I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 77 นิกายหยุนไห่แปดเปื้อน

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ในตอนนี้มีบางคนกล้าที่จะด่าทอและเรียกเหวินเริ่นเหยียนว่า คนอวดดี?

 

ฝูงชนต่างจ้องมองไปยังหลินเฟิง พวกเขารู้สึกประหลาดใจเพราะหลินเฟิงยังคงสวมชุดของศิษย์ธรรมดาอยู่ เป็นไปไหมที่เขายังคงเป็นศิษย์ธรรมดา?

 

หนานกงหลิงเองก็ประหลาดใจ เขาได้ประกาศว่าหลินเฟิงเป็นศิษย์ภายในด้วยตัวเอง แต่ทำไมหลินเฟิงถึงยังสวมชุดของศิษย์ธรรมดา?

 

ภายในนิกายหยุนไห่มีศิษย์ที่หนานกงหลิงชื่นชมถึง 4 คน ได้แก่ ลิ่งหู เหอซาน, ถูฟู, เหวินเริ่นเหยียน และหลินเฟิง

 

ลิ่งหูเหอซานสร้างความประทับใจด้วยการกระทำของเขาอย่างต่อเนื่อง ถูฟูเองก็แข็งแกร่งและยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เหวินเริ่นเหยียนดูเหมือนจะมีศักยภาพที่ไม่จำกัด ส่วนหลินเฟิงแม้จะยังอ่อนแอไปบ้าง แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถและอนาคตที่สดใส

 

“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดคุยกับข้า? ต่อหน้าข้า เจ้าเป็นเพียงพวกไร้ประโยชน์และเศษขยะ”

 

ดวงตาสีฟ้าของเหวินเริ่นเหยียนจดจ้องไปยังหลินเฟิงอย่างชั่วร้าย

 

“เจ้าช่างเป็นกบในกะลาเสียจริง เจ้าไม่รู้ว่าใครดีหรือไม่ดี มีความสามารถหรือไร้ประโยชน์..”

 

คำพูดของหลินเฟิงกลายเป็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฝูงชนพบว่าหลินเฟิงช่างกล้าหาญยิ่งนัก เขาไม่เข้าใจความต่างระหว่างสวรรค์กับปฐพี เหวินเริ่นเหยียนเป็นที่เคารพของทุกคน พวกเขาต่างประหลาดใจที่มีคนกล้าดูหมิ่นเหวินริ่นเหยียน เขาบ้าบิ่นและเลือดร้อนเกินไป

 

“เจ้ากำลังจะกล่าวว่าตัวเจ้านั้นดีกว่าข้า?” เหวินเริ่นเหยียนถามราวกับได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในชีวิต

 

“ข้าอาจจะไม่ได้ดีไปกว่าเจ้า แต่ข้าจะไม่หันไปรอบๆและดูถูกหรือด่าใครสุ่มสี่สุ่มห้าว่า ‘เศษขยะ’ ข้าคงจะระมัดระวังการกระทำอันโง่เขลาเช่นนั้น” หลินเฟิงกล่าวอย่างช้าๆขณะเดินไปยังตรงกลางของลานประลองแห่งชีวิต เขายังดูสงบและสุขุมอย่างมาก

 

“เจ้าเป็นศิษย์ภายในที่อยู่อันดับสูงสุดและเจ้าก็ยังดูถูกศิษย์คนอื่่นๆ เจ้ากล่าวว่าพวกเขานั้นไร้ค่า ถ้ามีศิษย์หลักมาเรียกเจ้าว่าขยะ เจ้ายังกล้าที่จะเหิมเกริมเช่นนี้ไหม?”

 

“เหอะ ศิษย์หลักแม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าข้าในตอนนี้ แต่ข้าก็จะต้องแข็งแกร่งกว่าพวกเขาในอนาคตอยู่ดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีคุณสมบัติเรียกข้าว่าขยะ อีกอย่าง คนเช่นเจ้าเองก็ไม่มีวันที่จะเอาชนะข้าหรือแม้แต่แตะต้องตัวข้าได้ด้วยซ้ำ”

 

เหวินเริ่นเหยียนเป็นคนที่หยิ่งยโสอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหล่าศิษย์ของนิกายหยุนไห่ต่างโกรธแค้นเมื่อได้ยินคำพูดของเขา แต่พวกเขาก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะตำหนิเหวินเริ่นเหยียนแม้ว่าพวกเขาจะต้องการ เขายังเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากภายในนิกาย

 

 

“ไร้สาระ” หลินเฟิงมาถึงตรงกลางลานประลองแห่งชีวิต

 

“ในสายตาของหลายๆคน เจ้าอาจจะเป็นอัจฉริยะ อย่างไรก็ตาม ในสายตาของข้า เจ้าเป็นเพียงคนโง่เขลาและไม่มีอะไรมากกว่านั้น ข้าละไม่เข้าใจจริงๆทำไมนิกายหยุนไห่จึงให้ความสำคัญกับเจ้านัก”

 

เมื่อหลินเฟิงกล่าวเสร็จ ทำให้ทุกคนกลายเป็นตกตะลึง ไม่เพียงแต่เขาจะสร้างความอับอายให้กับเหวินเริ่นเหยียนแต่เขาถึงกับตั้งคำถามกับนิกาย ช่างบ้าบิ่นอะไรเช่นนี้!

 

“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”

 

นัยน์ตาของเหวินเริ่นเหยียนแปรเปลี่ยนเป็นชั่วร้าย เขาเดินไปยังลานประลองอย่างช้าๆ ทีละก้าวๆ เขาราวกับปีศาจที่พร้อมจะปลดปล่อยความเกรี้ยวกราดได้ทุกเมื่อ

 

“เมื่อเข้ามาเป็นศิษย์ภายใน ทุกคนต้องการที่จะเป็นศิษย์ที่มีอันดับเพราะมันคือเกียรติยศ บรรดาผู้ที่ไม่มีอันดับก็จะต้องต่อสู้กับศิษย์ที่ติดอันดับที่อ่อนแอเพื่อที่จะไต่เต้าขึ้นไป มันคือสัจธรรม แม้จะพ่ายแพ้บ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเสื่อมเสียเกียรติ ไม่มีอะไรที่จะต้องอับอาย แต่เหวินเริ่นเหยียนนั้นเป็นคนที่ชั่วช้าอย่างแท้จริง เจ้าไม่ให้ความเคารพต่อผู้ที่ตายเพื่อเกียรติในวันนี้ เจ้า….. เจ้ามันช่างเลือดเย็นยิ่งนัก”

 

“คนที่เป็นถึงศิษย์ระดับแนวหน้ากำลังดูถูกเหยียนหยามศิษย์คนอื่นๆ…. เรียกพวกเขาว่าไร้ค่าแม้แต่ตอนที่พวกเขาตาย นี่เป็นความอัปยศที่สุดของเหล่าศิษย์ที่ตายเพื่อศักดิ์ศรีของพวกเขา มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”

 

“เลือดเย็น โหดร้ายและไร้ศีลธรรม …. นิกายหยุนไห่ รวมทั้งศิษย์ทั้งหลายต่างช่วยเหลือเจ้าจนกลายเป็นเจ้าในทุกวันนี้ ถ้านิกายหยุนไห่ต้องเผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่จะสามารถเชื่อได้หรือไม่ว่าเจ้าจะไม่เอาตัวรอดไปคนเดียว? ที่สำคัญที่สุดแม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งมาก แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่านิกายหยุนไห่จะได้รับประโยชน์จากเจ้าหลังจากฟูมฟักเจ้ามานาน?”

 

ขณะที่หลินเฟิงกล่าวถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความลึกล้ำทำให้บรรยากาศกลายเป็นเงียบงันในทันที แม้ว่าเหวินเริ่นเหยียนจะแข็งแกร่ง แต่เขาทั้งเลือดเย็นและชั่วร้าย นิกายหยุนไห่ต้องการเขาจริงๆหรือ?

 

“ตู้มมม!”

 

ปราณที่เยือกเย็นและรุนแรงประทุขึ้นมาบนลานประลอง อุณหภูมิเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว

 

“เจ้าอับอายจนควบคุมตัวเองไม่ได้เลยงั้นรึ? แย่นิ่งนัก ข้ายังกล่าวไม่จบเสียด้วยซ้ำ”

 

หลินเฟิงไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อยและยังคงยิ้มอย่างเย็นชา เขาเคลื่อนตัวไปตรงกลางของลานประลองและจ้องมองเหวินเริ่นเหยียนอย่างรังเกียจ

 

“ทวีปเก้าเมฆานั้นกว้างใหญ่ไพศาล เหวินเริ่นเหยียนเจ้าเคยไปยังสถานที่อื่นๆหรือไม่? มีอัจฉริยะที่แท้จริงกี่คนที่เจ้าเคยพบเจอในชีวิตของเจ้า? เจ้ากล้าพูดว่าตัวเองนั้นยอดเยี่ยมเหนือสวรรค์ เจ้ากล้าที่จะหยิ่งยโสและดูถูกคนอื่นๆเพียงเพราะเจ้ามีความแข็งเล็กน้อย ผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 ถือว่าค่อนข้างอ่อนแอเมื่อเทียบกับโลกภายนอก ในอาณาจักรหิมะจันทราเต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะพลังที่โดดเด่นและเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงที่เจ้าทำได้เพียงแค่ฝันถึง ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าเจ้าดีกว่าคนอื่นตรงไหน และยังไม่เข้าใจว่าเจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่กล้าทำตัวหยิ่งยโสถึงเพียงนี้?”

 

“เหวินเริ่นเหยียนเจ้ามันเหมือนกบในกะลา…. เจ้าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับโลกภายนอก เจ้าไม่รู้หรอกว่าท้องฟ้าและท้องทะเลนั้นกว้างใหญ่แค่ไหน เจ้ามันไม่รู้อะไรเลย”

 

คำพูดของหลินเฟิงทำให้ทุกคนประหลาดใจ แม้แต่หนานกงหลิงและต้วนเทียนหลางก็ถูกสั่นคลอนโดยคำพูดของหลินเฟิง ทุกสิ่งที่่อย่างที่หลินเฟิงกล่าวลึกซึ้งอย่างมากและแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาเป็นคนที่ฉลาด

 

เหวินเริ่นเหยียนกลายเป็นโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด คำพูดของหลินเฟิงราวกับคมมีดที่ทิ่มแทงหัวใจของเขา ตอนนี้เขาเริ่มสังเกตแล้วว่าผู้คนเริ่มมองเขาด้วยสายตาดูถูก

 

มันราวกับว่าหลินเฟิงต้องการที่จะสร้างความอัปยศให้เหวินเริ่นเหยียนด้วยคำพูดของเขา

 

เหวินเริ่นเหยียนไม่อาจที่จะกล่าวแย้งได้ หลินเฟิงไม่ได้โกหกแต่อย่างใดและเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับนิสัยใจคอของเขา

 

“ศิษย์ที่โหดเหี้ยมและชั่วร้ายเช่นนี้… ได้รับความชื่นชมและเคารพจากศิษย์คนอื่นๆหรือแม้แต่ผู้อาวุโส…. อาจจะเป็นไปได้ว่านิกายหยุนไห่สมควรมีดีเพียงเท่านี้กระมัง?”

 

นิกายหยุนไห่มีดีเพียงเท่านี้?

 

ทุกคนกลายเป็นงุนงง หลินเฟิงกล่าวว่าเหวินเริ่นเหยียนหยิ่งยโส แล้วตัวเขาล่ะ? การที่เขาพูดว่านิกายหยุนไห่มีดีเพียงเท่านี้ ไม่ได้หมายความว่าตัวเขาก็หยิ่งยโสเช่นนั้นหรือ?

 

“เป็นเพียงศิษย์ธรรมดาทำไมกล้าโอหังถึงเพียงนี้ การสร้างความอับอายให้กับนิกายหยุ่นไห่เท่ากับเจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” ผู้อาวูโสกล่าวขณะจ้องมองไปยังลานประลอง เขาคือผู้อาวุโสที่ไร้ยางอายผู้ที่ปฏิเสธที่จะมอบเสื้อคลุมและใบรับรองศิษย์ภายในให้กับหลินเฟิง : หลู่หยวน

 

“มีคนมากมายเช่นเจ้าอยู่ที่นี่ ซึ่งเปรียบได้กับจุดด่างพร้อยของนิกาย เพราะความโง่เขลาของเจ้า”

 

หลินเฟิงไม่ได้เกรงกลัวและยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็กล่าวกับหลู่หยวน ” เจ้าคิดว่าศิษย์ธรรมดานั้นไร้ค่าและศิษย์ภายในอยู่เหนือกว่าเพราะพวกเขาแข็งแกร่ง?”

 

 

“พวกเจ้า 5 คนคงคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งและมีอำนาจมากสินะ เจ้ากล้าที่จะสังหารศิษย์คนอื่นๆอย่างไร้ศีลธรรม ทำไมพวกเจ้าต้องฆ่าพวกเขาในเมื่อพวกเจ้าชนะแล้ว เพียงแค่ชัยชนะมันยังไม่พออีกหรือไง! พวกเจ้าเคยคิดบ้างไหมถ้าต้องเผชิญกับผู้ที่แข็งแกร่งและโดนแบบเดียวกัน? มีใครสักคนใจพวกเจ้าสักคนไหมที่จะหยุดคิดก่อนที่จะสังหารคนอื่นเพียงเพราะการเสียหน้าเล็กน้อย?”

 

หลินเฟิงกำลังจ้องมองไปยังศิษย์ที่มีอันดับทั้ง 5 คนที่สังหารผู้ที่เข้ามาท้ายทาย “แม้ว่านิกายหยุนไห่จะมีกฎแต่มันก็ไร้ประโยชน์เมื่อมันไม่ได้ถูกบังคับใช้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงแค่การทำลายศิษย์ด้วยกันเองและสร้างความอัปยศให้กับพวกเขา ข้าขอท้าทายพวกเจ้าทั้ง 5 ท่านประมุขจะว่าอย่างไร?”

 

ในตอนนั้นทุกคนกลายเป็นตกตะลึง หลินเฟิงต้องการที่จะท้าทายทั้ง 5 คนที่เป็นศิษย์ที่มีรายชื่อติดอันดับ

 

เสียสติไปแล้ว!

 

 

หลินเฟิงกลายเป็นคนบ้าอย่างแท้จริง!

 

แม้ว่าหลินเฟิงจะสามารถใช้ปราณดาบได้ แต่ทั้ง 5 ก็เป็นถึงผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 2 พวกเขาสามารถที่จะสังหารหลินเฟิงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

 

แต่หลินเฟิงก็ยังกล้าที่จะท้าทายพวกเขาทั้ง 5 คนพร้อมๆกัน สิ่งใดที่ทำให้เขากล้าทำเรื่องบ้าบิ่นเช่นนี้?

 

หานหมานกำลังที่จะเปิดปาก แต่เขาก็เลือกที่จะกลืนมันลงไป ชายคนนี้…

 

ในตอนนั้นแม้แต่หลิ่วเฟยก็ตกตะลึง ดวงตาของนางจดจ้องอยู่ที่หลินเฟิงด้วยความเป็นห่วง แม้ว่านางจะคิดว่าหลินเฟิงจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังน่าจะยังอ่อนแอกว่าอัจฉริยะที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา นั่นคือเห็นผลที่นางต้องการในหลินเฟิงใช้เวลาและฝึกฝนให้มากกว่านี้ ในตอนนั้นเขาจะกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อแน่นอน ชื่อของเขาจะปรากฏอยู่ในรายชื่อผู้ที่ติดอันดับในอนาคต แต่ถ้าเขาเลือกที่จะสู้ตอนนี้เขาอาจจะต้องตาย

 

” ไอบ้านั่นกล้าที่จะท้าทายศิษย์ที่มีอันดับพร้อมกันถึง 5 คน? หรือว่าเขาจะไม่รู้ถึงความต่างของพลังระหว่างของเขากับพวกนั้น?”

 

“ไอบ้านั่น” หลิ่วเฟยกำลังด่าอยู่ในใจ นางกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยของหลินเฟิง ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะปล่อยหลินเฟิงออกจากลานประลองแห่งชีวิต

 

 

แม้แต่หนานกงหลิงเองก็ยังประหลาดใจ ท้าทายศิษย์ที่มีอันดับทั้ง 5? เรื่องราวมันชักจะไม่เป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้เสียแล้ว

 

” 5 คนแลดูจะมากเกินไป เริ่มด้วยทีละคนก็แล้วกัน”

 

หนานกงหลิงไม่ต้องการให้หลินเฟิงเสี่ยงอันตรายเกินไป เขายังคงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหลินเฟิงเช่นกัน

 

“นั่นไม่จำเป็น พวกเจ้าทั้ง 5 คน ขึ้นไปบนลานประลองได้แล้ว”

 

คำพูดของหลินเฟิงราวกับเด็กที่ยังไม่เคยเผชิญกับความโหดร้ายของโลกายนอก

 

“หากเจ้าต้องการที่จะตาย ข้าจะมอบมันให้กับเจ้า”

 

1 ใน 5 คนนั้นหัวเราะออกมา ในความคิดของเขาราวกับหลินเฟิงได้ตายไปแล้ว

 

“รีบไป ข้าเบื่อที่จะมองหน้าของมันแล้ว”

 

เหวินเริ่นเหยียนรีบกล่าว เขายังคงคิดถึงสิ่งที่หลินเฟิงต่อว่าเขาทำให้เขาเคียดแค้นและชิงชังหลินเฟิงอย่างมาก

 

ทั้ง 5 คนรีบขึ้นไปเพราะคำพูดของเหวินเริ่นเหยียน

 

ทั้ง 5 ขึ้นไปบนลานประลองแห่งชีวิต ทันใดนั้น ได้มีปราณที่แข็งแกร่งกดทับลงมาบนร่างของหลินเฟิง

 

“จดจำนามของคนที่จะฆ่าเจ้าเอาไว้ ข้า เย่หยาง”

 

ทันใดนั้นก็ได้เกิดเปลวไฟขนาดมหึมาบนลานประลอง มันใหญ่โตและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมันสามารถแผดเผาได้ทุกอย่าง

 

เปลวไฟอีกลูกได้ลุกโชนขึ้นมาเหนือศีรษะของเขา 4 คนที่เหลือเริ่มใช้ออกด้วยพลังของตัวเอง ซึ่งเป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 2 แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณออกมา แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่อาจดูแคลนได้ แม้แต่คนที่อยู่ห่างออกไปก็ยังรับรู้ถึงแรงกดดันได้

 

มันราวกับว่าหลินเฟิงจะต้องตกตายด้วยแรงกดดันที่กดทับร่างกายของเขาไว้ก่อนที่ทั้ง 5 จะได้โจมตีเสียอีก แต่ทันใดนั้นเอง….

 

“ตู้มมม!”

 

“ตู้มมม!”

 

“ตู้มมม!”

 

“ตู้มมม!”

 

“ตู้มมม!”

 

“ตู้มมม!”

 

“ตู้มมม!”

 

“ตู้มมม!”

 

 

การโจมตีทั้ง 8 ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าพุ่งเข้าหาเป้าหมายในทันที แต่ละการโจมตีนั้นทรงพลังและน่าหวาดกลัวอย่างมาก

 

“ความเข้าใจโดยสมบูรณ์ในทักษะแปดฝ่ามือพิฆาต”

 

ฝูงชนต่างประหลาดใจกับการโจมตีมันราวกับมีพลังทำลายล้างที่ไม่สิ้นสุด ทั้ง 5 คนเข้าปะทะกับการโจมตีของหลินเฟิงทำให้เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งลานประลอง

 

“ตาย!” เย่หยางพุ่งเข้าหาหลินเฟิง เปลวไฟที่ออกมาจากร่างกายของเขาร้อนแรงและแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก เมื่อเขาเห็นว่าหลินเฟิงสามารถใช้ทักษะแปดฝ่ามือพิฆาตได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เขาตกตะลึงและไม่คิดว่าหลินเฟิงจะแข็งแกร่งขนาดนี้ แม้ว่าทักษะแปดฝ่ามือพิฆาตจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่เพียงพอที่จะจัดการกับศิษย์ที่มีอันดับทั้ง 5 คนได้

 

“ตาย!”

 

เสียงที่เปล่งออกมากระจายไปทั่วบรรยากาศ ทั่วทั้งท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยพลังจากปราณดาบ มันทรงพลังอย่างมาก

 

“ฉึบ!”

 

 

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป เหลือไว้เพียงร่องรอยของแสงสีเงิน ก่อนที่มันจะค่อยๆหายไปและหลินเฟิงเก็บดาบเข้าไปในฝักอย่างรวดเร็ว

 

ร่างกายของเย่หยางยังคงปลดปล่อยเปลวไฟออกมา แต่ในตอนนั้นเองได้ปรากฏรอยเส้นเล็กๆบนลำคอของเขา จากนั้นเลือดก็ไหลทะลักออกมาทำให้เกิดแอ่งเลือดที่น่าสยดสยอง

 

เป็นทักษะดาบที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้!!

 

พวกเขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าจุดเด่นของหลินเฟิงคือทักษะดาบของเขา เขาถนัดใช้ดาบมากกว่าหมัดเสียอีก

แปดฝ่ามือพิฆาตของหลินเฟิงก่อนหน้านี้ทรงพลังอย่างมาก เย่หยางดูเหมือนจะหลงลืมไปว่าหลินเฟิงเป็นผู้เชียวชาญการใช้ดาบและความตายคือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับความประมาทของเขา

 

“ทักษะหนึ่งดาบสังหาร!?”

 

หลายคนรู้จักทักษะนี้ พวกเขาเคยคิดว่ามันเป็นทักษะดาบที่ไร้ประโยชน์…. แต่เมื่อถูกใช้ออกโดยหลินเฟิงมันกลับทรงพลังอย่างมาก มันรวดเร็วเท่ากับแสง มันคือทักษะสังหารอย่างแท้จริง!

 

ดาบนั่นมันน่าทึ่ง! มันจะน่าทึ่งเกินไปแล้ว!

 

“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้พิทักษ์เป๋ยถึงชื่นชอบเขามากนัก เขาสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมานับไม่ถ้วน”

 

ตอนนี้ความชื่นชมของหนานกงหลิงที่มีต่อหลินเฟิงพุ่งทะยานสูงขึ้นมาก แม้ว่าเขาจะบรรลุเพียงขอบเขตจิตวิญญาณขั้นแรกแต่เขาก็สามารถใช้ทักษะแปดฝ่ามือพิฆาตและทักษะชักดาบได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันยากที่จะเชื่อว่าเขาเพิ่งจะกลายเป็นศิษย์ภายในเมื่อมองไปที่ทักษะที่เขาใช้ออกมา

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments