ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลินไห่ตัดสินใจอย่างยากลำบาก หลินเฟิงได้แสดงความแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาได้คาดไว้แล้ว ทำให้หลินไห่รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก แต่ข้อเสนอของหลินป้าเต้ามันบ้าเกินไป แม้ว่าหลินเฟิงจะสามารถเอาชนะหลินหงได้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างการต่อสู้รอบสุดท้าย? หลินป้าเต้าต้องการเห็นหลินเฟิงตายด้วยมือของลูกเขาคนใดคนหนึ่ง
“ท่านคิดเห็นอย่างไร? ประมุขตระกูลของข้า หรือว่าท่านไม่มีความกล้าพอที่จะตัดสินใจ และไม่กล้าอนุญาตให้รุ่นเยาว์ของพวกเราแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริง” หลินป้าเต้ากล่าวเมื่อเขาเห็นหลินไห่ลังเล และยังไม่ตอบกลับ
“ท่านพ่อ รีบๆยอมรับข้อเสนอนั้นเถอะ” หลินเฟิงกล่าว
หลินไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้อีกต่อไป ครอบครัวของเขาไม่เคยกระทำใดๆต่อครอบครัวหลินป้าเต้า และไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาเป็นศัตรู ครอบครัวของหลินเฟิงคิดว่าพวกเขาเป็นญาติสนิท แต่ครอบครัวของหลินป้าเต้ากับพยายามที่จะจัดการหลินไห่อย่างต่อเนื่องเมื่อมีโอกาส และพยายามที่จะฆ่าหลินเฟิง เนื่องจากพวกมันกล้าที่จะทำเช่นนี้ หลินเฟิงจึงต้องการให้พวกมันได้รับบทเรียน
หลินไห่มองไปที่หลินป้าเต้าอย่างมั่นใจ และกล่าว “ข้ายอมรับข้อเสนอ”
“ก็ตามนั้น หลินไห่เหมาะที่จะเป็นประมุขนิกาย เขามีความกล้าหาญที่จะตัดสินใจ ตั้งแต่ประมุขตระกูลได้ตอบตกลง เริ่มการต่อสู้ได้แล้ว! ผู้อาวุโสหก ได้โปรดอนุญาตให้หลินเชียน และหลินเหินต่อสู้กันก่อนเป็นคู่แรก” หลินป้าเต้ากล่าว เขาดูมีชีวิตชีวา และกระฉับกระเฉงมากขึ้น เขารู้สึกพึงใจมาก ตั้งแต่หลินไห่ยอมรับข้อเสนอ ทำให้ทุกๆคนตั้งหน้าตั้งตารอเพื่อที่จะชม
“รับทราบ” ผู้อาวุโสหกกล่าวขณะพยักหน้า
“เจ้าควรจะยอมแพ้ไปซะ เจ้าไม่มีทางที่จะชนะข้าได้” หลินเชียนกล่าวขณะเดินขึ้นไปบนเวทีประลอง นางกำลังปัดฝุ่นออกจากเสื้อคลุมสีแดงของนางที่ยังไม่มีใครแตะเนื้อต้องตัวนางได้ นางดูหยิ่งยโสมาก
“ถึงแม้ข้าจะไม่สามารถชนะเจ้าได้ แต่พวกเรายังคงต้องต่อสู้กันเพื่อให้ผลของการต่อสู้ปรากฏออกมา” หลินเหินกล่าวขณะเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ เขาปลดปล่อยจิตวิญญาณไฟของเขาออกมา ทำให้บรรยากาศรอบๆร้อนขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ความร้อนกระจายไปทั่วเวที ทำให้ใบหน้าของฝูงชนรู้สึกอุ่นๆ
“จิตวิญญาณของเจ้าตื่้นขึ้นแล้วงั้นรึ ก็ไม่เลว แต่น่าเสียดายมันเป็นเพียงแค่จิตวิญญาณไฟมันไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า เจ้าไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยที่จะชนะข้า” หลินเชียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา บนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลัง หนึ่งในก้าวสำคัญที่ใหญ่ที่สุดคือการบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณ เมื่อบรรลุจิตวิญญาณก็จะตื่นขึ้น บางคนจิตวิญญาณของพวกเขาเริ่มที่จะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อจิตวิญญาณตื่น แต่บางคนจิตวิญญาณของพวกเขาก็ไม่แตกต่างจากคนอื่นมากนัก และมีความแข็งแกร่งทั่วๆไป
หลังจากที่จิตวิญญาณของหลินเชียนตื่นขึ้น จิตวิญญาณน้ำแข็งและไฟของนางเริ่มที่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นางสามารถควบคุมธาตุน้ำแข็ง และไฟได้
จิตวิญญาณน้ำแข็ง และไฟของนาง ปรากฏขึ้นด้านหลังของนาง น้ำแข็งปกคลุมเปลวไฟ และเปลวไฟลุกโชติปกคลุมน้ำแข็งในเวลาเดียวกัน ทำให้บรรยากาศเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว
“ข้าได้ยินมาว่าจิตวิญญาณน้ำแข็งและไฟของนางได้ตื่นขึ้นแล้ว มันไม่ใช่ข่าวลือ แต่มันได้ตื่นขึ้นแล้วจริงๆ นางเป็นอัจริยะของตระกูลหลินจริงๆ เทียบกับเศษขยะอย่างหลินเฟิงแล้ว ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว”
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้อาวุโสหลายคนถึงสนับสนุนนาง ไม่เพียงแค่เป็นจิตวิญญาณน้ำแข็งและไฟเท่านั้น แต่ยังเป็นจิตวิญญาณระดับสูงด้วย นางสามารถใช้ไฟได้ดีเช่นเดียวกับน้ำแข็ง และยังสามารถทำให้ทักษะการเคลื่อนที่ของนางคล่องแคล่วขึ้น โดยการผสมผสานระหว่างไฟ และน้ำแข็ง และใช้พวกมันพร้อมกัน นางจะต้องกลายเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่ทรงพลังมากอย่างแน่นอน ”
เมื่อหลินป้าเต้าได้ยินสมาชิกตระกูลซุบซิบพูดคุยกันเกี่ยวกับลูกสาวของเขา ทำให้เขายิ้มหน้าบาน พวกผู้อาวุโสที่อยู่ข้างๆเขาก็ยิ้มด้วยเช่นกัน
“หิมะนิรันดร์!”
หลินเชียนกล่าวอย่างไม่แยแส เมื่อนางใช้ทักษะทำให้พื้นกลายเป็นน้ำแข็งทันที และมีหมอกขาวกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
น้ำแข็งมีผลยับยั้งพลังของธาตุไฟได้ ดังนั้นหลินเชียนจึงใช้ทักษะน้ำแข็งตอบโต้หลินเหิน
“ลูกบอลเปลวเพลิง” หลินเหินตะโกน เพื่อใช้ทักษะทันใดนั้นได้มีลูกบอลเปลวเพลิงอยู่บนฝ่ามือของเขา
“หนามน้ำแข็ง” หลินเชียนกล่าวอย่างเรียบเฉย นางไม่มีความหวาดกลัวใดๆเลยแม้แต่น้อย หนามน้ำแข็งปะทะกับมือของหลินเหิน ทำให้มือของหลินเหินถูกปกคุลมไปด้วยชั้นน้ำแข็งทันที
“จงระเบิด” หลินเหินกล่าวขณะไอกระแอม เพราะน้ำแข็งในอากาศทำให้ปอดของเขาได้รับบาดเจ็บ น้ำแข็งกลายเป็นไอน้ำระเหยทำให้ยากที่จะหายใจ มือของหลินเหินได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง เขาไม่สามารถรู้สึกได้ถึงอาการเจ็บปวดใดๆได้ แต่เขารู้สึกว่าหัวของเขากำลังจะระเบิด
“ตู้มมม!”
เกิดระเบิดอย่างฉับพลันทำให้ร่างของหลินเหินปลิวกระเด็นไปด้านหลัง ฝ่ามือของเขาถูกเผา เนื้อและเลือดบนมือของเขาเละจนน่ากลัว
“หลินเหิน….” ผู้อาวุโสหกกล่าวและรู้สึกกังวล
“ข้าไม่เป็นไร” หลินเหินกล่าวขณะกัดริมฝีปาก เขากำลังสั่นเทา ขากรรไรของเขาไม่สามารถที่จะหยุดสั่นได้ และมีเสียงฟันกระทบกัน มือของเขาถูกแช่แข็งทำให้เขาเจ็บปวดอย่างมาก
“ข้าจะแข่งขันกับเจ้าอีกครั้งในอนาคต” หลินเหินกล่าวขณะจ้องมองไปที่หลินเชียน จากนั้นเขาก็หันหลัง และเดินจากไป ทำให้ผู้อาวุโสหกถอนหายใจออกมา แม้ว่าหลินเหินจะไม่มีพรสวรรค์ตามธรรมชาติ แต่เขามีความมุ่งมั่น และดื้อรั้น เขาต้องการที่จะเป็นที่มีพลังอำนาจอันเหลือล้น แม้ว่าเขาจะไม่มีพรสวรรค์ เขาก็จะฝึกฝนให้หนักมากขึ้นกว่าคนอื่นๆ เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น
“เจ้าไม่มีวันชนะข้าได้ อย่าได้พยายามอีกเลย” หลินเชียนกล่าวอย่างหยิ่งยโสเช่นเคย นางจะต้องแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอนในอนาคต และจะไม่มีใครในตระกูลหลินที่สามารถปะมือกับนางได้ ขนาดตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถสัมผัสตัวนางได้แม้แต่ปลายผม แล้วในอนาคตจะเป็นเช่นไร เมื่อนางแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับจิตวิญญาณของนาง
“ไฟ และ น้ำแข็ง… นางสามารถใช้พลังของธาตุทั้งสองที่เป็นธาตุตรงข้ามกันได้อย่างรวดเร็ว ศักยภาพของนางจะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่อน” หลินไห่กำลังขมวดคิ้ว ยิ่งหลินเชียนแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นอันตรายต่อหลินเฟิงมากเท่านั้น
“ถึงตาเจ้าแล้ว” หลินเชียนกล่าวขณะยิ้มอย่างเย็นชาไปที่หลินเฟิง และกำลังเดินลงจากเวทีลานประลอง
หลินเฟิงเงยหน้ามองดูท้องฟ้าอันกว้างขวาง และดวงอาทิตย์อันสว่างสไว
หลินเฟิงเดินอย่างช้าๆขึ้นไปบนเวทีประลอง ส่วนหลินหงได้รออยู่บนเวทีแล้ว
“ข้ารอโอกาสเช่นนี้มานานมาก” หลินหงกล่าวขณะจ้องมองหลินเฟิง
“ข้ารู้” หลินเฟิงกล่าว
“เจ้าไม่มีความหวังแม้แต่น้อยที่จะชนะข้าได้ ตอนนี้เจ้ากำลังจะต่อสู้กับข้า ถึงแม้เจ้าจะต้องสู้กับหลินเชียน ผลลัพธ์มันก็เหมือนกัน เจ้าไม่มีโอกาสที่จะทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บ และไม่มีทางที่จะต้านทานการโจมตีจากข้าได้ ข้าจะทำให้เจ้าพ่ายแพ้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว”
หลินเฟิงหัวเราะ หลินหงมีความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก ในสายตาของหลินหง หลินเฟิงไม่มีค่าแม้แต่น้อยที่เขาต้องสู้ด้วย
“เจ้าหัวเราะอะไร?” หลินหงถาม “เจ้าคิดว่าชนะหลินอู๋แล้วจะชนะข้าได้รึ? เจ้ามันอ่อนแอ อย่าได้ประเมินความสามารถของตัวเองสูงนัก”
“หลินเฟิงเดินไปข้างหน้า และพูดเจ้ามันแข็งแกร่งมากหามีผู้ใดเปรียบได้ภายใต้สรวงสวรรค์ และแม้ข้าจะมีชีวิตอีก 1 หมื่นปีข้าก็ไม่อาจเห็นคนที่มีพรสวรรค์อันน่าอัศจรรย์เช่นเจ้า” หลินเฟิงกล่าวล้อเลียน
หลินเฟิงไม่ได้ต่อสู้กับหลินอู๋ เขาแค่ทำให้หลินอู๋คลานบนพื้นเหมือนกับหนอนเท่านั้น หลินหงยังไม่ได้บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณ แต่เขากลับมั่นใจในตัวเองมาก
แน่นอน หลินหงต้องโกรธเมื่อได้ยินคำพูดพวกนั้น
“ย่อมได้ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะฆ่าเจ้า” หลินหงกล่าวอย่างชั่วร้าย ด้านหลังของเขาปรากฏจิตวิญญาณน้ำแข็ง และหิมะ และมีพลังปราณอันหยาวเหน็บล้อมรอบร่างกายของเขา
“นั้นมัน ขอบเขตจิตวิญญาณ หลินหงก็บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณเช่นกันรึเนี่ย แต่เขากลับปกปิดมันไว้” เหล่าฝูงชนตะโกน
“ไม่แปลกเลยว่าทำไมพ่อของเขาถึงมีอธิพลมากในตระกูลหลิน ลูกชาย และลูกสาวของเขาทั้งสองล้วนเป็นอัจฉริยะที่จะปรากฏขึ้นทุกๆพันปี ทั้งคู่ได้บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณ นี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับอนาคตตระกูลหลินของพวกเรา ข้าคิดว่ามันเป็นการดีที่พวกเราจะเปลี่ยนประมุขตระกูล” หลายคนตื่นเต้นอย่างมาก และคิดว่าหลินป้าเต้าเหมาะที่จะเป็นประมุขตระกูล พวกเขาเชื่อว่าหลินป้าเต้าจะต้องทำให้ชื่อเสียง และศักดิ์ศรีของตระกูลเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน และจะต้องเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหยางโจวภายใต้การนำของหลินป้าเต้า
“สำหรับการประชุมประจำปีในครั้งนี้ มันจะจบที่ข้าต้องต่อสู้กับน้องสาวของข้า เจ้าเป็นแค่ตัวอุ่นเครื่องก่อนที่จะต่อสู้จริง เจ้าจะต้องกลายเป็นคนพิการด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวของข้า และพ่อของเจ้าจะต้องหลุดพ้นจากตำแหน่งประมุขตระกูล และใช้เวลาไปกับการดูแลลูกชายที่พิการของเขา” หลินหงเปิดเผยสันดารดิบของเขา
พลังปราณน้ำแข็งกระจายไปทั่วบรรยากาศ หมู่บ้านเงาหิมะจะรับผู้บ่มเพาะพลังที่มีจิตวิญญาณน้ำแข็ง และหิมะ เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นทักษะน้ำแข็ง หรือหิมะ หรือแม้แต่ทักษะการเคลื่อนที่ของหลินหงล้วนทรงพลัง หลินหงได้ฝึกฝนทักษาเหล่านี้จากหมู่บ้านเงาหิมะ ร่างกายของเขาแผ่กระจายไอเย็นไปทั่วบรรยากาศ เขาไม่ได้อ่อนแอแม้แต่น้อย บางทีเขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าหลินเชียนก็เป็นได้
ร่างกายของหลินเฟิงถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง และหิมะสีขาวอย่างรวดเร็ว พวกเขายังไม่ได้เริ่มต่อสู้กันเลย แต่หลินเฟิงกลับได้รับผลกระทบจากฝ่ายตรงข้ามเสียแล้ว
“อัสนีคำราม” หลินเฟิงเริ่มที่จะโจมตีเป็นคนแรก เสียงดังคำรามของสายฟ้าดังกึกก้องไปทั่วบรรยากาศทำให้ทุกคนตกตะลึง เมื่อพวกเขาเห็นดาบที่ปลดปล่อยลำแสงออกมา พวกเขาสามารถพูดได้ว่าหลินเฟิงยังคงซ่อนพลังไว้อยู่ แต่ยังไงก็เขาก็เทียบกับหลินเชียน หลินเหิน และหลินหง ไม่ได้ เพราะพวกเขาได้บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว
หลินเฟิงแทงดาบไปที่หลินหง
แต่หลินหงก็ยังไม่วิตกกังวลแต่อย่างใด เขาค่อยๆยกมือขึ้นมา และมีน้ำแข็งปรากฏออกมา ดาบยาวของหลินเฟิงถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งทันที
“อัสนีคำราม” การเคลื่อนไหวของหลินเฟิงรวดเร็วมาก ดาบของหลินเฟิงสั่นสะเทือนทำให้น้ำแข็งและหิมะที่ปกคลุมอยู่ค่อยๆ แตกออก และแทงดาบไปที่หลินหงอีกครั้ง
“หึ” หลินหงยิ้มเยาะเย้ย ฝ่ามือของหลินหงปะทะกับดาบของหลินเฟิง พลังปราณน้ำแข็งอันทรงพลังทำให้ปลายดาบของหลินเฟิงสั่นสะเทือน และพลังอันแข็งแกร่งเริ่มที่จะแผ่กระจายไปทั่วบรรยากาศ
“ผู้บ่มเพาะพลัง……ที่สามารถบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณจะแข็งแกร่งมาก พลังปราณของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น การเคลื่อนที่ของพวกเขาจะว่องไวขึ้น และความแข็งแรงทางกายภาพของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้น…นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณถึงแข็งแกร่งกว่าขอบเขตพลังปราณ” หลินเฟิงรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่กำลังส่งผ่านมายังดาบของเขา หัวใจของเขารู้สึกหดหู่ แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“เก้าคลื่นทลายสวรรค์” หลินเฟิงดึงดาบกลับมา และใช้ทักษะเก้าคลื่นทลายสวรรค์เล็งไปที่หน้าอกของหลินหง
“ห๊ะ?” หลินหงขมวดคิ้ว เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลินเฟิงจะสามารถใช้ทักษะอื่นๆ จากมือทั้งสองข้างได้พร้อมกัน มันเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมา แต่หลินเฟิงสามารถทำได้อย่างง่ายดาย
“ไอเศษขยะ” หลินหงตะโกน แม้ว่าเขาจะบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณแล้วก็ตาม แต่เขากลับรู้สึกว่าไม่ได้เปรียบการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย
หลินเฟิงไม่ยั้งมือ เขาแทงดาบไปที่หลินหงอีกครั้ง
ดาบของหลินเฟิงแหวกว่ายผ่านอากาศ และส่งเสียงคำรามของสายฟ้าดังสนั่นไปทั่วบรรยากาศ หลินเฟิงยังคงยืนอย่างมั่นคงราวกับภูเขา โดยไม่ถอยหลังแม้เเต่ก้าวเดียว ดาบของเขาราวกับมังกรที่ดุร้าย ซึ่งสามารถเรียกฝนฟ้าคะนองได้
“ยอดเยี่ยม” หลินไห่พูดเบาๆ นี่หรือพลังที่แท้จริงของหลินเฟิง การเคลื่อนไหว ทักษะล้วนเหนือความคาดหมาย: รวดเร็ว, คล่องแคล่ว, ชำนาญ
หลินหงถูกบังคับให้ถอยร่น ทำให้ใบหน้าของเขากลายเป็นอัปลักษณ์ทันที แม้ว่าเขาจะถูกหลินเฟิงบังคับให้ถอยร่นไปก้าวเดียว แต่เขาเป็นถึงผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณ เขาเป็นคนที่หยิ่ง และอวดดี เขาได้พูดกับหลินเฟิงว่าหลินเฟิงจะไม่สามารถรับการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว แต่ถึงกระนั้นการโจมตีด้วยดาบของหลินเฟิงมันรวดเร็วกว่าครั้งแรกๆอย่างมาก ทำให้หลินหงถูกบังคับให้ถอยร่น ใบหน้าของเขาไม่สดใสเท่าตอนที่เขาบอกหลินเฟิงว่าจะทำให้พ่ายแพ้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่เขากลับได้รับความอัปยศจากหลินเฟิงผู้ที่ยังไม่บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณ
หลินหงไม่สามารถที่จะยับยั้งความโกรธไว้ได้อีกต่อไป ที่ถูกทำให้ได้รับความอัปยศเช่นนี้…..