ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“เร็วเข้า! รีบมาฆ่าข้า มัวรออะไรอยู่! แค่นี้ยังไม่กล้าแล้วเจ้าจะเรียกตัวเองว่าผู้อาวุโสของนิกายได้อย่างไร?” หลินเฟิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและตัดหัวปีศาจงูยักษ์ ดาบของเขาแม่นยำและแหลมคมอย่างมาก
รอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของหลินเฟิงทำให้เหอชงลังเลที่จะโจมตี เหอชงแปลกใจในตัวเองที่เชื่อคำพูดของหลินเฟิงและไม่ต้องการที่จะทำอะไรผลีผลาม เมื่อเห็นความไม่มั่นใจของม่อเสีย ผู้อาวุโสทั้งสองราวกับถูกแช่แข็ง ครั้งสุดท้ายที่ม่อเสียพยายามจะทำร้ายหลินเฟิง ได้ปรากฏเงาปีศาจได้เข้ามาปกป้องเขา มันทำให้ม่อเสียหวาดกลัวอย่างมาก เพียงแค่คิดถึงมันม่อเสียก็สั่นสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง มันเป็นความกลัวที่ฝังลึกลงไปในใจของเขาเรียบร้อยแล้ว
การต่อสู้กับเหล่าสัตว์อสูรเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีศิษย์จำนวนมากเข้าร่วมการต่อสู้ แต่ละคนเข้าปะทะกับสัตว์อสูรที่ดุร้าย เมื่อเห็นพวกเดียวกันตกตายเป็นจำนวนมาก ทำให้เหล่าสัตว์อสูรเริ่มบ้าคลั่ง!
ในที่สุดหลิ่วเฟยก็มาถึง นางเห็นหลินเฟิงอยู่ท่ามกลางสัตว์อสูรที่ดุร้ายและเห็นเขาเข่นฆ่าพวกมันอย่างง่ายดาย ดาบของเขาอาบไปด้วยโลหิตและเกิดบ่อเลือดขนาดใหญ่ใต้ฝ่าเท้าของเขา หลินเฟิงใช้พลังไปเพียงเสี้ยวเดียวทำให้ยากที่จะบอกว่าเขาบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว เขาใช้พลังที่เทียบเท่ากับขั้นที่ 9 ขอบเขตพลังปราณเพื่อที่จะสังหารเหล่าสัตว์อสูร อย่างไรก็ตามดาบของหลินเฟิงทั้งรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้การกวัดแกว่งดาบดาบแต่ละครั้งทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ
หลินเฟิงสามารถควบคุมการใช้ดาบได้อย่างสมบูรณ์แบบในทุกกระบวนท่า เขาทั้งรวดเร็วและแข็งแกร่ง ผู้คนไม่สามารถคาดเดาพลังที่แท้จริงของหลินเฟิงได้ แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือเขาทรงพลังมาก
“ไอสารเลวนั่นอีกแล้ว..” หลิ่วเฟยเกลียดหลินเฟิงมาก นางคว้าธนูจากด้านหลังและยิงไปที่กะโหลกของสัตว์อสูรที่หลินเฟิงกำลังจะฆ่า
หลินเฟิงหันหลังและเห็นหลิ่วเฟยจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่เย็นชา เขายิ้มให้กับนางอย่างเป็นมิตร เขาเชื่อว่าความแค้นระหว่างเขาและนางได้รับการชำระแล้ว
” โฮ้กกกกกกกกกกกกกก” เสียงคำรามที่เกรี้ยวกราดดังสนั่นไปทั่วอากาศ พื้นดินเริ่มสั่นอย่างรุนแรง ทุกคนรู้สึกราวกับว่าปฐพีกำลังจะพังทลาย ใบหน้าของทุกคนกลายเป็นเคร่งเครียดยิ่งขึ้น
“สัตว์อสูรที่ทรงพลังกำลังจะมาถึง!”
ผู้คนมากมายเริ่มหวาดกลัวสัตว์อสูรที่ทรงพลังที่กำลังมุ่งมายังทิศทางของพวกเขา กลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่เริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ต้นไม้ตลอดเส้นทางเริ่มเหี่ยวเฉา
“น่าหวาดกลัวอะไรเช่นนี้!”
ผู้คนยังคงก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง กลุ่มก้อนพลังขนาดมหึมาอย่างน้อยจะต้องเป็นสัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณ ถ้าศิษย์ธรรมดาคนใดพยายามที่จะเข้าใกล้เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
เมื่อหลินเฟิงสังเกตเห็นเหล่าสัตว์ดุร้ายที่ทรงพลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เขาก็ก้าวถอยหลังเช่นกัน เขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถจัดการกับพวกมันได้ง่ายดายนัก จนถึงตอนนี้พวกที่เขาเข่นฆ่าไปมีเพียงพวกระดับต่ำและยังไม่เคยสู้กับสัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณ
ขณะที่หลินเฟิงก้าวถอยหลัง ทันใดนั้นมีแรงกดดันเข้าปะทะกับร่างของเขาอย่างกระทันหัน แรงกดดันที่ทรงพลังทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อและเริ่มผลักเขาไปข้างหน้าโดยที่เขาไม่สามารถต้านทานได้
“เจ้าเดรัจฉาน!” หลินเฟิงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวขณะจ้องมองไปยังม่อเสียที่อยู่ข้างหลัง เขาไม่จำเป็นที่จะต้องถามเลยว่าใครที่กล้าทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเพียงผู้อาวุโสม่อเสียเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้ ม่อเสียไม่กล้าที่จะโจมตีเขาโดยตรงจึงทำได้เพียงขัดขวางทางหนีของหลินเฟิงเท่านั้น
ม่อเสียไม่ได้ให้ความสนใจกับคำด่าของหลินเฟิง เขายิ้มอย่างชั่วร้าย เขาถูกทำให้อับอายโดยศิษย์ธรรมดาไร้ค่าอยู่หลายครั้งทำให้เกิดความเกลียดชังอย่างมาก แต่ม่อเสียเริ่มรู้สึกว่าเขาคิดผิดเกี่ยวกับเงาที่คอยช่วยเหลือหลินเฟิง จะเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ถือครองจิตวิญญาณแห่งเงาจะอยู่กับหลินเฟิงตลอดเวลา? นอกจากนี้ม่อเสียยังเฝ้ามองอย่างรอบครอบและไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ เขาจึงตัดสินใจว่าตอนนี้คือโอกาสดีที่สุดที่จะลงมือ
แน่นอนว่าม่อเสียไม่ได้มีความมั่นใจนักว่าผู้ใช้เงาไม่ได้อยู่แถวนี้ ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีการอ้อมๆทำร้ายหลินเฟิง เขาต้องการให้สัตว์ร้ายเหล่านั้นเป็นผู้สังหารหลินเฟิง
เหล่าสัตว์ร้ายที่ทรงพลังกำลังขยับเข้ามาใกล้มันราวกับว่าทุกที่ๆพวกมันผ่านจะต้องถูกทำลาย ทุกคนสามารถมองเห็นหมอกหนาสีดำบนท้องฟ้าได้ ในม่านหมอกเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสัตว์อสูรที่ดุร้าย พวกมันแต่ละตัวปลดปล่อยพลังปราณทรงแข็งแกร่งออกมาทำให้หัวใจของเหล่าศิษย์เต้นรัวไปด้วยความกลัว
“เขาจะตาย ผู้อาวุโสม่อเสียตั้งใจทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”
ทุกคนเริ่มวิ่งหนีและเห็นว่าหลินเฟิงเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่สามารถถอยกลับได้ ม่อเสียยืนอยู่ห่างฝูงชนและยืนอย่างมั่นคงอยู่ข้างหลังของหลินเฟิง พวกเขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้ทำได้เพียงดูถูกในความโง่ของหลินเฟิง แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าข้อเท็จจริงนั้นเป็นอย่างไร แต่นี่คงเป็นผลมาจากการดูหมิ่นผู้อาวุโสของนิกาย
