ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“เจ้ากล้าดียังไง!” เสียงตะโกนดังมากจนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน มันเป็นเสียงที่ดุดัน และโกรธเกรี้ยวทำให้ฝูงชนทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัว พวกเขากำลังคาดเดาว่าเป็นเสียงของใคร และเป็นใครกันถึงมีอำนาจน่าเกรงขามขนาดนี้ในนิกาย
มีนกกระเรียนบินอยู่ในอากาศอยู่เหนือหัวพวกเขา จากนั้นนกกระเรียนได้แปลเปลี่ยนเป็นแสงสว่างสีขาว แสงของมันสว่างแสบตามากราวกับเป็นแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ และบดบังแสงจากดวงอาทิตย์ให้หายไปอย่างสมบูรณ์ จากนั้นแสงพวกนั้นก็โจมตีเหล่าสัตว์อสูรทันที
ราวกับสัตว์อสูรพวกนี้มันจะรู้ได้ถึงการมาของบุคคลที่แข็งแกร่ง พวกมันเริ่มคำรามอย่างบ้าคลั่ง แต่ดูเหมือนหมอกสีดำมันจะไม่มีผลกระทบเท่าที่ควร หลินเฟิงกำลังถูกหมอกสีดำดูดกลืน
สัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณไม่เพียงแค่มันจะดูดซับพลังปราณจากสวรรค์ และปฐพีได้เท่านั้น แต่มันยังมีความฉลาดด้วยเช่นกัน พวกมันสามารถรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของศัตรู ดูเหมือนพวกสัตว์อสูรจะได้รับผลกระทบจากแรง และพลังที่หลั่งไหลออกมาจากนกกระเรียน ทำให้มันต้องการหลบหนีออกไปจากที่นี่
ปีกของนกกระเรียนเปล่งประกายเป็นแสงสีเงินแพรวพราว และเมื่อมันบินผ่านฝูงสัตว์อสูร ก็ได้มีแม่น้ำโลหิตไหลลงมาจากภูเขา
สัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง และทรงพลังพวกมันพ่ายแพ้ให้กับบุคคลลึกลับคนนี้อย่างราบคาบ ผู้ที่ครอบครองจิตวิญญาณนกเรียนนั้นแข็งแกร่งมาก ไม่มีทางรู้ได้ว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน
หลังจากที่สัตว์อสูรพวกนี้ถูกฆ่าตาย หมอกสีดำของหมอกปีศาจเริ่มแพร่กระจายไปในชั้นบรรยากาศ และหายไปพร้อมกับหลินเฟิง
“หมอกปีศาจ….อย่างที่คิด พลังของมันน่าเหลือเชื่อมาก”
ใครบางคนในฝูงชนคิด ขณะมองไปที่หมอกปีศาจ มันกลายเป็นฝุ่นเล็กๆของหมอกปีศาจ มันไม่มีร่างกายที่แท้จริง แม้ว่าจะแข็งแกร่งกว่าหมอกปีศาจ แต่มันก็ยังยากที่จะจับมันได้
ทันใดนั้น ปีกของนกกระเรียนเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง และสร้างพายุขึ้นมา ทุกคนในกลุ่มฝูงชนต่างล้มลงเพราะแรงกดดัน หลังจากนั้น นกกระเรียนก็บินจากไป หลงเหลือเพียงซากสัตว์อสูรจำนวนมากมายมหาศาลอยู่บนพื้น
แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้! ทุกคนต่างพูดไม่ออก
ฉู่จั่นเผิงผู้ที่เคยมานิกายหยุนไห่เมื่อไม่นานมานี้เขามีจิตวิญญาณนกยักษ์โบราณ ถึงแม้ทักษะมันจะดูแข็งแกร่งแกร่งและคล้ายๆกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับจิตวิญญาณนกกระเรียนนี้กับจิตวิญญาณของฉู่จั่นเผิง ฉู่จั่นเผิงแล้ว จิตวิญญาณของฉู่จั่นเผิงนั้นดูอ่อนแอไปเลย ถ้าในการต่อสู้ระหว่างจิตวิญญาณนกยักษ์ในตำนาน และจิตวิญญาณนกกระเรียน จิตวิญญาณนกยักษ์ไม่สามารถทนการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว
เหล่าฝูงชนจำนวนมากพวกเขาไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน พวกเขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และสงสัยว่าบุคคลนั้นคือใคร เขามีความเกี่ยวข้องกับนิกายอย่างไร เขาแข็งแกร่งมากจนไม่เห็นสัตว์อสูรพวกนี้อยู่ในสายตา
“นิกายของพวกเราดำรงอยู่มาเป็นระยะเวลาประมาณ 1 พันปี ไม่แปลกเลยที่จะมีผู้บ่มเพาะพลังที่มีความแข็งแกร่งอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้ซ่อนตัวอยู่”
ทุกคนล้วนตื่นตาตื่นใจมากหลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งดังกล่าว
ในขณะนั้นได้มีบุคคลสองคนกำลังเคลื่อนที่อยู่บนท้องฟ้า พวกเขากำลังบินอยู่บนท้องฟ้าราวกับเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขา ทั้งสองคนนี้คือ ประมุขหนานกงหลิง และที่ติดตามเขามาด้วยคือ ม่อช่างหลาน
“เกิดอะไรขึ้น?” หนานกงหลิงกล่าว ขณะกำลังบินลงจอดที่ด้านหน้าม่อเสีย
“ม่อเสียพยายามฆ่าศิษย์ของพวกเราคนหนึ่ง เขาผลักดันให้ศิษย์ของพวกเราคนหนึ่งเขาไปในฝูงสัตว์อสูร เพื่อให้ศิษย์คนนั้นถูกฆ่าตายโดยสัตว์อสูร” คนที่ยืนอยู่ข้างๆหลิ่วเฟยกล่าว นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
หลิ่วเฟยเกลียดหลินเฟิง แต่นางหวังว่านางจะแข็งแกร่งเพียงพอ เพื่อวันหนึ่งนางจะกู้คืนศักดิ์ศรีของตัวเองกลับมาได้ และมอบความพ่ายแพ้ให้กับหลินเฟิง นางไม่พอใจที่เห็นหลินเฟิงถูกทำร้ายอย่างไม่ยุติธรรม หลินเฟิงเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่านาง และหลินเฟิงอาจกลายเป็นเสาหลักของนิกายหยุนไห่ก็ได้ หลิ่วเฟยรู้สึกเสียใจที่เห็นผู้อาวุโสปฏิบัติกับหลินเฟิงเช่นนี้
“ท่านประมุข มันไม่ใช่เรื่องจริง มันมีศิษย์คนหนึ่งที่กำลังฆ่าสัตว์อสูร เขาพยายามที่จะกินรวบสมบัติทั้งหมด และขโมยสิ่งของที่เก็บเกี่ยวมาได้จากศิษย์คนอื่นๆ มันเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย!” ม่อเสียกล่าว เห็นได้ชัดว่าม่อเสียไม่ยอมรับความผิด หลินเฟิงได้ตายไปแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่ยอมรับผิดว่าเป็นคนฆ่าหลินเฟิง แล้วคนตายจะพูดได้อย่างไร?
“ไอสารเลว เจ้าจะต้องตายในวันนี้!”
มีเสียงดังและดุดันดังขึ้น และมีพายุพัดผ่านอากาศเกือบทำให้ทุกคนล้ม และไม่มีใครสามารถยืนได้อย่างมั่นคง
ใบหน้าของม่อเสียเปลี่ยนไปทันที พลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้น และปะทะกับร่างของม่อเสีย
“ตู้มมมมม! ตู้มมมมมม! ตู้มมมมมมม!”
เสาหินที่ม่อเสียยืนอยู่ระเบิดแตกออกเป็นพันๆชิ้น และปากของม่อเสียก็กลบไปด้วยเลือด การโจมตีครั้งนี้มันรุนแรงมาก
ผู้อาวุโสม่อเสียพ่ายแพ้เพียงแค่การโจมตีเพียงครั้งเดียว และมีเลือดไหลออกมาอย่างไม่สุดสาย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้าพ่อของเขาม่อชางหลาน
ฝูงชนรู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน พวกเขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเบื้องหน้าของพวกเขา
จากนั้นฝูงชนเริ่มมองหาว่าใครเป็นคนโจมตี และสังเกตเห็นชายชราคนหนึ่ง ที่ทุกๆคนรู้จักเขา
“ห๊ะ? นั่นมันชายชราที่อยู่หอดวงดารานี่”
ทุกๆคนรู้สึกตะลึง ในฐานะที่พวกเขาเป็นศิษย์ของนิกายหยุนไห่ ทุกๆคนเคยเข้าไปในหอดวงดารา แล้วพวกเขาจะไม่รู้จักชายชราคนนี้ได้อย่างไร
พวกเขาไม่เคยเห็นชายชราในสภาพเช่นนี้มาก่อน พวกเขาเคยเห็นแต่สภาพอันขี้เกียจของเขา ขณะที่เขาทำหน้าที่ที่หอดวงดารา พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้
ในขณะนั้นนัยน์ตาของผู้พิทักษ์เป๋ยเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาเคลื่อนที่ไปหาม่อเสียอย่างช้าๆ จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “เจ้าเป็นถึงผู้อาวุโสคุมกฏของนิกายหยุนไห่ แต่เจ้ากับกล้ามากที่จะฆ่าศิษย์รุ่นเยาว์ของนิกาย…? ถ้าข้าไม่ฆ่าเจ้า นิกายแห่งนี้มันก็ไม่มีความยุติธรรมแล้ว”
ใบหน้าของม่อเสียซีดขาวราวกับคนตาย เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครบางคนเขามาสอดแทรกเพียงแค่เขาฆ่าศิษย์ธรรมดาเพียงคนเดียว
ทันใดนั้นร่างเงาก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของม่อเสีย ใช่แล้วมันเป็นม่อช่างหลาน
“ผู้พิทักษย์เป๋ย ท่านไม่คิดว่าท่านพูดเรื่องเกินจริงไปหน่อยหรือ?”
“พูดเกินจริง? ม่อช่างหลาน เจ้าไม่ได้อบรมสั่งสอนลูกของเจ้าเลยงั้นรึ” ผู้พิทักษ์เป๋ยกล่าว ทำให้ม่อช่างหลานรู้สึกอับอายขายหน้า จากนั้นผู้พิทักษ์เป๋ยก็ตะโกน: “ไปให้พ้นหน้าข้า!”
“ผู้พิทักษ์เป๋ย ท่านจะโกรธทำไม?” หนานกงหลิงถาม
หนานกงหลิง แน่นอนเขารู้ว่าม่อเสียเป็นคนแบบไหน แต่เขาก็ยังคงเป็นคนสำคัญของนิกาย นอกจากนี้ม่อช่างหลาน เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก และเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่ ดังนั้นการโจมตีม่อเสียจะก่อให้เกิดปัญหาระหว่างพวกระดับสูง
“ท่านประมุข ให้ข้าจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวข้าเอง วันนี้ข้าจะทำให้นิกายมันน่าอยู่ขึ้น” ในตอนนี้ผู้พิทักษ์เป๋ยไม่ฟังใครพูดทั้งนั้น เขามองว่าหลินเฟิงจะเป็นคนที่ทำให้นิกายมีอนาคตสดใส เขาคิดว่าหลินเฟิงเป็นของขวัญจากพระเจ้าที่มอบให้นิกาย…แต่ม่อเสียกับฆ่าเขาโดยใช้เขาเป็นอาหารพวกสัตว์อสูร
“ผู้พิทักษ์เป๋ย!!!!” หนานกงหลินตะโกนเสียงดังเพื่อเรียกคืนสติของผู้พิทักษ์เป๋ย
“อย่าฆ่าม่อเสีย คิดถึงผลประโยชน์ของนิกายเหนือสิ่งอื่นใด!” หนานกงหลิงกล่าวกับผู้พิทักษ์เป๋ย
“คิดถึงผลประโยชน์ของนิกายเหนือสิ่งอื่นใด?!” ผู้พิทักษ์เป๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาคิดว่าการที่เขาฆ่าม่อเสียมันจะเป็นผลประโยชน์อันใหญ่หลวงต่อนิกาย
“หนานกง เจ้ารู้ไหมว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือใคร?”
ผู้พิทักษ์ไม่พูดตะโกนอีกต่อไป เขาพูดเบาๆ แต่มันเต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก
หนานกงหลิงรู้สึกมึนงง เขาจะรู้จักเด็กหนุ่มคนนี้ได้อย่างไร เพราะมีศิษย์รุ่นเยาว์มากมายในนิกายหยุนไห่
“ถ้าผู้พิทักษ์คงอยู่ที่นี่ในวันนี้ ม่อเสียคงถูกฆ่าตายไปแล้ว!” ผู้พิทักษ์เป๋ยกล่าว ประโยคที่เขากล่าวเต็มไปด้วยความหมาย นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และความโศกเศร้า: “คิดถึงผลประโยชน์ของนิกายเป็นอันดับแรก…หนานกง…ในชีวิตของเจ้าในฐานะประมุขนิกาย…พวกเราจะไม่พบคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้อีก… ”
เมื่อผู้พิทักษ์เป๋ยพูดจบ เขาแปลงร่างเป็นนกกระเรียนอีกครั้ง และบินหายจากไปทันทีหลงเหลือเพียงสายลมอันรุนแรงไว้เบื้องหลัง
“ผู้พิทักษ์คง…..” หนานกงหลิงไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะได้ยินชื่อของเขา หนานกงหลิงสั่นเทาตั้งแต่หัวจรดเท้า หนานกงหลิงจำได้อย่างแม่นยำ และเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง เงาที่ปกป้องหลินเฟิงในครั้งนั้นเป็นจิตวิญญาณของผู้พิทักษ์คง เขาปกป้องหลินเฟิง จากนั้นหนานกงหลิงก็นึกขึ้นได้ เสียงกลองทั้งแปดใบจากหน้าผาจ้านกู้ที่ดังกังวานไปทั่วนิกายหยุนไห่
“ตู้มมมมม” หัวใจของหนานกงหลิงก็เริ่มสั่นสะท้าน ความคิดที่ไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้เขาเริ่มโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ
“ม่อเสีย!!”
ม่อช่างหลานสามารถรู้สึกได้ว่าประมุขต้องการสังหารลูกชายของเขา และเห็นว่าเขาถูกความโกรธเข้าครอบงำ เกิดอะไรขึ้น? ผู้พิทักษ์เป๋ยกล่าวอะไรกับหนานกงหลิง?
ม่อช่างหลานเหลือบมองไปที่ม่อเสีย อาการของลูกชายของเขาค่อยๆแย่ลง และแย่ลงเรื่อยๆ
……………………..
หลินเฟิงถูก หมอกสีดำล้อมรอบ มันดูเหมือนราวกับว่าร่างกายของเขากำลังถูกส่งไปยังจักรวาล เขาไม่รู้ว่าจะไปโผล่ที่ไหน
พลังปราณอันเยือกเย็นเริ่มฉีกร่างของเขา และทะลวงเข้าไปในเนื้อ และกระดูกของเขา เขาต้องการที่จะต่อต้าน แต่เขาไม่รู้วิธีว่าจะต่อต้านพลังปราณพวกนี้ได้อย่างไร
หลินเฟิงตระหนักว่าตัวเขาเองนั้นอ่อนแอมาก
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย หลินเฟิงปลดปล่อยจิตวิญญาณคู่ของเขา ดวงตาของเขากลายเป็นสีดำ และเขาก็เริ่มเข้าใจถึงสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆตัวเขา อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เขาถูกฝังอยู่ในโลกแห่งความมืด
“จิตวิญญาณแห่งสวรรค์”
หลินเฟิงกล่าวเบาๆ แสงว่างอันสดใส และรุ่งโรจน์ปรากฏขึ้น มันดูสว่างสไว และดูลึกลับ ทันใดนั้นหลินเฟิงก็สังเกตเห็นนัยน์ตาอันเยือกเย็นของสัตว์อสูรกำลังจ้องมองเขาราวกับเขาเป็นเหยื่อของพวกมัน
“นั่นมันอะไรกัน? หรือว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรที่ดุร้ายอย่างแท้จริง?” หลินเฟิงเห็นดวงตาที่โหดเหี้ยม และใบหน้าที่น่าเกลียด มันดูน่ากลัวอย่างแท้จริง
มีหนวดมากมายเข้ามาใกล้เขา ราวกับว่าพวกมันต้องการพันตัวเขา ในเวลาเดียวกันหนวดของมันก็ได้สัมผัสกับจิตวิญญาณของเขา จิตวิญญาณงูอันแปลกประหลาดของเขา และจิตวิญญาณแห่งสวรรค์ก็ถูกกลืนหายไป
หลินเฟิงรู้สึกอ่อนแรง ราวกับว่าพลังชีวิตของเขาถูกดูดออกไปอย่างช้าๆเช่นกัน
ในขณะนั้น ได้มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับหลินเฟิง
บางสิ่งบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จิตวิญญาณงูของเขาเริ่มเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก จิตวิญญาณงูของเขาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!