I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 43 จิตวิญญาณตื่นขึ้น

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

หลินเฟิงตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ในสภาวะความฝันวิญญาณของหลินเฟิงลอยออกจากร่าง วิญญาณของเขาลอยพาดผ่านความมืดที่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด มันเหมือนโลกที่มีเพียงความมืดเท่านั้น

 

ในโลกแห่งความมืดนี้ ไม่ปรากฏร่องรอยของชีวิต

 

หลินเฟิงไม่รู้ว่าวิญญาณของเขาติดอยู่ในความมืดมานานเท่าไหร่แล้ว มีเพียงแสงเดียวในความมืด เป็นแสงที่ส่องสว่างเพียงเล็กน้อย หลินเฟิงจ้องมองไปที่มันอย่างสนใจ

 

“แสงอะไรกัน!”

 

เมื่อหลินเฟิงเข้าไปใกล้แสงนั้นมากขึ้น มันยิ่งส่องสว่างและสาดประกายที่สวยงามยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เขาพบว่าแสงนี้พาดผ่านมาจากความมืดที่ไร้ที่สิ้นสุดและไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้ แสงได้กลายเป็นเกลียวเหนือศีรษะของเขาและและกลายเป็นรูปร่างที่ให้ความคุ้นเคยมาก มันมีรูปร่างเหมือนกับตำรา มันราวกับว่าปราณจักรวาลทั้งหมดอยู่ภายในตำราเล่มนี้และเหมือนกับว่ามันมีมาตั้งแต่ก่อกำเนิดจักรวาล ตำราเล่มนี้ดูเหมือนว่าจะมีข้อมูลทั้งหมดของจักรวาลตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของกาลเวลา

 

หลินเฟิงจ้องมองตำราเล่มนี้ราวกับว่าเป็นของขวัญล้ำค่าที่จักรวาลมอบให้เขา ดวงตาของเขาฉาบไปด้วยแสงแห่งความอยากรู้อยากเห็น หลินเฟิงเปิดตำราแล้วมองเข้าไปด้านใน เขาพบกับกระแสคลื่นตัวอักษรที่ราวกับไร้ที่สิ้นสุดในหน้าของตำรา คลื่นตัวอักษรเหล่านั้นเริ่มทะลักออกจากตำราและไหลเข้าสู่ร่างกายของหลินเฟิง ดูเหมือนว่าข้อมูลทั้งหมดที่ถูกบันทึกไว้ในตำราเล่มนี้จะถูกดูดซับโดยร่างกายของหลินเฟิง

 

“ตู้มมมมม!”

 

มีเสียงดั่งสนั่นโฉบเข้ามาในอากาศ มันฟังดูคล้ายกับว่าร่างกายของหลินเฟิงได้ระเบิดจากข้อมูลปริมาณมหาศาลที่ไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายของเขา หลินเฟิงไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ได้แต่นั่งลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เขากลับจากโลกแห่งความมืดและนั่งลงบนพื้น คำคืนที่มืดมิดและฝนที่ยังตกลงจากฟากฟ้า มันเหมือนกับว่าเวลาไม่ได้ผ่านไปเลยเมื่อตอนที่เขาอยู่ในโลกแห่งความมืด เขาพบตำราอันน่าพิศวงและข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างไร? เขาจะกลับไปหาแสงศักดิ์สิทธิ์ในความมืดมิดนั่นได้อย่างไร?

 

” เห้อ… เห้อ… ” หลินเฟิงหายใจอย่างหนักหน่วง ร่างกายของเขากำลังสั่นไหวจากความทรมานจากความเจ็บปวดที่เกินกว่าร่างกายของเขาจะรับได้ อย่างไรก็ตามเขายังมีชีวิตอยู่และด้วยความเจ็บปวดนั้น เขาได้เห็นโลกที่มืดมิดราวกับความลับของจักรวาล

 

เมื่อหลินเฟิงกำลังทนทุกข์ทรมานราวกับตายทั้งเป็น เขาคิดอย่างจริงจังว่าวิญญาณของเขาจะต้องถูกฉีกเป็นชิ้นๆ มันเป็นความเจ็บปวดที่เกินกว่าคนธรรมดาจะสามารถทนได้ มันทำให้เขาทรุดลงไปกับพื้นและดิ้นทุรนทุรายราวกับต้องการเรียกร้องหาความตาย

 

“ผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นๆต้องผ่านความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเมื่อตอนที่พวกเขาพยายามที่จะปลุกจิตวิญญาณหรือไม่?” หลินเฟิงพยายามมองลึกเข้าไปในความมืด เขาไม่เข้าใจว่าหลายคนปลุกจิตวิญญาณของเขาขึ้นมาต้องแลกกับความเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่เขาเชื่อจริงๆว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน แม้ว่าหลินเฟิงจะไม่คิดว่าตัวเขาเองนั้นมีความสามารถหรือพรสวรรค์ แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นในพลังของตัวเอง มันช่วยไม่ได้ที่หลินเฟิงจะคิดว่าคนที่อ่อนแอกว่าเขาจะไม่สามารถเผชิญกับความเจ็บปวดแม้เพียงครึ่งเดียวกับที่เขาเผชิญอยู่ได้

 

เมื่อจิตวิญญาณของเขากำลังตื่นขึ้น หลินเฟิงต้องพบกับระลอกความเจ็บปวดที่ยากจะทนทานถึง 3 ครั้ง บุกเข้ามายังร่างกายและเริ่มบดขยี้ดวงวิญญาณของเขา ทุกครั้งที่เขาติดอยู่ในความเจ็บปวด มันจะรุนแรงและน่ากลัวยิ่งกว่าครั้งก่อนหน้า ในช่วงสุดท้ายของความเจ็บปวด มันคือความเจ็บปวดที่น่ากลัวจนทำให้ร่างกายของเขาทรุดลงอีก ในขณะที่จิตใจของเขายังทนอยู่ได้ แต่ร่างกายต้องทรุดลงด้วยความเจ็บปวด ต้องขอบคุณความมุ่งมั่นและอำนาจจิตที่ไร้ขีดจำกัด เขาสามารถทนความเจ็บปวดได้นานกว่าที่ร่างกายของเขาจะทนรับได้ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมร่างกายของเขาถึงไม่ทรุดลงในทันที แต่แทนที่ด้วยเลือดที่เริ่มไหลออกจากหู ตา จมูกและปาก

 

” บางที ในช่วงที่จิตวิญญาณของข้ากำลังจะตื่นคงเป็นประสบการณ์ที่ต่างจากคนอื่นๆ บางทีมันอาจจะเป็นแบบนี้เฉพาะกับจิตวิญญาณของข้า”

 

ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง หัวใจของเขาเริ่มกระหน่ำเต้นและก็ปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขาออกมา หลินเฟิงมีความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ สภาพแวดล้อมรอบตัวเขาเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์ หลินเฟิงไม่ได้อยู่ที่เดิมอีกต่อไป มันแทนทีด้วยโลกแห่งความมืด รอบนี้รู้สึกสภาพแวดล้อมรอบตัวและยังรู้สึกถึงสิ่งรอบตัวได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น หลินเฟิงรู้สึกอ่อนเพลียที่สามารถมองเห็นและได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวได้อย่างชัดเจนแม้ว่าจะอยู่ในความมืด เขารู้สึกถึงหญ้าที่ปลิวไสวด้วยแรงลม เขารู้สึกได้หยาดฝนทุกเม็ดที่ตกลงสู่พื้น หลินเฟิงเริ่มรู้สึกสงบและเริ่มสัมผัสกับทุกสิ่งรอบตัว เขายังคนเดินหน้าและรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง หลินเฟิงไม่รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากแค่ไหนและพลังการรับรู้ที่ทรงพลังขึ้นอย่างมาก มันราวกับว่าเขาสามารถที่จะรู้แจ้ง เขาสามารถรับรู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างได้รอบๆตัว เหมือนว่าทุกอย่างเป็นส่วนหนึ่งของเขา

 

อะไรจะน่าตกใจไปกว่าการที่หลินเฟิงสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม่ว่าดวงตาที่เขากำลังใช้จะดูไม่เหมือนดวงตาเดิมของเขา มันเป็นสายตาที่น่าสยดสยองไม่เหมือนกับมนุษย์สักเท่าไร หลินเฟิงไม่สามารถที่จะทำอะไรได้แม้แต่เขายังสั่นเมื่อจ้องมองเข้าไปในดวงตานั้น มันให้ความรู้สึกที่น่าเกรงกลัวอย่างมาก

 

“จิตวิญญาณ… แห่งความมืด”

 

หลินเฟิงตระหนักว่าสมองของเขาประมวลผลได้เร็วกว่าแต่ก่อนและสามารถที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆได้อย่างง่ายดาย พลังจิตวิญญาณของหลินเฟิงทำให้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังกลัว

 

มันราวกับว่าพลังของเขาไร้ที่สิ้นสุดเมื่อมีความมืดอยู่รอบตัวเขา

 

หัวใจของเขาเริ่มกระหน่ำเต้นอีกครั้ง ปรากฏเงาขนาดมหึมาออกมาจากด้านหลังของหลินเฟิง เงามีรูปร่างเป็นเกลียว ด้านบนสุดของเขามีตำราที่งดงามและศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ ตำราเริ่มเปิดออก

 

“นี่คือจิตวิญญาณ!?” ปรากฏคำถามในดวงตาของหลินเฟิง ดูเหมือนว่าเงานี้จะมีอิทธิพลต่อจิตวิญญาณที่หลินเฟิงปลดปล่อยลงไปในความมืด ทุกอย่างดูเหมือนจะชัดเจนมากยิ่งขึ้น ฉากนี้ดูคล้ายกับความฝันของเขา : ความมืดที่ไร้ที่สิ้นสุดและปรากฏแสงสว่างภายในนั้น ตำราปรากฏขึ้นและลอยอย่างเงียบๆ เหนือศีรษะของเขา

 

ในความทรงจำของหลินเฟิง จิตวิญญาณที่ปลดปล่อยออกมาทั้ง 2 นั้นไม่มีชีวิต มันราวกับว่าจิตวิญญาณทั้ง 2 ที่ถูกปล่อยออกมา หนึ่งเป็นเงาที่ผสานเข้ากับโลกและสร้างโลกแห่งความมืดขึ้นมา สองเป็นตำราสวรรค์ หลินเฟิงคิดว่าจิตวิญญาณของเขายังไม่ได้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ แต่มันก็ไม่ถึงกับล้มเหลว แต่ก็ยังเกินกว่าความรู้ทั่วไปมากนัก

 

“ตำราสวรรค์ … จิตวิญญาณแห่งตำรา” หลินเฟิงไม่รู้ว่าเขามีจิตวิญญาณแบบใดในตอนนี้

 

ในทวีปเก้าเมฆา มีทักษะและจิตวิญญาณมากมายมหาศาล การตื่นของจิตวิญญาณถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ มีคนไม่มากที่สามารถทำความเข้าใจกับความลึกลับของจิตวิญญาณได้ พวกเขารู้ดีว่ามีจิตวิญญาณมากมายที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับคนที่ปลุกมัน

 

จิตวิญญาณแห่งตำราถือเป็นหนึ่งในปริศนาลึกลับ หลินเฟิงอยู่ในความกลัว ความแข็งแกร่งของมันไม่ได้อยู่ที่การโจมตีหรือป้องกัน มันไม่มีความสามารถที่จะทำสิ่่งเหล่านั้นด้วยซ้ำ แต่ผู้ที่มีจิตวิญญาณแห่งตำราสามารถเขียนสิ่งผิดธรรมชาติลงไปในตำราได้ สิ่งที่แปลกประหลาดหรือผิดธรรมชาติเหล่านี้จะส่งผลต่อความเร็วในการบ่มเพาะของผู้ที่ครอบครองจิตวิญญาณเช่นนี้

 

“โอ้ว สวรรค์… ” หลินเฟิงถอนหายใจ ทันใดนั้น ภายในม่านตาที่มืดมิดมี 2 แสงว่างไสว ราวกับพระอาทิตย์ที่ส่องประกายอยู่ในดวงตาที่มืดมิด

 

มันเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆแล้วก็หายไป หลินเฟิงกำลังครุ่นคิดอย่างจริงจัง หรือว่าแสงไฟเล็กๆนั่นจะหมายถึงหน้าแรกของตำราที่เขาเปิด ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับอำนาจพิเศษจากจักรวาล

 

“ข้าจะเรียกเจ้าว่าจิตวิญญาณสวรรค์” หลินเฟิงกล่าวอย่างแผ่วเบา จิตวิญญาณของเขาเริ่มจางหายไปและสายตาของเขาเริ่มกลับเป็นปกติ หลินเฟิงมองเห็นเหมือนปกติ เหลือเพียงความรู้สึกแปลกๆบนหลังเท่านั้น

 

หลินเฟิงหันศีรษะกลับไป เห็นปราณสีขาวไหลทะลักออกมาจากร่างกายของเขาอย่างไม่รู้จบ หลินเฟิงสามารถใช้ปราณจากทั้งสวรรค์และปฐพีได้ตามที่เขาต้องการ เขาสามารถสร้างพลังที่น่าตกใจด้วยพลังปราณ หลินเฟิงได้ทะลวงผ่านขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว

 

หลังจากที่ปลุกจิตวิญญาณแห่งความมืดซึ่งเป็นขั้นแรกของจิตวิญญาณสวรรค์ เขายังปลดปล่อยขั้นที่สองของจิตวิญญาณสวรรค์ได้นั่นก็คือจิตวิญญาณแห่งตำรา แม้ว่าเขาจะไม่สามารถปลุกจิตวิญญาณงูได้ แต่หลินเฟิงก็พึงพอใจเป็นอย่างมาก

 

การปลดปล่อยขั้นแรกของจิตวิญญาณสวรรค์เพียงพอที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับหลินเฟิง ขั้นที่ 2 เป็นจิตวิญญาณแห่งตำรา มันจะเป็นประโยชน์ต่อเส้นทางการบ่มเพาะของเขา

 

“ขั้นแรกขอบเขตจิตวิญญาณ… จากนี้ไป ข้าจะผ่านพ้นมันไปให้ได้” หลินเฟิงคิดอย่างมั่นใจขณะยิ้ม เขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดภายในจิตวิญญาณแห่งความมืดของเขา ขั้นแรกของจิตวิญญาณสวรรค์ของเขาคือจิตวิญญาณแห่งความมืด แต่พลังของมันก็น่ากลัวเป็นอย่างมาก หลังจากนี้ถ้าเขาได้พบกับหลินเชียน เขาจะสามารถเอาชนะนางได้อย่างง่ายดาย แม้ว่านางจะหยิ่งยโส แต่นางก็ยังมีจิตวิญญาณจักรวาลแห่งน้ำและไฟ แต่ก็ไม่มีอะไรเทียบกับจิตวิญญาณแห่งความมืดของหลินเฟิงได้

 

ฝนยังคงตก แต่ดวงอาทิตย์เริ่มที่จะขึ้นจากขอบฟ้า แสงแดดบางส่วนเริ่มทะลุผ่านก้อนเมฆลงมา

 

หลินเฟิงยืนขึ้นและมองดูเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นและจ้องมองออกไปไกล เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่สังหารกองกำลังของเมืองไปนับโหล ถ้าเขาอ่อนแอคงต้องตกตายอย่างน่าสมเพชไปแล้ว

 

“ตระกูลน่าหลานแห่งเหมือนหยางโจว น่าหลานเฟิ่ง พวกเจ้าจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำกับข้า!”

 

หลินเฟิงลุกขึ้นและเริ่มก้าวเดิน ….

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments