่ม4 : หลินเฟิง ปะทะ หลินอวี่” ผู้อาวุโสหกประกาศออกไป ทุกคนกลับมาให้ความสนใจอีกครั้ง ผู้บ่มเพาะพลังทั้ง 4 ไม่เคยพ่ายแพ้เลยในรอบที่ผ่านมา เหล่าผู้ชมอยากจะดูว่าหลินเหินจะต่อกรกับหลินอู๋ได้อย่างไร และยังเฝ้าดูว่าหลินเฟิงจะสามารถเอาชนะหลินอวี่ที่บรรลุขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8 ได้หรือไม่?

 

เหล่าผู้ชมส่งเสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น หลินเหินกำลังเผชิญหน้ากับหลินอู๋ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในนักสู้รุ่นเยาว์ที่ดีที่สุด แน่นอนว่าเป็นการต่อสู้ที่น่าจับตามอง

 

ถึงแม้พวกเขาจะประหลาดใจกับหลินเฟิง แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายครั้งล่าสุดเขายังอยู่ในขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 6 เขาอาจจะบรรลุถึงขั้นที่ 7 หรือทะลวงผ่านขั้นที่ 8 แล้ว แต่เขาจะเอาชนะหลินอวี่ที่ก้าวมาถึงจุดสูงสุดของขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8 ได้อย่างไร หลายคนที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับหลินเฟิงในตอนที่เขายังเป็นตัวไร้ประโยชน์และเป็นขยะหวังว่าหลินเฟิงจะทำให้ตัวเองต้องอับอาย

 

ทั้ง 4 ก้าวขึ้นมาบนเวทีประลอง หลินเหินเดินตรงไปข้างหน้า เขาประสานมือและกล่าว ” พวกเรามีคุณสมบัติที่จะผ่านเข้าไปยังรอบที่ 3 เราไม่ต้องต่อสู้โดยไม่จำเป็นกับรุ่นเยาว์คนอื่นๆ”

 

“ถึงแม้ว่าพวกเราจะมีคุณสมบัติที่จะผ่านเข้าไปยังรอบที่ 3 แต่ข้าหลินอู๋ยินดีที่จะต่อสู้ต่อไป ข้าต้องการแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของพวกเรา” หลินอู๋ส่ายหัวขณะกล่าวปฏิเสธ

 

“ข้าขอยอมแพ้” หลินเหินกล่าวขณะยิ้มและไม่สนใจต่อหลินเหินที่ต้องการจะต่อสู้

 

“หลินอู๋ชนะ” ผู้อาวุโสหกกล่าวด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว มันคือลูกชายของเขาที่กล่าวยอมแพ้…

 

“ขี้ขลาด” หลินอู๋ด่าทอจากนั้นก็หันหลังและจากไป บนเวทีมีเพียงหลินเฟิงและหลินอวี่ที่ยังอยู่

 

“ฮ่าๆๆ ในที่สุด หลินอวี่ก็จะได้เจอกับเจ้าขยะนั่น ข้าหวังว่าหลินอวี่จะสอนบทเรียนดีๆให้กับมัน” หลินป้าเต้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาคิดว่าหลินเฟิงจะต้องกลายเป็นคนพิการในรอบที่ 2 นี้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าหลินเฟิงจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงสั้นๆ เขาไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่หลายๆคนคิด เขายังไม่พ่ายแพ้แม้แต่นัดเดียว

 

“ไม่ต้องห่วง หลินอวี่เป็นสมาชิกที่แท้จริงของตระกูลหลิน เขาจะแสดงให้เจ้าขยะนั่นเป็นว่าอะไรคือความหมายของพลังที่แท้จริง” ผู้อาวุโสสามกล่าวอย่างมั่นใจ เขามีความมั่นใจมากในความสามารถและทักษะของลูกชาย มันคงยากสำหรับหลินอวี่ที่จะติด 1 ใน 3ของการประชุมประจำปี แต่เขาก็หวังว่าอย่างน้อยลูกชายของเขาจะติด 1 ใน 5 ของรุ่นเยาว์

 

“มาดูและเพลิดเพลินกับการแสดงกันเถอะ” หลินป้าเต้าพยักหน้า

 

การแสดงออกอย่างมั่นใจของหลินอวี่หายไป แต่ก็ยังพยายามทำให้ตัวเองสงบ เขาไม่อาจจะลืมช่วงเวลาที่ถูกหลินเฟิงตบหน้าได้ มันคือความอัปยศ เขาเกลียดหลินเฟิงจนเข้าเส้น แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกเกรงกลัวสัตว์ประหลาดที่ยืนอยู่ตรงหน้า เจ้าเศษขยะของตระกูลได้กลายเป็นปีศาจลึกลับ กู่ซงไม่ได้อ่อนแอแต่เขากลับถูกทำร้ายและจับโยนลงหน้าต่างโดนหลินเฟิง หลินเหยียนผู้ที่สามารถใช้ดาบได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลินเฟิงดาบของเขาดูคล้ายกับของเล่นไปเลย หลินอวี่ไม่มีความเชื่อมั่นกับตัวเองแม้แต่น้อยที่จะต่อกรกับหลินเฟิง

 

หลินอวี่รู้สึกถึงแรงกดดันที่สร้างจากความหวังของเหล่าผู้ชม เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน ราวกับว่าเขาติดอยู่ระหว่างก้อนหินและพื้นแข็ง ทุกคนกำลังกำลังรอให้หลินอวี่สั่งสอนหลินเฟิงรวมถึงพ่อของเขา แต่เขาแข็งแกร่งพอจะทำสิ่งนั้นหรือไม่?

 

“พวกเรามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะผ่านเข้ารอบต่อไป พวกเราจะต้องสู้กันจริงๆ?” หลินอวี่ยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

ปรากฏรอยยิ้มบนหน้าหลินเฟิงและจ้องมองหลินอวี่อยู่เงียบๆ

 

“ไอเวรเอ้ย” หลินอวี่คิด จากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆและกล่าว “ข้าขอยอมแพ้”
“หืม?”

 

ทั้งผู้อาวุโสสามและฝูงชนต่างมึนงงเมื่อได้ยินหลินอวี่กล่าวยอมแพ้

 

“นี่เขาเพิ่งจะประกาศขอยอมแพ้…?”

 

ในขณะที่หลายคนไม่สามารถอดใจรอให้หลินอวี่สั่งสอนหลินเฟิงได้ แต่หลินอวี่กลับทำให้พวกเขาแปลกใจที่จะไม่สู้
“เกิดบ้าอะไรขึ้น?” หลินป้าเต้าถามยังงงงวย

 

“บางทีหลินอวี่ต้องการที่จะทำให้หลินเฟิงอับอายในรอบสุดท้าย” ผู้อาวุโสสามกล่าวอย่างไม่มีความมั่นใจ

 

สิ้นสุดรอบที่ 2 สมาชิกของตระกูลที่เหลืออยู่ ได้แก่ หลินเชียน, หลินหง, หลินเฟิง, หลินอวี่, หลินอู๋, หลินเหิน, หลินอิ่ง และหลินลี่
(หลินอวี่ผ่านเพราะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับ 2 ในกลุ่ม 4 ส่วนหลินเฟิงเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มสี่) 

 

รอบที่ 3 ถือเป็นรอบสุดท้ายและเป็นการประลองแบบตัวต่อตัว

 

หลินอิ่งและหลินลี่จดจ้องไปที่หลินเฟิงด้วยความปราถนา พวกเขากำลังอธิษฐานเพื่อที่จะให้ได้ต่อสู้กับหลินเฟิง พวกเขาไม่ได้มีความแค้นกับหลินเฟิงเพียงแค่ต้องการจุดรับประกันว่าจะสามารถเข้าไปเป็นหนึ่งใน 4 ผู้แข็งแกร่งของรุ่นเยาว์ได้

 

“การประลองรอบแรก: หลินเชียน ปะทะ หลินอิ่ง ” ผู้อาวุโสหกกล่าว สีหน้าของหลินอิ่งเปลี่ยนเป็นซีดขาวในทันที มันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเขาเมื่อได้ยินว่าจะต้องเจอกับรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่ง

 

” หลินเชียน แม้ว่าข้าจะไม่อาจแตะต้องเจ้าได้ แต่ข้าก็ต้องการที่จะสู้ หวังว่าเจ้าจะแสดงให้เห็นถึงความห่างชั้นระหว่างเรา

 

นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้กับหลินเชียน นี่คงเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายสำหรับนาง ทุกคนรู้ดีว่าหลินอิ่งจะต้องพ่ายแพ้ แต่นางจะไม่ยอมสูญเสียความภาคภูมิใจเด็ดขาด

 

“ก็ได้” หลินเชียนตอบกลับอย่างเย็นชา และปลดปล่อยพลังออกมาทำให้นางดูหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก

 

“เข้ามา!” หลินอิ่งตะโกนและพุ่งเข้าหาหลินเชียน นางไม่ได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณออกมา นางไม่ต้องการสูญเสียไม่ว่ากรณีใดๆ แต่ก็ยังถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลหลินหลินอิ่งต้องการที่จะดูว่าหลินเชียนนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใด ดังนั้นนางจึงตั้งใจไว้ว่าสักวันหนึ่งจะต้องแข็งแกร่งกว่าหลินเชียนให้ได้

 

“น้ำแข็ง” หลินเชียนตะโกนออกไป แม้ว่ามือของหลินอิ่งยังไม่ได้สัมผัสหลินเชียนแต่มือของนางราวกับมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นนับพันจินและความเร็วก็ตกลงอย่างมาก

 

ทันใดนั้น มือน้อยๆของหลินเชียนยื่นตรงไปที่หลินอิ่ง พร้อมด้วยร่างกายที่ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง

 

“เจ้าแพ้แล้ว” หลินเชียนจับมือของนางและหลินอิ่งก็ทรุดตัวลงไปกับพื้นทันที หลินอิ่งสั่นสะท้านอยู่บนพื้นด้วยความหนาว นางดูคล้ายกับผู้อาวุโสสองเมื่อครู่แต่ดูน่าสงสารกว่า

 

“แข็งแกร่งมาก! นั่นคือสิ่งที่ผู้บ่มเพาะของเขตจิตวิญญาณสามารถทำได้ ทรงพลังอะไรเช่นนี้! ดีจริงๆที่ข้าไม่ต้องต่อสู้กับหลินเชียน” คนอื่นๆต่างรู้สึกโชคดีที่ไม่ต้องเจอกับหลินเชียน

 

“การประลองรอบแรก: หลินเชียนชนะ การประลองรอบที่ 2: หลินหง ปะทะ หลินอวี่ ” ผู้อาวุโสหกประกาศ

 

“ข้ายอมแพ้” หลินอวี่ยิ้มอย่างขมขื่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการเผชิญหน้ากับหลินหง เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะยอมแพ้ถึงสองครั้ง

 

“การประลองรอบที่ 2: หลินหงชนะ การประลองรอบที่ 3: หลินเฟิง ปะทะ หลินลี่”

 

“เยี่ยม ต้องแบบนี้สิ” ปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุขบนใบหน้าของเขา หลินลี่บรรลุจุดสูงสุดของขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8 เขาคิดว่าการจะเอาชนะคนอื่นๆคงเป็นเรื่องยาก แต่กับหลินเฟิงมันคงเป็นเรื่องง่ายที่จะชนะ

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments