I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 40 ข่าวลือ

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

หลินเฟิงลุกขึ้นยืน และเดินตรงไปยังโต๊ะอาหารที่รายล้อมไปด้วยกลุ่มคนคุยกัน การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อพวกเขาเห็นหลินเฟิงเข้าใกล้เข้ามา เพราะหลินเฟิงไม่ได้ทำตัวเป็นมิตรกับหญิงสาวที่พยายามมานั่งร่วมโต๊ะกับเขา เขาได้ทำตัวหยาบคายกับน่าหลานเฟิ่งที่เป็นที่ชื่อชอบของทุกคน

 

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” แขกคนหนึ่งถามหลินเฟิงด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร

 

หลินเฟิงหยิบเหรียญเงินสองเหรียญออกมา และโยนมันลงบนโต๊ะ เขายิ้มและกล่าว : “ขอข้านั่งร่วมโต๊ะกับพวกเจ้าได้ไหม?”

 

“แน่นอนเจ้าสามารถร่วมโต๊ะกับพวกเราได้” การแสดงออกของผู้คนบนโต๊ะเปลี่ยนไปทันที พวกเขากลายเป็นมิตรอย่างรวดเร็ว และยินดีให้หลินเฟิงเข้าร่วมกับพวกเขา ในทวีปเก้าเมฆา สกุลเงินประกอบไปด้วย อัญมณี ทองคำ เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง โดยที่อัญมณีมีค่าเทียบเท่ากับทองคำ ตระกูลที่ร่ำรวยมากจะมีอัญมณี แต่พวกเขาก็ยังต้องการใช้เหรียญเงิน และเหรียญทองเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ผู้บ่มเพาะพลังจะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครปฏิเสธเหรียญเงิน หรือเหรียญทองที่ได้รับมาอย่างง่ายดาย พวกเขารีบจัดเตรียมเก้าอี้ให้หลินเฟิงนั่ง และถาม: “น้องชาย เจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือ?”

 

“เอ่อ ถึงมันจะฟังดูแปลกๆ ข้าสังสัยว่าน่าหลานเฟิ่ง และผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นๆ บางกลุ่มได้รวมตัวกัน พวกเขากำลังทำอะไรอยู่?” หลินเฟิงถาม

 

“น้องชาย เรื่องนี้คนอื่นๆต่างก็รู้ ผู้บ่มเพาะพลังอาวุโสของเมืองกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมประจำปีในเมืองหยางโจว น่าหลานเฟิ่งได้เชิญศิษย์ที่โดดเด่นไม่กี่คนมาที่แห่งนี้เพื่อส่งต่อข้อมูลบางอย่าง และอธิบายสิ่งที่ตระกูลของนางต้องการที่จะได้รับจากการประลองยุทธ์ แน่นอนน่าหลานเฟิ่งมีความคิดอื่นๆอยู่อีกในใจของนาง…”

 

คนที่กำลังอธิบายหลินเฟิงหยุดพูด เมื่อเห็นหลินเฟิงกำลังจดจ่อ: “ทุกๆคนรู้ดีว่า ทุกๆปี ตระกูลที่ปกครองเมืองหยางโจวจะจัดการประลองยุทธ์ขึ้น และมีนักบ่มเพาะพลังรุ่นเยาว์มากมายเข้าร่วม และมีส่วนร่วมในการต่อสู้ ปีนี้ไม่มีข้อยกเว้น น่าหลานเฟิ่งเป็นตัวแทนของตระกูลเจ้าเมือง นางเชิญเหล่ารุ่นเยาว์ที่โดดเด่นทุกคนมาเพื่ออธิบายเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ยัง…เพื่อให้ข้อมูลของศัตรูของนาง หลินเฟิงหัวเราะเมื่อได้ยิน การประลองยุทธ์ในเมืองหยางโจวมันไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด เขากลับมาที่เมืองหยางโจวเพราะการประลองยุทธ์ที่กำลังจะจัดขึ้น นี่คือเหตุผลที่เขาไม่ได้กลับไปยังนิกายหยุนไห่ และตัดสินใจพักอาศัยอยู่ที่เมืองหยางโจวต่อไป

 

“ข้าได้ยินมาว่าการประชุมประจำปีครั้งนี้มันแตกต่างจากปีที่ผ่านมา พวกเขากำลังเชิญเหล่ารุ่นเยาว์ที่โดดเด่นจากตระกูลต่างๆ ไม่ใช่ภายในเมืองเท่านั้น แต่ยังเชิญเหล่าตระกูลที่อยู่นอกเมืองด้วย ข้าไม่ทราบว่าเป็นความจริงหรือเป็นเพียงแค่ข่าวลือ?” หลินเฟิงถามต่อ

 

“ถูกต้อง มันมีบางอย่างที่เป็นความจริง ชิวหลันมีชื่อเสียงโด่งดังมากในเมืองหยางโจว ท่านเจ้าเมืองต้องการนาง เพื่อรวบรวมรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นนั่นคือเหตุผล เหล่าศิษย์ที่โดดเด่นต้องการเข้าร่วมการประลองยุทธ์ในเมืองหยางโจวเพื่อต้องการพบปะชิวหลัน”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล มันช่วยข้าได้มากเลย” หลินเฟิงกล่าวอย่างสุภาพ เขาได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการรู้แล้ว หลินเฟิงจึงรีบดื่มไวน์และอาหารให้เสร็จ บรรยากาศในภัตตาคารมันหนวกหูเกินไปสำหรับมันจึงทำให้เขาปวดหัว

 

“น่าหลานเฟิ่ง เจ้าเด็กคนนั้นไง ที่มันกล้าทำตัวหยาบคายกับเจ้า พวกเราควรไปสั่งสอนมัน” พูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย ทำให้ทุกคนในภัตตาคารเงียบ หลังจากนั้นทุกคนก็เห็นคนยืนอยู่ตรงบันไดที่ทอดยาวไปยังชั้นแรก ร่างเงาสองร่างเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ หญิงสาวคนหนึ่งส่วมเสื้อคลุมสีเขียวอ่อนที่เพิ่งเดินไปยังชั้นบนพร้อมกับน่าหลานเฟิ่ง และน่าหลานไห่

 

“เจ้าเด็กนั่นช่างอับโชคนัก” ฝูงชนไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่จ้องมองหลินเฟิง พวกเขารู้สึกเสียใจกับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นกับหลินเฟิง

 

“เจ้าเด็กนั้นมันมุทะลุเกินไป ข้าหวังว่าเขาจะสามารถแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เจ้าต้องระวังที่จะรุกรานผู้อื่น เพราะโลกนี้มันกว้างใหญ่ และมีมังกรซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนมากมาย เจ้าไม่สามารถรุกรานเขาได้”

 

ทุกๆคนในภัตตาคารกระซิบพูดคุยกัน ขณะจ้องมองไปที่หลินเฟิง นี่จะเป็นวาระสุดท้ายของเขาที่กล้าทำตัวหยาบคายกับน่าหลานเฟิ่ง

 

แต่อย่างไรก็ตาม หลินเฟิงก็ไม่ได้สังเหตเห็นปฏิกิริยาของทุกคนได้ เขาปวดหัว และเหนื่อยเกินไปที่จะคิด เขาดื่มแอลกอฮอล์มากไปทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของผู้อื่นได้ชัดเจน เขาเมาอยู่จริงๆ

 

“โอ๊ะ มันจะต้องตายเพราะทำตัวหยาบคาย” น่าหลานไห่ยิ้มกว้าง การแสดงออกของเขาเยือกเย็นอย่างมาก เขาค่อยๆเดินไปหาหลินเฟิง

 

“เจ้ามีความมั่นใจในตนเองมากเกินไป ถึงกล้าทำเป็นเฉยเมยเช่นนี้” น่าหลานไห่เดินมาถึงหลินเฟิง และมองต่ำ “เจ้าทำตัวหยาบคายน่าหลานเฟิ่ง เจ้าหญิงของข้า เตรียมตัวรับผลกรรมซะ”

 

“เจ้าจะมัวพูดให้เสียเวลาทำไม? เพียงแค่ทำลายการบ่มเพาะพลังของมันเรื่องมันจะได้จบๆ” หญิงสาวผู้สวมเสื้อคลุมสีเขียวอ่อนกล่าวอย่างมุทะลุ

 

“หึ ก็ได้” น่าหลานไห่ตอบกลับพร้อมกับโบกพัดของเขา พัดที่เขาถืออยู่ทำให้เขาดูปราดเปรื่อง และสง่างามมากขึ้น และพัดมันก็คมเหมือนดาบ

 

หลินเฟิงสร่างเมาเล็กน้อยเมื่อได้ยิน เขามองน่าหลานไห่อย่างชั่วร้าย การแสดงออกของเขาเยือกเย็นมากทำให้น่าหลานไห่สั่นไหวเพราะความกลัว มันคือหลินเฟิง มันคือหลินเฟิงจริงๆ

 

พลังของน่าหลานไห่จู่ๆก็หายไปอย่างกระทันหัน น่าหลานไห่ไม่คิดว่ามันผู้นี้ที่ทำให้น่าหลานเฟิ่งไม่พอใจจะเป็นคนที่ตกเป็นข่าวลืออยู่ ณ ตอนนี้: หลินเฟิง

 

น่าหลานไห่ไม่คิดว่าข่าวลือพวกนั้นมันไม่เป็นความจริง เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้เห็นความแข็งแกร่งของหลินเฟิงด้วยตาตัวเองในภัตตาคารนกหวีด เขาไม่เพียงแค่แข็งแกร่งอย่างเดียว แต่เขายังเป็นคนที่ไร้ความปรานี และไร้ความเมตตาต่อคนที่ทำให้เขาไม่พอใจ บางทีจะกล่าวว่าเขาเข็มแข็ง และไร้ความปรานีมันก็ไม่ถูกต้องสักทีเดียว มันเหมือนกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดที่อยู่ในร่างมนุษย์ เขาไม่ได้แข็งแกร่งหรือไร้ความปรานี แต่มันเป็นเพียงเรื่องธรรมชาติที่ปลาใหญ่จะกินปลาเล็ก

 

น่าหลานไห่ได้ยินมาว่าพ่อของหลินเฟิงถูกขับไล่จากตระกูลหลินเพราะหลินป้าเต้า แต่เขาไม่เคยได้ยินมาว่าหลินป้าเต้าจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ มันเป็นเพราะฝีมือของผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติเป็นคนหยุดหลินไห่จาการทำลายล้างตระกูล และเขายังเคยได้ยินมาว่าหลินเฟิงได้แสดงพลังอันน่าตกใจออกมา ถึงกับต้องให้ผู้อาวุโส และศิษย์อีกสองคนที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณยับยั้งเขา

 

“ไปให้พ้นสายตาข้า” หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น ทำให้น่าหลานไห่หนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง หลินเฟิงเป็นเหมือนที่เขาคิดไว้เขาน่ากลัวยิ่งนัก คำพูดของหลินเฟิงราวกับใบมีด เมื่อเห็นความโกรธเกรี้ยวของหลินเฟิงทำให้น่าหลานไห่ต้องถอยร่น

 

“น่าหลานไห่ เจ้าจะไม่โจมตีหรือยังไง?” หญิงสาวผู้สวมใส่เสื้อคลุมสีเขียวอ่อนกล่าว นางเห็นน่าหลานไห่ยังไม่ทำลายการบ่มเพาะพลังของหลินเฟิง และกำลังก้าวถอยหลัง นางจึงโกรธเมื่อเห็น น่าหลานไห่ไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูด เขาหันหลังกลับไปและพูดว่า : “ออกไปจากที่นี่ เร็วเข้า!” หลังจากที่เขาพูดเสร็จ เขารีบจากไปทันที

 

“เป็นน่าหลานเฟิ่งรึถึงให้เจ้ามาโจมตีข้า?” หลินเฟิงถามด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น ทำให้น่าหลานไห่ต้องหยุดชะงัก เขาไม่ตอบกลับ และเดินต่อไป และคว้าตัวหญิงสาวที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวอ่อน เขาต้องการให้นางออกไปด้วยเช่นกัน หลินเฟิงยิ้ม เป็นเช่นนั้นหรอกรึ เมื่อรู้ตัวตนของเขาแล้ว ทำให้พวกมันไม่กล้าที่จะโจมตีเขา หลินเฟิงรีบดื่มให้เสร็จภายในอึกเดียว และยืนขึ้น จากนั้นเขาก็ใส่เสื้อคลุมกันฝนสีดำ และหมวกฟางแล้วจากไปทันที

 

ฝูงชนในภัตตาคารนกหวีดมองไปยังชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นั้น พวกเขามีคำถามมากมายที่พวกเขาอยากจะถามเขา

 

“เจ้าเด็กนั้นมันเป็นใครกันถึงทำให้น่าหลานไห่ผู้ที่หยิ่งยโสในตัวเองต้องหวาดกลัว และล่าถอยได้?” ฝูงชนเกิดคำถาม พวกเขาคิดว่าหลินเฟิงจะต้องตาย การแสดงออกของน่าหลานไห่ เมื่อมองไปยังหลินเฟิงเห็นได้ชัดว่าเขาหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย การกระทำของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาไม่กล้าที่จะยั่วยุเด็กหนุ่มคนนั้น

 

“น่าหลานไห่ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” หญิงสาวที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวอ่อนกล่าว ขณะที่น่าหลานไห่กำลังจับมือนาง

 

“มันเป็นหลินเฟิง” น่าหลานไห่ตอบกลับ

 

“ผู้ที่เป็นเศษขยะของตระกูลหลิน?”

 

“ลวี่เอ๋อ เศษขยะของตระกูลหลิน? เจ้าเชื่อคำโกหกพวกนี้รึ?เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเขาถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลินเพราะความอ่อนแอ? ตามที่เราทราบจากรายงานของตระกูลเรา หลินเฟิงทำให้หลินอู๋ต้องหมอบคลานบนพื้นเหมือนกับหนอน แถมเขาเกือบจะฆ่าหลินหงผู้ที่บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณแล้วได้ หลินเชียนเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ และด้วยพลังของพวกเขาทั้งสองก็ยังไม่สามารถหยุดการโจมตีของหลินเฟิงได้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะผู้อาวุโส หลินหงคงได้ตายจากไปแล้ว

 

“อะไรนะ? เจ้ากำลังบอกว่าเขาสามารถเอาชนะหลินหงผู้ที่บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณแล้วได้? มันเป็นไปได้อย่างไร? ท่านจะต้องเข้าใจผิดแน่ๆ” หญิงสาวกล่าว

 

“ทุกอย่างที่ข้าบอกกับเจ้าเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า พวกเราสามารถไปถามคุณหนูได้” น่าหลานไห่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวบนใบหน้า ก่อนหน้านี้เขาได้เห็นหลินเฟิงที่ภัตตาคารนกหวีด เขาก็คิดว่าข่าวลือเกี่ยวกับหลินเฟิงพวกนั้นล้วนโกหก เพราะเขาเป็นเพียงแค่เศษขยะ เป็นความอับอาย และความอัปยศของตระกูลหลิน เขาก็คงคิดว่าข่าวลือต่างๆถูกแพร่กระจายโดยตระกูลอื่นๆเพื่อให้ตระกูลหลินเสียหน้า อย่างไรก็ตามในที่สุดเขาก็พบว่าข่าวลือพวกนี้ถูกแพร่กระจายโดยสมาชิกของตระกูลหลินบางคนที่ได้เห็นเหตุการณ์พวกนั้น เห็นได้ชัดว่าหลินป้าเต้าได้แพร่กระจายข่าวลือเพื่อให้เป้าหมายของตัวเองบรรลุ หลินไห่ก็มีส่วนผิดเพราะเขาไม่รู้ว่าหลินเฟิงไม่ได้อ่อนแอ และขี้ขลาดเหมือนแต่ก่อน

 

หลินเฟิงเดินออกมาจากภัตตาคารนกหวีดและกระโดดขึ้นม้า เขาไม่ได้ไปไหนไกล เขาไปที่โรงเเรมที่อยู่ใกล้ๆกับภัตตาคารนกหวีด เขาไปที่โรงเเรมเพราะเขาไม่สามารถกลับไปยังตระกูลหลินได้ และไม่มีที่ไหนที่เขาสามารถพักพิงได้ ไม่มีสถานที่ใดในเมืองหยางโจวนอกจากโรงเเรม

 

เขาเลือกห้องที่ดีที่สุดหนึ่งห้องทันที: ห้องมันกว้าง และเงียบสงบ ดังนั้นจึงไม่มีใครรบกวนเขาได้ หลินเฟิงนั่งลง และเริ่มนั่งสมาธิทันที ร่างกายของเขารู้สึกหิวโหยหลังจากที่ประสบกับความเจ็บปวดร้ายแรง ร่างกายของเขากำลังโหยหาพลัง และความแข็งแกร่งให้มากขึ้นเพื่อปกครองทุกสิ่งทุกอย่าง เขาต้องการพลัง และจะไม่มีใครสามารถทำร้ายเขา และพ่อของเขาได้ ด้วยพลังของตัวเอง หลินเฟิง และหลินไห่จะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง และบดขยี้ผู้ที่เคยดูถูกพวกเขาในอดีต

 

วันใดวันหนึ่ง หลินเฟิงจะทำให้สมาชิกของตระกูลหลินต้องเสียใจที่ปฏิบัติกับเขา และพ่อของเขาเช่นนี้ในการประชุมประจำปี หลินเฟิงจะทำให้ตระกูลหลินต้องเสียใจอย่างสุดซึ้ง เขาจะแก้แค้นด้วยพลังของตัวเอง และวันที่เขาจะแค้นมันก็จะมาถึงในอีกไม่ช้า…

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments