I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 73 การลงโทษ

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ในตอนนั้น ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังสองร่างเงาที่กำลังเดินเข้ามาใกล้

 

 

หนึ่งในนั้นคือสาวงามที่ทุกคนต่างหมายปอง หลิ่วเฟย… แล้วชายหนุ่มอีกคนล่ะ?

 

สิ่งที่น่าตกใจคือหลิ่วเฟยและชายหนุ่มคนนั้นเดินมาด้วยกัน แน่นอนว่าชายหนุ่มคนนั้นก็คือ หลินเฟิง ผู้คนมากมายจดจำใบหน้าของหลินเฟิงได้เมื่อเขาสังหารศิษย์ภายในบนลานประลองแห่งชีวิตต่อหน้าประมุขและผู้อาวุโสนิกายทั้งหมด หลายคนตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะไม่มีวันเป็นศัตรูกับคนผู้นี้เป็นอันขาด

 

และเสียงที่ขัดจังหวะเหวินเริ่นเหยียนเมื่อครู่ก็คือเสียงของหลินเฟิงนั่นเอง

 

” จริงหรือนี่! หลินเฟิงเป็นคนรักของหลิ่วเฟย? “

 

ทุกคนนึกถึงคำพูดของหานหมาน และสังเกตปฏิกิริยาของเหวินเริ่นเหยียน

 

แต่ท่าทีของเหวินเริ่นเหยียนยังคงสงบราวกับไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่เห็นได้ชัดจากนิสัยของเขาว่าไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่

 

 

” แล้วเจ้าคือศิษย์ตัวกระจ้อยที่เพิ่งเข้ามาเป็นศิษย์ภายใน หลินเฟิง?” เหวินเริ่นเหยียนถามด้วยน้ำเสียงดูหมิ่นขณะกำลังพูดกับหลินเฟิงและพยายามทำให้เขาเสียหน้า

 

แต่สิ่งที่ทำให้เหวินเริ่นเหยียนประหลาดใจก็คือหลินเฟิงไม่ได้ให้ความสนใจกับเขา หลินเฟิงเพียงแค่เหลือบตามองและหันกลับไปดูหานหมานที่สภาพไม่สู้ดีนัก

 

” เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? “

 

” เพียงแค่เรื่องเล็กน้อย อย่าได้กังวล ” หานหมานกล่าวขณะยิ้ม ตอนนี้เขาเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจเหวินเริ่นเหยียน

 

” อย่าได้ทำอะไรวู่วาม ข้ายังไม่อยากเห็นเจ้าตาย ” หลินเฟิงยิ้มให้หานหมาน ชายผู้จริงใจคนนี้สร้างปัญหาให้กับเขาไม่หยุดหย่อน เมื่อครู่ที่เขาประกาศออกไปว่าหลิ่วเฟยเป็นคนรักของเขา มันทำให้นางอับอายและโกรธอย่างมาก

 

” ก็ไอบ้าที่อยู่ตรงนั้น มันประกาศกับทุกคนว่าหลิ่วเฟยจะต้องเป็นของมัน ” หานหมานกล่าวด้วยความโกรธ หลิ่วเฟยกลายเป็นโกรธเกรี้ยวและเหลือบไปมองเหวินเริ่นเหยียนในทันที

 

เหวินเริ่นเหยียนขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าศิษย์ที่เพิ่งบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณจะกล้าเมินเฉยต่อเขา ภายในนิกายหยุนไห่ไม่มีใครกล้าที่จะยั่วยุเหวินเริ่นเหยียน แม้แต่ผู้อาวุโสเองก็ยังต้องไว้หน้าเขาอยู่หลายส่วน

 

 

” ถามข้าสิ เจ้าได้ยินถึงสิ่งที่ข้ากล่าวหรือไม่?” เหวินเริ่นเหยียนกล่าว

 

ทันใดนั้น ราวกับว่าพื้นที่โดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยความหนาวเหน็บ ทุกคนจ้องมองไปที่หลินเฟิง ชายหนุ่มคนนี้เป็นอัจริยะที่แท้จริงที่สามารถควบคุมปราณดาบได้ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับเหวินเริ่นเหยียนได้ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเหวินเริ่นเหยียนจะต้องสั่งสอนเขาให้รู้ว่าโลกใบนี้มันกว้างใหญ่ขนาดไหน

 

” เหอะ ให้เขาพูดกับตัวเองต่อไป เขามีปากที่ใหญ่และทำได้เพียงกล่าวเพ้อเจ้อ จะเป็นการดีกว่าที่เจ้าไม่ต้องไปสนใจคนเช่นนั้น ” หลินเฟิงกล่าวกับหานหมานและยังคงเมินเฉยต่อเหวินเริ่นเหยียน ” เมื่อกี้เขากล่าวว่าหลิ่่วเฟยเป็นของเขา? แล้วยังไง? มันก็ไม่ใช่เรื่องของข้า”

 

“……….”

 

หานหมานที่จ้องมองไปยังหลินเฟิงถึงกับพูดไม่ออก สิ่งที่หานหมานพูดไปก่อนหน้านี้ก็เพื่อหลินเฟิง เขาคิดว่าทั้งหลินเฟิงและหลิ่วเฟยกำลังมีความรักและพยายามซ่อนมันจากคนรอบข้าง

 

“ข้า… อยาก… ถาม… เจ้า… บางอย่าง…”

 

เหวินเริ่นเหยียนกล่าวเน้นคำพูดอย่างช้าๆ แต่ละคำเต็มไปด้วยความโกรธ พลังปราณแพร่กระจายไปทั่วอากาศ ต่อหน้าผู้คน หลินเฟิงก็ยังไม่สนใจเขาและยังทำให้เขาเสียหน้า

 

” ข้าฟังอยู่ ” หลินเฟิงกล่าว เขาหันกลับไปจ้องมองเหวินเริ่นเหยียน ” เจ้ากำลังจะถามข้าว่าข้าคือหลินเฟิงใช่หรือไม่?”

 

” หึ เจ้าก็ไม่ได้หูหนวกนิ ” เหวินเริ่นเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา

 

” ตั้งแต่ที่เจ้าถามว่าข้าเป็นใคร แสดงว่าเจ้ายังไม่รู้จักข้าใช่หรือไม่? ”

 

” เหลวไหล ” เหวินเริ่นเหยียนกล่าวขณะจ้องมองหลินเฟิง

 

” เหลวไหล? ก็อาจจะ ในเมื่อพวกเราไม่รู้จักกัน ทำไมข้าถึงต้องเสียเวลาพูดกับเจ้า? “

 

 

หลินเฟิงมองเหวินเริ่นเหยียนและกล่าวเพิ่ม “แล้วเจ้าจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?”

 

เมื่อหลินเฟิงพูดเสร็จ ปราณที่แข็งแกร่งก็พวยพุ่งออกมาและปกคลุมไปทั่วบรรยากาศ

 

บ้าไปแล้ว!

 

ทุกคนตกตะลึง หลินเฟิงกล้าที่จะยั่วยุเหวินเริ่นเหยียน ชายคนนี้บ้าไปแล้ว! เขากำลังรนหาที่ตาย!

 

ใบหน้าของเหวินเริ่นเหยียนบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดกับเขาเช่นนี้

 

” หลินเฟิง เจ้าคิดว่าเจ้าจะต่อกรกับเหวินเริ่นเหยียนได้? เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน เจ้าไม่สมควรไปกระตุ้นโทสะของเขา ” เฉินชิงกล่าวขณะจ้องมองหลินเฟิง

 

” เฉินชิง เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นศิษย์ชั้นยอดของศิษย์ภายใน? เจ้าคงคิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์มากสินะ เมื่อไม่นานมานี้เจ้าพ่ายแพ้ให้กับหลินเชียนอย่างน่าสมเพชทั้งๆที่นางเพิ่งจะทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณ ทุกคนเป็นพยานต่อการพ่ายแพ้ของเจ้า แล้วตอนนี้เจ้ายังกล้าเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะหรือไม่? เจ้ายังห่างไกลจากคำว่าอัจฉริยะมากในสายตาข้า”

 

หลินเฟิงกล่าวด้วยความสงบราวกับพูดคุยตามปกติ แต่ก็ทำให้เฉินชิงอับอายและโกรธเกรี้ยวอย่างมาก เขาได้รับความอัปยศมากจากการพ่ายแพ้หลินเชียน

 

” ชายคนนี้มีปากที่ร้ายกาจยิ่งนัก ” หลิ่วเฟยคิดเมื่อจ้องมองไปยังหลินเฟิงผู้ซึ่งกำลังทำให้เหวินเริ่นเหยียนและเฉินชิงเกรี้ยวกราดด้วยคำพูดของเขา นางสงสัยว่าเขาทำแบบนี้ไปทำไม?

 

 

“เจ้ากำลังดูถูกข้าที่เพิ่งทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณ ดี งั้นเรามาประลองกันที่ลานประลองแห่งชีวิต เจ้ากล้าหรือไม่?”

 

ลานประลองแห่งชีวิต!?

 

หลินเฟิงกำลังท้าทายเฉินชิงให้ประลองกับเขาที่ลานประลองแห่งชีวิต ที่นั่นพวกเขาจะสูญเสียการปกป้องจากกฎของนิกายและอาจจะตายได้

 

ปราณที่แข็งแกร่งพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของหลินเฟิงและทำให้เขาดูมั่นใจอย่างมาก เฉินชิงตกตะลึงกับการกระทำของหลินเฟิง เฉินชิงบรรลุขั้นที่ 2 ขอบเขตจิตวิญญาณและยังแข็งแกร่งอย่างมาก ในไม่ช้าชื่อของเขาจะต้องถูกสลักลงรายชื่อการจัดอันดับ แต่คำพูดของหลินเฟิงทำให้เขาประหลาดใจ อะไรทำให้หลินเฟิงมั่นใจและหยิ่งยโสขนาดนี้?

 

ลานประลองแห่งชีวิต เขากล้าพอหรือไม่?

 

เฉินชิงพยายามที่จะผ่อนคลาย แต่หัวใจของเขาก็ยังตื่นกลัว

 

“เจ้ามีความมั่นใจขนาดมาท้าทายข้า? มันเป็นเพราะปราณดาบของเจ้าใช่หรือไม่?” เฉินชิงถาม

 

” ปราณดาบนั้นทรงพลังมาก อวี๋ฮ่าวไม่ได้อ่อนแอแต่เขาก็ยังถูกสังหารจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่านี้แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม “

 

” ข้าไม่มั่นใจว่าเข้าใช้พลังทั้งหมดในการต่อสู้ในครั้งนั้น ถ้าเขาแข็งแกร่งกว่าที่เห็น ข้าจะสามารถต่อกรกับเขาได้อย่างงั้นหรือ? “

 

เฉินชิงกำลังคิดเกี่ยวกับการประลองก่อนหน้านี้และกำลังพิจารณาทุกสถานการณ์ที่เป็นไปได้ ใบหน้าของเขากำลังเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดมันทำให้ใบหน้าของเขาดูเหมือนกับคนโง่ หลินเฟิงทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาไม่อาจทนรับความอัปยศได้อีก

 

” น่าขัน… เจ้าต้องการที่จะกลายเป็นระดับแนวหน้าของศิษย์ภายใน? เจ้าคิดว่าเจ้าจะทำได้ด้วยพลังอันน้อยนิดเช่นนี้? เจ้ายังคงไม่มีความก้าวหน้าและการบ่มเพาะยังอ่อนแอ ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งคือผู้ที่ยึดมั่นในเส้นทางของตัวเองและไม่หวั่นไหว บนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลังการพึ่งพาความสำเร็จของผู้อื่นไม่สามารถทำให้เจ้าไต่เต้าไปถึงระดับสูงได้ ”

 

หลินเฟิงจ้องมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธของเฉินชิง พลังปราณที่รายล้อมหลินเฟิงพุ่งตรงไปยังเฉินชิงและกดทับร่างกายของเขา หลินเฟิงก้าวเดินตรงไปหาเขาอย่างช้าๆ ทีละก้าวๆ เฉินชิงกลายเป็นหวาดกลัว เขาหายใจไม่ออกเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันจากปราณของหลินเฟิง เขาสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บไปถึงกระดูกสันหลัง

 

เฉินชิงเคยทุ่มเทมากกว่าคนอื่นในด้านการบ่มเพาะและทำให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นอัจฉริยะด้วยเหตุนี้ จากนั้นเมื่อเขาเริ่มคบหากับเหวินเริ่นเหยียนความเร็วในการบ่มเพาะของเขาก็ลดลงและหยุดนิ่ง เขาอยู่ภายใต้เหวินเริ่นเหยียนและสูญเสียแรงจูงใจที่จะแข็งแกร่งไป

 

เฉินชิงจะสามารถกอบกู้ศักดิ์ศรีและความมั่นใจของเขากลับมาได้หรือไม่?

 

เฉินชิงไม่ได้เป็นคนเดียวที่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของหลินเฟิง ศิษย์คนอื่นๆเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองเลือก

 

“เขาพูดได้ดีและดูเหมือนว่ามันส่งผลกระทบต่อคนอื่นๆเช่นกัน” หลิ่วเฟยเองก็ได้รับผลกระทบจากคำพูดของหลินเฟิงเช่นกัน เขาถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะในหลายๆด้าน เขามีศักยภาพที่ไม่จำกัดและมีบุคลิกที่แน่วแน่

 

” เฉินชิง เข้ามา เจ้าไม่ละอายใจบ้างหรือ? เจ้าทำได้เพียงยั่วยุผู้อื่นและไม่กล้าที่จะออกมาต่อสู้? ไม่เพียงแต่เจ้าจะปฏิเสธ เจ้ายังพิสูจน์แล้วว่าเจ้าไม่ใช่อัจฉริยะและเป็นเพียงคนขี้ขลาด ” หลินเฟิงกล่าวขณะที่เขายังเดินเข้าไปหาเฉินชิง แรงกดดันที่ทรงพลังยังคงบดขยี้ร่างกายและจิตใจของเฉินชิง

 

” ขี้ขลาด…. ขี้ขลาด…. ” คำพูดเหล่านี้ยังคงก้องอยู่ในหัวของเฉินชิง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด

 

” อ๊ากกกกกกกก…. ” ทันใดนั้นเฉินชิงก็ตะโกนออกมา ศิษย์ที่อยู่ใกล้ๆยังต้องปิดหู

 

ทุกคนจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างประหลาดใจ

 

นี่คือพลังของหลินเฟิง!

 

หลินเฟิงไม่จำเป็นต้องต่อสู้ เฉินชิงกำลังทุกข์ทรมานจากแรงกดดันที่หลินเฟิงปล่อยออกมา เฉินชิงจะสู้กับเขาได้อย่างไรในเมื่อแม้แต่จะพูดภายใต้แรงกดดันของเขาก็ยังทำไม่ได้

 

ในขณะที่ทุกคนกำลังมองไปที่หลินเฟิงและเห็นเฉพาะรอยยิ้มที่เยือกเย็นบนใบหน้าของเขา เขาดูคล้ายกับปีศาจที่ชั่วร้าย ดวงตาที่มืดมิดทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป

 

หลินเฟิงมีพลังที่ลึกลับของหมอกปีศาจและเขากำลังใช้มันกับเฉินชิง

 

” ไอเศษสวะ ” เหวินเริ่นเหยียนกล่าว ดวงตาสีน้ำเงินของเขาจ้องมองไปที่หลินเฟิงอย่างโกรธเกรี้ยว

 

” แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าเฉินชิงเล็กน้อย แต่เจ้าก็ยังอ่อนแอเมื่อเทียบกับข้า เจ้าก็ไม่ต่างอะไรไปจากหนอนแมลงที่ข้าสามารถบดขยี้ได้ตลอดเวลา คุกเข่าลงและขอความเมตตาจากข้าหรือจะให้ข้าขดขยี้เจ้าตอนนี้! “

 

เหวินเริ่นเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร หลินเฟิงได้กล่าวว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะพึ่งพาพลังของคนอื่น ดังนั้นเขาจึงต้องการสอนบทเรียนให้กับหลินเฟิงและต้องการให้หลินเฟิงคุกเข่าต่อหน้าเขา

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments