ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปประโยคที่หลินเฟิงกล่าวทำให้นัยน์ตาของศิษย์ภายในบางคนเป็นประกาย โดยเฉพาะศิษย์ภายในที่อยู่อันดับตั้งแต่ 20 ลงไป
พวกเขาทุกคนล้วนคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ และมีความเย่อหยิ่ง และทะนงตัว แต่หลินเฟิงผู้ที่ยืนอยู่บนลานประลองแห่งชีวิตอยู่ ณ ตอนนี้ได้พูดจาไร้สาระ และท้าทายศิษย์ภายในคนไหนก็ได้ที่ต้องการสู้กับเขา
หลายคนสงสัยว่าจริงๆแล้วหลินเฟิงแข็งแกร่งแค่ไหนกัน ถึงสามารถสังหารเหล่ยโปได้
สิ่งที่ทำให้พวกเขาสงสัยมากที่สุดคือ ศิษย์อัจฉริยะหลายคนได้สังเกตเห็นว่าหลินเฟิงยังไม่ได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขาออกมาเลย ถ้าเขามีจิตวิญญาณแห่งดาบจริงๆ เขาจะต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้อย่างแน่นอน และมันต้องเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่งถ้าจะก้าวขึ้นไปบนลานประลองเพื่อต่อสู้กับเขา
ไม่มีใครกล้ารับคำท้าของหลินเฟิง หลังจากที่พวกเขาขบคิด ทำให้บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบอย่างแท้จริง
“เหวินเริ่นเหยียน เจ้าเรียกข้าว่าขยะ และพูดว่าสามารถสังหารข้าได้อย่างง่ายดาย เจ้ากล้าขึ้นมาบนลานประลองหรือไม่? ตอนนี้เจ้ามีโอกาสที่จะสังหารข้าแล้ว แล้วเจ้าจะมัวรออะไรอยู่? หรือว่าตอนนี้เจ้ากลัวที่จะต่อสู้กับข้า เหมือนกับพวกไร้ค่าที่เจ้าเรียกก่อนหน้านี้? ”
หลินเฟิงมองไปที่เหวินเริ่นเหยียน เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่หลินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ ราวกับเขาถ่มน้ำลายใส่ใบหน้าของเหวินเริ่นเหยียน ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจ
หลินเฟิงยังคงทำให้พวกเขาประหลาดใจอยู่เสมอ
เพราะเขากล้าท้าทายศิษย์ภายในที่มีอันดับสูงสุด
ในตอนนี้ เหวินเริ่นเหยียน ได้อยู่จุดสูงสุดของขอบเขตจิตวิญญาณ แม้ว่าเหล่ยโปจะอยู่ขอบเขตจิตวิญญาณเช่นเดียวกับเหวินเริ่นเหยียน แต่ก็ไม่มีใครกล้าเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของเหล่ยโป และเหวินเริ่นเหยียน ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นเดียวอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่ากัน อย่างเช่น หลินเฟิงอยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 2 แต่เขาสามารถสังหารเหล่ยโปผู้ที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 ได้ ทักษะที่ฝึกฝนเรียนรู้ และประสบการณ์ต่อสู้มันมีบทบาทสำคัญมากโดยไม่คำนึงถึงว่าจะอยู่ขั้นที่เท่าไหร่
เหวินเริ่นเหยียนก็คล้ายกับหลินเฟิง เขาบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 แม้แต่ศิษย์หลักหลายคนที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 4 ยังไม่กล้ายั่วยุเขา
“เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไป เจ้าสามารถสังหารเหล่ยโปได้มันไม่ได้หมายความว่าเจ้าสามารถสู้ข้าได้ เหล่ยโปไม่มีอะไรเทียบกับข้าได้ ในสายตาของข้า เหล่ยโปก็เหมือนกับเจ้า ที่เป็นเพียงแค่ขยะ”
เหวินเริ่นเหยียนมองไปที่หลินเฟิงอย่างดูถูก แม้ว่าหลินเฟิงจะไม่ได้อ่อนแอ แต่การที่ท้าทายเหวินเริ่นเหยียนมันก็เหมือนกับเป็นการฆ่าตัวตาย ในสายตาของเหวินเริ่นเหยียนหลินเฟิงเป็นเพียงแค่ขยะ
“เจ้าพูดมากเสียจริง หรือเป็นเพราะเจ้าต้องการทำให้ตัวเองดูดีต่อหน้าทุกคน?”
หลินเฟิงไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เหวินเริ่นเหยียนพูด จากนั้นหลินเฟิงก็กล่าวเพิ่มเติม: “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนั้น เจ้าคิดว่ามีพลังเหนือกว่าข้า แล้วจะเรียกข้าว่าขยะได้งั้นรึ แน่จริงก็ขึ้นมาบนลานประลอง แล้วแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน แสดงพลังที่แท้จริงให้ทุกคนเห็นพลังของเจ้า และสามารถสังหารข้าได้หรือไม่ อย่ามัวแต่พูดโอ้อวด”
“คนอื่นๆก็สามารถพพูดจาโอ้อวดได้ แบบเหล่ยโปได้เรียกข้าว่าขยะก่อนที่ข้าจะสังหารมัน และพูดจาโอ้อวดว่าแข็งแกร่งกว่าข้า ผลสุดท้ายเป็นไงล่ะ?”
คำพูดของหลินเฟิงตรงไปตรงมา และได้ยั่วยุเหวินเริ่นเหยียน แต่สิ่งที่เขาพูดค่อนข้างเป็นเรื่อจริง ทุกๆคนสามารถพูดโอ้อวดได้ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
ถ้าเหวินเริ่นเหยียนขึ้นไปบนลานประลองแห่งชีวิต เขาจะได้รับการยกย่องพรสวรรค์ของเขาต่อหน้าทุกๆคนในนิกายอย่างแน่นอน แต่เขากลับยังคงนิ่งเฉย
เขาไม่เพียงแต่ขึ้นไปบนลานประลองเท่านั้น แต่เขายังคงพูดโอ้อวดอีกด้วยว่าเขาเป็นคนแข็งแกร่งมากแค่ไหน
ในสายตาของเหวินเริ่นเหยียน หลินเฟิงเป็นเหมือนแมลงที่เขาสามารถบดขยี้ตอนไหนก็ได้ แล้วเขาจะยอมรับคำท้าของหลินเฟิงทำไม?
เหวินเริ่นเหยียนเหลือบมองดูคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขา สีหน้าของเขายังคงหยิ่งยโสเหมือนเดิม
“เจ้า ไปฆ่ามันซะ ข้าจะมอบเกียรติยศให้เจ้าถ้าเจ้าฆ่ามันได้”
ดวงตาของฝูงศิษย์เป็นประกายขึ้นทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่เหวินเริ่นเหยียนพูด เหวินเริ่นเหยียนถือเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งและได้รับการยอมรับจากทุกๆคน เขาจะมอบเกียรติยศหากฆ่าหลินเฟิงได้… พวกเขารู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร
“ข้าจะเป็นคนสังหารมันเอง” หลังกล่าวเสร็จเขาได้กลายเป็นเงาเคลื่อนที่ไปยังลานประลอง มันเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 17ปี สายตาของเขาคมเหมือนกริช และดูชั่วร้ายมาก
“ถงโช ผู้เชี่ยวชาญการใช้มีด”
“นั่นมันเขานี่ หลินเฟิงต้องแย่แน่ๆ”
ถงโชจะเป็นศิษย์ภายในอันดับ 6 แต่ในความจริงแล้วเขาแข็งแกร่งว่าศิษย์ภายใน 4 คนที่มีอันดับสูงกว่าเขา
นั่นเป็นเพราะถงโชมีจิตวิญญญาณมีด จิตวิญญาณมีดของเขาคล้ายกับจิตวิญญาณแห่งดาบของหลินเฟิง และเขาสามาถควบคุมอำนาจของมีดได้เช่นกัน ในตอนนี้ถงโชได้บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 แล้วทำให้ความแตกต่างระหว่างเขากับหลินเฟิงมีมากเกินไป
การต่อสู้ระหว่างถงโช กับหลินเฟิง มันต้องเป็นการต่อสู้ที่น่าสนใจมากแน่ๆ
“ได้ แต่อย่าเพิ่งฆ่ามันล่ะ ให้มันคุกเข่าลงต่อหน้าข้าก่อน เพื่อให้มันได้รู้ก่อนตายว่าข้าแข็งแกร่งกว่ามันแค่ไหน ให้มันรู้ถึงความต่างชั้นระหว่างข้าและมัน”
เหวินเริ่นเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส
“ไม่ต้องห่วง ข้าเข้าใจแล้ว”
ถงโชพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดินไปยังใจกลางลานประลอง เขากำลังเผชิญหน้ากับหลินเฟิง แต่ใบหน้าของเขาราวกับกุมชัยชนะไว้เรียบร้อยแล้ว
จากนั้นเขาก็หยิบมีดยาวที่อยู่ด้านหลังออกมา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง : “ข้าใช้มีดเล่มนี้มานานมาก เจ้าควรจะรู้สึกการที่เจ้าถูกสังหารด้วยมีดของข้ามันสมควรเป็นเกียรติแก่เจ้า”
“ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด เจ้ากำลังหมายความจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย ถูกต้องไหม?”
หลินเฟิงถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส
“เจ้าคิดว่าข้ามีเวลามากขนาดนั้นมาเล่นกับเจ้างั้นรึ?”
ถงโชมองหลินเฟิงอย่างชั่วร้าย สายตาของเขาแหลมคมราวกับมีด และเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ถงโชคว้ามีดยาวของเขาออกมา และดึงมันออกมาอย่างนุ่มนวลราวกับว่ามีดเล่มนี้เป็นคนรักของเขา
“มีดเป็นอาวุธที่ทรงพลังมาก มันเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในหมู่ศัสตราวุธ และจิตวิญญาณแห่งมีดยังเป็นจิตวิญญาณที่ทรงพลังมาก” ถงโชกล่าว
“ข้าคิดเสมอว่าดาบเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่ศัสตราวุธ นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่ข้าได้ยินว่ามีดเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในหมู่ศัสตราวุธ”
หลินเฟิงกล่าวกับถงโช
“อย่างเจ้าจะรู้อะไร? ใบมีดของดาบมันหนักเกินไป ทำให้ควบคุมพลังของดาบได้ยากขึ้น เจ้ากล้าเปรียบเทียบมีดกับดาบได้ยังไงกัน? วันนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่ามีดมันทรงพลังมากแค่ไหน เจ้าจะได้เข้าใจว่ามีดเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในหมู่ศัสตราวุธ” ถงโชกล่าว
ทันใดนั้นได้มีพลังปรากฏออกมาจากมีดยาวของถงโช๋ และแผ่กระจายไปทั่วทั้งบรรยากาศราวกับคลื่นทะเล ราวกับมันสามารถตัดทุกอย่างได้ในเส้นทางของมัน
“อำนาจมีด”
หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ ทำไมถงโชคุยโม้เรื่องมีดของเขาถึงขนาดนี้? หลินเฟิงก็สามารถควบคุมพลังของดาบได้เหมือนกัน แต่พลังของมีดมันอ่อนแอมากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับพลังดาบของเขา
ดาบของหลินเฟิงปลดปล่อยพลังออกมา ทำให้ทั่วทั้งบรรยากาศเต็มไปด้วยอำนาจของทั้งสอง พลังที่อยู่บนลานประลองมันมีความแหลมคมมาก และสามารถตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้ามันได้
“อำนาจของดาบ กำลังต่อสู้กับ อำนาจของมีด……น่ากลัวจริงๆ!”
หลายคนที่อยู่ใกล้ลานประลองเริ่มถอยร่น เพราะพวกเขาสามารถรู้สึกราวกับกำลังถูกตัดเป็นชิ้นๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากำลังอำนาจของพลังทั้งสอง พวกเขาอยู่ใกล้เกินไป
“แต่ดูเหมือนอำนาจของมีดถงโชค่อยๆทรงพลังมากยิ่งขึ้น เพราะเขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 เขาแข็งแกร่งกว่าหลินเฟิงมาก ดูเหมือนว่าคราวนี้หลินเฟิงจะไม่โชคดีเหมือนครั้งก่อนๆ”
“หลังจากได้เห็นพลังนี้แล้วเจ้ายังคิดว่าดาบแข็งแกร่งกว่ามีดอีกอยู่ไหม?”
ถงโชมองไปที่หลินเฟิงอย่างดูถูก
“โง่เขลาจริงๆ” หลินเฟิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
หลินเฟิงไม่ตอบคำถามของถงโช๋ และเยาะเย้ยแทน
“ข้าน่ะหรือโง่เขลา? ก็ได้ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าใครกันแน่ที่โง่เขลา”
เมื่อถงโชพูดจบ เขาได้ปลดปล่อยพลังออกมาจากมีดทำให้อำนาจของเขาแข็งแกร่ง และทรงพลังมากขึ้น
“จิตวิญญาณแห่งตำรา!” หลินเฟิงพูดในใจ
หลินเฟิงปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขาออกมา แต่เขาไม่ได้พูดออกไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวของเขาเริ่มกลายเป็นโลกแห่งความมืด
ในตอนนี้โลกทั้งใบได้ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด ทำให้ประสาทรับรู้ของหลินเฟิงเฉียบขาดมากขึ้น
ดวงตาของหลินเฟิงกลายเป็นดำสนิท ราวกับหลุมดำ
“มีดเป็นอาวุธที่ดีทีสุดในหมู่ศัสตราวุธ และทรงพลังที่สุด ดาบไม่สามารถเทียบได้กับอาวุธที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้”
ถงโชกล่าว และก้าวเดินไปข้างหน้า และจู่ๆบรรยากาศได้เปลี่ยนแปลงไป มันเต็มไปด้วยอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวจากมีดของเขา
ถงโชพุ่งเข้าหาหลินเฟิง และได้มีพลังอันแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อตกมาจากฟากฟ้าลงมาที่ร่างของหลินเฟิง และเริ่มกดทับหลินเฟิง
“ฉีกกระชาก!”
ถงโชคำรามเสียงดัง พร้อมกับแทงมีดไปข้างหน้า
หลินเฟิงยังคงดูสงบนิ่ง เขาไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ราวกับเขาไม่เห็นถงโช๋อยู่ในสายยตา
ทันใดนั้นดาบของหลินเฟิงเริ่มส่องแสงระยิบระยับไปทั่วบรรยากาศ ทำให้อำนาจมีดของถงโชอ่อนแอลง
“ตู้มมมมม!”
หนานกงหลิงรู้สึกกังวล มีดของถงโชเหมือนกับมีดร้อนที่กำลังตัดเนย การโจมตีของเขารวดเร็วราวกับสายฟ้า ทำให้อำนาจดาบของหลินเฟิงถูกบดบัง และดูเหมือนร่างของหลินเฟิงจะถูกฉีกขาดเมื่อไหร่ก็ได้ แทนที่หลินเฟิงจะหลบการโจมตี แต่หลินเฟิงกลับใช้ดาบตอบโต้แทนมันเป็นเพราะอะไรกัน?
ถึงแม้หลินเฟิงจะใช้ดาบได้อย่างยอดเยี่ยม แต่อำนาจดาบของเขาไม่แข็งแกร่งพอเท่ากับมีดของถงโช ถ้าหลินเฟิงสามารถกำจัดอำนาจมีดของถงโชได้ บางทีเขาอาจจะสู้กับถงโชได้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าหลินเฟิงไม่หลบการโจมตีของถงโช เขาจะต้องถูกตัดออกเป็นสองส่วนอย่างแน่นอน
เพียงระยะเวลาสั้นๆ ในหัวของหนานกงหลิงได้มีความต่างๆนับล้านไหลเข้ามาในหัวของเขา ศิษย์รุ่นเยาว์คนนี้สักวันหนึ่งจะต้องผงาดขึ้น… เขาจะถูกฆ่าตายอย่างง่ายดาย และจากไปอย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน?
หลินเฟิงรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาสามารถควบคุมพลังของตัวเองได้ดีขึ้น
ถงโชกำลังยิ้มอย่างเย็นชา เขาไม่คิดว่าการสังหารหลินเฟิงมันจะยากเย็นขนาดนี้ และทำให้เข้าตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าหลินเฟิงรู้เรื่องอำนาจขอมีด เขาคงไม่คุยโอ้อวดว่าอำนาจของมีดแข็งแกร่งกว่าดาบ มิหนำซ้ำไม่ใช่ว่ามีดรวดเร็วกว่าดาบหรอกหรือ?
โง่เขลา!
ถงโชปะทะกับหลินเฟิงในระยะประชิด
ฝูงศิษย์ต่างจินตนาการว่าหลินเฟิงต้องถูกผ่าเป็นสองส่วนแน่ๆ ทุกๆคนถึงกับหยุดหายใจ และจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นบนลานประลองอย่างตั้งใจ
ในที่สุด อำนาจของมีดก็หายไป ราวกับเวลาถูกหยุด
มีดของถงโชยาว 20 เซนติเมตร อยู่เหนือหัวหลินเฟิง และดาบของหลินเฟิงก็จ่ออยู่ที่เอวของถงโช
เกิดอะไรขึ้น? ร่างทั้งสองของทั้งคู่กลายเป็นแข็งค้าง
สายลมอันแผ่วเบาพัดผ่านลานประลอง ตอนนี้ทั้งลานประลองตกอยู่ในความเงียบอย่างสมบูรณ์
“ใครเป็นผู้ชนะ?”
ทันใดนั้น ได้มีใครคนใดคนหนึ่งถาม มันยังไม่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้ชนะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันราวเร็วเกินไปเกินกว่าที่พวกเขาจะมองทัน
ถงโชดูเหมือนอยากจะพูดดอะไรบางอย่าง ทำให้ทุกคนรู้สึกมึนงง หรือว่าเขาสังหารหลินเฟิงได้แล้ว?
“เจ้าทำได้ยังไงกัน?”
คนที่ถามคำถามนั้นคือ ถงโช ราวกับว่าเข้าไม่สามารถทำใจเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ในขณะนั้นหลินเฟิงได้เปิดปากพูดอย่างช้าๆ และไม่รีบร้อน
“อำนาจของมีด และอำนาจของดาบมันก็เหมือนกัน พวกมันคืออำนาจ อำนาจมันสามารถเพิ่มพลังโจมตีรวมทั้งความสามารถอื่นๆที่สำคัญในการต่อสู้ได้ มีดมีวิธีการที่ใช้ที่แตกต่างกันมากมาย มันเป็นเครื่องมือที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้งาน แต่ดาบของข้านั้นแตกต่าง ดาบมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสังหารผู้คน”
หลินเฟิงยืนตรง และเงยหน้าขึ้น ส่วนถงโชมีเลือดไหลออกมาจากอกของเขาอย่างไม่สุดสาย และไหลลงไปยังพื้น ทุกคนที่เห็นเลือดของถงโชถึงกับตะลึง
“ข้าเข้าใจแล้ว……” ถงโชกล่าวในขณะที่ดวงตาของเขาค่อยๆปิดลง จากนั้นร่างของเขาก็ล้มลงบนพื้นอย่างช้าๆ
ทันทีหลังจากนั้น เหล่าศิษย์ไม่อาจทำใจเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเห็นได้
ถงโชแพ้แล้ว เขาเป็นศิษย์อัจฉริยะอีกคนหนึ่งที่ถูกหลินเฟิงสังหาร!
“เขาน่าหวาดกลัวจริงๆ!”
ทุกคนต่างรู้สึกราวกับว่าพวกเขาฝันอยู่เมื่อมองไปที่หลินเฟิง ราวกับเขามีพลังเหนือธรรมชาติ เขาเป็นดั่งเทพเจ้าแห่งความตายขณะที่ยืนอยู่บนเวที ราวกับไม่มีใครสามารถโค้นล้มเขาได้ ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแกร่งแค่ไหน หลินเฟิงก็สามารถมอบความพ่ายแพ้ให้พวกเขาได้
หนานกงหลิงสูบลมหายใจเข้าลึกๆ เขาถึงกับพูดไม่ออก
อัจฉริยะอีกคนหนึ่งของนิกายหยุนไห่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้ว และเป็นเพราะหลินเฟิงต้องการพิสูจน์ว่าเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน
หนานกงหลิงไมต้องการให้เรื่องมันเป็นเช่นนี้
แต่ถึงแม้ว่าหนานกงหลิงจะเสียใจที่สูญเสียศิษย์ไปจำนวนมาก แต่เขาก็ยังคงรู้สึกพอใจที่มีศิษย์แบบหลินเฟิงอยู่ เขารู้สึกมีความสุขมากที่ได้เห็นอัจฉริยะที่แท้จริงอย่างหลินเฟิง
ทั้งแข็งแกร่ง ทรงพลัง แล้วใครจะกล้าท้าทายเขา?