ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ท่านกล้าฆ่าข้าหรือ?” หลินเชียนถาม ด้วยใบหน้าที่แข็งกระด้าง
“ทำไมข้าจะไม่กล้า?” หลินไห่ตอบกลับ ภายในนัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“หลินไห่ เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำอะไร?” หลินป้าเต้าตะโกน และมีผู้อาวุโสบางคนตื่นตระหนกในเวลาเดียวกัน
“หลินไห่ ไอสารเลว! เจ้าไม่รู้ตัวรึว่าใครกันแน่ที่ถูกข่ม?”
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระกับข้า วันนี้ข้าจะฆ่าทุกๆคนที่ขวางทางข้า” หลินไห่กล่าวขณะมองไปที่ฝูงชน ด้วยสายที่แหลมคมของเขาราวกับดาบ
หลินไห่มองไปที่ผู้อาวุโสที่กำลังหวาดกลัว เขาหรี่ตาลง และทันใดนั้นได้มีเสียงดังมาจากระยะไกล
“เป็นเช่นนั้นรึ?”
ที่ไหนสักแห่งในอาณาเขตตระกูลหลิน มีพลังปราณระเบิดออกมาอย่างมหาศาลและทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ ทันใดนั้นฝูงชนก็สังเกตเห็นเงาของมนุษย์ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร เงาบินมาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ บินผ่านฝูงชน และบินลงบนเวทีประลอง
มันเป็นชายชรา คิ้วของเขาดำเหมือนหมึกดำเขาดูลึกลับมาก ร่างกายของเขาดูแข็งแกร่ง และสูงพอๆกับหลินไห่ เขาดูคล้ายหลินป้าเต้ามาก
“ท่านผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติ” หลินไห่พูดเบาๆ และยิ้ม แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ทุกข์ใจ มันคือลุงของเขา หลินรุ่ย
หลินรุ่ยมักจะฝึกฝนบ่มเพาะพลังอยู่ภายในอาณาเขตของตระกูลหลิน ทุกครั้งที่มีปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องสำคัญหรือไม่ก็ตาม ประมุขตระกูล และผู้อาวุโสจะเป็นคนจัดการเรื่องต่างๆภายในตระกูล หลินรุ่ยไม่เคยปีกตัวออกมาจากการฝึกฝนเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพื่อมาพบกับคนในตระกูล
“ท่านผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติ” ทุกๆคนรู้สึกตกตะลึงกับพลังอำนาจที่พวกเขาเห็นอยู่ เขาบินบนท้องฟ้าราวกับเขากำลังเดินอยู่ในสวนหลังบ้าน เขาต้องมีทักษะการเคลื่อนที่อันแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่ออย่างแน่นอน และมีการบ่มเพาะพลังที่สูง
หลินเฟิงนอนอยู่บนพื้นอย่างไร้พลัง ขณะที่เลือดไหลออกมาจากคอของเขา เขารีบกลืนเม็ดยาฟื้นฟู 2-3 เม็ดอย่างรวดเร็ว บาดแผลของเขาเริ่มฟื้นฟู แต่เขาเสียเลือดไปมาก ทำได้เพียงแค่รอให้ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ขณะที่หลินเฟิงจ้องมองไปที่หลินรุ่ยเขาจำได้ว่าเคยเห็นเขาเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น
“ท่านผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติ หลินไห่ผู้เป็นประมุขของตระกูลหลิน เขาได้สังหารผู้อาวุโสเจ็ด”
“แถมตอนนี้เขายังต้องการฆ่าหลินเชียนอัจริยะที่ไม่เคยมีมาก่อนในตระกูลหลินอีก และยังข่มขู่ผู้อาวุโส และสมาชิกตระกูลทุกคนด้วย”
“ท่านผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติ ได้โปรดลงโทษหลินไห่ผู้ที่ทำความผิดร้ายแรงด้วย” ผู้อาวุโสกล่าว ราวกับว่าหลินไห่เป็นต้นเหตุของปัญาหาทั้งหมด
หลินไห่หัวเราะกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขา
“หลินไห่เจ้าหัวเราะหาพระแสงอะไร?” หลินรุ่ยถามอย่างไม่แยแส
“ข้าหัวเราะเพราะไม่คิดว่าพวกมันจะหน้าด้านขนาดนี้ ปกติแล้วผู้อาวุโสผู้ทรงเกรียติจะสนับสนุนตระกูลอยู่เบื้องหลัง และไม่เข้ามาพัวพันปัญหาของตระกูล จนกว่าตระกูลจะตกอยู่ในอันตราย?” หลินไห่กล่าวอย่างฉุนเฉียว
“อวดดี บุ่มบ่าม เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?” หลินรุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
“ท่านลุง ข้าเป็นประมุขของตระกูลหลิน แม้ว่าท่านจะมีสถานะเป็นผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติ ท่านก็ไม่มีสิทธิคัดค้านวิธีจัดการของข้า ในฐานะประมุขตระกูลหลินการตัดสินใจของข้าถือว่าเป็นที่สิ้นสุด” หลินไห่กล่าว เขายืนหลังตรงและเงยหน้าขึ้นขณะมองหลินรุ่ย
“สามหาว! ผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติไม่เพียงแค่แตกต่างจากผู้อาวุโสคนอื่นๆ เขายังเป็นผู้อาวุโสที่มีสายเลือดเช่นเดียวกันเจ้าด้วย เจ้ามันไร้มารยาทที่แยกไม่ออกระหว่างเด็ก กับผู้อาวุโส เจ้ามันเป็นภัยต่อตระกูล” หลินป้าเต้ากล่าวเขาใช้โอกาสนี้เพื่อปลุกระดม
“เป็นภัย? ข้าได้บอกแล้วว่าในฐานะประมุขตระกูล การตัดสิ้นใจของข้าถือเป็นที่สิ้นสุด” หลินไห่รู้ว่ามันยากที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ เขาหันหลังกลับไป และตรงไปหาหลินเฟิง
ทันใดนั้น จู่ๆได้มีฝ่ามือที่เต็มไปด้วยปราณน้ำแข็งยิงใส่หลินไห่
หลินไห่ยังคงไปหาหลินเฟิง เมิดเฉยต่อการโจมตีที่กำลังใกล้เข้ามา ฝ่ามือน้ำแข็งกระทบกับแผ่นหลังที่ไร้การป้องกันของหลินไห่ มันเป็นการโจมตีที่ทรงพลังมาก ทั่วทั้งร่างของหลินไห่ถูกปกคุลมไปด้วยน้ำแข็ง และหนาวเย็นไปถึงภายใน เขาถูกแช่แข็งตั้งแต่หัวจรดเท้า และจู่ๆ หลินเฟิงได้มารับตัวเขาไว้
“ห๊ะ?!” หลินไห่ตะโกนอย่างประลาดใจ เขาคุกเขาลงบนพื้น เขาบินไปเพื่อไปหาหลินเฟิง และถูกแช่แข็งกลางอากาศ เขาตกใจที่ลูกชายของเขายังไม่ตาย และดูเหมือนจะไม่เป็นอันตราย เมื่อหลินไห่จับตัวหลินเฟิง แต่อย่างไรก็ตามสีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“ท่านลุง ท่านโจมตีข้าจากด้านหลัง ขณะที่ไร้การป้องกัน จากนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่มีพันธะใดๆระหว่างข้าและตระกูล และวันนี้ข้าจะตัดสายสัมพันธ์ทางสายเลือดของข้ากับท่าน” หลินไห่กล่าว ขณะที่เลือดไหลออกมาจากปากของเขา เขาถูกโจมตีทีเผลอโดยหลินรุ่ย เขารู้สึกหนาวเย็นถึงกระดูก และสั่นเทาเล็กน้อยเพราะความหนาวเย็น ถ้าหลินเฟิงไม่ได้คว้าตัวเขากลางอากาศ เขาคงกระเด็นไปไกลกว่านี้
“พวกเรามีสายเลือดเดียวกันจริงๆ เจ้าคือคนในครอบครัวของข้า ดังนั้นข้าจึงไม่ฆ่าเจ้า” หลินรุ่ยกล่าวอย่างเย็นชา เขาไม่คิดว่าหลินไห่จะไม่ป้องกันการโจมตีของเขา ดังนั้นเขาจึงโจมตีอย่างไม่ลังเล หลินเชียนเริ่มเป็นที่รู้จักกันดีในตระกูลในฐานะอัจฉริยะของตระกูล นางมีอนาคตที่สดใส นางสามารถยกระดับตระกูลให้มีชื่อเสียง และสถานะสูงขึ้นได้ ถ้าตระกูลมีชื่อเสียง และสถานะที่สูงขึ้น บางทีหลินรุ่ยก็อาจจะได้รับผลประโยชน์
“ทักษะ และความสามารถของเจ้าเศษขยะหลินเฟิงดีขึ้นมาก แต่จิตวิญญาณของเขาไร้ประโยชน์ยังไงก็ไร้ประโยชน์อยู่อย่างนั้น หลินเฟิงไม่มีวันที่จะเทียบเคียงหลินเชียนได้” หลินรุ่ยคิด
“หลินเฟิงน้อย พวกเราต้องออกไปจากที่นี่” หลินไห่กระซิบกับหลินเฟิงด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน และนุ่มนวล
หลินเฟิงพยักหน้า เขายังไม่สามารถพูดได้ ในหัวใจของเขาไม่มีความรู้สึกใดๆเลย นอกจากความเสียใจ และความเกลียดชัง เขาตัวซีดขาวราวกับผี เขาเสียเลือดมากเกินไป มันปาฏิหาริย์มากที่เขายังมีชีวิต
หลินเฟิงสามาถลุกขึ้นยืนได้ แต่ไม่สามารถเดินได้ ถ้าเขาต้องเดินเขาต้องได้รับความช่วยเหลือจากหลินไห่ หลินเฟิงไม่หันหลังกลับไปมองที่ตระกูล เพราะใบหน้าของพวกมันได้ฝังลึกลงไปในหัวใจของเขาเรียบร้อยแล้ว
สมาชิกของตระกูลมองหลินเฟิง และพ่อของเขาที่กำลังเดินจากไป สมาชิกหลายๆคนของตระกูลต่างรู้สึกสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
หลินเฟิงเป็นที่รู้จักของทุกคนเป็นอย่างดีในฐานะที่เป็นเศษขยะ ถึงอย่างนั้นเขาก็มีพลังอำนาจที่น่ากลัวหลอมรวมกับการโจมตีของเขา อย่างเช่น พลังปราณอันน่าสะพรึงกลัว ใช้ดาบได้อย่างเชี่ยวชาญ เขาสามารถมอบความพ่ายแพ้ให้กับผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณได้ หรือแม้แต่ทำให้หลินอู๋ต้องคลานบนพื้นเหมือนหนอน…ถ้าเขาเป็นเศษขยะจริงเขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?
หลินไห่ได้ฆ่าหลินฉาง ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และยังข่มขู่ทุกคนในที่แห่งนี้ หลินไห่จะฆ่าพวกเขาถ้าพวกเขาขวางทาง ถ้าท่านผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติไม่ปรากฏตัวออกมา แล้วใครจะสามารถหยุดเขาได้?
โชคร้ายนัก ที่หลินป้าเต้ามีลูกสาวอันมากพรสวรรค์หลินเชียน มิฉะนั้นหลินไห่อาจจะยังคงเป็นประมุขของตระกูลต่อไป หลินเฟิง และหลินไห่ในความคิดของสมาชิกตระกูลหลินได้เปลี่ยนไป พวกเขาสมควรได้รับความเคารพ และความภาคภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ
“ช่างน่าเศร้านัก ถ้าพวกเราสามัคคีกัน พวกเราก็สามารถยกระดับตระกูลได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ” ผู้อาวุโสหกคิด ขณะจ้องมองไปยังเงาทั้งสองที่อยู่บนขอบฟ้า จากนั้นเขาก็ถอนหายใจให้กับความเสียใจ เพราะเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้ เขาทำได้เพียงอยู่เฉยๆ และยอมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น
หลินไห่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องของเขา หมอกสีขาวล้อมรอบร่างกายของเขา และเริ่มเข้าไปในตัวเขา มันคือการรักษาบาดแผลทั้งหมดของเขา และขจัดพลังปราณน้ำแข็งที่อยู่ภายในร่างกายของเขาออกไป ในไม่ช้า หลินไห่ก็ลืมตาขึ้น และมีแสงวูบวาบอยู่รอบๆตัวเขา
“ท่านพ่อ ท่านรู้สึกเช่นไร?” หลินเฟิงถาม เขาอยู่ข้างๆพ่อของเขา
“อาการบาดเจ็บเกือบจะหายสนิทแล้ว หลินเฟิงน้อยเม็ดยานี้มันยอดเยี่ยมมาก เจ้าได้รับมันมาจากไหน?” หลินไห่ถามขณะคว้าขวดยาที่มีเม็ดยาฟื้นฟูอยู่ภายใน หลังจากที่กลืนกินยาอาการบาดเจ็บของเขาก็ดูดีขึ้นทันที บาดแผลของเขาฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนว่าถ้าข้ามีโอกาส ข้าคงจะต้องไปขอบคุณผู้พิทักษ์คงสักหน่อยแล้ว” หลินเฟิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่บนใบหน้า เขาไม่คิดว่าเม็ดยาพวกนี้มันจะมีผลกับพ่อของเขามากขนาดนี้ วันนั้นเมื่อหานหมานได้รับบาดเจ็บ หลินเฟิงก็คิดแล้วว่าเม็ดยาพวกนี้มันลึกลับมาก การโจมตีของผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติที่โจมตีหลินไห่ถ้าเป็นหานหมานได้รับโจมตีล่ะก็คง หานหมานคงจะกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว อาการบาดเจ็บของหลินไห่หนักกว่าหานหมานมาก เพียงเพราะหลินไห่แข็งแกร่งกว่าหานหมานมาก ทำให้เขารอดชีวิตจากการโจมตีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เม็ดยาฟื้นฟูพวกนี้ทำให้อาการบาดเจ็บของหลินไห่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว มันแสดงให้เห็นว่าเม็ดยาพวกนี้มันมีประสิทธิภาพมาก
“ท่านพ่อ 1 ใน ผู้พิทักษ์นิกายหยุนไห่ได้มอบเม็ดยาพวกนี้แก่ข้า” หลินเฟิงตอบกลับ
“โอ้” หลินไห่พยักหน้า “หลินเฟิงน้อย เจ้าควรกลับไปยังนิกายหยุนไห่ ภายในระยะเวลาสั้นๆ เจ้าจะต้องก้าวข้ามหลินเชียนให้ได้”
“ก้าวข้ามหลินเชียน?” หลินเฟิงยิ้มในใจ เขาไม่ได้ใส่ใจระดับการบ่มเพาะพลังของหลินเชียนเลยแม้แต่น้อย เส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลังมันกว้างใหญ่มาก แล้วเขาจะมีเป้าหมายเพื่อก้าวข้ามหลินเชียนได้เช่นไร?
“ท่านพ่อแล้วท่านล่ะ? ท่านจะไปไหน?” หลินเฟิงเก็บคำพูดของหลินไห่ไว้ เป้าหมายของเขามันยิ่งใหญ่กว่านี้มาก เขาอยากจะรู้ว่าพ่อของเขาวางแผนจะไปอยู่กับเขาหรือไม่
“ข้าพร้อมแล้วที่จะเดินทางไปยังเมืองจักรจักรพรรดิ.”
“เมืองจักรพรรดิ?!” หลินเฟิงงงงวย เมืองจักรพรรดิมันยิ่งใหญ่ ทรงพลัง และรุ่งเรืองมากในอาณาจักรเงาหิมะ ในเมืองจักรพรรดิ ตระกูลที่เล็กที่สุดในเมืองเทียบได้กับตระกูลหลิน….. ตระกูลจักรพรรดิไม่มีตระกูลไหนสามารถเทียบเคียงได้ และทรงพลังอย่างมาก
ตามจริงแล้วอาจจะถือได้ว่าตระกูลจักรพรรดิเป็นนิกายก็ได้ และเป็นนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรเงาหิมะ
“ไม่ต้องกังวลหลินเฟิงน้อย แม้ว่าเมืองจักรพรรดิจะเต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะพลังที่ไม่ธรรมดา ข้าไม่ได้ไปที่นั่นเพื่อสร้างปัญหา หรือฆ่าคนอื่น ข้าแค่อยากไปที่นั่นเพราะข้าอยากไป มันจะไม่มีปัญหาใดๆ ถ้าข้าไปที่นั่น ฝึกฝนให้หนักขึ้น เมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มาหาข้าที่เมืองจักรพรรดิ” หลินไห่มองหลินเฟิงที่กำลังขมวดคิ้วใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล แต่แล้วท่าทีของหลินเฟิงก็ผ่อนคลายลงทำให้หลินไห่ยิ้ม
“ถ้างั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ” หลินไห่กล่าวขณะยืนขึ้น เขาหยิบภาพวาดขึ้นมา 2-3 รูป และม้วนเก็บเข้าไปในเสื้อ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงด้านนอกของเมือง และหยุดชะงัก
พวกเขาทั้งสองมองไปยังขอบฟ้าอันกว้างใหญ่ และไม่มีที่สิ้นสุด หลินไห่เดินไปในทิศทางตรงข้ามเมือง และหันหลังกลับมาเพื่อกล่าวบางอย่างกับหลินเฟิงด้วยรอยยิ้ม “หลินเฟิงน้อย พวกเราไม่ได้เดินทางในเส้นทางเดียวกัน เจ้าไปก่อน เข้าใจไหม?”
“ท่านพ่อข้าอยากจะยืนอยู่ที่นี่จนกว่าท่านจะจากไป ท่านไปก่อนเถอะ” หลินเฟิงส่ายหัวขณะกล่าว
หลินไห่มองหลินเฟิงและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยิ้มและกล่าว: “ก็ได้ หลินเฟิงน้อย ผู้คนนั้นล้วนอัตราย และมีหลายคนที่มีเจตนาร้าย ระมัดระวังตัวด้วยในการเดินทางของเจ้า”
เมื่อพวกเขาพูดคุยกันเสร็จ หลินไห่กระโดดขึ้นหลังม้า และจากไปอย่างรวดเร็ว ภาพเงาของเขาค่อยๆหายไป หลินไห่ได้เห็นพลังของหลินเฟิงที่แสดงออกมาในระหว่างการประชุมประจำปี ดังนั้นทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก เขารู้สึกว่าหลินเฟิงไม่ต้องการคำแนะนำของเขาอีกต่อไป แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะหยุดเป็นห่วงได้ด้วยหัวอกของคนเป็นพ่อ
หลินเฟิงเฝ้ามองขณะเงาของพ่อของเขาหายไปในขอบฟ้า เขาเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่ท้องฟ้า และขี่ม้ากลับไปยังเมืองหยางโจว
“ข้าจะปล่อยเรื่องนี้ไปได้อย่างไร? ถ้าข้ามอบความพ่ายพ่ายให้หลินเชียนได้ในระหว่างการประชุมประจำปี ท่านพ่อของข้าคงไม่เป็นเช่นนี้ ข้าจะแสดงให้ตระกูลหลินเห็น!”