ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” ข้าอาจจะพ่ายแพ้ให้แก่เจ้าถึง 3 ครั้งก็จริง แต่ถ้าหากเจ้าขอโทษข้า ข้าอาจจะแสดงความเมตตาและปล่อยเจ้าไป” หลิ่วเฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
” พ่ายแพ้ถึง 3 ครั้ง? แสดงความเมตตา?” หลินเฟิงหัวเราะและส่ายหัว ” ออกไปเสียเถอะก่อนที่จะทำให้ตัวเองต้องอับอายไปมากกว่านี้ ”
หลิ่วเฟยและหลินเฟิงพบเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง หลินเฟิงรู้ว่าหลิ่วเฟยเป็นหญิงสาวที่มีความเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจในตัวเองดังนั้นนางจึงไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่นและใช้เพียงพลังของนางเท่านั้น ก่อนหน้านี้ศิษย์ภายในนามอวี๋ฮ่าวต้องการที่จะสังหารหลินเฟิงเพื่อเอาใจหลิ่วเฟย แต่นางเลือกที่จะปฏิเสธ ขอเพียงแค่นางหยักหน้าอวี๋ฮ่าวจะสังหารหลินเฟิงโดยไม่ลังเล แต่นางก็ไม่ทำ
รวมถึงตอนที่อยู่เนินเขา นางมาพร้อมกับกองทหารม้าโลหิตที่ทรงพลัง แต่นางก็กล่าวเพียงว่าหลินเฟิงเป็นเพียงศิษย์ร่วมนิกาย นางไม่ได้พยายามแก้แค้นเขาด้วยคนพวกนั้น
ดังนั้นแม้ว่าหลินเฟิงจะคิดว่านางเป็นคนที่น่ารำคาญ แต่เขาก็ไม่คิดว่านางนั้นชั่วร้ายหรือเป็นอันตรายอะไร บางทีในครั้งแรกที่หลินเฟิงมายังสถานที่ของนาง นางคิดจริงๆว่าเขาเป็นโรคจิตและคิดที่จะมาขืนใจนาง
“อับอาย?” หลิ่วเฟยจ้องมองอย่างน่ากลัวไปที่หลินเฟิง นางมั่นใจในความก้าวหน้าของตัวเองเป็นอย่างมาก
“เจ้าควรจะไสหัวกลับบ้านไปซ่ะ ท่านพ่อได้ให้ธนูเงินเร้นลับกับข้า ถ้าเจ้าไม่รีบออกไปข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสความแข็งแกร่งของมัน”
หลิ่วเฟยคว้าธนูสีเงินที่แบกไว้บนหลังออกมา มันสะท้อนกับดวงอาทิตย์ทำให้ดูเปล่งประกายเป็นอย่างมาก
หลิ่วเฟยนำลูกศรขึ้นมาและเตรียมง้าง… การเคลื่อนไหวของนางนั้นดูลื่นไหลและเป็นธรรมชาติอย่างมาก ร่างกายที่สง่างามผสานเข้ากับการเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์แบบ ทำให้นางดูงดงามเป็นอย่างมาก…. แต่ความงามก็ยังถือว่าเป็นอาวุธชั้นดีของนางเช่นเดียวกัน
“ฟิ้วววว….”
เสียงการสั่นสะเทือนของลูกศรที่ทะลวงผ่านอากาศด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ แสงระยิบระยับของมันดูราวกับไฟ มันพุ่งตรงไปยังหลินเฟิง ลูกศรพุ่งมาด้วยความเร็วสูงและดูเหมือนว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยง
หลินเฟิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขากวัดแกว่งดาบเข้าปะทะกับลูกศรและเบี่ยงเบนทิศทางของมัน ทำให้ลูกศรพุ่งชนกับด้านข้างของถ้ำที่อยู่ด้านหลังของเขา
” ตู้มมมม! “
เบื้องหลังของหลินเฟิง ก้อนหินมากมายล่วงหล่นมาจากถ้ำครึ่งหนึ่งของมันถูกทำลายในทันที มันถูกบดขยี้โดยลูกศรของหลินเฟิง การโจมตีในครั้งนี้ถือว่ารุนแรงและทรงพลังมาก
” หืม?” หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ เขาสัมผัสถึงพลังจากขอบเขตจิตวิญญาณของนาง…. ดังนั้นหลังจากที่หลิ่วเฟยทะลวงผ่านขอบเขตจิตวิญญาณแล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่านางต้องการที่จะสู้กับเขาอีกครั้ง
หลิ่วเฟยยังเยาว์วัยนักแต่ก็สามารถทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณได้แล้ว นางช่างมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆด้วยความแข็งแกร่งของนางคงจะเทียบได้กับหลินเชียนและน่าหลานเฟิง เมื่อพิจารณาจากสิ่งเหล่านี้แล้วการที่หลิ่วเฟยจะมีนิสัยเย่อหยิ่งก็คงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นางก็ไม่ได้เป็นคนชั่วช้าและใจแคบเหมือนหลินเชียนและไม่ได้เหยียดหยามคนอื่นเหมือนน่าหลานเฟิง นอกจากนี้เป็นไปได้ว่าสถานะของนางยังสูงกว่าทั้ง 2 ที่เห็นได้ชัดคือนางนั้นมีกองกำลังทหารม้าโลหิตที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ากองกำลังเมืองหยางโจวที่ต้องการจะสังหารหลินเฟิงในคืนก่อนประลองยุทธ์ประจำปี
“ตามที่คาดไว้ เป็นทักษะดาบที่ทรงพลังอย่างมาก” ลูกศรของหลิ่วเฟยรวดเร็วกว่าเล็กน้อย ลูกศรพุ่งออกไปด้วยความเร็วเหนือเสียงฉีกกระชากอากาศ นางสามารถสังหารผู้อื่นได้อย่างง่ายดายด้วยลูกศรเหล่านี้
เทคนิคการใช้ธนูเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวและผู้บ่มเพาะที่ใช้พวกมันจะได้รับความเคารพอย่างมาก การโจมตีของพวกเขาทั้งรวดเร็วและแม่นยำพร้อมกับพลังทำลายล้างที่สูงส่ง
แต่โชคร้ายที่ความแข็งแกร่งของหลิ่วเฟยยังไม่พัฒนาเต็มที่ ผู้บ่มเพาะพลังระดับสูงที่ใช้ธนูเป็นอาวุธนั้นมีน้อยมาก
“เหอะ เจ้าแค่โชคดี” หลิ่วเฟยกล่าวขณะจ้องมองไปยังหลินเฟิง นางหยิบลูกศรอีกอันออกมา “ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง”
“นั่นไม่จำเป็น ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมข้าถึงต้องขอโทษเจ้า” หลินเฟิงกล่าวขณะส่ายหัว เขาเดินตรงไปยังหลิ่วเฟย
“เจ้ากำลังหาที่ตาย!” หลิ่วเฟยตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว ลูกศรแวกว่ายผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง
“แปดฝ่ามือพิฆาต!”
หลินเฟิงยกมือขึ้นและสวนกลับด้วย 3 ฝ่ามือเข้าปะทะกับลูกศร ความรุนแรงของมันค่อยๆลดลงและในที่สุดก็ร่วงลงบนพื้น
“แปดฝ่ามือพิฆาต ทักษะระดับลึกลับ ขอบเขตจิตวิญญาณ… ” หลิ่วเฟยคิดขณะสั่นเทาไปด้วยความกลัว เมื่อเห็นหลินเฟิงใช้ทักษะระดับลึกลับ นางรู้ได้ทันทีว่าเขาทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เขายังคงอวดดี
นางตระหนักได้ถึงความผิดพลาด ทันใดนั้นนางหันหลังและเริ่มวิ่งด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
หลินเฟิงมึนงงและไม่เข้าใจการกระทำของนาง จากนั้นนางง้างธนู รูปร่างของนางนั้นสมบูรณ์แบบอย่างมาก ความงดงามได้กลบเจตนาฆ่าของนางไว้ หลิ่วเฟยไม่ยอมปล่อยให้การแก้แค้นของนางล้มเหลวง่ายๆ
“ฟิ้ววววว”
ลูกศรทะลวงผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง แต่ในครั้งนี้มันรวดเร็วและรุนแรงกว่าครั้งก่อนหน้ายิ่งนัก
หลินเฟิงไม่ปรากฏความกลัว เขายังคงมีความมั่นใจเหมือนก่อนหน้านี้ เขาใช้ทักษะแปดฝ่ามือพิฆาตอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาใช้ออกถึง 4 ครั้ง
“บัดซบ ผู้ชายคนนี้สามารถใช้ทักษะแปดฝ่ามือพิฆาตได้ถึงระดับไหนกันแน่!?” หลิ่วเฟยสบถอยู่ในใจ ทันใดนั้นนางได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณออก จิตวิญญาณแห่งลูกศรทองคำเปล่งประกายและสวยงาม มันแตกต่างจากครั้งล่าสุด คราวนี้มีลูกศร 3 ดอกอยู่ด้านหลังของนาง จิตวิญญาณของนางปลดปล่อยปราณที่แข็งแกร่งออกมาทำให้หลินเฟิงสั่นเล็กน้อย
ตามที่หลินเฟิงคาด หลิ่วเฟยได้ปลุกจิตวิญญาณของนางขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
จิตวิญญาณแห่งลูกศรของหลิ่วเฟยบินขึ้นไปในอากาศ นางก็กระโดดขึ้นไปเช่นเดียวกัน
บนท้องฟ้า ลูกศรเล็งเป้าที่หลินเฟิงอย่างแม่นยำ ในขณะเดียวกัน หลิ่วเฟยที่กำลังถือธนูสีเงินไว้ได้บรรจุลูกศรไว้ถึง 6 ดอก พวกมันเป็นลูกศรที่ดูน่าเกรงขามและทรงพลังอย่างมาก
“ฝนดาวตก”
หลิ่วเฟยกลับกลายเป็นสงบนิ่ง ร่างกายของนางลอยอยู่ในอากาศและปลดปล่อยลูกศรที่ทรงพลังออกมา
จิตวิญญาณแห่งลูกศรนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ไม่เพียงแต่เล็งเป้าโดยอัตโนมัติ แต่ยังมุ่งไปยังบางส่วนของร่างกายโดยเฉพาะเจาะจงได้
ในตอนนั้นเอง หลินเฟิงรู้สึกเหมือนกับจิตวิญญาณแห่งลูกศรกำลังเล็งมาที่วิญญาณของเขา ราวกับว่าแรงกดดันจากลูกศรกำลังกดทับตัวเขาไว้
“ลูกศรเหล่านี้ทรงพลังมาก!”
ใบหน้าของหลินเฟิงกลายเป็นมืดมน ทันใดนั้นเขารีบใช้ทักษะแปดฝ่ามือพิฆาตโดยใช้มือถึง 2 ข้าง การโจมตีทั้ง 14 ครั้ง ราวกับจะลบล้างท้องนภาและปกคลุมปฐพี การโจมตีที่รุนแรงพุ่งตรงไปยังลูกศร
” ตู้มมมม! ตู้มมมม! ตู้มมมม! “
เกิดระเบิดกลางอากาศ ลมที่รุนแรงปะทะเข้ากับเสื้อคลุมของหลินเฟิง
หลังจากการโจมตีเหล่านั้นหายไป ร่างของหลิ่วเฟยปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางฝุ่นควัน นางกำลังหมอบคลานและหายใจอย่างหนักหน่วง
“เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?” หลิ่วเฟยจ้องมองไปยังหลินเฟิงและคิดว่าการแก้แค้นของนางคงจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว นางประปลาดใจเป็นอย่างมาก หลังจากทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณ พ่อของนางได้มาฝึกฝนนางด้วยตัวเอง หลิ่วเฟยฝึกฝนทุกวันโดยไม่ได้หยุดพัก นางพัฒนาจังหวะการหายใจและทักษะในการต่อสู้ให้มากขึ้น นางแข็งแกร่งขึ้นมากและลูกศรแต่ละดอกที่ปล่อยออกมาก็แผงไปด้วยพลังทำลายที่รุนแรง ด้วยจิตวิญญาณแห่งลูกศร หลิ่วเฟยสามารถยิ่งลูกศรได้ถึง 6 ดอกในทีเดียว
หลิ่วเฟยมีพรสวรรค์อย่างมากในฐานะศิษย์ที่บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณขั้นแรกและไม่มีใครที่จะเอาชนะนางได้ แต่หลินเฟิงยังคงสามารถทำลายการโจมตีของนางได้ทั้งหมด นางได้พ่ายแพ้อีกครั้ง
หลินเฟิงเป็นอัจฉริยะ เขาสามารถใช้ทักษะแปดฝ่ามือพิฆาตได้ถึง 7 ครั้งและโจมตีออกได้ถึง 14 ครั้งด้วยมือทั้ง 2 ข้าง ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยถ้าจะเรียกเขาว่าผู้เชี่ยวชาญของทักษะแปดฝ่ามือพิฆาต เขาเป็นเพียงขั้นแรกของขอบเขตจิตวิญญาณจริงๆหรือ? การโจมตีของเขาทรงพลังเกินไป!
หลิ่วเฟยเห็นหลินเฟิงเดินเข้ามาใกล้และปรากฏรอยยิ้มแปลกๆบนหน้าของเขา นางรู้สึกสั่นสะท้านไปถึงกระดูกสันหลังและระวังตัวมากขึ้น “เจ้ากำลังจะทำอะไร?”
” อืมมม…” หลินเฟิงไม่ได้กล่าวสิ่งใด ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง หลิ่วเฟยเป็นคนแบบไหนกัน? นางทั้งสง่างามและแข็งแกร่งทั้งยังดูน่ารักอย่างมาก แต่เขารู้ว่าลึกลงไปนางอาจจะป่าเถื่อนไปบ้าง ถ้าหลินเฟิงไม่มีจิตที่เข้มแข็งและความมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่ง เขาอาจจะตกหลุมรักนางไปแล้ว
ปรากฏรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนหน้าของหลินเฟิง ” แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรล่ะ….?”
“เจ้า….” หลิ่วเฟยมีเลือดออกจากปาก ใบหน้าของนางซีดขาวเป็นอย่างมาก นางคว้าลูกศรจากด้านหลัง… และเริ่มกดมันลงไปที่คอของนาง นางตั้งใจอย่างแน่วแน่
หลินเฟิงเพียงแค่ล้อเล่นแต่ทันใดนั้นเขาต้องประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าการหยอกล้อของเขาจะส่งผลเช่นนี้ เขาไม่สามารถทำอะไรได้และตื่นตระหนกอย่างมาก
“ถ้าข้าต้องการที่จะทำบางอย่างกับเจ้าจริงๆ เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะขัดขืนได้?”
หลินเฟิงไม่มีทางเลือกนอกจากพูดแบบนี้ เป็นไปได้ไหมที่การพูดของเขาก่อนหน้านี้จะฟังเหมือนคนเลวทราม?
คำพูดของหลินเฟิงทำให้หลิ่วเฟยผ่อนคลายลง แต่นางก็ยังกำลูกศรไว้ในมือ
“ถ้าเจ้าต้องการสถานที่นี้จริงๆ ข้าจะยกมันให้กับเจ้า จากนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องเจอกันอีกมันคงไม่ลำบากเกินไปสำหรับเจ้า” หลินเฟิงกล่าวขณะเดินและไปหยุดอยู่หน้าหลิ่วเฟย
หลินเฟิงก้มลงมองหลิ่วเฟย เขาถอนหายใจอย่างช้าๆ
หลินเฟิงผู้ยืนอยู่หน้าหลิ่วเฟย จ้องมองและสังเกตใบหน้าที่งดงามของนางอย่างใกล้ชิด เขาดูประหม่า จากนั้นก็ยิ้มและกระซิบข้างหูของนาง ” ข้าเพิ่งจะตระหนักได้ว่าเจ้าในตอนนี้แลดูน่ารักมาก ”
หลังจากกล่าวเสร็จ หลินเฟิงก็จากไป
หลิ่วเฟยกลายเป็นใบ้ ไม่นานนักความรู้สึกของนางก็กลับมา
” หื้มม…. เจ้าสารเลว! ”
หลินเฟิงรู้สึกราวกับภูเขากำลังสั่นสะท้าน เสียงของหลิ่วเฟยดั่งสนั่นไปทั่วภูเขา นางทั้งโกรธเกรี้ยวและอับอาย ถ้าใครก็ตามที่เห็นหน้านางในตอนนี้จะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน
” ฮ่าๆๆๆ ” หลินเฟิงหัวเราะและยิ้มอย่างสดใส เขาราวกับชายหนุ่มที่มีความสุขและกำลังมีความรัก ตอนนี้เขาผ่อนคลายเป็นอย่างมาก