ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ให้ข้าดูตำราทักษะพวกนั้นซะ” จู่ๆก็มีเสียงดังมาจากด้านซ้าย
หลินเฟิงหันไปมอง และเห็นศิษย์วัยเยาว์ 2 คน เขาเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าชั่วร้ายมาก ขณะจ้องมองไปยังศิษย์คนอื่นๆ ดูจากลักษณะน้ำเสียงที่เขาพูดแล้ว เหมือนเขาจะสั่งให้ศิษย์คนอื่นๆปฏิบัติตามคำสั่งของเขา
ส่วนศิษย์วัยเยาว์อีกคน คนอื่นๆเรียกเขาว่า เฉินเฉิน หลินเฟิงเคยเห็นเขามาก่อน เขาเป็นศิษย์ธรรมดาเหมือนหลินเฟิง แต่เขามีชื่อเสียงโด่งดังมากกว่าหลินเฟิง
“ทักษะพวกนี้มันเป็นของข้า” เฉินเฉินกล่าวขณะมองอย่างมุ่งร้าย มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นศิษย์ภายในข่มขู่ศิษย์ธรรมดา และในกรณีนี้เห็นได้ชัดว่าศิษย์ภายในกำลังข่มขู่เฉินเฉิน
“อวดดียิ่งนัก ศิษย์ธรรมดากล้าที่จะปฏิเสธคำขอของข้า!” ชายหนุ่มกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะปลดปล่อยพลังปราณอันแข็งแกร่งออกมาจากร่างกายของเขา
“หึ หลี่หลิน อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้ามันเป็นศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ศิษย์ภายใน เจ้าทำได้แค่ทำตัวอวดเบ่งต่อหน้าศิษย์ธรรมดาเท่านั้น การสอบคัดเลือกเป็นศิษย์ภายในที่กำลังมาถึง ข้าเฉินเฉินจะเอาความคิดชั่วๆเอาออกมาจากหัวของเจ้า” เฉินเฉินกล่าวขณะมีจิตสังหารเล็ดลอดออกมา
“หลี่หลิน เจ้ามันก็แค่ศิษย์ภายในผู้ที่อ่อนแอที่สุด นั่นแหละคือเจ้า ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างตลกยิ่งนัก”
เหล่าผู้คนที่อยู่ในชั้นที่ 2 ของหอดวงดารากำลังจ้องมองไปที่พวกเขา และหัวเราะเยาะ เฉินเฉินพูดถูก หลี่หลินเป็นศิษย์ภายใน แต่เขาก็อ่อนแอมากเมื่อเปรียบเทียบกับศิษย์ภายในคนอื่นๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกด้อยต่อหน้าคนอื่น เขามักจะไปรังแกศิษย์ธรรมดา โดยใช้อำนาจ และพลังที่เหนือกว่าพวกเขา แต่วันนี้เขากลับไม่คิดว่าจะเจอศิษย์ธรรมดาที่กล้าปฏิเสธคำขอ และต่อต้านเขา มันเหมือนเป็นการดูถูกเขา
เฉินเฉินเป็นหนึ่งในศิษย์ธรรมดาที่มีอันดับสูงสุดภายในนิกาย เขามีจิตวิญญาณเปลวเพลิง ทักษะเปลวไฟพื้นฐานของเขาล้วนทรงพลัง และเขามีความรู้เรื่องพื้นฐานเรื่องเทคนิคของเปลวเพลงทำให้เขาพัฒนาได้เร็วกว่าศิษย์คนอื่นๆ ไม่มีใครสามารถปะมือกับเขาได้ เขาแข็งแกร่งมาก เป้าหมายของเขาคือเข้าร่วมการทดสอบเป็นศิษย์ภายในของนิกายหยุนไห่ และเมื่อกลายเป็นศิษย์ภายในเขาจะได้รับทรัพยากรสำหรับการบ่มเพาะพลังมากขึ้น
หลี่หลินได้ยินสิ่งที่เฉินเฉินกล่าวอย่างชัดเจน ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวอย่างมาก เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของเฉินเฉินทำให้เขารู้ว่าเฉินเฉินแข็งแกร่งขนาดไหน โชคร้ายนักที่เขาเลือกกลั่นแกล้งศิษย์ผิดคน
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เอาล่ะ ข้าจะไม่ขอดูทักษะพวกนั้นแล้ว” หลี่หลินกล่าวการแสดงออกทางสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากนั้นเขาก็ค่อยถอยห่างออกไปเฉินเฉิน
เหล่าศิษย์ที่อยู่ชั้นที่ 2 ต่างหัวเราะเยาะเย้ย พวกเขาคิดว่าหลี่หลินที่เป็นศิษย์ภายในจะน่าเกรงขาม แต่เขากลับหวาดกลัวศิษย์ธรรมดา การที่ถูกศิษย์ธรรมดาทำให้ถอยร่นมันเป็นความอัปยศอย่างมาก
“พวกเจ้าหัวเราะอะไร?! ถ้าพวกเจ้าหัวเราะอีกครั้ง ข้าจะทำลายการบ่มเพาะพลังของพวกเจ้า!”
หลี่หลินรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เขาทำ เพราะมันทำให้เขาอับอายขายหน้า เขารู้สึกว่าทุกคนกำลังหัวเราะเยาะเย้ยเขา เขาต้องการหาใครสักคนเพื่อระบายความโกรธของเขา ดังนั้นเขาจึงเดินตรงเข้าไปหาหลินเฟิง
เขาไม่สามารถข่มขู่เฉินเฉินได้ แต่เขาสามารถข่มขู่ศิษย์ธรรมดาคนอื่นๆได้?
หลินเฟิงที่กำลังจะเดินออกจากหอดวงดารา เขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่กำลังเข้ามา เขาไม่ได้หัวเราะ และกลับไปทำสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ หรือว่าเขาจะหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว?
ในความเป็นจริง ตั้งแต่ต้นจนจบหลินเฟิงก็ยังคงนิ่งเงียบ มันไม่กล้าที่จะข่มขู่คนอื่น หรือว่ามันจะใช้หลินเฟิงเป็นกระสอบทราย?
“หวาดกลัวผู้ที่แข็งแกร่ง รังแกผู้ที่อ่อนแอ” หลินเฟิงคิดในใจอย่างดูถูก หลี่หลินมันหวาดกลัวเฉินเฉิน และไม่สามารถข่มขู่เขาได้ ดังนั้นมันจึงหันมาข่มขู่หลินเฟิงแทน
แต่หลินเฟิงหาได้สนใจไม่ เขาได้เลือกเทคนิคการเคลื่อนที่ และทักษะต่อสู้ และพึงพอใจกับทักษะพวกนี้ เขาไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่หอดวงดาราอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจลงไปชั้นล่างเพื่อออกไปจากที่นี่
หลินเฟิงเดินตรงไปตามทางออก
“หยุด! เจ้าเป็นเพียงแค่ศิษย์ธรรมดาผู้ไร้ค่า! เจ้ากล้าดียังไงถึงเมินข้า!” หลี่หลินกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว ในตอนนี้เขาวิ่งอ้อมไปเบื้องหน้าหลินเฟิงเพื่อขวางทางไม่ให้หลินเฟิงออกไป
หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา เพราะมันแค่ต้องการแสดงอำนาจให้คนอื่นๆเห็นหลังจากที่ถูกทำให้อับอายขายหน้า
“ศิษย์ธรรมดาผู้ไร้ค่า? ดูเหมือนเจ้าจะชอบถูกทำให้อับอายขายหน้าโดยศิษย์ธรรมดา”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่พูดล้อเล่น มันทำให้หลี่หลินรู้สึกอับอายขายหน้าจริงๆ
“เจ้าอยากจะตายงั้นรึ”
“ถ้าเจ้าทำได้ล่ะนะ” หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะกล่าวเพิ่มเติมว่า: “หลี่หลิน นั่นคือชื่อของเจ้า? ข้าไม่อยากเสียเวลาไปกับเจ้า มาพบกันที่หุบเขาแห่งความป่าเถื่อนในลานประลองแห่งชีวิตก่อนที่การทดสอบศิษย์ภายในจะเริ่มขึ้น
เมื่่อหลินเฟิงพูดจบ ทำให้ทุกคนหัวเราะอีกครั้ง หลินเฟิงกล่าวว่าจะขอท้าดวลกับหลี่หลิน แต่ถึงกระนั้นมันก็ต้องเดิมพันด้วยชีวิต หรือบางทีหลี่หลินอาจจะปฏิเสธคำท้า หลังจากที่ถูกทำให้อับอายขายหน้า?
“น่าสนใจจริงๆ” ศิษย์บางคนที่เฝ้าดูอยู่กล่าว หลี่หลินดูงงงวย เขางงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลินเฟิงได้ท้าทายเขาไปต่อสู้กันในลานประลองแห่งชีวิต ทุกคนล้วนรู้ดีว่าศิษย์ภายในสามารถฆ่าศิษย์ธรรมดาได้ภายในหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน หรือว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าหลี่หลิน?
“ย่อมได้ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นั่น” หลี่หลินกล่าว ถ้าเขาหวาดกลัวศิษย์ธรรมดาอีกครั้ง เขาคงต้องอับอายขายหน้าอย่างมากจนไม่มีที่ยืนในนิกายแน่ๆ เขาไม่สามารถทนต่อความอับอายพวกนี้ได้อีกแล้ว
หลี่หลินหันหลังกลับ และจากไปทันที
หลินเฟิงยิ้มอยู่ในใจ เขาไม่ได้มองไปที่ฝ่ายตรงข้ามของเขา ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะศิษย์ภายในที่อ่อนแอที่สุดในนิกายได้ มันหมายความว่าเขาไม่ได้มีความก้าวหน้าใดๆ และกำลังถอยหลังอยู่บนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลัง เขาเคยต่อสู้กับศิษย์ภายใน แต่นั่นมันตอนที่เขาอยู่ในขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8 เท่านั้น
“เห~ เจ้าชื่ออะไร? เจ้าขึ้นมาบนชั้นนี้ได้ หมายความว่าเจ้าบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นหน้าเจ้ามาก่อน?” เฉินเฉินถาม เฉินเฉินเป็นศิษย์อันดับหนึ่งในหมู่ศิษย์ธรรมดา เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของศิษย์ธรรมดาทุกคนเพียงแค่ได้ยินชื่อ และวัดความแข็งแกร่งของพวกเขาด้วยตัวเขาเอง นอกจากนี้เขายังรู้ว่าใครบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณแล้วในนิกาย และยังรู้ว่ามีศิษย์ธรรมดากี่คนที่บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณ เขากำลังเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมการทดสอบเป็นศิษย์ภายในของนิกายหยุนไห่ และหวังที่จะผ่านการทดสอบเพื่อเป็นศิษย์ภายใน เพื่อเพิ่มความมั่นใจของเขา เขาจึงต้องรู้จักกับศัตรูทุกคนที่เขาจะต้องสู้ด้วย
แต่เฉินเฉินไม่เคยเห็นหน้าซวนหยวนมาก่อน….
“ชื่อของข้า คือ หลินเฟิง ข้าไม่ได้โด่งดังมากนัก มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าจะไม่เคยเห็นข้า” หลินเฟิงตอบกลับขณะยิ้มเป็นกันเอง
“หลินเฟิง ผู้ที่เป็นเศษขยะตามที่เขาเล่าลือกันน่ะรึ!?” เฉินเฉินรู้สึกทึ่ง เขาไม่เคยเห็นหลินเฟิง แต่เขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงมาแล้วหลายครั้ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าข่าวลือมันจะไม่เป็นจริง ไม่เช่นนั้นผู้ที่ถูกเรียกว่าเศษขยะจะบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณได้อย่างไร?” เฉินเฉินกล่าวขณะยิ้ม พร้อมกับส่ายหัว จากนั้นเขาก็กล่าวเพิ่มเติมว่า: “ถึงแม้พวกเราทั้งสองจะเป็นศิษย์ธรรมดาด้วยกันทั้งคู่ แต่มันก็มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเจ้ากับข้า เร็วๆนี้ข้าจะกลายเป็นศิษย์ภายในแล้ว พวกเราไม่เหมือนกัน”
หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หลินเฟิงเข้าใจสิ่งที่เฉินเฉินกล่าวหมายถึงอะไร
ในสายตาของเฉินเฉิน เขาคิดว่าหลินเฟิงกับเขาแตกต่างกัน เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด และหลินเฟิงไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเขา
“ดูเหมือนเจ้าจะมั่นใจในตัวเองมาก” หลินเฟิงตอบกลับ เขายังคงนิ่ง และยังคงยิ้มเป็นกันเอง
“แน่นอน ในบรรดาศิษย์ธรรมดา ข้าเป็นอันดับหนึ่งในการจัดอันดับศิษย์ธรรมดา” เฉินเฉินตอบกลับ
“อ่อเช่นนั้นหรอกรึ มีคนกล่าวว่าศิษย์ธรรมดาจะต้องใช้ตะเกียงน้ำมันเมื่ออยู่ชั้นแรก และเมื่อตะเกียงน้ำมันไฟมันดับลงพวกเขาจะต้องออกไป เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งจริงๆ แต่เจ้ากล้าที่จะอยู่เกินเวลาหรือไม่?” หลินเฟิงกล่าวขณะหัวเราะ
“เจ้าไม่จำเป็นต้องประจบข้า แท้จริงแล้วศิษย์ธรรมดาทุกคนจะต้องใช้ตะเกียงน้ำมันขึ้นมาชั้นหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามข้าเป็นคนได้รับข้อยกเว้น เพราะความแข็งแกร่งของข้า ทำให้ข้าไม่ต้องปฏิบัติตามกฏพวกนั้น แล้วใครจะกล้าพูดแบบนั้นกับข้า?” เฉินเฉินกล่าวเยาะเย้ยว่ากฏมีความหมายสำหรับคนที่อ่อนแอเท่านั้น
“เป็นเช่นนั้นหรอกรึ?” หลินเฟิงยิ้ม และรู้สึกสนใจมากๆ “ดี ถ้างั้นข้าก็สามารถอยู่ชั้นหนึ่งนานเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ข้าต้องการ แต่ข้าพยายามที่จะปฏิบัติตามกฏของนิกาย เจ้าเป็นศิษย์ธรรมดาที่อยู่ในอันดับแรกเจ้าแข็งแกร่งจริงๆ มันไม่มีปัญหาสำหรับข้าว่าจะอยู่ที่นี่นานขนาดไหน แน่นอนมันก็ไม่ได้เป็นปัญหากับเจ้าใช่ไหม?”
“เจ้ากำลังพูดเล่นลิ้นอะไร? เจ้าวางแผนที่จะอยู่นานกว่าไฟตะเกียงจะดับ?” เฉินเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา และเต็มไปด้วยความดูถูก
“เจ้ามองไม่เห็นด้วยตาของเจ้ารึ?” หลินเฟิงกล่าวพร้อมกับยิ้มเป็นนัยๆ จากนั้นหลินเฟิงก็เลิกสนใจเฉินเฉิน และเริ่มมองทักษะอื่นๆต่อ
“เจ้านั้นมันต้องบ้าแน่ๆถึงกล้าอยู่บนชั้นที่ 1 ต่อ……” บรรดาศิษย์ภายในที่อยู่บนชั้นแรกมองเขาด้วยความอย่างรู้อย่างเห็น พวกเขาอย่างจะรู้ว่าหลินเฟิงจะอยู่ที่นี่ได้อีกนานแค่ไหน
“ฮึ่ม” เฉินเฉินพึมพำ หลินเฟิงมาถึงที่นี่ก่อนเขา ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อน เพราะตะเกียงน้ำมันของหลินเฟิงคงจะไฟมอญดับไปก่อนของเขา
เวลาของตะเกียงน้ำมันถูกเผาผลาญไปครึ่งหนึ่งแล้ว เฉินเฉินกำลังมองหาทักษะ เขาขมวดคิ้ว เขาเหลือเวลาไม่มากแล้วก่อนที่เปลวไฟในตะเกียงจะดับ
เฉินเฉินมองไปที่หลินเฟิงและเห็นว่าเขายังคงทำตัวเหมือนก่อนหน้านี้ เขามองชั้นวางตำรา และมองหาทักษะอย่างเฉื่อยชา ราวกับว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเลยว่าเวลามันจะผ่านไปนานแค่ไหน
“เจ้าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนกัน?” เฉินเฉินไม่ได้มีอารมณ์ที่จะดูทักษะอีกต่อไป เพราะอีกไม่ช้าเขาก็จะกลายเป็นศิษย์ภายใน เขาสามารถอยู่ในชั้นแรกนานเท่าไหร่ก็ได้ตามที่เขาต้องการ และสามารถหยิบยืมทักษะกี่ทักษะก็ได้ตามที่เขาต้องการ เขากำลังเฝ้าดูหลินเฟิง และรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะความโง่เขลาของตัวเอง
แต่เฉินเฉินก็ต้องผิดหวัง เวลาผ่านไปหลินเฟิงก็ยังทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายังคงอ่านทักษะอื่นๆต่ออย่างสบายใจ
“เจ้ายังไม่ออกไปอีกรึ?” เฉินเฉินถาม เวลาของตะเกียงน้ำมันของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว ถ้าเขายังไม่ออกไป เขาจะต้องถูกทำโทษอย่างหนักเพราะละเมิดกฏของนิกาย
“เรื่องของข้า แล้วเจ้าจะกระวนกระวายทำไม? เจ้าเป็นถึงศิษย์ธรรมดาอันดับหนึ่งของนิกายหยุนไห่! เจ้ามันอัจฉริยะ!”หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส แต่ทุกคนเข้าใจว่าเขากำลังสนุกกับการกลั่นแกล้งเฉินเฉิน
เฉินเฉินโกรธทันที และกล่าว: “เจ้าอยากตายงั้นรึ ข้าไม่ได้ยืนอยู่ที่นี่เพราะเจ้า เมื่อเจ้าออกไปหวังว่าเจ้าจะอธิบายทุกอย่างให้กับข้าได้”
หลังจากข่มขู่หลินเฟิงเสร็จ เฉินเฉินหันหลังกลับ และเดินออกไปจากหอดวงดารา
“ศิษย์ธรรมดาอันดับหนึ่ง? ช่างโง่เขลายิ่งนัก” หลินเฟิงคิดขณะยิ้ม ทำให้เฉินเฉินที่กำลังมองหลินเฟิงอยู่โกรธมาก และมีจิตสังหารปรากฏขึ้นในนัยน์ตาของเขา