“สัตว์อสูรเหล่านั้นทรงพลังมาก ถ้าข้าถูกบังคับให้ต่อสู้ ข้าคงจะถูกฆ่าตายในทันที” หลินเฟิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด เขาอยากที่จะหลบหนีแต่ก็ถูกม่อเสียขัดขวางเอาไว้
” ฮ่าๆๆ ดูเหมือนว่าผู้ใช้จิตวิญญาณเงาจะไม่ได้อยู่กับเขา” ม่อเสียคิดอย่างชั่วร้าย จากนั้นเขาก็ตะโกน “หนีเอาตัวรอดก่อนสงครามจะมาถึง ถือเป็นความอัปยศของนิกายหยุนไห่”
เมื่อม่อเสียกล่าวเสร็จ เถาวัลย์ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา และจับหลินเฟิงโยนออกไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ร่างกายของหลินเฟิงถูกบดขยี้ภายใต้แรงกดดันที่แข็งแกร่งและในพริบตาเขาถูกจับโยนออกไปด้วยเถาวัลย์ยักษ์ มันเคลื่อนที่เร็วมากดูคล้ายกับงูเหลือม ในตอนนี้ที่หลินเฟิงไม่สามารถขยับตัวได้
“จิตวิญญาณ… มันคือจิตวิญญาณของผู้อาวุโสม่อเสีย จิตวิญญาณเถาวัลย์อสรพิษ!”
ฝูงชนสั่นสะท้านด้วยความกลัว ดูเหมือนว่าม่อเสียจะต้องทำให้แน่ใจว่าหลินเฟิงจะตกลงสู่กับดักแห่งความตาย ถ้าศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งกล้าที่จะเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสของนิกาย จุดจบของเขาจะต้องเลวร้ายอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม มีบางคนไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาคิดว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะสังหารศิษย์ธรรมดาคนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่พยายามสังหารเขาเป็นผู้อาวุโสของนิกายเสียเอง พวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้ยางอายมากเกี่ยวกับสิ่งที่ม่อเสียกำลังทำอยู่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดออกไป ใครจะกล้ายั่วยุม่อเสีย?
หลินเฟิงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ดาบในมือของเขาสั่นระริกแต่ก็ถูกรัดไว้โดยจิตวิญญาณเถาวัลย์อสรพิษเหมือนกับส่วนที่เหลือของร่างกาย ไม่มีส่วนไหนเลยที่เขาสามารถขยับได้
แม้ว่าหลินเฟิงจะเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากและสามารถบดขยี้ผู้บ่มเพาะในระดับเดียวกันหรือแม้กระทั่งสูงกว่า แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับม่อเสียที่เป็นถึงผู้อาวุโสของนิกายได้ ช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้นใหญ่เกินไป
“น่าประทับใจ ผู้อาวุโสกลั่นแกล่งศิษย์ของนิกายตัวเอง… ท่านช่างไร้ยางอายเสียจริง”
ในตอนนั้นเอง ได้มีเสียงที่เย็นชาตะโกนออกมา ทำให้ฝูงชนต่างตกตะลึงอย่างมากเพราะผู้ที่กล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับผู้อาวุโสก็คือ หลิ่วเฟย… ผู้ที่ถูกหมายปองจากศิษย์มากมายในนิกาย
“หื้มม?” ม่อเสียขมวดคิ้วและจ้องมองไปยังหลิ่วเฟย แต่น่าแปลกที่เขาไม่กล้าโจมตีนาง จริงๆแล้วม่อเสียรู้ถึงสถานะและภูมิหลังที่แท้จริงของหลิ่วเฟย เรื่องตลกก็คือพ่อของม่อเสีย ม่อช่างหลานมีชื่อเดียวกับพ่อของหลิ่วเฟย หลิ่วช่างหลาน แต่หลิ่วช่างหลานนั้นมีชื่อเสียงมากกว่าม่อช่างหลานมากนัก ทุกคนรับรู้เกี่ยวกับหลิ่วช่างหลานในนิกายหยุนไห่ และเป็นเรื่องยากที่ม่อช่างหลานจะเทียบได้
อัจฉริยะผู้ใช้ธนูเป็นอาวุธหลิ่วช่างหลาน และประมุขนิกายหยุนไห่หนานกงหลิง ทั้งสองนั้นถือได้ว่าบ้าบิ่นมากและได้รับความนิยมเมื่อพวกเขายังเยาว์วัย พวกเขาได้รับการสนับสนุนอย่างมากในนิกายและยังถือว่าเป็นศิษย์ที่ดีที่สุด พวกเขาเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง มิตรภาพระหว่างทั้ง 2 นั้นลึกซึ้งมากและสามารถเปรียบได้กับพี่น้อง
หลิ่วเฟยปลดปล่อยจิตวิญญาณของนางและจับคว้าธนูที่อยู่ด้านหลัง นางเตรียมลูกศร 3 ดอกและยิงมันไปที่จิตวิญญาณเถาวัลย์อสรพิษ
หลิ่วช่างหลานทรงพลังอย่างมาก หลิ่วเฟยอิจฉาในศักยภาพและความแข็งแกร่งของพ่อของนาง และถึงแม้ว่านางจะเกลียดหลินเฟิง แต่นางก็ไม่ต้องการเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้ ม่อเสียเป็นเพียงตัวตนเล็กๆ ที่ไร้ยางอายและน่าขยะแขยง
แม้ว่าการโจมตีของนางจะรุนแรงแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำให้จิตวิญญาณเถาวัลย์อสรพิษขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย
หลินเฟิงแปลกใจ เขาไม่คิดว่าหลิ่วเฟยจะพยายามช่วยเหลือเขาในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
“ข้าประมาทเกินไป มันเป็นความผิดของข้าเอง” หลินเฟิงรู้สึกหดหู่หัวใจ เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอกับม่อเสีย ยิ่งกว่านั้นม่อเสียยังกระทำเรื่องไร้ยางอายอย่างโจ่งแจ้ง
นอกจากนี้ม่อเสียยังแข็งแกร่งเกินไปไม่มีใครกล้าที่จะช่วยเหลือหลินเฟิง ยกเว้นหลิ่วเฟย แต่นางก็ไม่แข็งแกร่งพอ นางพยายามที่จะช่วยแต่มันก็ไร้ประโยชน์
“โฮ้กกกกกกกกกกกกกกกก……….. ” เสียงคำรามที่ดุร้ายของสัตว์อสูรเริ่มดังยิ่งขึ้น หมอกหนาสีดำเข้ามาใกล้ ไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งมันได้ มันกลืนกินผืนป่าไปเป็นจำนวนมาก พวกมันทั้งทรงพลังและแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ
“น่ากลัวยิ่งนัก! มันจะต้องเป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลัง! อย่างน้อยก็ต้องเป็นสัตว์อสูรระดับ 7!” ม่อเสียรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่เข้ามาใกล้ สัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณขั้นที่ 7 มันมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 7 ความแข็งแกร่งของมันมาพร้อมกับสัญชาตญาณที่ดุร้ายตามธรรมชาติ ซึ่งทำให้มันแข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะในระดับเดียวกันมากนัก ผู้บ่มเพาะต้องฝึกฝนเพื่อให้ได้มาซึ่งความแข็งแกร่ง ในขณะที่สัตว์อสูรเกิดมาพร้อมกับความแข็งแกร่งตามธรรมชาติ
ม่อเสียเฝ้ามองหลินเฟิงและหวังว่าจะเห็นเขาตกตายต่อหน้า
“ม่อเสีย ไอสารเลว!” เสียงตะโกนที่ทรงพลังราวกับเสียงฟ้าฝ่าดังขึ้น แต่ไม่สามารถมองเห็นเจ้าของเสียงได้
ใบหน้าของม่อเสียแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จิตวิญญาณเถาวัลย์อสรพิษที่พันรอบตัวหลินเฟิงฟถูกฉีกกระชากด้วยพลังที่รุนแรงและยังพุ่งตรงไปยังฝูงสัตว์อสูรที่ดุร้าย