ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“เป็นมัน ไม่น่าแปลกใจเลย…. ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันกล้าโจมตีข้า ข้าส่งกองกำลังออกไป แต่ก็ถูกมันฆ่าทั้งหมด แล้วตอนนี้มันก็ยืนอยู่ต่อหน้าข้า” น่าหลานเฟิงประหลาดใจอย่างมาก นางยังคงสั่นกลัวที่ส่งกองกำลังไปสังหารหลินเฟิง แต่เขากลับล้างบางกองกำลังทั้งหมดของนาง
เมื่อนางตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในภัตตาคารนกหวีด น่าหลานเฟิงรู้สึกขมขื่นในหัวใจ นางต้องการที่จะสังหารหลินเฟิงเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆ ดังนั้นเขาจะยอมปล่อยนางไปง่ายๆหรือ? น่าหลานเฟิงเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป นางได้สร้างศัตรูที่เลวร้ายที่สุดให้กับตัวเองและตระกูล
ฝูงชนเริ่มสังเกตการแสดงออกของสมาชิกตระกูลหลินซึ่งกำลังตกตะลึงอย่างมาก ฝูงชนต่างสับสนและอยากรู้ว่าใครคือผู้ที่อยู่ภายใต้หน้ากากผู้ซึ่งทำให้สมาชิกตระกูลหลินต้องแสดงออกเช่นนี้
“เป็นไปไม่ได้ เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?” หลินเชียนไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าเป็นหลินเฟิง เขาทั้งแข็งแกร่ง และทรงพลัง เขาคืออัจริยะ! หลินเชียนไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลินเฟิงจะสามารถต่อสู้กับนางได้ นางคิดเสมอว่าเขาเป็นเพียงเศษขยะ ความรู้สึกของนางในตอนนี้สับสนเป็นอย่างมาก ถ้าเขาเป็นขยะจริงๆ แล้วอย่างนางจะนับว่าเป็นตัวอะไร?
“ไม่ต้องประหลาดใจ สายตาของพวกเจ้านั้นถูกต้อง ข้าคือหลินเฟิง คนที่พวกเจ้าดูถูกและกล่าวหาว่าเป็น ‘ขยะ’ ของตระกูลหลิน”
หลินเฟิงตอบอย่างไม่แยแส คำตอบของเขาทำให้หัวใจของสมาชิกตระกูลหลินหนักอึ้ง เด็กหนุ่มคนนี้ควรจะได้รับเกียรติและเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลหลิน เขาควรจะเป็นคนที่นำพาตระกูลไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอนาคต แต่พวกเขากลับเยาะเย้ยและขับไล่หลินเฟิงออกจากตระกูล พวกเขาทั้งหมดต่างโง่เขลา จึงทำให้ต้องสูญเสียอัจฉริยะที่สวรรค์ประทานมาให้
ฝูงชนแตกตื่นและเริ่มซุบซิบกัน ตระกูลหลินได้ทอดทิ้งหลินเฟิง ข่าวลือที่ว่าเขาเป็นเพียงขยะและเกือบจะตกตายเพราะหลินหง ทุกคนในตระกูลรังเกียจเขา เด็กหนุ่มที่น่าสะพรึงกลัวและทรงพลังคนนี้ต้องการยืมมือพ่อของตัวเองเพื่อจัดการกับคนที่อ่อนแอกว่าจริงหรือ? ดูเหมือนข่าวลือจะขัดแย้งกับสิ่งที่เห็นขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีประลองน่าประหลาดใจอย่างมาก ไม่มีใครคิดว่าชิวหยวนหาวจะปรากฏตัว และพวกเขาได้ค้นพบอัจฉริยะอีกคน ผู้ซึ่งเคยถูกเรียกว่าขยะจากตระกูลหลิน
“ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงใส่หน้ากาก!”
เหล่าฝูงชนเริ่มเชื่อมโยงสิ่งต่างๆเข้าด้วยกัน และเข้าใจถึงการกระทำของเด็กหนุ่มลึกลับผู้นี้
“หลินเชียน คนหยิ่งยโสแบบเจ้านั้นหาได้ยากมาก เจ้าคงคิดว่าตัวเองยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก และชำเลืองมองอย่างเย้ยหยันลงมายังเบื้องล่าง แต่มันคงจะเป็นไปได้สำหรับเจ้าที่อยู่เพียงในตระกูลหลิน อย่าได้พูดว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะเพราะเจ้าเป็นเพียงเด็กน้อยผู้โง่เขลา ส่วนเจ้า หลินป้าเต้า เจ้าช่างอ่อนแอเมื่อเทียบกับพ่อของข้า เจ้าไม่มีวันจะแข็งแกร่งเท่ากับเขา แต่เจ้าได้สมรู้ร่วมคิดกับผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติใช้อำนาจบังคับให้พ่อของข้าสละตำแหน่ง ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังขับไล่เขาออกจากตระกูล เจ้านั้นเชื่อใจพลังของหลินเชียนมากกว่าสิ่งใด และคิดว่านางจะเป็นความหวังของตระกูลในสักวัน”
“แต่ตอนนี้ ทุกคนก็ได้เห็นแล้วว่าหลินเชียนนั้นไม่มีทางที่จะต่อกรกับข้าได้ นางเป็นเพียงเด็กน้อยไร้ค่าที่ทำได้เพียงแค่หยิ่งยโสเท่านั้น เจ้าคิดว่าตัวเองดูโง่เง่าหรือยัง? ไม่คิดว่าตัวเองดูน่าหัวเราะบ้างหรือ? หรือเจ้าไม่มีความละอายใจ? ไม่เสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำ? แน่นอนข้าเข้าใจดีว่าเจ้าคงจะไม่ยอมรับแม้ว่าเจ้าจะเสียใจในสิ่งที่ทำไป อย่างไรก็ตามวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น วันนี้ข้าเพียงแค่พิสูจน์เห็นถึงความโง่เขลาและความไร้ยางอายของเจ้า คำพูด ใบหน้า… รวมทั้งความสกปรกโสมมของเจ้า สักวันหนึ่งข้าจะกลับไปพร้อมกับท่านพ่อและทวงความยุติธรรม
ทันใดนั้นหลินเฟิงก็หยุดนิ่ง ทุกประโยคที่เขากล่าวถูกสลักลึกลงไปในหัวใจของสมาชิกตระกูลหลิน มันทำให้พวกเขาตื่นตะลึงจนไม่สามารถตอบสนองอะไรได้ทัน
หลินเฟิงนั้นถูกต้อง สมาชิกตระกูลหลินทุกคนกล้าที่จะดูถูกหลินไห่และต้องการให้หลินป้าเต้าขึ้นเป็นผู้นำตระกูล ไม่ใช่เพราะหลินป้าเต้าแข็งแกร่งแต่เป็นเพราะหลินป้าเต้าตั้งตนเป็นศัตรูกับหลินไห่อย่างโจ่งแจ้ง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลินเชียนและพรสวรรค์ของนาง พวกเขาทั้งหมดมองนางราวกับเป็นเทพเจ้า และยังคิดว่าหลินเชียนจะต้องมีอำนาจที่ไร้ขีดจำกัด ที่จะนำพาตระกูลพุ่งทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์และมอบผลประโยชน์มากมายให้แก่พวกเขา
แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหลินเชียนที่พวกเขาเคารพและเทิดทูนจะถูกใครบางคนเอาชนะได้อย่างง่ายๆ ยิ่งคนๆนั้นคือผู้ที่เพิ่งถูกขับไล่ออกจากตระกูล และสิ่งที่ขมขื่นที่สุดก็คือ เขาคือเจ้าเศษขยะลูกชายของอดีตผู้นำตระกูล….
หลินเฟิงกลายเป็นผู้ที่ทรงพลังอย่างมาก เขามีศักยภาพและความสามารถอันไร้ขีดจำกัด แล้วหลินเชียนจะตามเขาทันได้อย่างไร?
ทำไมอัจฉริยะที่ท้าทายสวรรค์เช่นหลินเฟิงถึงถูกขับไล่ออกจากตระกูล? ทำไมถึงไม่มีใครยอมรับเมื่อเขาเอาชนะหลินหง? ทำไมถึงไม่มีใครให้โอกาสเขาในการพิสูจน์ตัวเอง? ทำไมถึงคิดว่าหลินเชียนเป็นเพียงความหวังเดียวและยกนางขึ้นเหนือเขาในทุกๆทาง? จนถึงตอนนี้เหล่าสมาชิกตระกูลหลินได้ตระหนักถึงความผิดร้ายแรงที่พวกเขาได้ทำไว้ พวกเขาไม่เคยสนับสนุนหรือยื่นมือช่วยเหลืออัจฉริยะเช่นหลินเฟิง กลับกันมีแต่คำดูถูกและเรียกเขาว่าเป็นเพียงแค่ขยะ และยังมอบความเกลียดชังที่ยากจะแก้ไขให้กับเขาและพ่อของเขา
เสียใจ? แน่นอน สมาชิกตระกูลหลินต่างเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป พวกเขารู้ว่าไม่อาจจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ พวกเขาได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ทำร้ายอัจฉริยะที่หาผู้ใดเปรียบของเมืองหยางโจว แม้แต่ผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งจากเมืองจักรพรรดิอย่างชิวหยวนหาวยังไม่สามารถที่จะรับมือกับหลินเฟิงได้แม้เพียงหนึ่งกระบวนท่า
“เจ้าสัตว์เดรัจฉาน หุบปากของเจ้าไปซ่ะ!” หลินป้าเต้าคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวเพราะไม่อาจทนฟังหลินเฟิงได้อีก
“หลินป้าเต้า เจ้าเป็นเพียงสมาชิกตระกูลที่ไร้ค่า ใช้อำนาจของผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติเพื่อบีบบังคับพ่อของข้า เป้าหมายของเจ้าคือสร้างความวุ่นวายให้กับตระกูลหลิน เจ้าไม่เคยห่วงใยความสัมพันธ์ในตระกูลของเรา แม้แต่สายเลือดก็ยังไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้า ลึกๆเจ้าคงต้องการที่จะฆ่าท่านพ่อและข้า หลินป้าเต้าคนอย่างเจ้ายังไม่คู่ควรที่จะเรียกว่าสัตว์เดรัจฉาน เจ้ามันเป็นเพียงแค่หนอน ข้ารู้สึกอับอายจริงๆที่เรามีสายเลือดเดียวกัน แม้ว่าข้าจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลินอีกต่อไป แต่เราก็มีสายเลือดเดียวกันมันคงจะสร้างความอับอายให้กับข้าตลอดไป ถ้ามีคนอื่นที่รู้ว่าเรามีสายเลือดเดียวกันมันคงต้องทำให้ข้ารู้สึกแย่เป็นแน่”
ทุกคำพูดของหลินเฟิงเปรียบเสมือนมีดที่แหลมคมทิ่มแทงหัวใจของหลินป้าเต้า
หลินเฟิงคนเก่าเป็นคนเงียบๆ เขาไม่ค่อยพูดมากนัก และไม่ถนัดที่จะแสดงออก… แต่ใครจะไปคิดละว่า ในตัวเขายังมีอีกคนอยู่ด้วย?
หัวใจของหลินป้าเต้าเต็มไปด้วยความโกรธ เขาไม่มีวันยกโทษให้กับหลินเฟิง เขาไม่รู้สึกเสียใจ มีเพียงความเคียดแค้นที่อัดแน่นอยู่ในร่างของเขา
“ผู้นำตระกูลน่าหลาน โปรดอย่าตำหนิข้าที่เข้ามาแทรกแซงการประลองครั้งนี้” หลินป้าเต้ากล่าวขณะจ้องมองไปยังน่าหลานซง
“นี่เป็นเรื่องภายในตระกูลของท่าน เห็นได้ชัดว่าข้าไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยว” น่าหลานซงกล่าวอย่างไม่แยแส
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลินเฟิงจึงยิ้มอย่างเย็นชา เขาเหยียนหยามและดูถูกน่าหลานซง แน่นอนว่าน่าหลานซงก็เกลียดชังเขาเช่นกัน แต่หลินป้าเต้ายังกลัวว่าจะถูกทำร้ายโดยน่าหลานซงเพราะเขาทำลายกฏของการประลอง
“ในสายตาของข้า การประลองยุทธ์ประจำปีเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ แต่เจ้ากลับต้องการให้เพียงสมาชิกตระกูลน่าหลานเท่านั้นที่จะเป็นผู้ชนะ เจ้าไม่สามารถที่จะสูญเสียตำแหน่งนี้ให้กับผู้อื่นได้ ข้าไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับการแข่งขันโง่ๆเหล่านี้อีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าถ้ามีผู้ที่ทำร้ายเหล่าอัจฉริยะจากตระกูลของเจ้า เจ้าคงจะส่งคนไปแก้แค้นเป็นแน่ ตระกูลน่าหลานเป็นเพียงตัวตลกและไร้ยางอายอย่างแท้จริง”
ดวงตาสีดำของหลินเฟิงที่ดูเยือกเย็น ผู้คนต่างประหลาดใจกับกลิ่นอายของเขา ไม่มีผู้ใดกล้าสบตากับหลินเฟิง หลังจากที่เขาปลดปล่อยพลัง
“หลินเชียน เจ้าต้องการที่จะสังหารข้าไม่ใช่หรือ? ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเอาชีวิตเจ้า”
หลินเฟิงกล่าวขณะหัวเราะอย่างชั่วร้าย เขาเดินตรงไปที่หลินเชียน หลินป้าเต้าสั่นไปด้วยความโกรธ เขามายืนตรงหน้าหลินเชียนอย่างรวดเร็ว
“ตาย!” หลินเฟิงคำราม เขากระชับดาบยาวและพุ่งไปยังทิศทางของหลินเชียน เสียงคำรามดังสนั่นไปทั่วลานประลอง
“เจ้าคิดว่าจะทำได้?” หลินป้าเต้าตระโกนขณะที่กำลังระมัดระวังดาบของหลินเฟิง ปราณที่แข็งแกร่งกระจายไปทั่วบรรยากาศตามด้วยเสียงคำรามของสายฟ้า
“เคลื่อนที่ดั่งเงาจันทรา”
ทันใดนั้นหลินเฟิงก็หายตัวไป เขาไม่ได้พุ่งตรงไปยังหลินเชียนหรือหลินป้าเต้า เขาเลือกไปไกลกว่านั้น
“โอ้ววว ไม่!”
น่าหลานซงหน้าซีดด้วยความกลัว เขายืนขึ้นและเห็นหลินเฟิงลอยอยู่เหนือศีรษะของลูกสาวของเขา เป้าหมายของหลินเฟิงก็คือ น่าหลานเฟิง!!
น่าหลานเฟิงพบว่านางคือเป้าหมายของหลินเฟิงทำให้นางตกใจเป็นอย่างมาก นางมองเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความมืดของเขากำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้… นางโจมตีออกไปด้วยหมัดศักดิ์สิทธิ์ แต่หลินเฟิงกวัดแกว่งดาบอ่อนของเขาอย่างรวดเร็วเข้าปะทะกับหมัดของนาง ทำให้มันสลายไปอย่างรวดเร็ว ทันในนั้นดาบของหลินฟิงก็ได้ไปจ่อที่คอของน่าหลานเฟิง
“เจ้ากล้า!?” น่าหลานซงตระโกน ขณะที่เข้าใกล้หลินเฟิง
“เข้ามาอีกเพียงก้าวเดียว ข้าจะสังหารนาง” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา เขาดูไร้อารมณ์ ไม่มีใครสงสัยในความกล้าของเขา ถ้าน่าหลานซงก้าวเข้ามาอีกเพียงก้าวเดียว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลินเฟิงจะต้องสังหารน่าหลานเฟิงอย่างแน่นอน
น่าหลานเฟิงจ้องมองไปยังดวงตาที่มืดมิดของหลินเฟิง นางไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ในดวงตาของเขานางเป็นเพียงเด็กน้อยไร้ค่า หลินเฟิงจับนางเป็นตัวประกันอย่างง่ายดายราวกับนางไม่มีกำลังจะต่อต้าน
ฝูงชนจ้องมองหลินเฟิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง พวกเขายังพบอีกว่าชายหนุ่มที่น่าทึ่งและมากไปด้วยพรสวรรค์คนนี้ ยังมีความบ้าบิ่นและกล้าหาญเป็นอย่างมาก
ทุกคนต่างคิดว่าเขาเป็นคนบ้าและมีความกล้าหาญที่น่าเหลือเชื่อ เขากล้าที่จะยั่วยุตระกูลใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฝูงชนทำได้เพียงเฝ้ามองสถานการณ์อย่างเงียบๆ
บางทีเมื่อพวกเขาเห็นหลินเฟิงปรากฏตัวครั้งแรกในการประลอง ทำให้สิ่งที่พวกเขาคาดเดานั้นผิดเพี้ยนไปหมด แม้แต่การปรากฏตัวของชิวหยวนหาว หลินเฟิงก็ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา น่าหลานเฟิงได้ทำผิดกับหลินเฟิงมาก่อนและดูเหมือนว่าเขาจะใช้นางเพื่อหลบหนี
นี่คือเด็กหนุ่มที่โหดเหี้ยมและบ้าบิ่นที่สุด แม้แต่คนที่มีความแข็งแกร่งเช่นเดียวกับหลินเฟิงก็ยังไม่กล้าที่จะกระทำเช่นแบบนี้ เฉพาะปีศาจน้อยเช่นหลินเฟิงเท่านั้นที่จะกล้าลงมือเช่นนี้
คำพูดของหลินเฟิงราวกับใบมีดและยังการทำเรื่องบ้าระห่ำ เขาดึงดูดผู้คนเป็นจำนวนมาก
หลินป้าเต้าและน่าหลานซงที่กำลังยืนอยู่หน้าหลินเฟิงผู้ซึ่งจับน่าหลานเฟิงเป็นตัวประกัน พวกเขาดูคล้ายกับลิงที่เต้นตามเพลงของเขา
หลินเฟิงดูราวกับพยัคฆ์ที่ดุร้าย เขาจับเหยื่อได้สำเร็จ!