ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปการประลองยุทธ์จะพักสั้นๆเพื่อให้ผู้เข้าร่วม 10 คนสุดท้ายพักเพื่อฟื้นคืนพลัง และรักษาอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ จากนั้นชายชราก็ได้ประกาศเริ่มต้นการประลองรอบที่สาม ทำให้ฝูงชนตื่นเต้นกับการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในบรรดาผู้เข้ารอบที่เหลืออยู่ทั้ง 10 คน มี 6 คนอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณ ตั๋๊วมิ่งไม่แข็งแกร่งเท่าพวกเขา แต่เขาก็แข็งแกร่งมากทีเดียว มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่ฝูงชนไม่ค่อยสนใจ
มีเวทีประลองบางเวทีดึงดูดความสนใจของฝูงชนเป็นจำนวนมาก เพราะมันเป็นการต่อสู้ระหว่างขอบเขตจิตวิญญาณทั้ง 2 คน: ชิวหลัน ต่อสู้กับ หลินหง และการต่อสู้อีกเวทีหนึ่งที่ผู้คนต่างสนใจไม่แพ้กันคือการต่อสู้ระหว่าง กู่เหยียน และตั๋วมิ่ง
ส่วนการต่อสู้อีก 3 คู่ที่เหลือมันไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่นัก เพราะ น่าหลานเฟิง,หลินเชียน,เหวินเจีย สามารถสรุปได้ทันทีว่าพวกเขาจะเป็นผู้ชนะและเข้าสู่รอบถัดไป การคาดการณ์ของฝูงชนค่อนข้างแม่นยำ ฝ่ายตรงข้ามที่ต้องเผชิญหน้ากับน่าหลานเฟิง และหลินเชียน ต่างยอมแพ้ในทันที เหวินเจีย ได้ต่อสู้กับ เชี๋ยนฟาง แม้ว่าเซี๋ยนฟางจะสู้ด้วยพลังทั้งหมดของเขา แต่เหวินเจียก็ได้รับชัยชนะอย่างง่ายได้หลังจากโจมตี 3 กระบวนท่า เชี๋ยนฟางปลิวออกจากเวทีเพราะแรงระเบิด เหวินเจียแทบจะไม่ต้องออกแรงมากมายนักเพื่อจัดการเชี๋ยนฟาง ความแตกต่างระหว่างผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตพลังปราณ และขอบเขตจิตวิญญาณมันมีความแตกต่างกันเกินไป ; ถ้าพวกเขาต้องต่อสู้กัน ผลลัทธ์มันก็เห็นๆกันอยู่แล้ว
ในขณะนี้ฝูงชนกำลังสนใจการต่อสู้ระหว่างชิวหลัน กับ หลินหง พวกเขาทั้งคู่ได้รับความสนใจจากฝูงชนจำนวนมาก เพราะการต่อสู้ระหว่างพวกเขาใครจะเป็นผู้ชนะนั้นมันยังไม่แน่นอน
บนเวทีทางทิศเหนือ กู่เหยียนกำลังมองไปที่หลินเฟิงอย่างเยือกเย็น นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร และมีรอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของเขา ทำไมข้าโชคดีอะไรเช่นนี้! ในที่สุดข้าก็ได้ถูกเลือกให้ต่อสู้กับหลินเฟิง ถ้าหลินเฟิงประกาศขอยอมแพ้ กู่เหยียนก็จะไม่ปล่อยเขาไป และจะฆ่าเขาเพื่อแก้แค้นให้กู่ชิง เขาเกลียดหลินเฟิงมากจนเข้ากระดูก
“ถ้าเจ้ากลัวที่จะต้องต่อสู้กับข้า ก็รีบๆลงไปจากเวทีเสีย อย่าทำให้ผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นๆต้องเสียหน้า” กู่เหยียนมองไปที่หลินเฟิง และกล่าวเยาะเย้ย เหมือนปกติหลินเฟิงยังคงยืนนิ่ง และเงียบสงบ
จากนั้นหลินเฟิงก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น และชัดเจน: “เจ้าไม่จำเป็นต้องพยายามยั่วยุข้าเพื่อให้ข้าต่อสู้กับเจ้า ไม่ต้องห่วง ข้าไม่คิดจะหนีอยู่แล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เมื่อกู่เหยียนได้ยินคำพูดของหลินเฟิงทำให้เขาหัวเราะ เขาพยายามยั่วยุให้หลินเฟิงโกรธและต่อสู้ เพื่อไม่ให้หลินเฟิงประกาศขอยอมแพ้ จากนั้นเขาก็จะได้แก้แค้นให้กู่ชิงได้ กู่เหยียนไม่คิดว่าหลินเฟิงจะติดกับได้อย่างง่ายดาย
“ช่างโง่เขลานัก ข้าจะสอนเจ้าเองว่าหลังจากบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณแล้วมันจะเป็นเช่นไร ระหว่างเจ้ากับข้า มันต่างชั้นกันมาก” กู่เหยียนคิด และยิ้มอย่างเย็นชา เขาไม่ได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขา เพราะกลัวว่าหลินเฟิงจะหวาดกลัว และประกาศขอยอมแพ้
หลังจากนั้น กู่เหยียนค่อยๆเดินตรงเข้าไปหาหลินเฟิงอย่างช้าๆ หลังจากเดินไปได้ 10 ก้าวกู่เหยียนก็เริ่มโจมตี และมีแรงระเบิดอันทรงพลังแผ่กระจายไปทั่วบรรยากาศในทิศทางของหลินเฟิง มันเป็นการโจมตีที่น่าอัศจรรย์มาก มันปิดกั้นท้องฟ้า และปกคลุมปฐพีจนไม่สามารถมองเห็นหลินเฟิงได้เลยแม้แต่น้อย
“เจ้าจะต้องตายเพราะเจ้ากล้าที่จะยั่วยุข้า และสมาชิกตระกูลของข้า” กู่เหยียนตะโกน
คลื่นพลังอันรุนแรงลูกที่สองกำลังพุ่งตรงเข้าไปหาหลินเฟิง แม้ว่าหลินเฟิงจะไม่สามารถทนการโจมตีครั้งแรกได้แต่เพื่อความมั่นใจเขาจึงโจมตีครั้งที่สอง เขาต้องการฆ่าหลินเฟิงมากกว่าสิ่งอื่นใด เขาจะไม่ให้หลินเฟิงออกไปจากเวทีประแห่งนี้อย่างมีชีวิตได้ มิฉะนั้นศิษย์ที่โดดเด่นของตระกูลกู่จะต้องอับอายขายหน้า และเป็นความอัปยศต่อตระกูลกู่
ในขณะที่การโจมตีอันทรงพลังของกู่เหยียนกำลังเข้าถึงตัวหลินเฟิงเพื่อบดขยี้ร่างกายของเขา กู่เหยียนยิ้มอย่างชั่วร้าย และรอฟังเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของหลินเฟิง แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ได้ปรากฏแสงแสงหนึ่ง เปล่งประกายไปทั่วชั้นบรรยากาศ และท้องฟ้า ทำให้การโจมตีของกู่เหยียนถูกฉีกออกราวกับกระดาษ มันกำลังอ่อนแอลง และพร้อมที่จะสลายไปทุกเมื่อ
“ตาย” กู่เหยียนตะโกน เขาสบัดมือและเพิ่มพลังการโจมตีลงไปในคลื่น การโจมตีที่เขาปลดปล่อยออกมาราวกับว่ามันสามารถพลิกภูเขาได้ การโจมตีครั้งนี้แม้แต่ผู้ที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณก็อาจตายได้
“เจ้านั้นแหละ”
“ตู้มมมมม!!!!.”
เสียงตะโกนดังขึ้น “เจ้านั้นแหละ” ตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ดูสงบ และไม่แยแส และจู่ๆดาบที่อันแน่นไปด้วยพลังปราณก็ปรากฏออกมา ทำให้การโจมตีของกู่เหยียนสลายหายไปทันที หลงเหลือเพียงแค่แสงจากดาบ
“ขอบเขตจิตวิญญาณ!” กู่เหยียนกล่าวขณะที่ใบหน้าของเขาค่อยๆซีดขาว เขาไม่คาดคิดเลยว่าหลินเฟิงจะซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาไว้ เขาช่างหยิ่ง และอวดดียิ่งนัก
ดาบนั้นดูเด็ดเดี่ยว และดูร้ายกาจ มันปลดปล่อยพลังปราณอันเยือกเย็นหนาวถึงกระดูกออกมา พร้อมกับพลังทำลายล้างที่ไม่สามารถต้านทานได้ ราวกับว่าผู้ที่ใช้ดาบเล่มนี้สามารถพิชิตได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางเขา และพลังของเขาไม่มีอะไรสามารถที่จะหยุดยั้งได้
หลินเฟิงกวัดแกว่งดาบอย่างรวดเร็วพร้อมกับพลังทำลายล้างอันน่าเหลือเชื่อ ราวกับมันสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้
“แย่แล้ว!” กู่ฉิงตะโกน ด้วยใบหน้าที่ซีดขาวเพราะความตกใจ เขายืนขึ้นตะโกน แต่ดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไปแล้ว กู่เหยียนได้กล่าวกับเขาว่าจะฆ่าหลินเฟิงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว การโจมตีอันรวดเร็วของกู่ชิงไม่ได้มอบความได้เปรียบให้แก่เขาเลยแม้แต่เล็กน้อย ในขณะนั้นกู่ชิงไม่สามารถที่จะตอบโต้ได้ทัน และไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากดาบของหลินเฟิงได้
“ซวบ”
กระแสเลือดไหลออกมาจากลำคอของกู่เหยียน กู่เหยียนเป็นถึงผู้บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณ แต่กับล้มลงพื้นอย่างไร้สัญญาณชีวิต และหัวของมันกลิ้งไปทั่วพื้นเวทีประลอง นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้บ่มเพราะพลังขอบเขตจิตวิญญาณตายในระหว่างการประลองยุทธ์ และตายโดยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ในขณะนั้นสมาชิกทุกคนของตระกูลกู่ต่างลุกขึ้นยืน พวกเขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาสั่นด้วยความโกรธ และความหวาดกลัว ที่ต้องมองพวกพ้องที่เป็นอนาคตของตระกูลต้องนอนตายอยู่บนเวที และถูกตัดหัวทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก
“ข้าจะฆ่าเจ้าาาาาา!!!” กู่ฉิงคำรามเสียงดังมากจนทำให้ผู้คนแสบแก้วหู
น่าหลานซงขมวดคิ้วและพูดว่า: “ประมุขตระกูลกู่ ท่านกล้าที่จะทำเช่นนั้นรึ? ท่านลืมแล้วรึ ว่าการประลองยุทธ์ถูกจัดขึ้นโดยตระกูลน่าหลาน?”
กู่ฉิงมองไปที่น่าหลานซง อย่างประหลาดใจมาก เขาไม่คิดว่าจะมีคนปกป้องเจ้าหนอนแมลงนี่ ในที่สุดเขาก็นั่งลงหลังจากคร่ำครวญเสร็จ อย่างไรก็ตาม กู่ฉิงยังคงจ้องมองไปที่หลินเฟิง แน่นอนเขาจะต้องไม่ปล่อยหลินเฟิงไว้แน่
“อะไรนะ? กู่เหยียนตายแล้ว โดยการโจมตีเพียงครั้งเดียว?” ผู้คนหลายคนที่กำลังเฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างชิวหลัน กับ หลินหง ต่างประหลาดใจ เมื่อพวกเขาเห็นร่างอันไร้หัวทำให้หน้าของพวกเขาซีดขาวลง
หลายคนเสียใจที่พลาดการต่อสู้อันยอดเยี่ยมเช่นนี้ พวกเขาไม่คิดว่าการต่อสู้บนเวทีนั้นกู่เหยียนผู้บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณจะถูกฆ่าตาย จากคนที่ชื่อ ตั๋วมิ่ง เขาทั้งแข็งแกร่ง และลึกลับ
“พวกเราล้วนตัดสินผิดพลาด ตั๋วหมิ่งก็บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณแล้วเช่นกัน”
“เขาแข็งแกร่งยิ่งนัก ความแข็งแกร่งของเขาทำให้เขาสามารถผ่านไปยังรอบต่อไปได้”
ไม่ได้มีเพียงฝูงชนเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ น่าหลานซงมองไปที่แผ่นหลังของหลินเฟิงที่กำลังเดินลงไปจากเวที เขาก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ชายหนุ่มคนนี้สามารถมอบความพ่ายแพ้ให้กับผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณได้เพียงการโจมตีครั้งเดียวด้วยดาบของเขา แต่เขาสามารถฆ่าผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น….เขาแข็งแกร่งจนน่ากลัวมาก ไม่มีใครรู้ศักยภาพที่แท้จริงของตั๋วมิ่งมาก่อน
ในขณะนั้นการต่อสู้บนอีกเวทีหนึ่งก็จบลงเช่นกัน ผู้ที่ชนะคือ ชิวหลัน นางได้มอบความพ่ายแพ้ให้กับหลินหงทำให้นางผ่านเข้ารอบต่อไป และผู้ที่ผ่านเข้ารอบต่อไปทุกคนก็รู้ๆกันอยู่ ได้แก่ น่าหลานเฟิ่ง, หลินเชียน, เหวินเจีย, ชิวหลัน และตั๋วหมิง!
ผู้ที่ไม่ได้มาจากตระกูลที่ทรงอำนาจทั้ง 2 คนได้รับชัยชนะอีกครั้ง : ชิวหลัน และตั๋วมิ่ง ตระกูลกู่ไม่มีผู้เข้าร่วมอีกแล้ว และศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตระกูลพวกเขาต่างถูกตัดหัวโดยหลินเฟิง
ชายชราประกาศพักสักครู่อีกครั้ง
”การประลองรอบที่ 4 น่าหลานเฟิงจะต้องสู้กับเหวินเจีย และชิวหลันจะต้องสู้กับตั๋วมิ่งส่วนหลินเชียนรอ”
ฝูงชนตื่นเต้นมาก กับการต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ความแข็งแกร่งของน่าหลานเฟิงนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามเหวินเจียนั้นแข็งแกร่งกว่า น่าหลานเฟิง และหลินเชียน เพราะเขาอยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 2 การต่อสู้ของคู่นี้มันน่าตื่นเต้นมาก นอกจากนี้ยังมีตั๋วมิ่งผู้ที่ฆ่าคนสามคนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว การต่อสู้กับชิวหลันน่าจะจบเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้
การต่อสู้คู่แรกจะเป็นการต่อสู้ระหว่างน่าหลานเฟิ่ง กับ เหวินเจีย
”เหวินเจีย เจ้าค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว แต่ว่านั้นมันเมื่อก่อน ตอนนี้เจ้าไม่สามารถสู้กับข้าได้” น่าหลานเฟิงกล่าวอย่างอวดดี ราวกับเจ้านายพูดกับข้ารับใช้ แสดงให้เห็นความดูถูกต่อหน้าทุกคน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 2 แล้ว แต่เจ้าอยู่เพียงขั้นที่ 1 เจ้าควรจะยอมแพ้เสีย” เหวินเจียกล่าว
“ช่างโง่เขลาอะไรเช่นนี้!” น่าหลานเฟิ่งตะโกนขณะปลดปล่อยจิตวิญญาณของนางออกมา และปรากฏจิตวิญญาณแขนศักดิ์สิทธิ์เบื้องหลังของนาง สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดคือจิตวิญญาณแขนศักดิ์สิทธิ์ของนางแตกต่างจากของหลินเฉินที่ถูกฆ่าตายโดนหลินเฟิงอย่างสิ้นเชิง จิตวิญญาณแขนศักดิ์สิทธิ์ของนางเป็นสีทอง แสงสีทองที่แผ่ออกมาจากแขนราวกับไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งได้
“เฉพาะจิตวิญญาณแขนศักดิ์สิทธิ์สีทองเท่านั้นถือว่าเป็นจิตวิญญาณแขนศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์แบบ” น่าหลานเฟิ่งกล่าวขณะยิ้ม
ในหนึ่งร้อยปี น่าหลานเฟิ่งเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีจิตวิญญาณแขนศักดิ์สิทธิ์สีทอง หลังจากที่จิตวิญญาณของนางตื่นขึ้น
“นางสมควรถูกเรียกว่าเจ้าหญิงแห่งเมืองหยางโจว นางมีจิตวิญญาณแขนศักดิ์สิทธ์สีทอง ทั้งแข็งแกร่ง และทรงพลัง”
ฝูงชนกำลังสั่นเพราะความตื่นเต้น เหวินเจียไม่มีทางเลือก และปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขาเช่นกัน เบื้องหลังของเขาปรากฏจิตวิญญาณของตระกูลเหวิน นั่นคือ จิตวิญญาณแห่งสายน้ำ
“ในโลกแห่งนี้ ไม่มีอะไรถือว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดเลยจริงๆ” หลินเฟิงถอนหายใจ ขณะมองไปยังจิตวิญญาณที่ปลดปล่อยออกมาจากพวกเขา แขนสามารถกลายเป็นจิตวิญญาณได้….และด้านบนเป็นสีทอง แม้แต่สายน้ำยังสามารถเป็นจิตวิญญาณได้….. ทุกๆสิ่งสามารถกลายเป็นจิตวิญญาณได้หมดภายในโลกแห่งนี้
หลินเฟิงมองไปที่หลินเชียน หากการคาดการณ์ของเขาถูกต้อง การต่อสู้ระหว่างเหวินเจีย กับน่าหลานเฟิ่ง น่าหลานเฟิ่งจะต้องเป็นผู้ชนะ นั่นหมายความว่าหลังจากที่เขาเอาชนะชิวหลันได้ เขาอาจจะได้สู้กับหลินเชียน