I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 58 ลานศักดิ์สิทธิ์แห่งหิมะจันทรา

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

เมื่อหลิ่วเฟยได้ยินคำพูดของหนานกงหลิง ทำให้นางต้องถอนหายใจ แน่นอนนางเข้าใจความยากลำบากที่จะตัดสินใจในตำแหน่งของหนานกงหลิง แต่นางก็กังวลว่าพ่อของนางจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้นนางจึงพยายามช่วยเขาอย่างสุดความสามารถเท่าที่จะทำได้

 

“ท่านประมุขหนานกงหลิง สร้างลานศักดิ์สิทธิ์แห่งหิมะจันทราตามคำสั่งของราชาเถิด หรือว่าท่านจะปฏิเสธทำตามคำสั่งของราชา?” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนข้างหลิ่วเฟยกล่าว ขณะมองไปที่หนานกงหลิง

 

“ข้าพูดตอนไหนกันว่าข้าปฏิเสธคำสั่งของราชา?” หนานกงหลินตอบกลับอย่างเย็นชา ขณะมองไปที่ชายหนุ่ม จากนั้นเขาก็กล่าว : “ข้าจะสร้างลานศักดิ์สิทธิ์แห่งหิมะจันทราด้วยความเต็มใจ แต่ข้าไม่มีทางเลือกใดๆ นอกจากปล่อยให้ศิษย์ที่โดดเด่นบางคนไป และฝึกฝนที่นั้น

 

เขาหยุดชะงักชั่วครู่ และจากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “เจ้ากล้าดียังไงถึงพูดแทรกระหว่างที่ข้ากำลังพูดคุย? นายน้อยอย่างเจ้า…… เจ้าตั้งใจจะทำอะไร? เจ้าต้องการให้ข้าบอกพ่อของเจ้า ต้วนเทียนหลาง ให้สอนมารยาทแก่เจ้า?”

 

ในทวีปเก้าเมฆา ผู้อาวุโสจะได้รับความเคารพ ขุนนางก็เช่นกันพวกเขาก็ได้รับความเคารพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีสถานะสูงส่ง และแข็งแกร่งจะได้รับความเคารพอย่างมาก ถึงแม้ว่าตอนนี้ตระกูลต้วนจะได้กลายเป็นตระกูลจักรพรรดิเพราะพวกเขาแข็งแกร่งมาก และตระกูลต้วนก็ได้เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรหิมะจันทรา มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะมีอาณาเขตที่อยู่ภายในการควบคุมเท่าไร แต่มันเป็นเรื่องจริงที่พวกเขาแข็งแกร่งมากๆ

 

อย่างไรก็ตาม ตระกูลต้วนยังต้องทำตัวอ่อนน้อมเมื่ออยู่ในนิกาย และทำตัวสุภาพอย่างมากเมื่อพูดคุยกับพวกเขา หนานกงหลิงไม่ยอมให้ตัวเองถูกนายน้อยของตระกูลต้วนข่ม มันไม่สำคัญสำหรับเขาว่าตระกูลต้วนจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาไม่อาจให้นิกายของตัวเองต้องถูกคนอื่นข่มขู่ได้

 

“ท่าน…หนานกงหลิง ข้าจะฟ้องพ่อข้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตั้งใจอันชั่วร้าย

 

“จะฟ้องอะไรก็เรื่องของเจ้า” หนานกงหลิงตอบกลับอย่างผ่อนคลายและไม่มีความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

 

“ข้าได้ยินมาว่าเฟยเฟยน้อยกลับมาแล้ว” ในขณะนั้นได้มีเสียงดังมาจากด้านนอกอาราม มันเป็นเสียงของผู้พิทักษ์เป๋ยที่เพิ่งมาถึงและกำลังเดินเข้าไปข้างใน

 

“ท่านปู่เป๋ย!” เมื่อหลิ่วเฟยเห็นผู้พิทักษ์เป๋ย นางลุกขึ้นยืนทันที ผู้พิทักษ์เป๋ยเป็นอาจารย์ของพ่อของนาง

 

“เฟยเฟยน้อย พ่อของเจ้าเป็นยังไงบ้าง?” ผู้พิทักษ์เป๋ยจ้องมองไปที่หลิ่วเฟยด้วยสายตาที่อบอุ่น

 

“เขายังอยู่ในเมืองตว้านเริ่น…” หลิ่วเฟยกล่าวพร้อมกับยิ้มบิดเบี้ยว

 

“เฮ้อออ…….” ผู้พิทักษ์เป๋ยถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัว และปรากฏรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวเช่นกัน

 

“เฟยเฟยน้อย ลมอะไรพัดเจ้ามาที่นี่? ถ้าเจ้ากำลังมองหาศิษย์ที่โดดเด่น ข้ามีศิษย์อยู่คนหนึ่งอยู่ในใจเขาเป็นคนที่น่าอัศจรรย์มาก เจ้าจะต้องมีความสุขแน่ๆ”

 

“มีอยู่หนึ่งคน?” หลิ่วเฟยกล่าวพร้อมกับปรากฏรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวอีกครั้ง

 

“ท่านปู่ ท่านกำลังพูดถึงใคร?” นัยน์ตาของหลิ่วเฟยเปล่งประกายเพราะความหวัง เมื่อนางได้ยินผู้พิทักษ์เป๋ยกล่าว ทำให้นางรู้สึกว่าคนที่เขากำลังพูดถึงจะต้องเป็นคนที่สำคัญมากๆ ไม่แน่บางทีอาจจะเป็น….?

 

“เจ้าจะรู้เมื่อเวลานั้นมาถึง หลังจากผ่านการสอบเป็นศิษย์ภายของนิกายหยุนไห่จบ ข้าจะพาเขาไปที่เมืองจักรพรรดิ” ผู้พิทักษ์เป๋ยกล่าวขณะมองเหล่าทหารที่อยู่เบื้องหลังหลิ่วเฟย

 

“ตกลง” หลิ่วเฟย กล่าวพร้อมกับพยักหน้า

 

………………

 

ในภูเขาที่หลินเฟิงพบกับหลิ่วเฟยเป็นครั้งแรกนั้น หลินเฟิงกำลังนั่งบ่มเพาะพลังอยู่ในถ้ำ พลังปราณจากสวรรค์ และปฐพีที่ล้อมรอบตัวหลินเฟิงราวกับรังไหมขณะที่เขากำลังนั่งบ่มเพาะพลัง ร่างกายของหลินเฟิงถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังปราณสีขาว ราวกับหมอกหนาทึบที่หนาแน่นจนเกือบจะกลายเป็นของแข็ง

 

ในขณะนั้นได้มีพลังน่าสะพรึงกลัวปรากฏออกมาจากส่วนลึกของร่างกายหลินเฟิง มันช่วยให้พลังปราณจากสวรรค์ และปฐพีที่ล้อมรอบตัวหลินเฟิงอยู่สามารถเจาะผ่านเข้าไปในตันเถียนของหลินเฟิงได้ง่ายขึ้น

 

ภายในร่างกายของหลินเฟิง มีกระแสพลังปราณสีขาวมหาศาลกำลังไหลเวียนอยู่ และดูเหมือนมันกำลังเดือด พลังปราณที่ไหลเวียนเข้า – ออกจากร่างกายหลินเฟิงมันเป็นกระแสพลังปราณที่บริสุทธิ์มาก

 

หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน พลังปราณจากสวรรค์ และปฐพีก็ยังคงวนเวียนอยู่รอบๆร่างกายหลินเฟิง ในขณะนั้นจู่ๆ หลินเฟิงก็หยุดบ่มเพาะพลัง

 

หลินเฟิงลืมตาขึ้น และปรากฏรอยยิ้มขนาดใหญ่บนใบหน้า

 

“เทคนิคชำระล้างช่างเป็นเทคนิคที่แปลกประหลาดยิ่งนัก… แต่มันได้เสริมสร้างรากฐานการบ่มเพาะพลังของข้าให้แข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ข้าสามารถใช้พลังของข้าได้ดีกว่าแต่ก่อน และข้าก็สามารถควบคุมการหายใจได้ดีกว่าแต่ก่อนเช่นกัน”

 

หลินเฟิงคิดว่าด้วยความสามารถในการควบคุมการหายใจของเขา เขาสามารถต่อสู้ได้อย่างยาวนานขึ้น แม้แต่การต่อสู้ยังจำเป็นต้องควบคุมพลัง และแน่นอนว่าการต่อสู้ทุกครั้งก็ต้องควบคุมการหายใจเช่นกัน

 

หลินเฟิงลุกขึ้น มองไปยังผนังตรงทางเข้าของถ้ำ แล้วผลักฝ่ามือออกไปในอากาศ และพูดเบาๆ : “แปดฝ่ามือพิฆาต”

 

หลังจากหลินเฟิงพูดเสร็จ พลังอันแข็งแกร่ง และแรงระเบิดได้กระทบกับผนังด้านหน้าของเขา

 

“ตู้ม!”

 

“ตู้ม!”

 

“ตู้ม!”

 

“ตู้ม!”

 

“ตู้ม!”

 

“ตู้ม!”

 

“ตู้ม!”
ทั่วทั้งถ้ำสั่นสะเทือน ปรากฏหลุมทั้งเจ็ดสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

 

“อย่างที่คิด แปดฝ่ามือพิฆาตเป็นการโจมตีที่รุนแรงมาก”

 

หลินเฟิงยิ้ม แปดฝ่ามือพิฆาตเป็นหนึ่งในทักษะระดับลึกลับขั้นต่ำสุด มันสามารถโจมตีได้ถึง 8 ครั้ง หากผู้บ่มเพาะพลังสามารถโจมตีได้ 5 ครั้งนั่นก็พิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นที่แข็งแกร่ง และมีพรสวรรค์ที่ดี ถ้าสามารถโจมตีได้ถึง 6 ครั้ง เขาก็จะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่หายาก… แต่การที่โจมตีได้ 7 ครั้ง สามารถทำได้โดยอัจริยะที่แท้จริงเท่านั้น

 

หลินเฟิงต้องการบรรลุการโจมตีครั้งที่แปด การโจมตีครั้งที่แปดบรรยากาศจะเต็มไปด้วยพลัง อย่างไรก็ตามการบรรลุการโจมตีครั้งที่ 8 นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก และมีเพียงอัจฉริยะที่แท้จริงเท่านั้นที่สามารถบรรลุได้ โดยปกติแล้วจะต้องใช้ประสบการณ์ในการต่อสู้เพื่อเข้าใจทักษะ และจะสามารถใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญ

 

ทักษะระดับลึกลับ… มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะฝึกฝนมัน ยิ่งระดับสูงความรุนแรงของมันก็ยิ่งมากขึ้น และฝึกฝนได้ยากขึ้นเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตามเมื่อหลินเฟิงเห็นถึงปัญหา เขาจึงปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งความมืดของเขาออกมา มันได้มอบความเข้าใจอันน่าทึ่งให้แก่เขา หลังจากนั้น 1 วัน หลินเฟิงสามารถควบคุมฝ่ามือทั้งเจ็ดได้อย่างสมบูรณ์ เขาเพียงแค่ฝึกฝนอีกเพียงเล็กน้อย เขาก็จะสามารถควบคุมทักษะแปดฝ่ามือพิฆาตได้อย่างสมบูรณ์แบบ และบรรลุการโจมตีทั้งแปดครั้ง เมื่อใช้ทักษะนี้

 

แต่หลินเฟิงก็ยังไม่พอใจ ศิษย์ภายในไม่เหมือนกับศิษย์ธรรมดา และหลินเฟิงต้องการก้าวข้ามเหนือกว่าคนอื่นๆทุกคน ในระหว่างการสอบเป็นศิษย์ภายในของนิกายหยุนไห่ อาจมีอัจฉริยะที่แท้จริงในหมู่ศิษย์…หลินเฟิงเพื่อที่จะอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆ เขาจำเป็นที่จะต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น

 

ดาบแห่งสวรรค์จะช่วยเพิ่มพลังให้กับเขาอย่างมหาศาลในช่วงระยะเวลาสั้นๆเช่นกัน

 

ทักษะดาบแห่งสวรรค์ แน่นอนเป็นทักษะดาบ ด้วยการฟาดฟันดาบถึง 3 ครั้งมันจะทรงพลังมากยิ่งขึ้น ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ การฟาดฟัน 1 ครั้งอาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามตายได้ และถ้าฟาดฟันดาบ 3 ครั้งหมายถึงอีกฝ่ายจะต้องตายอย่างแน่นอน

 

มันสามารถทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้ามันได้ ขณะที่หลิงเฟิงกำลังอ่านตำราทักษะดาบแห่งสวรรค์ หลินเฟิงได้สูญเสียความนึกคิดไป เขาจ้องมองไปที่ข้อความ ราวกับจะดูดซับความรู้ทั้งหมดในตำรา หลินเฟิงสามารถเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในตำราได้อย่างรวดเร็ว

 

หลินเฟิงปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขา ทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยความมืดอีกครั้ง โลก,ท้องฟ้า,ไม่ได้มีสีสว่างสดใสอย่างที่เคยเป็น มีเพียงความมืดมิดเท่านั้นที่ล้อมรอบทุกสิ่งทุกอย่าง หลินเฟิงยังคงสงบ และไม่ตื่นตระหนกกับโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด ไม่มีอะไรสามารถทำให้จิตใจของเขาหวั่นไหวได้ เขายังคงสงบนิ่ง

 

หลินเฟิงปิดตาของเขา และมีภาพของคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวของเขา เขากำลังกวัดแกว่างดาบอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน กวัดแกว่างดาบซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเคลื่อนที่ซ้ำไปซ้ำมา เขากำลังฝึกฝนทักษะดาบแห่งสวรรค์

 

หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน หลินเฟิงก็ลืมตาขึ้น

 

1 ก้าวเดิน , 1 กระบวนท่า, เผด็จศึก

“ตู้มมมมมมม!”

 

ทั่วทั้งถ้ำสั่นไหวอย่างรุนแรง และมีหลุมลึกขนาดใหญ่ปรากฏที่ผนังถ้ำ

 

แต่จู่ๆ ถ้ำก็สั่นไหวอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หินถูกบดขยี้กลายเป็นฝุ่น หลินเฟิงรู้สึกมึนงง ดังนั้นหลินเฟิงรีบหนีออกจากถ้ำอย่างรวดเร็ว และไม่นานหลังจากนั้น ถ้ำก็ถล่มลงมาตามด้วยเสียงดังกึกก้อง

 

โจมตีเพียงครั้งเดียวถ้ำก็ถล่มซะแล้ว เมื่อถ้ำได้รับความเสียหายจากแปดฝ่ามือพิฆาตก่อนหน้านี้ ทำให้ถ้ำถูกทำลายอย่างราบคาบ หลินเฟิงพึ่งจะเชี่ยวชาญกระบวนท่าที่ 1 ของทักษะดาบแห่งสวรรค์ และฝ่ามือทั้งเจ็ด จากแปดฝ่ามือพิฆาต ทักษะพวกนี้ช่างรุนแรงจริงๆ หลินเฟิงเรียกจิตวิญญาณกลับเข้าไปในร่าง เขารู้สึกตื่นเต้นมาก อย่างที่คิดไว้ทักษะระดับลึกลับช่างรุนแรงยิ่งนัก

 

กระบวนท่าแรกมันรุนแรงมาก เพราะหลินเฟิงรู้วิธีควบคุมมัน ซึ่งการที่จะควบคุมพลังของดาบได้นั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่มันก็ไม่มีปัญหาสำหรับหลินเฟิง ความสามารถในการทำความเข้าใจของหลินเฟิงนั้นสูงมาก เขาสามาถใช้พลังของดาบได้อย่างอิสระ ทำให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้นสำหรับเขา นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงฝึกฝนทักษะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น ถ้าเป็นคนอื่นๆ มันคงจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขา หรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียนรู้มันในช่วงเวลาสั้นๆ

“ใครกัน?” หลินเฟิงออกมาจากถ้ำ และมองไปรอบๆ แล้วเห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามา เมื่อหลินเฟิงรู้ว่าเป็นใคร ทำให้หลินเฟิงโกรธขึ้นมาทันที

 

“หลิ่วเฟย” หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจว่านางมาทำอะไรในที่นี่ นางมีโอกาสที่จะโจมตีเขา แต่นางกลับไม่ทำ เพราะอะไรกัน ?

 

“ไอสารเลวเจ้ากล้ามากที่ขโมยอาณาเขตของข้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้า และข้าเป็นศัตรูกัน เจ้าเป็นคนเดียวที่ทำให้ข้าอับอายขายหน้า” หลิ่วเฟยจ้องมองไปที่หลินเฟิงอย่างเกลียดชัง ตั้งแต่นางยังเป็นเด็ก พ่อของนางได้สอนให้นางยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง และไม่ขึ้นกับใคร นางเคยเป็นเช่นนั้นเสมอ แต่ตอนนี้นางเริ่มที่จะใช้ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และไม่ได้ทำตัวเหมือนเป็นสตรีแม้แต่น้อย นอกจากนี้นางได้ผ่านความยากลำบากมามากมาย ซึ่งทำให้นางภาคภูมิใจในตัวเอง และมีความทะเยอทะยานมากขึ้น

 

แต่หลิ่วเฟยไม่คิดว่าหลินเฟิงจะไร้ยางอายขนาดนี้ เขาเป็นพวกที่ชอบถ้ำมอง และกระโดดลงน้ำเปลือยเปล่า และครั้งสุดท้ายในตอนที่พวกเขาต่อสู้กัน หลินเฟิงกล้ามากที่พูดว่า เขาไม่ได้สนใจอะไรในตัวนางเลย แถมยังขโมยอาณาเขตที่มีค่าของนาง แล้วนางจะไม่โกรธได้อย่างไร?

 

“ตอนนี้ข้าบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว มาดูกันว่าเจ้ายังกล้าที่จะทำตัวอวดดีต่อข้าอีกไหม” หลิ่วเฟยคิดในใจ

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments