I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 35 หลินเฟิง ปะทะ หลินหง!

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ทุกคนที่เฝ้ามองต่างสับสนในการกระทำของหลินเฟิง หลินเหินบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณแล้วดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะสามารถข่มขวัญหลินอู๋ได้

 

แต่หลินเฟิงก็พยายามทำในสิ่งที่คล้ายๆกันและกำลังบอกให้หลินอู๋ออกไปจากเวทีลานประลองเขาได้รับความอัปยศและความอับอายก่อนหน้านี้ทำให้หลินอู๋โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก เขาได้รับความอับอายจากหลินเหินแต่ก็ยังไม่ได้โกรธเท่าไร แต่ความจริงที่ว่าไอเจ้าขยะนั้นทำให้เขาขายขี้หน้ามันทำให้เขาเหลืออด หลินอู๋รู้สึกราวกับว่าถูกมีดนับพันทิ่มแทงหัวใจ เห็นได้ชัดว่าเขาถูกความโกรธเข้าครอบงำไปแล้ว

 

“เจ้าอยากตาย?” หลินอู๋ปลดปล่อยจิตสังหารอันแรงกล้าและจ้องมองหลินเฟิงอย่างดุร้าย

 

แต่ทันใดนั้นเองแรงกดดันที่ทรงพลังได้กดทับตัวหลินอู๋ไว้ แม้ว่ามันจะไม่แข็งแกร่งเท่าพลังของหลินเหิน แต่หลินอู๋รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในทันที แรงกดดันที่แข็งแกร่งกำลังบดขยี้ร่างกายของเขา

 

“สาม” หลินเฟิงเริ่มนับถอนหลังด้วยโทนเสียงต่ำ แรงกดดันที่กดทับร่างของหลินอู๋ไว้เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลินอู๋เริ่มหายใจไม่ออกเนื่องจากพลังงานที่รุนแรงกระจายไปทั่วบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความอับอายหรือความแค้นของเขาหายไปในทันที ความรู้สึกเดียวที่เขาเหลืออยู่คือความกลัวที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ

 

หลินอู๋บรรลุขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9 แต่เจ้าขยะนี่กลับเผชิญหน้ากับเขาโดยใช้เพียงแค่แรงกดดันก็สามารถบดขยี้เขาได้โดยง่าย หรือว่ามันจะบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว?

 

ทุกคนเกิดสับสนในทันที พวกเขาเห็นเพียงว่าหลินอู๋ดูหวาดกลัวและหายใจไม่ออก หลินเฟิงค่อยๆเดินอย่างช้าๆไปยังหลินอู๋ มันทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่าเวลาได้หยุดลง ทุกคนสามารถรับรู้ถึงพลังปราณที่หลินเฟิงปลดปล่อยออกมา มันคือการผสานกันอย่างลงตัวของพลังธาตุ

 

หลินเฟิงดูแตกต่างไปจากเดิมในสายตาของทุกคนในสมาชิกตระกูลหลิน หลินเฟิงราวกับว่ากลายเป็นความสมดุลระหว่างพลังธาตุของทั้งสวรรค์และปฐพี

 

“สอง” หลินเฟิงกล่าวขณะก้าวเดินไปข้างหน้า แม้ว่าเขาไม่ได้พูดเสียงดังแต่มันราวกับค้อนยักษ์ที่ทุบไปที่หน้าอกของหลินอู๋ หัวใจของหลินอู๋เต้นรัว เขาคิดเพียงแต่จะหาทางหนีออกไปจากสถานการณ์ในตอนนี้เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาแทบจะไม่สามารถขยับตัวได้ด้วยซ้ำ

 

แรงกดดันเริ่มรุนแรงกว่าตอนแรกขึ้นเรื่อยๆ หลินอู๋รู้สึกวิตกอย่างมากและพยายามที่จะหลบหนีไปด้านหลังในเวลาเดียวกัน ไม่มีแม้การต่อสู้ มันดูไร้สาระ ความมั่นใจของเขาหายไปจนหมด แม้ว่าหลินเฟิงจะเพิ่งก้าวเดินมาได้เพียงสองก้าว

 

“เกิดอะไรขึ้น? หลินอู๋พยายามหนี?” เกิดคำถามขึ้นในกลุ่มฝูงชน

 

“ข้าคิดว่าจริงๆแล้วหลินเฟิงเริ่มที่จะปลดปล่อยพรสวรรค์ที่เขาเก็บซ่อนไว้ออกมา แล้วเยี่ยงนี้จะเรียกเขาว่าขยะได้อย่างไร? มันราวกับว่าเขาตั้งใจที่จะทำลายความภาคภูมิใจของทุกคนที่พยายามขัดขวางเขา”

 

“มีอะไรอยากจะสั่งเสียไหม?” หลินเฟิงกล่าวขณะที่ยิ้มให้หลินอู๋ ราวกับว่าหลินเฟิงกำลังสนุกที่กำลังทำให้หลินอู๋กลายเป็นไอขี้ขลาดต่อหน้าผู้คน เมื่อจะต้องเผชิญกับแรงกดดันที่แข็งแกร่งกว่าตนและไม่แม้แต่พยายามที่จะต่อสู้

 

หลินอู๋ปล่อยหอกในมือลงพื้น เขาดูอ่อนแอและบอบบาง หลินเหินไม่จำเป็นต้องทำให้เขาเสียหน้า หลินอู๋ตระหนักดีว่าพลังของเขาไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับขอบเขตจิตวิญญาณ แต่เพียงแค่แรงกดดันจากหลินเฟิงได้ทำลายความมั่นใจของเขาจนหมดและทำให้เขาเสียหน้ายิ่งกว่าหลินเหินหลายเท่า เขาตระหนักได้ถึงความอ่อนแอของตนและคิดไปเองว่าเขานั้นแข็งแกร่งทำให้กลายเป็นคนหยิ่งยโสและเริ่มรังแกผู้อ่อนแอ การถูกทำให้อับอายและรู้สึกอัปยศคือความน่ากลัวที่แท้จริง มันจะฝังรากลึกลงไปถึงจิตใต้สำนึกและจะทำให้การบ่มเพาะในอนาคตของเขายากขึ้นอีกมาก

 

“ข้ายอมแพ้ … ข้ายอมแพ้แล้ว” หลินอู๋กล่าวขณะกัดริมฝีปาก ดูเหมือนเขาจะเริ่มมีความเข้าใจเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับโลกใบนี้แล้ว หลินอู๋เชื่อมาตลอดว่าตัวเองนั้นถูกเสมอ เขาเชื่อว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่ง เพราะเหตุนั้นเขาจึงหยิ่งยโสที่สุด หลินอู๋อับอายกับตัวตนที่เขาเคยเป็น

 

“ยอมแพ้?” หลินเฟิงกล่าวขณะยิ้ม ” ข้าบอกให้เจ้าออกไปให้พ้นจากสายตาข้า แต่ตอนนี้ข้ายังเห็นเจ้าอยู่เลย ข้าให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายไปให้พ้นจากหน้าข้าด้วยการคลานให้เหมือนกับหนอน!”

 

หลินอู๋ถูกทำให้อับอายซ้ำแล้วซ้ำเล่า สามารถจินตนาการได้เลยว่าเขาโกรธเกรี้ยวเพียงใดกับคำพูดเหล่านี้

 

ถ้าหลินอู๋สามารถเอาชนะหลินเฟิงได้ หลินเฟิงจะได้รับความอัปยศและถูกกลั่นแกล้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หลินอู๋จะไม่ปล่อยให้เขาจากไปโดยง่าย… แต่ตอนนี้เขารู้ดีว่าไม่สามารถที่จะต่อกรกับหลินเฟิงได้เขาจึงเลือกที่จะยอมแพ้ แต่คำเหล่านั้นจะเพียงพอจริงๆงั้นหรือ? สิ่งเลวร้ายที่เขาเคยพูดมาก่อนหน้านี้ล่ะ? หลินเฟิงจะลืมมันได้ง่ายๆ?

 

เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ หลินเฟิงไม่ใช่พระ เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง เด็กหนุ่มที่มีความรู้สึกเกลียดชัง ความรัก ความกล้าหาญหรือความต้องการแก้แค้น

 

“ข้ายอมแพ้แล้ว มันยังไม่พออีกหรือ? เจ้าต้องการให้ข้าคลานออกไปจริงๆ?” หลินอู๋โกรธและตะโกนถามออกไป

 

“แล้วใครบอกให้เจ้ายอมแพ้? เจ้าเรียกข้าว่าเศษขยะ เป็นความอับอายของตระกูลหลิน… ข้าควรจะลงโทษอย่างไรกับคำสบประมาทของเจ้า เจ้าคิดว่ามันเพียงพอแล้ว? เจ้าได้รับความอับอายจากหลินเหินแต่นำมันมาลงที่ข้า เจ้าคิดว่าแค่ยอมแพ้มันจะเพียงพอ!?” หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา “ตอนนี้เจ้าตระหนักได้ว่าไม่สามารถสู้กับข้าได้ และด้วยคำพูดไม่กี่คำจากปากเจ้า เจ้าคิดว่ามันเพียงพออย่างงั้นรึ? วันนี้เจ้ากำลังมองหาความตาย?”

 

หลินอู๋กลายเป็นหวาดกลัวสุดขีด

 

“อ่าา ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาแล้ว” หลินเฟิงยิ้ม “ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ไปให้พ้นจากหน้าข้า เจ้าจะต้องแบกรับผลกรรมที่เจ้าเคยทำไว้!”

 

ขณะที่พูดหลินเฟิงเริ่มเคลื่อนไปข้างหน้า หลินอู๋เริ่มสั่นสะท้านและเริ่มหมอบลงบนพื้น เขาดูน่าอายและอ่อนแอเป็นอย่างมาก

 

หลินเฟิงมีกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า ซึ่งทำให้หลินอู๋กลัวเป็นอย่างมาก โดยไม่นึกถึงความอัปยศและความแค้นใจ จิตสังหารของหลินเฟิงดึงเขากลับมาสู่โลกแห่งความจริง เขาไม่เคยรู้สึกถึงจิตสังหารที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน

 

” ข้าจะไป… ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” หลินอู๋ถูกบังคับให้ยิ้ม รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจและความอัปยศ เขารีบคลานออกห่างจากหลินเฟิง

 

“เจ้าเศษขยะ ความอัปยศของตระกูล”

 

“เศษขยะก็เป็นเศษขยะอยู่วันยังค่ำ”

 

ขณะที่กำลังคลานไปบนพื้น หลินอู๋เริ่มที่จะระลึกถึงนามที่น่ารังเกียจและความอับอายที่เขาเคยมอบให้กับหลินเฟิง เขาตระหนักดีว่าเขาทำตัวราวกับคนโง่ เขาบรรลุขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9 ถือเป็นรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นและเป็นหนึ่งในดาวรุ่งของตระกูล แต่ตอนนี้เขากลับเป็นเพียงตัวขี้ขลาด?

 

ทุกคนกำลังเฝ้ามองหลินอู๋ที่กำลังคลานอยู่บนพื้น พวกเขาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง พวกเขาคิดเพียงว่าหลินเฟิงนั้นเป็นคนบ้า ที่ต้องการให้หลินอู๋หมอบคลานบนพื้นและไล่ไปให้พ้นหน้าของเขา แต่พวกเขาไม่คิดว่าหลินอู๋จะกล้าทำมันจริงๆ

 

“หลินอู๋” หลินฉางกล่าวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ลูกชายของเขาแสดงถึงความภูมิใจในตัวเองเสมอ เขาเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลหลิน เป็นอัจฉริยะที่แท้จริงเป็นรองเพียงแค่หลินเชียน… แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ หลินอู๋กลับได้รับความอัปยศถึงสองครั้ง และในตอนนี้เขากำลังหมอบคลานเหมือนกับหนอน

 

“ไอสารเลวเอ้ย ” หลินฉางกลายเป็นเกรี้ยวกราด เขาต้องการจะฉีกหลินเฟิงออกเป็นชิ้นๆ

 

“เหอะ”

 

หลินไห่ถอนหายใจอย่างเฉื่อยฉาเมื่อเห็นหลินฉางกำลังโกรธ มันราวกับว่าอุณหภูมิรอบๆพื้นที่ลดต่ำลง และพร้อมที่จะลงโทษหลินฉางหากเขากระทำอะไรขึ้นมา

 

“ใจเย็นก่อน” หลินป้าเต้าสังเกตเห็นหลินฉางที่กำลังโกรธและกล่าวอย่างไม่แยแส “ไม่ต้องกังวล ไอเศษสวะนั่นจะหยิ่งยโสได้อีกไม่นาน”

 

หลินฉางยังคงอยู่ในอารมณ์โกรธ เขาจ้องมองไปที่หลินไห่และนั่งลง เขารู้ว่าไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ตราบที่หลินไห่ยังอยู่ที่นี่

 

“หลินเฟิงชนะ” ผู้อาวุโสหกกล่าวขณะจ้องมองไปยังหลินเฟิง

 

หลินเฟิงไม่เหมือนกับรุ่นเยาว์ส่วนใหญ่ของตระกูลหลิน เขาไม่ได้รับการสืบทอดจิตวิญญาณไฟหรือน้ำแข็ง เขามีเพียงแค่จิตวิญญาณงูตัวเล็กๆ แต่มันก็ไม่เหมือนกับจิตวิญญาณแห่งสัตว์อสูรทั่วไป ไม่มีใครรู้ว่ามันใช้งานอย่างไร ดูเหมือนว่ามันจะไม่แข็งแกร่งหรือทรงพลัง พวกเขาไม่สามารถรับรู้อะไรเกี่ยวกับจิตวิญญาณนั้นได้เลย เพราะฉะนั้นจึงถือว่ามันเป็นจิตวิญญาณขยะ นั่นคือเหตุผลที่หลินเฟิงถูกตราหน้าว่าเป็นเศษขยะ เขาถูกมองว่าเป็นความอัปยศ

 

เส้นทางการบ่มเพาะพลังของหลินเฟิงนั้นเชื่องช้าเป็นอย่างมากซึ่งทำให้เขายิ่งอับอายมากขึ้นในตระกูล ทุกคนเกลียดชังเขา แต่ในตอนนี้นั้น เจ้าขยะคนนี้ได้เอาชนะหลินเหยียนและทำให้หลินอู๋ผู้ซึ่งคิดว่าตัวเองสูงส่งต้องหมอบคลานอยู่กับพื้น แบบนี้เขายังจะถูกเรียกว่าเศษขยะได้อยู่หรือเปล่า? มันทำให้เกิดความสงสัยว่าจริงๆแล้วจิตวิญญาณของเขานั้นเป็นเพียงขยะจริงๆงั้นหรือ?

 

“เมื่อพ่อเป็นมังกร ลูกชายก็ไม่อาจเป็นงูได้” ผู้อาวุโสหกคิด จากนั้นเขาก็กล่าว ” พักครึ่งชั่วโมง จากนั้นจะเริ่มการประลองในช่วงหลัง”

 

“ผู้อาวุโส พวกเราทั้ง 4 คนนั้นยังไม่เหนื่อยดังนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องพัก ได้โปรด อนุญาตให้พวกเราประลองต่อด้วย” หลินเชียนกล่าวด้วยท่าทีสงบ แม้ว่านางจะหยิ่งยโสมากกว่าสมาชิกตระกูลหลินคนอื่นๆ แต่เมื่อครู่นับว่านางนั้นสุภาพมาก เหล่าผู้อาวุโสตระกูลหลินไม่ได้สนใจในความหยิ่งของนาง แต่ฉู่ จั่น เผิง ไม่ชอบความเย่อหยิ่งของหลินเชียน และสอนให้นางไม่ก้าวร้าวกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า

 

“น้องสาวข้าพูดถูก มาเริ่มกันต่อเถิด” หลินหงกล่าวเสริม ทั้งพี่ชายและน้องสาวได้ก้าวเข้าสู่รอบรองสุดท้าย เป็นนี้เป็นวันที่แสนวิเศษสำหรับหลินป้าเต้า สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะทำให้การขึ้นเป็นผู้นำตระกูลของเขาราบรื่นยิ่งขึ้น

 

ผู้อาวุโสหกหันไปที่หลินเฟิง “แล้วเจ้าล่ะ?”

 

เกี่ยวกับลูกชายของเขาหลินเหิน เขารู้อยู่แล้วถึงความคิดของลูกชาย ซึ่งเหลือเพียงแค่หลินเฟิงเท่านั้น

 

“ไม่มีปัญหา พวกเรามาเริ่มกันต่อเถอะ” หลินเฟิงหยักหน้า จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงออกไปแม้แต่น้อย

 

“ถ้าเช่นนั้น เราจะมาเริ่มกันประลองกันต่อ” ผู้อาวุโสหกประกาศ “รอบรองชนะเลิศ: หลินเฟิง ปะทะ หลินหง และ หลินเชียน ปะทะ หลินเหิน. หลินเฟิงและหลินหง พวกเจ้าเริ่มก่อน”

 

“ผู้อาวุโสหกไม่ทำให้หลินเหินต้องสู้กับหลินเชียน เขาต้องคาดหวังกับลูกชายมากเป็นแน่”

 

“หลินเหินอยู่ระดับเดียวกับหลินเชียน พวกเขาทั้งคู่ทะลวงผ่านขอบเขตจิตวิญญาณได้แล้ว หลินหงยังคงแข็งแกร่งมาก หลินเฟิงเองก็น่าเป็นห่วง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเอาชนะหลินเหิน มีเพียงแค่หลินเชียนเท่านั้นที่จะต่อกรกับเขาได้ ผู้อาวุโสหกอาจจะคิดเช่นนั้น นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเขาถึงได้จับคู่เช่นนี้ วิธีการต่อสู้จะไม่สำคัญอีกต่อไป สิ่งสำคัญมีเพียงความแข็งแกร่ง

 

ทุกคนกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับการประลอง แต่ทันใดนั้นเอง หลินป้าเต้าก็ได้ยืนขึ้นและกล่าวด้วยเสียงที่ชัดเจน “ผู้อาวุโสหกขอให้ข้าได้พูดอะไรสักเล็กน้อยได้หรือไม่?”

 

“แน่นอน” ผู้อาวุโสหกพยักหน้า

 

“รุ่นเยาว์ทั้ง 4 คือผู้ที่ยื่นอยู่จุดสูงสุดของการประชุมประจำปีนี้ พวกเขาถือเป็นตัวแทนของเหล่าคนรุ่นใหม่ของตระกูลหลินและถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญในอนาคต ข้าคิดว่าบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง ด้วยการต่อสู้จนกว่าหนึ่งในพวกเขาจะไม่สามารถยืนต่อไปได้ พวกเขาจะสามารถต่อสู้ได้เหมือนนักสู้จริงๆของตระกูลหลินจนกว่าจะสิ้นสุด ด้วยวิธีการนี้พวกเขาจะถูกบังคับให้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่และยิ่งเป็นการเพิ่มพูนความเข้าใจในเส้นทางการบ่มเพาะของตนเอง” หลินป้าเต้ากล่าวด้วยความมั่นใจขณะที่มองไปยังหลินไห่ มันราวกับพยายามยั่วยุเขา

 

“โหดร้าย ดูเหมือนว่าเขาต้องการที่จะให้หลินหงทำร้ายหลินเฟิงจริงๆ” หนึ่งในฝูงชนกล่าว พวกเขาเข้าใจความคิดของหลินป้าเต้า และสามารถบอกได้ว่าเขามีเจตนาที่ชั่วร้าย

 

“ท่านผู้นำ คิดยังไงกับข้อเสนอของข้า?” หลินป้าเต้าถามหลินไห่ ราวกับจ่อมีดอยู่ที่หลังของหลินไห่ด้วยการใช้คำว่า ‘ท่านผู้นำ’ เขายิ้มให้กับหลินไห่ ถ้าหลินไห่ไม่ยอมรับมันจะทำให้หลินเฟิงต้องเสียหน้า แต่หากเขายอมรับมันจะเป็นการส่งหลินเฟิงไปตาย และทำลายชื่อเสียงของเขา หลินป้าเต้าใช้โอกาสนี้เพื่อทำลายหลินไห่และหลินเฟิง

 

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments