ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลินเฟิงได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งความมืดของเขาออกมา และเขาไม่รู้สภาพของตัวเองในขณะนี้ได้ เขาดูสงบ เคร่งครึมจ้องมองพวกมันด้วยนัยน์ตาที่ไร้อารมณ์ นักฆ่าผู้ที่ยิงลูกศรออกไปตกตะลึงและหวาดกลัว พวกมันมองหลินเฟิงที่ยังคงมีท่าทีสงบดูสงบ และกระหายเลือดในเวลาเดียวกัน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มันเป็นไปได้อย่างไรที่เขายังดูสงบ?
หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าและใช้ทักษะเคลื่อนที่ดั่งเงาจันทรา ทันใดนั้นหลินเฟิงได้ปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหน้าของกลุ่มนักฆ่าทันที ทำให้พวกมันไม่สามารถใช้ธนูของพวกมันได้ในระยะประชิดเช่นนี้
ดาบยาวตัดผ่านอากาศทำให้เกิดเสียงโอดครวญ หลินเฟิงได้กวัดแกว่งดาบไปทางพวกมัน การโจมตีแต่ละครั้งของเขาแม่นยำกว่าครั้งก่อนหน้านี้มาก ทุกๆการเคลื่อนไหวของเขา เขาจะหลีกเลี่ยงการโจมตีไปด้วย และถ้ามีการโจมตีเล็ดลอดเข้ามาเขาก็จะใช้ดาบป้องกัน เหล่านักฆ่ากราดเกรี้ยวอย่างมาก หลินเฟิงไม่เพียงแค่หลบการโจมตีของพวกเขา แต่ยังฆ่าคนพวกเขาไปจำนวนมาก… ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถใช้คันธนูของพวกเขาได้ พวกเขากำลังถูกผลักดันอย่างช้าๆ
“ปลดปล่อยจิตวิญญาณของพวกเจ้า และฆ่ามันซะ” น่าหลานไห่ตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว เขาไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่ล่าถอยอย่างไม่รู้ตัว ขณะที่หลินเฟิงปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของพวกเขา เขาเป็นคนที่หวาดกลัวที่สุด เมื่อเขามองเข้าไปในนัยน์ตาของหลินเฟิง เขาเห็นเจตนาฆ่าอย่างล้นหลาม แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือหลินเฟิงยังคงสงบและเคร่งขรึม หัวใจของน่าหลานไห่เต้นระรัว ทั่วทั้งร่างของเขาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เมื่อทุกคนได้ยินน่าหลานไห่กล่าว พวกเขาทั้งหมดเคลื่อนที่ไปด้านหน้าและปลดปล่อยจิตวิญญาณของพวกเขาออกมา คืนนี้เป็นคืนที่มืดมิดเป็นพิเศษ แต่การที่พวกเขาปลดปล่อยจิตวิญญาณพร้อมกันหลายคนทำให้พื้นที่แห่งนี้เกิดแสงสว่างขึ้น
นักฆ่าผู้มีจิตวิญญาณเถาวัลย์ลอบโจมตีด้านหลังหลินเฟิง จิตวิญญาณเถาวัลย์นี้จะทำให้ร่างกายของผู้บ่มเพาะพลังมีความยืดหยุ่นและแข็งแกร่ง เมื่อความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะพลังแข็งแกร่งเพียงพอ เขาสามารถใช้เถาวัลย์เพื่อบีบรัดศัตรูได้ ร่างกายของผู้บ่มเพาะพลังจะกลายเป็นเหมือนเถาวัลย์ มันแทบจะไม่มีกระดูก และสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้
หลินเฟิงถูกล้อมรอบไปด้วยเถาวัลย์ที่แผ่กระจายไปทั่ว เมื่อพวกมันเห็นว่าการโจมตีของพวกมันเกือบจะเข้าถึงตัวหลินเฟิงได้แล้วนั้น ได้มีรอยยิ้มอันน่ากลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเฟิง เหล่านักฆ่ากำลังภาคภูมิใจในจิตวิญญาณของตนเอง แต่จู่ๆก็มีแสงสีเงินปรากฏขึ้นในอากาศเจาะเข้าไปในตา และผ่านทะลุไปยังกระโหลกศีรษะของมัน ร่างกายของมันค่อยๆล้มลงไหลไปตามปลายดาบ และหยุดเคลื่อนไหวอย่างสมบูรณ์
การโจมตีจากดาบของหลินเฟิงแม่นยำ รวดเร็ว ไร้ที่ติ และน่าหวาดกลัว ไม่มีการเคลื่อนไหวที่สูญเปล่าแม้แต่น้อย เขาได้ฆ่าผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นโดยการโจมตีเพียงครั้งเดียวด้วยวิธีที่น่าสะพรึงกลัว และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ หลินเฟิงยังคงสงบเยือกเย็น ขณะแทงดาบเข้าไปนัยน์ตาผ่านกระโหลกด้วยดาบของเขา
หลินเฟิงยังไม่หยุดมือ เขาใช้ความได้เปรียบนี้เพื่อโจมตีต่อ ดาบของหลินเฟิงวาดผ่านท้องฟ้ายามราตรีราวกับดาวตก และได้มีกระแสเลือดอีกกระแสหนึ่งสาดกระเซ็นไปทั่วอากาศ ขณะที่เมฆค่อยๆแยกออกจากท้องฟ้า ทำให้มีแสงจันทร์สาดส่องลงมา ราวกับโลกชโลบไปด้วยเลือด
พวกมันเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ในขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8 และขั้นที่ 9 มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกมันจะหลบการโจมตีของหลินเฟิง อันรวดเร็ว และแม่นยำ พวกมันไม่สามารถที่จะต่อต้านได้แม้แน่น้อย
“วูบบบบบบ” ได้มีอุกกาบาตขนาดใหญ่บดขยี้อากาศกำลังพุ่งไปยังหัวของหลินเฟิง ถ้าเขารับการโจมตีนี้ หลินเฟิงอาจจะไม่ตาย แต่เขาจะไม่สามารถต่อสู้ต่อได้และจะถูกฆ่าตายเพราะเหตุนั้น ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย
“เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าหลบการโจมตีรึ?”
ในขณะที่หลินเฟิงกำลังพยายามหลบเลี่ยงการโจมตี ได้มีหอกแทงทะลุผ่านอากาศ และสกัดกั้นเส้นทางหลบหนีของเขา หอกมันทรงพลังมาก หลินเฟิงถูกโจมตีจากด้านหน้าและด้านหลังพร้อมกัน
“ตายซะ”
หลินเฟิงตะโกนดัง แล้วเขาก็ขวางดาบยาวของเขาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ดาบแหวกว่ายผ่านอากาศ และเจาะทะลุหน้าอกของฝ่ายตรงข้าม นักฆ่าที่โดนดาบของหลินเฟิงทะลวงหน้าอก มันมองต่ำลงไปที่ดาบที่แทงทะลุหน้าอกของเขาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ มันรู้สึกว่ามันต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ มันไม่มีทางเป็นไปได้ มันไม่คิดว่าหลินเฟิงจะปาอาวุธของตัวเอง และใช้มันเพื่อฆ่าหนึ่งในพวกเขาเพียงคนเดียว หลินเฟิงอยู่ในขั้นที่ 9 ของขอบเขตพลังปราณ และแข็งแกร่งกว่าพวกมันทุกคนอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามพวกมันมีจำนวนมากกว่า ถ้ามีใครสามารถเข้าถึงตัวหลินเฟิง หลินเฟิงจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส และอาจจะทำให้หลินเฟิงตาย หลินเฟิงควรระมัดระวัง และป้องกันให้เหนียวแน่น แต่อย่างไรก็ตามเขาเพิ่งเสี่ยงชีวิตในการเดิมพันครั้งนี้ หลินเฟิงได้ปาดาบของเขา เพื่อฆ่าหนึ่งในพวกเขา มันเป็นวิธีที่น่าสะพรึงกลัวมากที่เขาไม่สนใจชีวิตของตนเองด้วยใบหน้าที่สงบ
นักฆ่าที่โดนดาบของหลินเฟิงเจาะทะลุได้เพียงแค่จ้องมองหลินเฟิงเท่านั้น นี่เป็นช่วงสุดท้ายของเขา และต้องการจะดูว่าหลินเฟิงจะถูกบดขยี้ศีรษะด้วยดาวอุกกาบาตหรือไม่
“เฟี้ยว”
ความเงียบสงบเต็มไปทั่วบรรยากาศ หลินเฟิงถือดาบเรืองแสง อุกกาบาตยังคงอยู่บนท้องฟ้า ผู้บ่มเพาะพลังที่มีจิตวิญญาณดาวตก หัวของมันถูกส่งไปในอากาศตัดขาดจากร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์ หลินเฟิงใช้ดาบอ่อนของเขาตัดหัวของมัน และในตอนนี้ร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเลือด “นี่คือชะตากรรมของข้า” ฝ่ายตรงข้ามปิดตาของตัวเอง ร่างกายของมันค่อยๆ ล้มลงกับพื้น หัวของคนที่เพิ่งถูกตัดออกไปเมื่อสักครู่ ได้ตกลงบนพื้น ทุกคนๆถูกแช่แข็งราวกับเวลาถูกหยุด พวกมันตั้งคำถามกับตัวเองว่า ใครกันจะสามารถรอดชีวิตจากการฟันดาบของหลินเฟิงได้
ดาบถูกดึงออกมาจากฝัก ในขณะที่ดาบถูกดึงออกจากฝัก หัวของฝ่ายตรงข้ามก็ปลิวออกไป เป็นไปได้อย่างไรกัน หลินเฟิงอยู่ในขั้นที่ 9 ของขอบเขตพลังปราณ ความแข็งแกร่ง และพลังของมันสามารถใช้ทักษะหนึ่งดาบสังหารได้อย่าไรกัน
ฝ่ายตรงข้ามแข็งทื่อ แต่หลินเฟิงยังคงไม่หยุดมือ แสงแต่ละแสงมาพร้อมกับกระแสเลือดที่สาดกระเซ็น ทำให้ทิวทัศน์ในตอนนี้ราวกับเป็นดินแดนที่ปกคลุมไปด้วยเลือด การโจมตีด้วยดาบแต่ละครั้งของหลินเฟิงถึงตัวเป้าหมายไม่มีการเคลื่อนไหวที่สูญเปล่าแม้แต่น้อย การโจมตีแต่ละครั้งมีความแม่นยำ และเด็ดขาด
ณ ตอนนี้หลินเฟิงได้ลืมความหมายของคำว่าความเมตตา หลงเหลือเพียงความเยือกเย็น ในตอนนี้เขาชะโลมไปด้วยเลือด และพรากชีวิตพวกมันอย่างต่อเนื่อง
น่าหลานไห่มองไปซากศพที่กองอยู่บนพื้น ร่างกายของพวกมันล้มลงกับพื้นพร้อมกับสายฝนที่เต็มไปด้วยเลือด เขาสั่นเพราะความหวาดกลัว ในจิตใจของเขาเขาต้องการวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่ขาของเขากลับอ่อนแรง ศพพวกนั้นแต่ละศพเป็นถึงผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 และขั้นที่ 9 ของขอบเขตพลังปราณ แต่ตอนนี้กลับมีศพหลายสิบกระจัดกระจายอยู่ทั่วบนพื้น พวกเขาเป็นถึงผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งในเมืองหยางโจว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตระกูลเจ้าเมือง พวกเขาทั้งหมดนอนตายอยู่บนพื้น พวกเขาถูกฆ่าตายทีละคนโดยหลินเฟิง คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้สนับสนุนน่าหลานไห่ และมีส่วนร่วมในความสำเร็จของเขา หลินเฟิงได้ฆ่าคนที่มีพรสวรรค์มากมายจากตระกูลของเขา
อะไรกันถึงทำให้ดาบของหลินเฟิงร้ายกาจเช่นนี้? หรือเป็นเพราะท่าทีอันสงบเยือกเย็นของเขา? หลินเฟิงสามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดายราวกับฆ่าปศุสัตว์ เสียงที่เปล่องออกมาจากดาบของหลินเฟิงตัดผ่านอากสศ และเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วบรรยากาศเต็มไปด้วยพลังปราณอันหนาแน่นของดาบ และไม่มีที่ว่างสำหรับสิ่งอื่นใด พลังปราณอันแข็งแกร่ง แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และการโจมตีแต่ละครั้งก็ทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ
“วิ่งงงงงง!!”
น่าหลานไห่ที่หวาดกลัวจนเสียสติได้กลับสู่ความเป็นจริง และมีความคิดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น: ทำให้เขา และตระกูลของเขาห่างไกลจากปีศาจตัวนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
น่าหลานไห่หันหลัง และเริ่มวิ่งหนีอย่างไม่ลังเล
“เจ้าต้องการหนีออกไปจากที่นี่…? เจ้าไม่คิดว่ามันสายเกินไปแล้วหรอกรึ?” หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น เสียงของดาบที่กำลังโจมตีจู่ๆก็หยุดชะงัก หลงเหลือเพียงแค่เสียงก้าวเดินผ่านพื้นอันเปียกชุ่มของหลินเฟิงเท่านั้นที่สามารถได้ยินได้
น่าหลานไห่หยุดวิ่ง และหันหลังกลับ เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของซวนหยวน ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวและน่าเกลียด เขาพยายามที่จะยิ้ม แต่น้ำตาไหลลงมาถึงแก้ม และเสียงโอดครวญที่หลุดออกมาจากปากของเขาทำให้เขาไม่อาจยิ้มได้
“หลินเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุการณ์นี้มันไม่เกี่ยวข้องกับข้า มันเป็นเพราะคุณหนูสั่งให้พวกเราฆ่าเจ้า ข้าเพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”
“ข้ารู้” หลินเฟิงกล่าวขณะพยักหน้า ทำให้น่าหลานไห่เกิดประกายความหวังขึ้นทันที แต่ทันใดนั้นได้ได้เห็นแสงสีเงินแหวกว่ายผ่านอากาศ มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่น่าหลานไห่ได้เห็น ก่อนที่หัวของเขาจะหลุดออกจากร่าง
เมื่อหลินเฟิงเห็นน่าหลานไห่กลายเป็นศพ เขาก็ยังคงสงบอยู่เหมือนเดิม เขาหันหลังกลับไป และเห็นซากศพจำนวนมาก มีซากศพหลายสิบที่นอนกองอยู่บนพื้น ทำให้พื้นดินถูกย้อมไปด้วยเลือด จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในป่าเดินไปเรื่อยๆ
“น่าหลานเฟิ่ง” หลินเฟิงกล่าวเสียงต่ำท่ามกลางความมืดมิด
หลินเฟิงไม่รู้ว่าเขาเดินมาไกลแค่ไหน เขาได้มาถึงอาณาเขตที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เขานั่งสมาธิอยู่บนพื้น ร่างกายของเขาดูดซับพลังปราณจากสวรรค์และปฐพี ปล่อยให้มันไหลเข้าไปในร่างกายในเวลาเดียวกัน พลังปราณรอบๆตัวเขาแปลเปลี่ยนกลายเป็นแก่นแท้ แก่นแท้ที่ล้อมรอบร่างกายของเขาคล้ายคลึงกับกลิ่นอาย จิตวิญญาณแห่งความมืดของเขาพุ่งออกไปรอบๆ ทำให้หลินเฟิงรู้ว่าเขากำลังจะทะลวงผ่านไปยังขอบเขตจิตวิญญาณ ว่ากันว่าจิตวิญญาณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณของคน วิญญาณสามารถให้ความสามารถเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากมาย ขณะที่หลินเฟิงนั่งอยู่บนพื้นดิน ร่างของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง หลินเฟิงรู้สึกแปลกมาก แต่เขาก็ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังเรียกหาเขา ในขณะนั้นหลินเฟิงรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงไปทั่วร่าง เขารู้ว่าอันตรายร้ายแรงกำลังใกล้เข้ามา
เฉพาะผู้ที่มีความมุ่งมั่นอันแน่วแน่เท่านั้นที่สามารถทำให้จิตวิญญาณของพวกเขาตื่นขึ้น ทุกๆคนรู้ว่าในทวีปแห่งนี้ หากผู้คนไม่มีแรงดึงดูด และความมุ่งมั่นก็จะไม่สามารถปลุกจิตวิญญาณของพวกเขาให้ตื่นขึ้นได้ ความเจ็บปวดเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลินเฟิงรู้สึกเหมือนวิญญาณของเขากำลังถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ หลินเฟิงเจ็บปวดมากจนทำให้เขาต้องกัดริมฝีปากของตัวเองและทำให้เลือดเริ่มไหลริน
“เจ็บปวด ทำไมมันถึงเจ็บปวดขนาดนี้?” หลินเฟิงดูถูกช่วงเวลาที่จิตวิญญาณตื่นขึ้นต่ำเกินไป เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเจ็บปวดมากขนาดนี้ ในอดีตเขาเกือบจะตาย ความเจ็บปวดที่ได้รับก่อนหน้านี้มันเทียบอะไรไม่ได้กับช่วงเวลาที่จิตวิญญาณกำลังตื่นขึ้นได้ หลินเฟิงเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฝน หรือเป็นเพราะเหงื่อ แต่เขารู้เพียงแค่ร่างกายของเขาเจ็บปวดทรมานมาก
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก” หลินเฟิงตะโกนดังลั่น เพราะความเจ็บปวด มันยังคงเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง และเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ วิญญาณของเขาราบกับกำลังถูกฉีกขาดออกจากกัน มันต้องการให้เขาปรารถนาถึงความตาย และจบชีวิตด้วยความทุกข์ทรมาน
“ถ้าข้าไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดนี้ได้ จิตวิญญาณของข้าก็จะไม่ตื่นขึ้น ไม่เช่นนั้นข้าจะต้องถูกคนอื่นดูถูกข่มเหงเช่นเดิม เหมือนตอนที่พ่อของข้าถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลิน ไม่ว่าจะเป็นหลินเชียน หรือตระกูลน่าหลาน ผู้ที่พยายามพรากชีวิตของข้า ความอัปยศที่ได้รับซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกนี้มันเหลืออดที่ข้าจะทนแล้ว” หลินเฟิงนึกถึงพ่อของเขา และความอัปยศที่พวกเขาได้รับ ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ในขณะนี้ ไม่มีใครสามารถขัดขวางให้เขากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นได้ แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ ความเจ็บปวดที่หลินเฟิงได้รับ ก็ไม่สามารถทำให้หลินเฟิงสูญเสียความหวังและความมุ่งมั่นได้ เหมือนกับว่าเจตจำนงของหลินเฟิงเต็มใจยอมรับความเจ็บปวด หลินเฟิงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นในใจ จิตวิญญาณของเขาควรจะตื่นขึ้นโดยปราศจากปัญหาใดๆ
“อ๊า………อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!”
หลินเฟิงสั่นตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ความเจ็บปวดอันรุนแรงได้เข้าไปในร่างกายของเขา มันทำให้หลินเฟิงต้องปิดตา และกัดฟัน และทำให้รูทวารทั้ง 7 บนใบหน้าของหลินเฟิง ตา หู จมูก ปาก มีเลือดไหลออกมา
“อ๊ากกกกกกกกกกก!! ม่ายยย! ข้าไม่สามารถหมดสติไปเช่นนี้ได้!!!” หลินเฟิงสาปแช่ง หลังจากนั้นเขาก็ล้มตัวลงอยู่บนพื้น…….