ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปภายในห้อง หลินเฟิงนั่งสมาธิอยู่บนเตียงอย่างสงบ หลินเฟิงปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งความมืดออกมาและมุ่งเน้นไปที่การดูดซับพลังปราณจากรอบตัว ประสาทสัมผัสในการฟังของเขาในสภาวะนี้อยู่เหนือระดับผู้บ่มเพาะทั่วไปเป็นอย่างมาก หากหลินเฟิงต้องการเขาสามารถได้ยินการสนทนาภายในถัตตาคารได้ นี่เป็นเพราะพลังสมาธิและจิตวิญญาณแห่งความมืดได้ยกระดับประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขา
ปราณจากสวรรค์และปฐพีหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหลินเฟิงอย่างไม่หยุดยั้ง ปรากฏแสงสีขาวที่สามารถมองเห็นได้ขึ้น พลังปราณให้ความรู้สึกเหมือนลมแรงที่จะกลายเป็นพายุได้ทุกเมื่อ ปราณของหลินเฟิงพุ่งทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดของขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9
หลินเฟิงกำลังรอที่จะทะลวงผ่านคอขวด มีกระแสพลังวิ่งเข้าไปในตัวเขา หลินเฟิงสามารถทะลวงผ่านไปสู่ขอบเขตจิตวิญญาณได้ เขาสามารถสังหารผู้คนที่ต่อต้านเขาก่อนหน้านี้ได้อย่างง่ายดายด้วยทักษะและเทคนิคของเขา หลินเฟิงสามารถสังหารนักสู้ขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9 ได้ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวด้วยซ้ำ
ทันใดนั้น มีเงาจากภายนอก เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังเข้ามาที่โรงแรม ทั้งกลุ่มมุ่งเข้ามาภายในโรงแรมโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นด้วยทักษะเคลื่อนที่อันน่าเหลือเชื่อ ซึ่งมันทำให้พวกมันราวกับภูติผีที่เดินผ่านฝูงชน พวกมันทั้งหมดถือธนูที่ทำมาจากเขาวัว ธนูเหล่านั้นทำมาจากวัสดุพิเศษ ผู้บ่มเพาะขอบเขตพลังปราณจะได้รับพลังมหาศาลจากมัน
” มันอยู่ที่ห้องหมายเลข 2 จะดีที่สุดถ้าไม่ให้มันรู้ตัว ไม่เช่นนั้นจะน่ารำคาญเกินไป จัดการเรื่องนี้ให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้” หนึ่งในเงากล่าว พวกมันทั้งหมดพุ่งตรงไปยังห้องหมายเลข 2 อย่างรวดเร็ว ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะตระหนักถึงการมาของพวกมัน
พริบตาเดียว กลุ่มเงาได้ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้องหมายเลข 2 พวกมันทั้งคล่องแคล่วและเชียวชาญเป็นอย่างมาก แทบจะไม่มีเสียงใดๆจากการเคลื่อนไหวของพวกมัน เกือบจะทุกคนที่ไม่รู้สึกถึงตัวตนของพวกมัน มีเพียงหลินเฟิงเท่านั้นที่รู้ถึงการมาของพวกมันก่อนที่จะเข้ามาในโรงแรมเสียด้วยซ้ำ ความแข็งแกร่งของพวกมันแตกต่างไปแต่ละบุคคลและเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกความแข็งแกร่งของพวกมันได้เร็วนัก
” ฉึบ ฉึบ ฉึบ ” กลุ่มเงาคว้าธนูออกจากหลังด้วยเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็วางลูกศรไว้ที่คันธนูและง้าง
“ยิง!”
” ปุ๊.. ปุ๊.. ปุ๊.. ปุ๊.. “
เสียงลูกศรทะลุผ่านแผ่นไม้ทำให้หลายคนเริ่มตระหนักถึงเสียงบางอย่าง ลูกศรเหล่านี้มีพลังมากพอที่จะทำลายประตูได้อย่างง่ายดาย
“เข้าไป!” หนึ่งในนั้นตะโกนและนำทั้งกลุ่มเข้าไปในห้อง เพื่อที่จะตรวจสอบผลลัพธ์
เมื่อพวกมันบางส่วนเข้าไปในห้อง แต่ก็ไม่พบใครอยู่ในนั้น เตียงนอนที่ราคาแพงได้รับความเสียหายจากลูกศร บนเตียงมีของที่ถูกนำมาวางไว้ราบกับมีคนอยู่เมื่อสักครู่นี้ แต่กับไม่มีใครอยู่
มี 2 เงาเฝ้าอยู่หน้าห้องและคอยระวังอยู่ตลอดเวลา
ทันในนั้นเอง มีดาบที่ทรงพลังตัดผ่านอากาศ ตามด้วยเสียงกรีดร้องที่น่าสยดสยอง
สิ่งที่มองเห็นได้ในความมืดคือดวงตาที่ดุร้ายและกระหายเลือดกระโจนเข้าหากลุ่มเงา เกิดแสงสีเงินสะท้อนกับแสงมันคือแสงที่เกิดจากการกวัดแกว่งของดาบนั่นเอง เสียงอัสนีคำรามดังไปทั่วห้อง เงาทั้ง 2 ได้ยินเสียงกรีดร้องจากภายในห้อง ทั้ง 2 เดินลึกเข้าไปในห้องและรีบกลับออกมา ทั้ง 2 เห็นกลุ่มของพวกมันกลายเป็นกองซากศพอยู่บนพื้น
ในขณะที่พวกมันเข้ามาในโรงแรม หลินเฟิงรู้แล้วว่าพวกมันอยู่ที่นี่ เขาให้ความสนใจกับพวกมันไม่น้อยและไม่สามารถที่จะฝึกฝนต่อได้ หลินเฟิงแปลกใจเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของพวกมัน แต่เมื่อเขาได้ยินว่าพวกมันต้องการที่จะมาห้องของเขา ทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนพวกมันต้องการที่จะเข้ามาฆ่าเขา
หลินเฟิงซ่อนตัวอยู่ในห้องห่างจากประตูเพื่อหลีกเลี่ยงลูกศร เขาพิงกำแพง กำแพงที่เป็นมุมอับสายตาจึงไม่มีโอกาสที่ลูกศรจะถูกตัวเขา นอกจากนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นๆจะมองเห็นเขาจากภายนอก มันเป็นวิธีที่เหมาะมองที่หลินเฟิงจะลอบโจมตีศัตรูจากภายในเงามืด
เมื่อหลินเฟิงสังเกตเห็นอนุภาพที่ทรงพลังของลูกศรที่ทะลุเข้ามาในห้องของเขา หลินเฟิงคิดว่าโชคดีมากที่รู้สึกถึงพวกมันก่อน ถ้าหลินเฟิงไม่ได้ซ่อนอยู่ที่มุมอับสายตาป่านนี้เขาคงตายไปแล้ว
แต่ในขณะที่กำลังคิดถึงความโชคดีของเขา ภายในใจหลินเฟิงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน ร่างกายของเขาปลดปล่อยจิตสังหารที่น่ากลัว ทำให้หลินเฟิงราวกับเป็นสัตว์อสูรโบราณในตำนาน เขาไม่สามรถที่จะระงับความกระหายในการฆ่าได้ ราวกับว่าโดนวิญญาณร้ายเข้าสิง
“เข้ามา ดาบของข้ายังอาบเลือดไม่เพียงพอ!” เสียงกระหายเลือดดังมาจากในความมืด
หลินเฟิงจับดาบของเขาอีกครั้ง ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็หายไป เสียงกรีดร้อง 2 เสียงได้ดังออกมาจากนอกห้อง หลินเฟิงใช้ทักษะเคลื่อที่ดั่งเงาจันทรา เพื่อพุ่งออกไปข้างนอกและสังหารนักฆ่า 2 คนที่อยู่ข้างนอก ในขณะที่นักฆ่าคนอื่นๆ นอกห้อง มองเห็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นจากการกระทำที่น่ากลัวของหลินเฟิง หลินเฟิงใช้โอกาสนี้รีบกระโจนออกไปนอกหน้าต่าง
“ตามมันไป!” หนึ่งในนักฆ่าตะโกน เห็นได้ชัดว่ามันโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
ราวกับสัตว์ร้าย พวกมันกระโดดออกทางหน้าต่าง แต่และคนแสดงออกถึงความกระหายเลือด
มันเป็นคืนที่ฝนตกหนักและมืดอย่างผิดปกติราวกับเมฆจงใจปิดกั้นแสงจันทร์ หากผู้บ่มเพาะไม่ได้มีการมองเห็นที่น่าอัศจรรย์ พวกเขาจะไม่สามารถมองเห็นถนนได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องวิ่งด้วยความเร็วสูง
อย่างไรก็ตามมันไม่ส่งผลกระทบต่อหลินเฟิงแม้แต่น้อย ต้องขอบคุณจิตวิญญาณแห่งความมืดที่ยกระดับประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาให้อยู่เหนือคนอื่นๆที่อยู่ในระดับเดียวกัน ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเขาเฉียบคมเป็นอย่างมาก หลินเฟิงสามารถมองเห็นถนนได้อย่างชัดเจน
เหล่านักฆ่าที่ไล่ตามเขากำลังเข้ามาใกล้ทุกทีๆ เสียงฝีเท้าของพวกมันประทับลงบนพื้นที่เปียกชุ่ม ดูจากขนาดของกลุ่มแล้วเพียงพอที่จะจัดการคนๆเดียวได้อย่างง่ายดาย
” ฟิ้วววววววว “
ลูกศรบินผ่านหลินเฟิงไปไม่ห่างจากหูเขามาก อากาศถูกฉีกออกด้วยแรงที่สร้างขึ้นจากลูกศร
“หนึ่งในคนที่ยิงลูกศรอยู่ขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9 อำนาจของมันสามารถเทียบได้กับของหลิ่วเฟยเลยทีเดียว พวกมันทั้งหมดยังคงห่างชั้นจากความอ่อนแอ” หลินเฟิงคิดขณะที่สั่นไปถึงกระดูกสันหลัง หลิ่วเฟยบรรลุขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9 และนางเองก็แข็งแกร่งมาก กล่าวได้ว่าลูกศรที่น่าปล่อยออกมานั้นแข็งแกร่งและแทบไร้จุดอ่อน แต่เหล่านักฆ่าที่ไล่ตามหลินเฟิงมานั้นมีความแข็งแกร่งที่เทียบเท่ากับหลิ่วเฟย พวกมันแข็งแกร่งและได้รับการฝึกมาอย่างดี
หลินเฟิงไม่คาดคิดว่าจะมีใครบางคนต้องการที่จะสังหารเขากลางดึกเช่นนี้ ทำไมพวกมันต้องเอาชีวิตเขา?
“ฟิ้วววว, ฟิ้ววววว “
2 ลูกศรบินผ่านหัวหลินเฟิงไป เขามีความเชื่อน้อยลงทุกทีว่าจะสามารถหลบเลี่ยงลูกศรได้หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คนเหล่านี้ไม่เพียงจะแข็งแกร่งมากแต่ยังไม่รับการฝึกยิงธนูมาอย่างดี ความแม่นยำของพวกมันสูงเป็นอย่างมาก ถ้าหลินเฟิงพลาดท่าแม้เพียงนิดเดียว เพียงหนึ่งลูกศรก็สามารถที่จะสังหารเขาได้
“มันต้องไม่เป็นแบบนี้ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ข้าจะต้องหมดแรงก่อนและพวกมันจะสามารถฆ่าข้าได้ง่ายๆ” หลินเฟิงคิดขณะหลบหลีกลูกศร เขารู้สึกสิ้นหวัง จริงๆแล้วคนเหล่านี้ดูเหมือนจะอยู่ขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9 นอกจากนี่พวกมันยังสามารถใช้ธนูได้ดีและทำงานเป็นทีมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดูเหมือนว่าพวกมันจะเคลื่อนที่้เป็นขบวน แม้ว่าหลินเฟิงจะใช้ทักษะเคลื่อนที่ได้ดีกว่า แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสลัดพวกมันทิ้ง
เท้าของหลินเฟิงเต็มไปด้วยโคลนแม้แต่เสื้อคลุมของเขาก็ยังมีแต่โคลนเช่นกัน ฝนยังคงตกอย่างหนัก หลินเฟิงหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงลูกศร จากนั้นเขาก็หยุุดและหันกลับหลังในพริบตา เปิดเผยรูปลักษณ์ที่มอมแมมของเขา
“เคลื่อนที่ดั่งเงาจันทรา”
“ตาย!”
ในตอนนั้น ไม่เพียงแต่หลินเฟิงจะหยุดวิ่งหนี แต่เขายังใช้ทักษะเคลื่อนที่พุ่งกลับไปหากลุ่มนักฆ่า หลินเฟิงกระชับดาบในมือ เสียงอัสนีคำรามสั่นสะท้านผ่านอากาศและผสานเข้ากับฝนที่ตกอย่างสมบูรณ์แบบ เลือดเริ่มไหลนองลงสู่พื้นดิและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสีแดง
เหล่ากลุ่มนักฆ่าเงาที่พุ่งเข้าหาหลินเฟิงถูกหั่นเป็นชิ้นๆ โดยไร้ซึ่งความเมตตา นักฆ่า 5 คนถูกตัดหัวโดยหลินเฟิง
นักฆ่าที่เหลือรีบถอยห่างออกไปนับ 10 เมตร สายตาที่หวาดระแวงของพวกมันจ้องมองไปที่หลินเฟิง พวกมันระวังตัวมากยิ่งขึ้น พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นผู้เยาว์ และถูกหลินเฟิงสังหารไปจำนวนมาก
หลินเฟิงเฝ้ามองทั้งกลุ่มผ่านสายฝน หนึ่งในนั้นสวมชุดกันฝนสีดำและถือพัดอยู่ในมือ
“น่า… หลาน… ไห่…” หลินเฟิงจ้องมองด้วยสายตาที่เย็นชา เขาจำพัดนั้นได้อย่างดี มันเป็นของน่าหลานไห่แน่นอน
หลินเฟิงมองไปที่พวกมันทั้งหมดอย่างเย้ยหยันและกล่าว ” ผู้บ่มเพาะที่โดดเด่นจำนวนมาก มีเพียง 2-3 ตระกูลที่เป็นที่มีความสำคัญกับเมืองหยางโจว แต่เมื่อพิจารณาถึงจำนวนคนที่มาหาข้า มีใครบ้างที่โดดเด่นจริงๆ?”
น่าหลานไห่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่ม มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะคำรามออกไปด้วยความโกรธ
” พวกเราได้ยินว่าบุตรชายของหลินไห่แห่งตระกูลหลินเป็นเพียงเศษขยะ แต่หลินเฟิงที่ข้ารู้จักนั้นไม่ใช่ขยะ แต่เขาเป็นอัจริยะที่แท้จริง สามารถที่จะปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์ ทั้งฉลาดและมีไหวพริบ ….คงแย่มาก… ”
“คงแย่มาก… อะไร?” หลินเฟิงกล่าว
“คงแย่มากที่เจ้าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง แต่จะไม่มีใครได้รู้เรื่องนี้” น่าหลานไห่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย ” แม้ว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรเมื่อเจ้าตาย ด้วยความตายของเจ้าจะทำให้รอยแปดเปื้อนในชื่อเสียงของน่าหลานเฟิงหายไป”
” เพราะน่าหลานเฟิงเกลียดข้าจากเรื่องเล็กๆน้อยๆ เพราะข้าชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดของนาง? ดังนั้นนางจึงส่งกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ของเมืองหยางโจวมาสังหารข้าอย่างลับๆ?” สามารถพบความเหยียดหยามในน้ำเสียงของหลินเฟิงได้อย่างชัดเจน คนเหล่านี้ได้รับการฝึกเป็นอย่างดี พวกมันไม่ใช่นักสู้ธรรมดา เมื่อหลินเฟิงจ้องมองไปที่พวกมันอย่างระมัดระวัง เขาเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่าพวกมันเป็นกองกำลังของเมืองหยางโจว
แต่ยังมีหนึ่งสิ่งที่หลินเฟิงไม่เข้าใจ น่าหลานเฟิงเป็นคนที่ดูหมิ่นและไม่สนใจหลินเฟิงก่อน นั่นคือเหตุผลที่เขาทำให้นางเสียหน้า เพียงแค่การทำตัวหยาบคายกับนางถึงกับต้องระดมกองกำลังเพื่อที่จะสังหารเขา? หลินเฟิงไม่คิดว่าน่าหลานเฟิงจะใช้สถานะและอำนาจของนางกำจัดเขาอย่างลับๆ
“เจ้ารู้ไหมว่าเกียรติของเจ้าหญิงน่าหลานเฟิงน่ายกย่องเพียงใด? นางมีสถานะที่สูงส่งมาก เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์ทำให้นางเสียเกียรติ? แม้ว่าเจ้าจะตายไปมันก็ยังไม่สาสม” น่าหลานไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส
“เจ้าหญิงน่าหลานเฟิง? เกียรติที่น่ายกย่อง?” หลินเฟิงยิ้ม แม้ว่านางจะเป็นบุตรสาวของเจ้าเมืองหยางโจว แต่นางไม่มีสิทธิ์ที่จะหยิ่งหรืออวดดี หลินเฟิงไม่คิดว่าน่าหลานเฟิงจะใช้อำนาจของพ่อนางทำเรื่องเช่นนี้ นางเห็นหลินเฟิงเป็นแค่มดปลวก นิสัยที่เน่าเหม็นของนางช่างเหมือนหลินเชียนเสียจริง
“เจ้าต้องการที่จะสังหารข้า? มาดูกันว่าเจ้ามีความสามารถหรือไม่!?” จิตวิญญาณแห่งความมืดถูกปลดปล่อยออกมาข้างหลังของเขา จิตวิญญาณไม่มีพลังปราณและเสียง หลายคนไม่แม้จะสังเกตว่าเขาปลดปล่อยจิตวิญญาณออกมา
หลินเฟิงทุมเทกับการโจมตีแต่ละครั้ง และถ้าเกิดความผิดพลาดแม้เพียงเล็กๆน้อยๆ อาจจะทำให้ชีวิตของเขาอยู่ในอันตรายได้
จิตวิญญาณแห่งความมืดของหลินเฟิงมองไปรอบๆ ราวกับมันมีดวงตาเป็นของตัวเอง หลินเฟิงรับรู้ถึงทุกสิ่งที่อย่างที่อยู่รอบตัวเขารวมทั้งพื้นดินใต้เท้า ไม่มีอะไรที่สามารถหลบหนีจากประสาทสัมผัสของเขาได้ ในตอนนี้หลินเฟิงสามารถรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวที่เล็กน้อยที่สุดภายในอากาศ
” ฟิ้ววววววว ”
ลูกศรบินผ่านหูของหลินเฟิง มันใกล้มากจนเฉียดหูเขาไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลินเฟิงไม่ได้แปลกใจอะไรและหลบเลี่ยงมันได้อย่างง่ายดาย ซึ่งทำให้นักฆ่าที่เป็นคนยิงศรนั้นตกใจเล็กน้อย ในความมืดดวงตาของเขาทั้งสงบและน่ากลัว เขาดูเหมือนสัตว์ร้ายกำลังจ้องมองไปที่เหยื่อ