I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 60 ม่อเสียผู้ชั่วร้าย

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

หลินเฟิงเดินออกจากภูเขา เขาเห็นภาพเงาของผู้คนจำนวนมากบนขอบฟ้า พวกเขากำลังวิ่งด้วยความเร็ว และสร้างพายุฝุ่นไว้เบื้องหลัง

 

“เกิดอะไรขึ้น?” ศิษย์คนหนึ่งที่ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นถาม

 

“เจ้าไม่รู้เรอะ? มีสัตว์อสูรดุร้ายมากมายในหุบเขาวายุทมิฬ ราวกับคลื่นสัตว์อสูรพวกมันจำนวนมากหมายมหาศาลกำลังบ้าคลั่ง เหล่าศิษย์นิกายหยุนไห่กำลังเดินทางไปที่นั้นเพื่อยับยั้งความโกลาหล”

 

“คลื่นสัตว์อสูรบ้าคลั่ง…?” มีคนหนึ่งตอบกลับ และเขาดูตื่นเต้นมากๆ เขาจึงรีบมุ่งหน้าไปยังหุบเขาวายุทมิฬทันทีด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

 

นิกายหยุนไห่มีประวัติศ่าสตร์ยาวนานมากกว่า 1 พันปี แต่หุบเขาวายุทมิฬกลับมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่านิกายหยุนไห่เสียอีก คลื่นสัตว์อสูรไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ตอนนี้พวกมันอ่อนแอ ทำให้ศิษย์จำนวนมากมายหลายคนกำลังมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่อสู้ และสมบัติมีค่าต่างๆ เหตุการณ์เช่นนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก ดังนั้นจึงไม่ควรพลาดโอกาสอันดีเช่นนี้

 

ไม่กี่ร้อยปีก่อน มีคลื่นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอย่างมาก ทำให้นิกายหยุนไห่เกือบถูกทำลายโดยคลื่นสัตว์อสูรครั้งนั้น สัตว์อสูรทั่วๆไป และสัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณไม่ใช่ปัญหาที่จะฆ่าพวกมัน…. แต่ระหว่างที่เกิดคลื่นสัตว์อสูรในอดีตครั้งนั้นมันมีสัตว์อสูรระดับปฐพีจำนวนมหาศาล มันแข็งแกร่งอย่างมากเทียบได้กับผู้บ่มเพาะพลังในขอบเขตปฐพี มันเป็นเรื่องยากมากที่จะฆ่าพวกมันได้แต่ละตัว และก็อัตรายมากด้วยเช่นกัน การเคลื่อนที่ของพวกมันสามารถทำให้แผ่นดินต้องสั่นไหว และพวกมันก็ฆ่าผู้คนไปจำนวนมาก จนเกือบทำให้นิกายหยุนไห่ถูกทำลาย

 

ว่ากันว่าในอดีตสัตว์อสูรที่เป็นผู้นำของพวกมัน มันเป็นสัตว์อสูรที่กลายพันธุ์ มันสามารถเปลี่ยนรูปร่างของมันได้ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวมันเกิดขึ้นมานานแล้ว ทำให้คนที่รู้ข้อมูลพวกนี้มีน้อย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ทุกๆคนจะรู้ว่าคลื่นสัตว์อสูรมันจะอันตรายก็ตาม แต่มันก็เป็นโอกาสที่ดี ผู้บ่มเพาะพลังจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเก็บเกี่ยวของมีค่าต่างๆให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แถมการต่อสู้กับสัตว์อสูรจะช่วยให้พวกเขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว

 

“ข้าไม่คิดว่าศิษย์ของนิกายหยุนไห่จะไปที่นั้นก่อนที่จะมีการสอบเป็นศิษย์ภายใน” หลินเฟิงคิด จากนั้นเขาก็เริ่มเดินต่อไป และตัดสินใจว่าจะมุ่งหน้าไปที่หุบเขาวายุทมิฬดีหรือไม่

 

หลินเฟิงเดินคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นหลิ่วเฟยก็ออกมาจากภูเขา และมุ่งหน้าไปยังหุบเขาวายุทมิฬ

 

บนภูเขาที่สูงที่สุดของนิกายหยุนไห่ มีกลุ่มคนที่ดูลึกลับนั่งอยู่ และกำลังมองลงไปบริเวณรอบๆ พวกเขากำลังจ้องมอง ลิ่งหูเหอซาน ผู้ที่เป็นศิษย์หลักอันดับสูงสุดของนิกายหยุนไห่

 

“เขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน ดูเหมือนครั้งนี้จำนวนของสัตว์อสูรจะค่อนข้างมากมายนัก“

 

“อย่างที่คิด ลิ่งหูแข็งแกร่งยิ่งนัก เขาดูเหมือน 1 ใน 8 ปรมาจารย์ระดับสูงของอาณาจักร…” หนึ่งในพวกเขาคิดขณะกำลังมองไปยังภาพเงาของลิ่งหูเหอซาน

 

……………………………..

 

ณ หุบเขาวายุทมิฬในตอนนี้ราวกับสนามรบ เหล่าผู้อาวุโส และศิษย์กำลังเกาะกลุ่มไปที่หุบเขาวายุทมิฬด้วยกัน

 

ปากทางเข้าของหุบเขาวายุทมิฬ ล้อมรอบไปด้วยเหล่าผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกาย เหล่าสัตว์อสูรคำรามร้องเสียงดังจากตีนภูเขา ศิษย์หลายคนกำลังฆ่าสัตว์อสูรอย่างเมามันส์ มันเป็นการนองเลือดจริงๆ

 

ในขณะนั้น ผู้อาวุโสม่อเสียกำลังยืนอยู่บนเสาหินขนาดใหญ่ แขนเสื้อของเขากำลังกระพืออยู่กลางอากาศ

 

“ผู้อาวุโสม่อเสีย ศิษย์พวกนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง ดูเหมือนว่าเหล่าศิษย์ธรรมดาพวกนี้จะสามารถพัฒนาก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว” กล่าวโดยผู้อาวุโสทั่วไปอีกคนหนึ่งที่ยืนใกล้ๆกับม่อเสีย

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอน ไม่มีอันตรายใดๆที่พวกเราต้องกลัวในหุบเขาแห่งนี้ นี่เป็นการอุ่นเครื่องสำหรับพวกเขาก่อนการสอบคัดเลือกเป็นศิษย์ภายใน น่าสนุกจริงๆๆ”

 

ม่อเสียหัวเราะเมื่อพูด ราวกับว่าคลื่นสัตว์อสูรไม่สามารถฆ่าศิษย์ของพวกเขาได้

 

“ผู้อาวุโสม่อเสีย, ผู้อาวุโสม่อเสีย….”

 

ในขณะนั้นมีผู้คนจำนวนมากกำลังรวมตัวกัน และเมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาคารวะผู้อาวุโสอย่างสุภาพ

 

ในตอนนั้นได้มีภาพเงาวิ่งผ่าน ม่อเสีย ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อพุ่งไปยังสัตว์อสูร ม่อเสียหน้าซีดขาวทันที ราวกับเขาได้เห็นผี แล้วมีเสียงคำรามดังสะนั่น และสัตว์อสูรระดับ 8 ตายทันที

 

เสียงคำรามดังสนั่นมาจากดาบของหลินเฟิง เขาทำให้บรรยกาศสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาพุ่งเข้าไปจัดการสัตว์อสูรที่กำลังบ้าคลั่ง และลงดาบไปที่หัวของมัน ทำให้มันตายและกลายเป็นซากศพทันที

 

หลินเฟิงใช้ดาบเพื่อเก็บเกี่ยวของมีค่าต่างๆ เข้าไปในกระเป๋า ของมีค่าพวกนี้มันมีราคาแพงมาก และมีค่ามากสำหรับเขา เขาสามารถแลกเปลี่ยนพวกมันเป็นสิ่งต่างๆเพื่อยกระดับการบ่มเพาะพลังของเขาได้

 

ม่อเสียผู้ที่ยังคงยืนอยู่บนเสาหินขนาดใหญ่ เมื่อเขาเห็นหลินเฟิงทำให้รู้สึกเจ็บใจขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงตอนที่เขาถูกทำให้อับอายขายหน้าต่อหน้าผู้อื่นจำนวนมาก เขาไม่คิดเลยว่าหลินเฟิงจะสามารถพัฒนาทักษะดาบของเขาได้รวดเร็วเช่นนี้เพียงระยะสั้นๆ

 

“แม้เจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่เจ้ายังเป็นเพียงแค่ศิษย์ธรรมดา เจ้ากล้ามากที่ทำให้ข้าอับอายขายหน้า เจ้าต้องตายสถานเดียว” ความคิดของม่อเสียเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาไม่มีวันลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น

 

“หยุดการกระทำของเจ้าซะ” ม่อเสียตะโกนขณะมองไปที่หลินเฟิง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาตะโกนดังมากทำให้หลินเฟิงตกใจ เขาหยุดมือกับสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ จากนั้นก็หันหลังกลับไปและสังเกตเห็นม่อเสีย

 

“มีอะไรผิดพลาดหรือผู้อาวุโส?” หลินเฟิงถาม

 

“ไอสารเลว หยุดฆ่าสัตว์อสูรซะ! เจ้ากำลังทำให้ศิษย์คนอื่นๆไม่ได้เก็บเกี่ยวสิ่งของล้ำค่า เจ้ามันเห็นแก่ตัว”

 

ม่อเสียยังคงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว มีใครบางคนยืนอยู่ใกล้ๆกับหลินเฟิง เขาเป็นผู้อาวุโสที่ติดตามม่อเสีย เขาถูกส่งไปที่นั่นโดยม่อเสีย เขาสามารถฆ่าหลินเฟิงได้อย่างง่ายดายเพียงแค่สะบัดข้อมือของเขา

 

“ผู้อาวุโส ข้าไม่เห็นสิ่งของมีค่าที่ท่านกำลังพูดถึงเลย” หลินเฟิงกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา ในตอนนั้นม่อเสียได้พยายามให้หลินเฟิงติดกับดักที่เขาสร้างขึ้น เขาต้องการมอบหลินเฟิงให้กับฉู่จั่นเผิง หลินเฟิงไม่คิดว่าม่อเสียยังเกลียดเขาอยู่ หลินเฟิงไม่เคยรุกรานเขาโดยตรง ม่อเสียได้ทำเรื่องผิดพลาดมากมาย และพยายามใส่ร้ายเขา หลินเฟิงคิดว่าม่อเสียจะได้รับบทเรียนในครั้งนั้นแล้วเสียอีก

 

“ไอสารเลว เจ้ากล้าดียังไงถึงพูดจาแบบนี้กับผู้อาวุโสม่อเสีย?” ผู้อาวุโสที่ยืนใกล้ๆ หลินเฟิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

 

ผู้อาวุโสคนนี้ไม่ได้อ่อนแอ แต่เขานับถือม่อเสีย แน่นอนเขาไม่มีทางพลาดโอกาสอันดีงามเช่นนี้ ที่จะแสดงความจงรักภักดีต่อหน้าผู้มีพระคุณของเขา

 

“ข้ากำลังบอกว่าเจ้ากำลังขโมยสิ่งของมีค่าไป หรือเจ้าจะให้ข้าพูดซ้ำอีกครั้ง?” ม่อเสียกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา หลินเฟิงไม่ได้มีเจตนาที่จะทำเช่นนั้น แต่มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะเกิดความเข้าใจผิด ม่อเสียได้กล่าวหาหลินเฟิงอีกครั้ง และพยายามยั่วยุให้คนอื่นๆที่อยู่ที่นั้นฆ่าหลินเฟิง

 

ถ้าหลินเฟิงถูกฆ่าตาย แล้วเขาจะพูดแก้ต่างได้อย่างไร? เขาเป็นเพียงแค่ศิษย์ธรรดมา โดยมีผู้อาวุโสทั้ง 2 คนเป็นพยาน และกำจัดหลินเฟิงโดยใช้กฏของนิกาย แค่นี้ก็จะไม่มีอะไรแปลกถ้าหลินเฟิงถูกฆ่าตาย

 

“ไอหนู เจ้ากล้ามากที่ท้าทายผู้อาวุโสอย่างข้า” ม่อเสียกล่าว เขากำลังหัวเราะอยู่ในใจ

 

“ท่านเป็นผู้อาวุโสที่ไร้ยางอายจริงๆ” หลินเฟิงตะโกนด่าเสียงดัง ตอนแรกเขากล่าวหาว่าหลินเฟิงกำลังขโมยของจากคนอื่น แล้วตอนนี้ยังหาข้ออ้างต่างๆนาๆเพื่อยัดเยียดให้หลินเฟิง

 

แม้ว่าจะมีบางคนที่ไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ถ้าผู้อาวุโสสั่งพวกเขาก็จะต้องปฏิบัติตาม… และม่อเสียยังพยายามสร้างความขัดแย้งระหว่างหลินเฟิง และผู้อาวุโสคนอื่นๆอีก

 

หลินเฟิงไม่มีทางที่จะหลุดข้อกล่าวหาได้ ถ้าผู้อาวุโสกล่าวว่าเขากระทำความผิด มันก็หมายความว่าเขากระทำความผิด

 

“ม่อเสีย ข้ารู้ว่าท่านต้องการที่จะฆ่าข้า ท่านไม่จำเป็นต้องสร้างข้อกล่าวหาเท็จพวกนั้นเพื่อกล่าวหาข้า เพียงแค่ท่านมาเผชิญหน้ากับข้า” หลินเฟิงมองไปที่ม่อเสีย และยิ้มอย่างเย็นชา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ และความเย่อหยิ่ง

 

“ห๊ะ?” ม่อเสียขมวดคิ้ว เหตุใดกันหลินเฟิงถึงกล้าพูดไร้สาระเช่นนี้?

 

“ม่อเสีย ข้าเป็นเพียงแค่ศิษย์ธรรมดา แต่ท่านเป็นถึงผู้อาวุโส ท่านจะกลัวอะไร? ถ้าท่านต้องการฆ่าข้า ท่านก็เข้ามาฆ่าข้าสิ ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่”

 

หลินเฟิงเห็นว่าม่อเสียกำลังขมวดคิ้ว ดังนั้นเขาจึงพูดต่อ เขาไม่ได้สูญเสียการควบคุมของตัวเองไป เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องเกี่ยวกับม่อเสีย และยังทำให้เขาอับอายขายหน้าต่อ

 

“ไม่แปลกเลย…” ม่อเสียจำได้ว่าในวันนั้น เขาได้รับความหวาดกลัวอย่างมากจากเงาดำที่จับตัวเขาไว้ เมื่อเขาพยายามโจมตีหลินเฟิง

 

แท้จริงแล้วเงานั้นได้ปกป้องหลินเฟิงระหว่างเกิดการณ์นั้น แล้วม่อเสียมั่นใจได้อย่างไรว่าเงาดำนั่นจะไม่ปกป้องหลินเฟิงอีกครั้ง? หรือว่าหลินเฟิงพยายามยั่วยุข้าเพื่อให้เงาดำออกมาปกป้องเขาอีกครั้ง?

 

ม่อเสียจำได้ว่าเงาดำอันน่ากลัวมันสามารถครอบงำร่างกายเขาได้อย่างสมบูรณ์ เขาหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนนั้น

 

ต่างฝ่ายต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน ม่อเสียมองไปที่หลินเฟิงด้วยแววตาอันชั่วร้าย ส่วนหลินเฟิงก็มองม่อเสียด้วยแววตาที่เย่อหยิ่ง และไม่แสดงความหวาดกลัวใดๆเลยแม้แต่น้อย

 

“เหอชง ไปจับมัน” ม่อเสียกล่าวกับเหอชง ที่ยืนอยู่ใกล้ๆหลินเฟิง และพูดเน้นย้ำว่า “อย่าฆ่า” “จับเป็น”เท่านั้น

 

“ขอรับ” เหอชง ตอบกลับ

 

“ช่างเป็นคนที่โง่เขลาอะไรเช่นนี้” หลินเฟิงกล่าวขณะเหลือบมองไปที่เหอชง คำพูดที่ดูถูกได้ออกมาจากปากของหลินเฟิงเอง มันเป็นสิ่งที่ฝูงชนที่กำลังเฝ้าดูอยู่รอบข้างคาดไม่ถึง

 

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ???” เหอชงกล่าว เขากำลังโกรธเกรี้ยวอย่างมาก ที่ถูกศิษย์ธรรมดาพูดจาดูถูกเขาต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก

 

“ม่อเสีย ไม่กล้าที่จะแตะต้องข้า และใช้เจ้าเพื่อโจมตีข้า เจ้าไม่รู้ตัวเลยรึไง?”

 

หลินเฟิงยิ้มเยาะเย้ย ขณะมองไปที่เหอซง แล้วพูดต่อว่า “ข้าไม่เพียงแต่ดูถูกเจ้า ข้าก็ดูถูกม่อเสียด้วยเช่นกัน เมื่อเจ้าหันกลับไปมองที่ม่อเสียตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เจ้ายังมีใจที่จะโจมตีข้าอีกรึ?”

 

“ม่อเสียไม่กล้าโจมตีข้า เขาต้องการให้เจ้าโจมตีข้าแทน เจ้ามันก็แค่แพะรับบาป และเจ้ายังรู้สึกตื่นเต้นที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของเขาอีก ข้าพูดว่าเจ้าเป็นคนโง่ มันผิดรึที่ข้าจะพูดเช่นนั้น?” น้ำเสียงของหลินเฟิงเต็มไปด้วยความเยือกเย็น แต่เขาก็ยังคงสงบนิ่ง มันทำให้เหอซงโกรธขึ้นมาทันที เขาไม่ลังเล และเริ่มที่จะพุ่งเข้าไปโจมตีหลินเฟิง

 

แต่ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าไปโจมตี เขาแอบชำเลืองมองไปที่ม่อเสีย และเห็นม่อเสียโกรธมากเช่นกัน แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปปะทะกับหลินเฟิง เขาก็หยุดชะงัก

 

“ม่อเสียเป็นคนที่แข็งแกร่ง และมีอิทธิพลอย่างมาก หรือว่าเขาจะใช้ข้าเป็นแพะรับบาป?” เหอชงคิด เขากำลังนึกถึงบทสนทนาระหว่างม่อเสีย และหลินเฟิง เมื่อเขาคิดมากเท่าไหร่ เขาก็คิดว่าสิ่งที่หลินเฟิงกล่าวค่อนข้างถูกต้อง นอกจากนี้พ่อของม่อเสียกำลังยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา ดังนั้นถ้ามีบางสิ่งเกิดขึ้นกับม่อเสียเขาก็จะได้รับความช่วยเหลือจากพ่อของเขา แล้วถ้าหากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเหอซง แล้วใครจะเป็นผู้ที่ปกป้องเขา?

 

ในขณะนั้น กลุ่มศิษย์จำนวนมากของนิกายหยุนไห่กำลังล้อมรอบพวกเขา และได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง พวกเขากำลังงงงวยเพราะศิษย์ธรรมดาพูดเพียงไม่กี่ประโยค กลับทำให้ผู้อาวุโสของนิกายหยุนไห่ต้องหวาดกลัว

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments