I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 52 เจ้ากล้า!

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ในตอนนี้หลินเฟิงถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความมืดอันลึกลับ เมื่อหลินเฟิงปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขา ทำให้หลินเฟิงสามารถรู้สึก และเข้าใจสิ่งต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์ เขาสามารถเข้าใจความลึกลับในสิ่งที่ผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตสูงๆบางคนยังต้องมึนงง ความคิดต่างๆนับล้านความคิดไหลเข้ามาในสมองด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ความคิดพวกนี้ทำให้หลินเฟิงได้รับความรู้ที่แปลกประหลาด และความเข้าใจในขอบเขตที่สูงขึ้น

 

“จิตวิญญาณสวรรค์ได้เปลี่ยนแปลงข้า และทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ…” หลินเฟิงคิด เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก จากนั้นหลินเฟิงค่อยๆลดมือต่ำลง และถอดเข็มขัดของเขาออก

 

“ห๊ะ?” ฝูงชนมองดูการเคลื่อนไหวของหลินเฟิง และไม่อยากจะเชื่อว่าเขากำลังถอดเข็มขัดออก เขากำลังทำอะไร?

 

“ม…มันเป็นดาบ!” นัยน์ตาของฝูงชนเต็มไปด้วยความตกใจ เมื่อพวกเขาเห็นเข็มขัดสีเงินของหลินเฟิงกลายเป็นดาบ พวกเขาเห็นดาบที่หลินเฟิงสะพายอยู่บนบ่าของเขา แต่พวกเขาไม่ได้เห็นสิ่งที่อยู่รอบเอวของเขา…และดูเหมือนตอนนี้หลินเฟิงจะถือดาบอ่อน และมีความยืดหยุ่นสูงอยู่ในมือ

 

หลินเฟิงเดินเข้าใกล้ชิวหยวนหาวมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนั้นดาบพลังปราณได้หมุนรอบๆร่างของหลินเฟิง ร่างของหลินเฟิงราวกับด้ามดาบ และมีพลังปราณไหลออกมาจากดาบและร่างของหลินเฟิง ก่อให้เกิดใบมีดลอยอยู่เหนือหัวของเขา…

 

“นั่นมันเป็นจิตวิญญาณใช่ไหม?” ฝูงชนรู้สึกแปลก และไม่เข้าใจกับสิ่้งที่กำลังเกิดขึ้น บางทีหลินเฟิงอาจจะมีจิตวิญญาณดาบ? มิฉะนั้น เขาจะมีดาบร่ายล้อมร่างของเขาได้อย่างไร?

 

ฝูงชนตระหนักว่าหลินเฟิงยังไม่ได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขาเลย…เขาสามารถแสดงพลังเหนือกว่าอัจริยะคนอื่นๆได้โดยไม่จำเป็นต้องปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขา

 

ขณะที่เขาก้าวเดิน พลังของดาบมันแข็งแกร่งขึ้น และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่มองทุกคนก็สามารถบอกได้ว่าอำนาจทำลายล้างมันจะมากมายขนาดไหน แม้ว่านัยน์ตาของหลินเฟิงจะเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงสงบ และดูเหมือนเขาจะมีความสุขเล็กน้อย

 

แม้แต่ดาบเองก็มีพลัง…ทำไมถึงต้องใช้ดาบพลังปราณในเมื่อมีพลังอันมหาศาลเช่นนี้

 

ออร่าของหลินเฟิงราวกับดาบที่เเหลมคมและไร้ความปรานี!

 

หัวใจของหลินเฟิงพองโตเพราะความสุข ดาบพลังปราณของหลินเฟิงเริ่มทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกัน ชิวหยวนหาวเริ่มกังวลมากขึ้น ปรากฏความหวาดกลัวปกคลุมไปทั่วใบหน้าของเขา

 

บรรยากาศทั้งหมดถูกกดดันโดยพลังของดาบ และดูเหมือนดาบกำลังยายามกลืนกินเขา เขาทำได้เพียงแค่หวาดกลัวเท่านั้น ชิวหยวนหาวรู้สึกว่าหลินเฟิงได้เป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของเขา และสามารถจบชีวิตของเขาได้ทุกเมื่อ

 

หลินเฟิงสามารถทะลวงผ่านจิตวิญญาณทองคำได้ด้วยพลังของดาบอันน่าสะพรึงกลัว

 

“ข้าควรจะถอย” ชิวหยวนหาวคิด ความมั่นใจของเขาถูกทำลายเมื่อเห็นดาบพลังปราณขนาดใหญ่ และพลังของดาบอันน่าสะพรึงกลัว นอกจากนี้พลังของหลินเฟิงไม่มีท่าทีว่าจะหยุดนิ่งเลยแม้แต่น้อย และยังคงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ชิวหยวนหาวไม่กล้าที่จะเข้าใกล้หลินเฟิง เพราะเขากลัวว่าหลังจากปะทะกับหลินเฟิงจะรอดกลับมาไม่ครบ 32

 

ชิวหยวนหาวไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะต้องจบชีวิตลงเช่นนี้ โดยใครก็ไม่รู้ ทั้งไม่มีชื่อเสียง ไม่มีใครรู้จัก น้องสาวของเขาได้ชวนเขาเข้าร่วมการประลองยุทธ์ประจำปี แล้วมันเป็นใครกันถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้? ในขณะนี้หลินเฟิงมองไปที่ชิวหยวนหาวราวกับมองหมาจรจัด

 

ชิวหยวนหาวตัดสินใจเริ่มปลดปล่อยพลังปราณออกมาอีกครั้ง เขาไม่อาจยอมรับความอัปยศเช่นนี้ได้ ร่างกายสีทองของเขาล้อมรอบไปด้วยแสงสีทองสดใส และเริ่มปลดปล่อยความแข็งแกร่งอันมหาศาลของเขาออกมา ทั่วทั้งร่างของเขาปกคุลมไปด้วยพลังปราณ

 

“กายาทองคำ!”

 

ชิวหยวนหาวคำรามเสียงดัง ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะโจมตี เขาห่อหุ้มหมัดด้วยพลังปราณ และปล่อยหมัดไปที่หลินเฟิง

 

“ตู้มมมมม!”

 

เมื่อหมัดของชิวหยวนหาวบดขยี้อากาศ ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังไปทั่วทั้งอากาศ ราวกับว่าเขากำลังทำลายบรรยากาศให้ป่นปี้

 

“ตาย”

 

หลินเฟิงกล่าวสั้นๆเพียงคำเดียวด้วยเสียงที่ต่ำ และทันใดนั้นได้มีดาบพลังปราณอันน่าเหลือเชื่อออกมาจากร่าง และฉีกผ่านชั้นบรรยากาศ พุ่งไปที่ร่างของชิวหยวนหาว

 

พลังของดาบทำให้ร่างกายของชิวหยวนหาวบิดเบี้ยว เสียงจากการฉีกขาดสามารถได้จากข้างในร่างของเขา เสียงที่ดังออกมาราวกับว่าร่างกายของเขาอาจถูกฉีดขาดออกจากกันได้ทุกเมื่อ

 

พลังของดาบที่ปลดปล่อยออกมาพร้อมกับพลังปราณที่ทรงพลัง เป็นแสงตัดผ่านอากาศ และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางของมัน ส่องแสงแวววาวไปทั่วอากาศ

 

ดาบพุ่งเข้าใส่หน้าอกของชิวหยวนหาว

 

“แกร๊ก!”

 

การป้องกันของชิวหยวนหาวแตกออกเป็นชิ้นๆเหมือนเปลือกไข่ จิตวิญญาณของเขาแตกสลาย เลือดสาดไปทั่วเวที และร่างของชิวหยวนหาวค่อยๆล่วงหล่นนอนกองบนพื้น

 

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชิวหยวนหาวอ่อนแอกว่าหลินเฟิง เขาไม่สามารถรับการโจมตีเพียงครั้งเดียวของหลินเฟิงได้

 

ในขณะนั้นฝูงชนทุกคนล้วนตกตะลึงมึนงง และจ้องมองไปที่หลินเฟิงอย่างงงงวย

 

แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้ ไม่มีใครสามารถป้องกันพลังที่เขาปลดปล่อยออกมาได้

 

ไม่ว่าจะเป็นอัจริยะ หรือศิษย์ที่โดดเด่นมาจากไหนก็ตาม มันก็ไม่สำคัญ หลินเฟิงสามารถจัดการพวกเขาได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

 

“ตั๋วมิ่งเป็นอัจริยะที่แท้จริง ไม่มีใครสามารถต้านทานความแข็งแกร่งของเขาได้ หรือต้านทานความโกรธเคืองของเขาได้ หญิงสาวที่จองหองคิดว่าตัวเองมีค่าพอที่จะดูแลเขา แต่ตั๋วมิ่งเป็นผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากเหล่าทวยเทพ”

 

ฝูงชนตกอยู่ในความเงียบ ขณะจ้องมองหลินเฟิง พวกเขายอมรับ และเคารพหลินเฟิงในใจของพวกเขา

 

“น่าหลานเฟิ่งคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆ แข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ และงดงามที่สุดกว่าคนอื่นๆ…มันช่างประหลาดนักที่นางอยากเป็นผู้ชี้แน่ะการบ่มเพาะพลังให้ตั๋วมิ่ง”

 

“ชิวหยวนหาวก็เช่นกันเขาเป็นคนที่หยิ่งยโสมาก และคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าผู้อื่น เขาดูถูก และประเมินตั๋วมิ่งต่ำไป เเละเรียกหลินเฟิงว่า เจ้าหมาน้อย แต่เขากลับไม่สามารถรับการโจมตีของตั๋วมิ่งได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาควรจะเรียกตัวเองว่าหมาน้อยจริงๆ เขาคิดว่าเขาสามารถทำตัวหยิ่งยโสกับตั๋วมิ่งได้ แต่มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาด ทำให้เขาได้รับบทเรียนเช่นนี้”

 

“ตั๋วมิ่งเป็นอัจริยะที่แท้จริง เขาได้รับพรจากสวรงสวรรค์ และโลก เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุด และแข็งแกร่งที่สุดในเมืองหยางโจว”

 

หลินเฟิงไม่สามารถรู้ได้ว่าฝูงชนกำลังคิดอะไรอยู่ เขามองไปที่ชิวหยวนหาวที่กำลังนอนกองอยู่บนพื้น หลินเฟิงไม่รู้สึกสงสารใดๆ นั่นคือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับผู้ที่ดูถูก และเหยียดหยามผู้อื่นอย่างไม่มีเหตุผล

 

หลินเฟิงหันหลังกลับ และไม่ได้มองชิวหยวนหาว นัยน์ตาอันมืดดำของเขามองตรงไปที่หลินเชียน วันนี้หลินเฟิงจะจัดการหลินเชียน และลบล้างความอัปยศทั้งหมดที่เขาเคยได้รับในอดีต

 

“ดูเหมือนจะเหลือแค่เจ้า และข้าเป็นคู่สุดท้ายที่เหลืออยู่ มาสู้กันต่อกันเถอะ” หลินเฟิงกล่าวโดยไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ทำให้หลินเชียนหวาดกลัว นางไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร

 

ความแข็งแกร่งของนางใกล้เคียงกับน่าหลานเฟิ่งมาก ชิวหยวนหาวสามารถเอาชนะน่าหลานเฟิ่งได้อย่างง่ายดาย

 

แต่ผู้ที่แข็งแกร่ง และทรงพลังอย่างชิวหยวนหาวกับไม่สามารถป้องกันการโจมตีด้วยดาบของหลินเฟิงได้ ซึ่งทำให้หลินเชียนรู้สึกว่านางไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยที่จะเอาชนะหลินเฟิงได้

 

“ชายคนนั้นเป็นใครกัน? เขาช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก.…” หลินเชียนพูดพึมพำ ในตอนนี้ความมั่นใจในตัวเองของนางบดขยี้หายไป

 

นางเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่น่าอัศจรรย์ เพราะนางสามารถบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณขั้นแรกได้ และเคยคิดว่าสามารถเอาชนะทุกคนที่ขวางทางได้ และเป็นอัจริยะที่แท้จริง แต่ในตอนนี้สภาพจิตใจของนางก็เป็นเหมือนกับน่าหลานเฟิ่ง

 

จู่ๆชิวหยวนหาวก็ปรากฏตัวออกมา ทำให้นางผู้ที่บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณขั้นแรกตระหนักว่า ยังมีผู้คนมากมายแข็งแกร่ง และมีพรสวรรค์มากกว่านาง

 

แต่ในตอนแรกหลินเชียนคิดว่าชิวหยวนหาวแข็งแกร่างอย่างไม่น่าเชื่อ แต่หลินเฟิงสามารถจัดการเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ทำให้นางรู้สึกตัวเองนั้นต่ำต้อยอย่างมาก

 

“ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ที่จะสู้กันต่อ หลังจากเหตุการณ์เช่นนี้” น้ำเสียงของหลินเชียนดูเย็นชา และพูดไม่ติดขัด แม้ว่าความมั่นใจในตัวเองจะถูกบดขยี้ไปแล้ว แต่นางไม่ต้องการเผยให้คนอื่นเห็น…นางไม่ต้องการยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าคนอื่นๆได้

 

นัยน์ตาอันดำมืดของหลินเฟิงราวกับว่าเขากำลังยิ้มอยู่ ถึงแม้ว่าหลินเชียนจะหยุดทำตัวสูงส่งแล้วก็ตาม

 

เคลื่อนที่ดั่งเงาจันทรา ร่างของหลินเฟิงหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“หลินเชียน ระวัง!” ใครบางคนคำรามเสียงดัง หลินป้าเต้าตกใจ และไม่ต้องการให้หลินเชียนถูกโจมตี เมื่อเขาเห็นการเคลื่อนไหวของหลินเฟิง เขารีบเตือนหลินเชียนทันที ในเวลาเดียวกัน ร่างของหลินป้าเต้ากลายเป็นลมพัดผ่านอากาศ และเดินตรงไปยังเวทีประลอง

 

หลินเชียนรู้ถึงอันตราย นางปลดปล่อยจิตวิญญาณน้ำแข็ง และไฟออกมาทันที น้ำแข็งและไฟปลดปล่อยออกมาจากมือของนาง และปลดปล่อยพลังไปยังหลินเฟิงที่ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้านาง

 

“ตู้มมมม!”

 

หลินเฟิงปกป้องการโจมตีของหลินเชียน น้ำแข็งและไฟของนางสลายไปทันที หลังจากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปหาหลินเชียน เขาจะไม่แสดงความเมตตาใดๆ และจะจบเรื่องนี้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

 

หลินเฟิงแทงดาบไปที่หลินเชียน

 

“ถ้าเจ้ากล้า เราจะได้เห็นดีกัน!” หลินป้าเต้าตะโกน ขณะพยายามแทรกแซงการต่อสู้ เปลวไฟถูกปลดปล่อยออกมาจากฝ่ามือของหลินป้าเต้า และต้านทานการโจมตีของหลินเฟิง

 

“ตู้มมมมมม!”

 

พลังของเปลวเพลิงทำให้การโจมตีของหลินเฟิงอ่อนแอลง แต่แรงจากการโจมตีส่งผลให้ร่างของหลินเชียนกระเด็นไปยังขอบเวทีประลอง นางยังไม่ตาย แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

“เจ้ากล้าที่จะระเมิดกฏการประลองยุทธ์ได้อย่างไร? ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!!”” หลินเฟิงตะโกน

 

น่าหลานซงยังคงเงียบ การประลองยุทธ์ผลลัพธ์มันต่างจากที่เขาได้วางแผนไว้มากเกินไป ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างมันไร้ความหมาย

 

“ช่างไม่รู้จะที่ต่ำที่สูง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกันถึงได้ทำตัวอวดดีเช่นนี้?”

 

หลินป้าเต้าเห็นน่าหลานซงยังคงนิ่งเงียบ เขาไม่ลังเลที่จะพยายามถอดหน้ากากเงินของตั๋วหมิง

 

หลินเฟิงไม่คิดจะหลบการโจมตี หน้ากากเงินของเขาตกลงสู่พื้น ทำให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาปรากฏขึ้น

 

“เจ้ามัน…”

 

“เจ้ามัน…”

 

หลินเฟิงเต้า และหลินเชียนพูดพร้อมกัน เมื่อพวกเขาได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของตั๋วมิ่ง ทำให้พวกเขามึนงง พวกเขารู้สึกราวกับถูกพายุหิมะแผ่กระจายไปทั่วเส้นเลือด และความหนาวเย็นวิ่งไปถึงกระดูกสันหลังของพวกเขา

 

ในเวลาเดียวกัน เหล่าสมาชิกของตระกูลหลินที่อยู่ในกลุ่มฝูงชนก็ตกตะลึงเมื่อเห็นใบหน้าที่แท้จริงของตั๋วมิ่ง ชายหนุ่มเยาว์วัยทั้งแข็งแกร่ง และทรงพลังเป็นสมาชิกของตระกูลหลิน…ไม่สิเป็นอดีตสมาชิกของตระกูลหลินที่ถูกขับไล่เพราะความอ่อนแอ!!!

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments