ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลินเฟิงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์
หลินเฟิงใช้จิตวิญญาณสวรรค์ทำให้ในตอนนี้เขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ราวกับเวลาในโลกนี้ถูกแช่แข็ง…
ในตอนที่หลินเฟิงได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณสวรรค์ สมองของซวนหยวนทำงานด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ เขาสามารถแก้ไขปัญหาสิ่งต่างๆได้อย่างง่ายดาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเขา ถูกประมวลผลทันทีโดยสมองของเขา และไม่มีอะไรสามารถหลบซ่อนสายตาอันแหลมคมของเขาได้
คำพูดทุกคำที่หลินเฟิงกล่าวทำให้ฝูงชนเกิดความสนใจอย่างมาก น่าหลานซง และหลินป้าเต้าโกรธเกรี้ยวอย่างมากที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น หลินเฟิงได้ข่มขู่ว่าจะฆ่าหลินเชียน แต่เขากลับไม่ได้ฆ่านาง และจับน่าหลานเฟิ่งเป็นตัวประกันแทน
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือถึงแม้สมองของหลินเฟิงจะทำงานด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ แต่เขาก็ยังคงสงบ และไม่หวั่นไหว
หลินเฟิงถอนหายใจ จิตวิญญาณสวรรค์ได้เปลี่ยนแปลงเขาอย่างสมบูรณ์เป็นตัวตนที่ราวกับเขาไม่ใช่มนุษย์ จิตวิญญาณของเขาได้เพิ่มความสามารถ และศักยภาพทั้งหมดของเขา นอกจากนี้จิตวิญญาณสวรรค์มันเพิ่งจะอยู่ขั้นแรกเท่านั้น ถ้าอยู่ในขั้นที่ 2 เขาสามารถใช้จิตวิญญาณแห่งตำราได้ตลอดเวลา
“ปล่องนางซะ” น่าหลานซงกล่าวน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
“ปล่อยนาง? เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยรึ?” หลินเฟิงกล่าวและยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนหน้านี้ใบหน้าของเขานั้นไร้ความรู้สึกทำให้เขาดูเหมือนเป็นคนที่ไร้ความปรานี
“ข้าขอเตือนไว้ก่อนถ้าใครพยายามที่จะเข้าใกล้ข้า หรือพยายามที่จะโจมตีข้า แน่นอนคนที่จะตายเป็นคนแรกไม่ใช่ข้า”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเรียบเฉย การแสดงออกของเขาเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย คำพูดของซวนหยวนราวกับพวกเขาถูกตบหน้า น่าหลานซงไม่สามารถทำอะไรได้ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเพราะความโกรธเกรี้ยว
“เดินซะ” ดาบอ่อนของหลินเฟิงขยับเล็กน้อย เพียงพริบตาได้มีรอยเลือดปรากฏขึ้นที่คอของน่าหลานเฟิ่ง แม้ว่าดาบอ่อนของหลินเฟิงจะกดทับคอของนางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น น่าหลานเฟิ่งรู้สึกกลัว เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวด นัยน์ตาอันดำมืดของหลินเฟิงทำให้นางหวาดกลัวมากกว่าเดิม นางไม่เชื่อว่าหลินเฟิงจะปล่อยนางไป เมื่อเขาหลบหนีได้สำเร็จ นัยน์ตาของเขาดูไม่เหมือนนัยน์ตาของมนุษย์มันทั้งดำมืด และไร้ความปรานี มันไม่ใช้นัยน์ตาของมนุษย์ แต่เป็นนัยน์ตาของปีศาจ นางจะต้องตายภายใต้เนื้อมือของเขาแน่นอน
น่าหลานเฟิ่งปฏิบัติตามคำสั่งของหลินเฟิง และเริ่มเดินตรงไปยังทางออก
“ลืมคำพูดของข้าแล้วรึ” หลินเฟิงกล่าวขณะมองหลินป้าเต้าที่อยู่ใกล้ตัวเขามากในตอนนี้ หลินเฟิงกดดาบของเขาอีกครั้งทำให้รอยเลือดอีกรอยปรากฏที่คอของน่าหลานเฟิ่ง
“ถอยออกมาเดี๋ยวนี้” น่าหลานซงตะโกนใส่หลินป้าเต้าผู้ที่กำลังยืนอยู่ใกล้หลินเฟิง เขาสังเกตเห็นว่าหลินป้าเต้าวางแผนที่จะโจมตีหลินเฟิง
น้ำเสียงของน่าหลานซงทำให้หลินป้าเต้าสั่นเทา เขาเกลียดน่าหลานซงที่ขวางทางเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลินเฟิงจะใช้น่าหลานเฟิ่งเป็นตัวประกัน ไม่มีใครกล้าที่จะท้าทายเขา เพราะกลัวว่าน่าหลานซงจะบ้าคลั่ง
“หลินเฟิง ถ้าข้าปล่อยเจ้าไป เจ้าจะปล่อยลูกสาวของข้าหรือไม่?” น่าหลานซงถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
“เจ้าอยากให้ฆ่าสังหารนางที่นี่ และเดี๋ยวนี้เลยไหม?” นัยน์ตาสีดำของหลินเฟิงมองไปที่น่าหลานซงอย่างไร้อารมณ์ ทำให้น่าหลานซงรู้สึกไร้อำนาจเมื่อเผชิญหน้ากับหลินเฟิง เขาไม่กล้าลงมือทำอะไรทั้งนั้น เพราะนัยน์ตาของหลินเฟิงดำสนิท ทำให้เขาดูชั่วร้ายอย่างมาก เขากลัวว่าหลินเฟิงจะโกรธและฆ่าน่าหลานเฟิ่ง
ในไม่ช้า หลินเฟิง และน่าหลานเฟิ่งค่อยๆหายไปในขอบฟ้า แม้ว่าน่าหลานซงจะไม่สามารถทำอะไรได้ เขาทำได้เพียงอธิษฐานว่าจะไม่เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นกับน่าหลานเฟิ่ง
ในที่สุดฝูงชนก็เห็นเงาของหลินเฟิงหายไปในระยะที่ไกลมากๆ พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่เห็นเขาจากไป พวกเขารู้สึกราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความฝัน หลินเฟิงได้ทำสิ่งที่น่าอัศจรรย์ไว้มากมาย ทำให้พวกเขาเจอเรื่องตื่นเต้นมากมายในวันนี้
“หลินเฟิง”
“หลินเฟิง”
“หลินเฟิง”
ทั่วทั้งเมืองมีเพียงชื่อเดียวเท่านั้นที่สามารถได้ยินได้ ตระกูลน่าหลาน,ตระกูลกู่, แม้แต่ชิวหยวนหาว และชิวหลัน ต่างก็ถูกสยบเพราะ “หลินเฟิง”
สมาชิกของตระกูลหลินทุกคนล้วนรู้สึกเสียใจ เพราะหลินเฟิงเป็นคนที่น่าอัศจรรย์ และมากพรสวรรค์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสมาชิกของตระกูลหลิน แต่เขากลับถูกขับไล่ออกจากตระกูลเพราะความอ่อนแอ ทำไมพวกเขาถึงโง่เขลาเช่นนี้?
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากวันนี้ ชื่อเสียงหลินเฟิงจะต้องโด่งดังมากภายในเมืองหยางโจว
อย่างรวดเร็วชื่อของหลินเฟิงแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหยางโจว เศษขยะจากตระกูลหลินได้กลายเป็นอัจริยะที่ได้รับพรจากสวรรค์ และโลก แต่เขากลับถูกขับไล่ออกจากตระกูล โดยความโง่เขลาของคนตระกูลหลิน
หลินเฟิงไม่คิด และสนใจเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย สิ่งที่เขาต้องการคือออกจากเมืองหยางโจว เขาไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาที่เมืองหยางโจวอีกเมื่อไหร่ เขารู้เพียงแค่เมื่อเขากลับมาอีกครั้ง ผู้คนจะต้องเคารพเขา และรู้ถึงพลังของเขา จะไม่มีผู้ใดกล้าที่จะดูหมิ่น หรือดูถูกเขา ในครั้งหน้าเขาคงไม่ต้องใช้ตัวประกันอีก เขาจะเข้าๆออกๆไปมาได้อย่างอิสระตามที่เขาต้องการ
……………………….
10 วันผ่านมา หลินเฟิงขี่ม้ามาถึงนิกายหยุนไห่ จ้องมองไปที่ภูเขาที่มีหน้าผานรกตั้งอยู่
เส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลังก็เหมือนภูเขาที่ต้องปีนขึ้น และในวันใดวันหนึ่งเขาจะสามารถมองลงมาเบื้องล่างได้จากจุดสูงสุดของโลก
แม้ว่าหลินเฟิงจะแสดงพรสวรรค์ที่โดดเด่นในเมืองหยางโจว แต่เขาก็ไม่ได้หยิ่งทะนงเลยแม้แต่น้อย เขารู้เพียงว่าเขาแค่ประสบความสำเร็จเล็กๆน้อยในการบ่มเพาะพลัง แต่โลกนั้นมันกว้างใหญ่มาก และหนทางยังอีกยาวไกล
หลินเฟิงไม่รู้ว่าทวีปเก้าเมฆากว้างใหญ่เพียงใด หรือผู้คนมีพลังมากมายแค่ไหน ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องทำตัวหยิ่ง เมื่อรู้ความจริงเพียงเล็กน้อย มีอัจฉริยะมากมายหลายคนในทวีป เช่น ชายผู้ที่คลุกคลีกับหลินเชียนเขามีจิตวิญญาณนกยักษ์โบราณ เขาอายุยังน้อย และแข็งแกร่งกว่าหลินเชียน เขาแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสของนิกายหยุนไห่ได้ และเขากล้ามาที่นิกายหยุนไห่ คนอื่นๆยังต้องเคารพเขา
“เมื่อข้ากลับไปที่หอดวงดารา สิ่งแรกที่ข้าจะทำคือ เลือกทักษะใหม่ที่ฝึกฝนได้ยากขึ้น และเข้าร่วมการทดสอบเพื่อเป็นศิษย์ภายใน การเข้าร่วมศิษย์ภายในจะทำให้ข้าได้กลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงของนิกายหยุนไห่ และข้าอาจจะมีส่วนร่วมเรื่องต่างๆภายในนิกาย ในตอนนี้ข้าไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะยังเป็นศิษย์ธรรมดา”
หลินเฟิงกำลังขบคิดว่าเขาจะทำอะไรต่อ และเขาก็ตัดสินใจแน่ชัดแล้วว่าจะทำอะไรต่อไป
จู่ๆ หลินเฟิงก็ได้ยินเสียงดังอึกทึกเสียงวิ่งของม้าจากระยะไกล มันทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน
หลินเฟิงรู้สึกตกใจ เขารีบหันไปมองทันที และเห็นฝุ่นละอองมากมายลอยขึ้นไปในอากาศ มีม้าหุ้มเกราะกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง
“ม้าโลหิต!” หลินเฟิงรู้สึกมึนงง ม้าหุ้มเกราะทุกตัวมีสีเลือด ทุกๆคนรู้ว่าม้าพวกนั้นเป็นม้าที่มีราคาแพงมาก พวกมันเร็วกว่าม้าของหลินเฟิงถึง 3 เท่า และมีราคาแพงมาก
ว่ากันว่าม้าโลหิตมีราคามากกว่า 1000 เหรียญทอง นอกจากนี้ยังกล่าวกันว่ากองกำลังพิเศษจะมีม้าโลหิต กองกำลังพวกนั้นน่าจะเป็นทหารที่แข็งแกร่ง
ว่าแต่กองกำลังพวกนี้มาทำอะไรกันในดินแดนที่อยู่ภายใต้การดูแลของนิกายหยุนไห่
ม้าหุ้มเกราะกำลังใกล้เข้ามาด้วยความเร็วสูง คนที่ขี่ม้าเป็นทหารพวกเขาดูแข็งแกร่ง ดุดัน และน่าเกรงขามมาก
“พวกเขาสามารถไปได้ทุกที่เมื่อไหร่ก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ พวกเขาไม่ได้เปิดเผยตัวเองว่าเป็นอัจริยะ” หลินเฟิงคิด ขณะที่หลินเฟิงมองพวกเขา เขารู้สึกตัวสั่นเล็กน้อย คนพวกนี้แข็งแกร่งมาก และน่าเกรงขาม พวกเขาสุดยอดจริงๆ ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มอยู่ขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9 แต่พวกเขาส่วนใหญ่บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณแล้วทั้งนั้น
พวกเขาเป็นกองกำลังที่ยอดเยี่ยมจริงๆ…กลิ่นของเลือดลอยฝุ้งเต็มอากาศแพร่กระจายออกไปหลายไมล์
พวกเขามีประมาณสามสิบคน และเมื่อพวกเขาเข้าใกล้หลินเฟิง พวกเขาชะลอตัวลง พวกเขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ภูเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของนิกายหยุนไห่ และเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเขา
หลินเฟิงมีความรู้สึกแปลกๆ และการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไป เขาเห็นรูปร่างที่ดูคุ้นเคย เมื่อมองดูดีๆเขาก็เห็นคนรู้จัก
“มันเป็นนาง!”
หนึ่งในพวกเขา มีสตรีนางหนึ่งสวมเสื้อเกราะสีแดง ทำให้นางดูเป็นวีรสตรี นอกจากนี้นางยังงดงามมาก หลินเฟิงไม่มีทางลืมใบหน้าของนางได้
“เวรล่ะ” หลินเฟิงคิดขณะยังคงระมัดระวังตัวอยู่ เขาไม่คิดว่าจะพบนางที่นี่ นางมาพร้อมกับเหล่านักรบที่เก่งกาจ นางเป็นสตรีที่งดงามอย่างไม่น่าเชื่อ และเป็นศิษย์ที่มีชื่อเสียงมากในนิกายหยุนไห่: หลิ่วเฟย
“เจ้าเองรึ?” หลิ่วเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น ขณะที่มองไปยังหลินเฟิงอย่างโกรธเคือง เขาแอบถ้ำมองนาง นางยังไม่ได้แก้แค้นหลินเฟิง และนางไม่มีทางลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเด็ดขาด
หลินเฟิงสาปแช่งในใจ กลุ่มคนที่อยู่กับนาง พวกเขาทั้งหมดล้วนแข็งแกร่งกว่านักฆ่าที่เขาเผชิญในเมืองหยางโจว พวกเขาเป็นนักรบ ถ้าพวกเขาต้องการต่อสู้ หลินเฟิงไม่มีทางต่อต้านพวกเขาได้ กลุ่มของนางแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างมาก หลินเฟิงรู้สึกหมดหวังเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่ต้องการที่จะต่อสู้
“เฟยเฟย เจ้ามีปัญหากับผู้ชายคนนั้นรึ?” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆหลิ่วเฟยกล่าว ขณะจ้องมองหลินเฟิง เพราะใบหน้าของหลิ่วเฟยดูโกรธทำให้ชายคนนั้นก็เริ่มแสดงความโกรธด้วย
“ไม่มีปัญหาใดๆ เขาเป็นศิษย์ร่วมนิกายหยุนไห่เช่นเดียวกับข้า พวกเรารู้จักกัน”
มันเป็นเรื่องที่หลินเฟิงไม่คาดฝัน หลิ่วเฟยส่ายหัว และกล่าวอย่างไม่แยแส จากนั้นนางก็ไม่ได้มองหลินเฟิงอีกต่อไป
“พวกข้าจะเข้าไปข้างใน” หลิ่วเฟยกล่าว แล้วมุ่งหน้าไปยังนิกายหยุนไห่ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลิ่วเฟยยังคงเหลือบมองหลินเฟิงและมีจิตสังหารเล็ดลอดออกมาเล็กน้อย
หลินเฟิงขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เท่าที่จำความได้หลิ่วเฟยเป็นคนเจ้าอารมณ์ และโหดเหี้ยม ทำไมนางถึงปล่อยเขาไป?
****************************************************************************************
ปล. น่าหลานเฟิ่งเป็นตายร้ายดียังไงผู้แปลก็ไม่ทราบเช่นกันคับ 5555 ต้องติดตามตอนต่อไป…