ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปงูไผ่สีน้ำเงินค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหาเหวินเริ่นเหยียนและในที่สุดก็มาอยู่บนศีรษะของเขา ดวงตาสีน้ำเงินของมันดูชั่วร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ
“หลินเฟิง มองมาที่ตาข้า”
เหวินเริ่นเหยียนกล่าวเสียงดัง หลินเฟิงจ้องมองไปยังดวงตาสีน้ำเงินที่ชั่วร้ายของเหวินเริ่นเหยียน พวกมันราวกับเป็นดวงตาของอสรพิษ หลินเฟิงราวกับถูกสะกดจิต
บนใบหน้าของเหวินเริ่นเหยียนปรากฏรอยยิ้มที่ชั่วร้ายขึ้น ทันใดนั้นเขาเคลื่อนตัวด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า พริบตาเดียวเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าของหลินเฟิง มือของเขาพุ่งตรงไปยังศีรษะของหลินเฟิงในทันที
“รวดเร็วอะไรเช่นนี้!”
ฝูงชนกลายเป็นตกตะลึง ไม่เพียงดวงตาของเหวินเริ่นเหยียนจะดูราวกับปีศาจแม้แต่ความเร็วก็เขาก็น่ากลัวเช่นกัน เหวินเริ่นเหยียนปลดปล่อยจิตวิญญาณออกมา ร่างกายของเราราวกับงู เพียงจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขาไม่กี่วินาทีอาจทำให้ถึงตายได้
“แย่แล้ว”
หลินเฟิงได้สติและรีบชักดาบออกมาป้องกันการโจมตีของเหวินเริ่นเหยียน ในพริบตาพลังที่แข็งแกร่งเข้าปะทะกับดาบของหลินเฟิงและส่งเขาลอยไปในอากาศ ดาบอ่อนของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง มันดูเหมือนกับว่าหลินเฟิงจะตกลงมากระแทกกับพื้นเพราะการโจมตีของเหวินเริ่นเหยียน
“เคลื่อนที่ดั่งเงาจันทรา!”
หลินเฟิงพลิกตัวในอากาศและกลับมายืนอย่างมั่นคงด้วยสองเท้าของเขา
เหวินเริ่นเหยียนไม่ได้พยายามที่จะเข้าใกล้หลินเฟิง เขายังยืนอยู่ที่เดิมและกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “เจ้าเห็นความต่างหรือยัง? เจ้าอาจจะเป็นอัจฉริยะ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าเจ้าก็เป็นได้เพียงแมลงต่ำต้อย ข้าอยากจะเล่นกับเจ้าให้มากกว่านี้ แม้ว่าข้าจะไม่โจมตีเจ้า แต่ด้วยความเร็วของข้าเพียงอย่างเดียวก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะจับแม้แต่เส้นผมของข้าได้”
“อย่างที่คิดความแข็งแกร่งของหลินเฟิงแตกต่างกับเหวินเริ่นเหยียนเกินไป หลินเฟิงไม่แม้แต่จะสัมผัสตัวเขาได้ เหวินเริ่นเหยียนทรงพลังเกินไป แม้แต่อันดับสองของศิษย์ภายในก็ไม่อาจจะที่จะต่อกรกับเขาได้”
ฝูงชนต่างเชื่อว่าหลินเฟิงจะไม่มีทางชนะ เพียงการโจมตีเมื่อกี้เขาแทบจะป้องกันไว้ไม่ได้ หลินเฟิงจะต้องพ่ายแพ้และตายอย่างแน่นอน
หลินเฟิงหรี่ตาลง เขาไม่กล้าที่จะมองไปยังดวงตาสีน้ำเงินของเหวินเริ่นเหยียนอีก
เมื่อเหวินเริ่นเหยียนปลดปล่อยจิตวิญญาณออกมา ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ใครก็ตามที่มองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นจะรู้สึกราวกับว่ากลายเป็นอัมพาต หลินเฟิงไม่มีทางลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
สิ่งที่จิตวิญญาณอสูรไผ่สีน้ำเงินมอบให้กับเหวินเริ่นเหยียนนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง มันทำให้เขามีความเร็วที่น่าเหลือเชื่อและความสามารถในการทำให้เป็นอัมพาต
มันเป็นความสามารถทางธรรมชาติที่ยอดเยี่ยม อัจฉริยะที่มีจิตวิญญาณที่อัศจรรย์เหล่านี้จะได้เปรียบผู้อื่นอย่างมาก เหวินเริ่นเหยียนก็เป็นหนึ่งในนั้น
“จิตวิญญาณสวรรค์”
ดวงตาของหลินเฟิงถูกแทนที่ด้วยความมืดมิดราวกับไร้ที่สิ้นสุด เขารับรู้ถึงการเคลื่อนไหวโดยรอบราวกับมันหยุดนิ่ง สมองของเขาประมวลผลด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
ดาบของเขาปลดปล่อยปราณที่ทรงพลังออกมาและหลอมรวมกับอำนาจดาบ ลานประลองโดยรอบต่างเต็มไปด้วยอำนาจดาบของเขา กลิ่นอายที่ถูกปลดปล่อยออกมาราวกับความตาย มันราวกับว่าสิ่งที่ตกเป็นเป้าหมายของดาบจะต้องตายอย่างแน่นอน
“โอ้ อำนาจดาบอะไรกัน ทำไมมันถึงน่ากลัวเช่นนี้?”
เหวินเริ่นเหยียนยิ้มอย่างเย็นชา เขาไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ ทันใดนั้นพลังงานที่รุนแรงแผ่กระจายไปทั่วชั้นบรรยากาศและโจมตีไปที่หลินเฟิง พลังที่ปลดปล่อยออกมาจากมือของเหวินเริ่นเหยียนพุ่งเข้าหาหลินเฟิง มันรุนแรงอย่างมากจนไม่อาจเปรียบเทียบกับการโจมตีครั้งก่อนได้
ถึงกระนั้นหลินเฟิงก็สามารถหลบการโจมตีด้วยความคล่องแคล่ว
“ฟิ้ววววววว”
เหวินเริ่นเหยียนหายใจเข้าลึกๆและพยายามโจมตีหลินเฟิงอีกครั้ง
แต่ดูเหมือนว่าหลินเฟิงจะรับรู้ถึงการโจมตีล่วงหน้า หลินเฟิงเคลื่อนไหวอย่างสง่างามและหลบการโจมตีของเหวินเริ่นเหยียนอย่างง่ายดาย ร่างกายของเขาราวกับผสานเข้ากับสายลม ทำให้เขามีความคล่องตัวมาก ดูเหมือนว่าหลินเฟิงจะไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามใดๆในการหลบการโจมตี
“หืมม?”
ฝูงชนต่างเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของหลินเฟิงด้วยท่าทีประหลาดใจ ร่างกายของหลินเฟิงทั้งพริ้วไหวและสง่างาม เป็นไปได้ไหมที่หลินเฟิงจะฝึกฝนเทคนิคการหลบการโจมตี?
“มันเป็นเทคนิคแบบไหนกัน ทำไม่ถึงได้น่ากลัวเช่นนี้?”
“เป็นไปได้ไหมว่ามันไม่ใช่เทคนิคการเคลื่อนที่แต่เป็นเพียงภาพลวงตา?”
“ถ้าหลินเฟิงสามารถสร้างภาพลวงตาได้ มันคงจะน่ากลัวจริงๆ
ผู้คนมากมายต่างพูดถึงเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของหลินเฟิง เหวินเริ่นเหยียนผู้ที่มีความเร็วที่น่าหวาดกลัวไม่สามารถทำอะไรหลินเฟิงได้ เขาสามารถหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดาย
หลินเฟิงยังคงหลบการโจมตีด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบ แม้ว่าการเคลื่อนไหวของเขาราวกับฝึกฝนทักษะเคลื่อนที่ระดับสูงมาแต่จริงๆแล้วมันเป็นเพราะจิตวิญญาณสวรรค์ จิตวิญญาณของหลินเฟิงทำให้ตระหนักได้ถึงทุกๆการกระทำรอบตัวและทำให้เขาสามารถหลบหลีกพวกมันได้อย่างสมบูรณ์ ตอนนี้หลินเฟิงรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก
“ไสหัวไป” หลินเฟิงกล่าว
ดาบของหลินเฟิงเริ่มเปล่งแสงและฟันไปในอากาศ ความรุนแรงจากอำนาจของดาบราวกับทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในเส้นทางของมัน เหวินเริ่นเหยียนกระโดดถอยหลังกลับไปและไม่ต้องการที่จะเข้าใกล้หลินเฟิงอีก พวกเขาทั้ง 2 รวดเร็วอย่างมาก
“ทำไมเจ้าถึงได้รวดเร็วเช่นนี้?” เหวินเริ่นเหยียนกล่าวขณะที่ดวงตาสีน้ำเงินที่ชั่วร้ายของเขากำลังจับจ้องไปที่หลินเฟิงด้วยความตกตะลึง
“ข้าคิดว่าเจ้าอยากจะเล่นกับข้าเสียอีก ทำไมเจ้าถึงถอยกลับเสียล่ะ? ไหนว่าข้าไม่อาจเทียบเจ้าได้? ทำไมเจ้าถึงต้องวิ่งหนี?”
น้ำเสียงของหลินเฟิงดูเย้ยหยันอย่างมาก ดวงตาสีน้ำเงินของเหวินเริ่นเหยียนและดวงตาสีดำของหลินเฟิงทั้งคู่ต่างดูคล้ายกับปีศาจ แต่ในตอนนี้มันช่วยไม่ได้เลยที่เหวินเริ่นเหยียนจะจ้องมองไปที่ดวงตาของหลินเฟิงด้วยความกลัว
“ทำไมนัยน์ตาของมันถึงเปลี่ยนไป? เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันจะมีจิตวิญญาณที่คล้ายกับข้า?”
เหวินเริ่นเหยียนกำลังสงสัยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับดวงตาของหลินเฟิง เขาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในดวงตาของหลินเฟิง ในความคิดของเหวินเริ่นเหยียนมันอาจจะเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณของเขา นี่เป็นสิ่งเดียวที่สามารถอธิบายความเปลี่ยนแปลงของดวงตาของหลินเฟิงได้
“ไม่ว่าจะทักษะหรือจิตวิญญาณก็ไม่สำคัญ ข้าจะต้องฆ่ามันให้ได้” เหวินเริ่นเหยียนคิด เขาจ้องมองไปยังหลินเฟิงและกล่าว “หลินเฟิง มองตาข้า”
ความก้าวร้าวและเลือดเย็นของเหวินเริ่นเหยียนถูกผสานอยู่ในดวงตา คราวนี้หลินเฟิงจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเหวินเริ่นเหยียนแต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ดวงตาของเขายังคงเป็นหลุมดำที่ราวกับไร้ที่สิ้นสุด
“เป็นไปตามคาด มันคือทักษะ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้ทำมันเป็นอัมพาต”
เหวินเริ่นเหยียนประหลาดใจ ดูเหมือนว่าดวงตาของเขาไม่อาจใช้กับหลินเฟิงได้
“เหอะ อย่าได้กังวล นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น”
เหวินเริ่นเหยียนเงยศีรษะของเขาขึ้น เขายื่นมือออกมาข้างหน้า ปราณสีเทาถูกปลดปล่อยออกมาจากมือของเขา พลังปราณที่มีกลิ่นอายของความตายกระจายไปทั่วลานประลอง
งูไผ่สีน้ำเงินนอกจากจะโดดเด่นเรื่องความเร็วแล้ว พิษของมันยังเป็นอันตรายถึงชีวิต ไม่มีผู้บ่มเพาะคนใดเสี่ยงที่จะสัมผัสกับมัน
เหวินเริ่นเหยียนใช้จิตวิญญาณของเขาฝึกฝนทักษะปีศาจซึ่งทำให้เขาสามารถใช้พิษของงูไผ่สีน้ำเงินได้
พิษมีความรุนแรงเท่ากับค่าเฉลี่ยของทักษะระดับลึกลับ ทำให้ปราณกลายเป็นปราณพิษ การโจมตีประเภทนี้ทรงพลังอย่างมาก มันสามารทำให้เป็นอัมพาตในทันทีจากการสูดดม และจะต้องตายอย่างทรมานถ้าหากสัมผัสกับมัน
ทักษะประเภทนี้ยากที่จะฝึกฝน เฉพาะอัจฉริยะที่มากไปด้วยพรสวรรค์เท่านั้นที่จะฝึกได้ นอกจากนี้พวกเขายังต้องการจิตวิญญาณที่หายากและลึกลับ ตัวอย่างเช่นเหวินเริ่นเหยียนสามารถเรียนรู้ทักษะดังกล่าวได้เพราะเขามีจิตวิญญาณงูไผ่สีน้ำเงิน วิญญาณของเขาสามารถผสานเข้ากับทักษะประเภทนี้ซึ่งทำให้เกิดการโจมตีที่ทรงพลัง
เกิดภาพติดตาของเหวินเริ่นเหยียนขึ้นในอากาศ ความเร็วของเขายังรวดเร็วเช่นเคย พริบตาเขากลับมาอยู่ที่หน้าของหลินเฟิงอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็โจมตีหลินเฟิงด้วยปราณแห่งความตาย หลินเฟิงตื่นตะลึง เขาสัมผัสกับปราณทำให้เคลื่อนไหวได้ช้ากว่าก่อน
อย่างไรก็ตามหลินเฟิงยังคงรวดเร็วและหลบการโจมตีได้อย่างคล่องแคล่ว เขากระโดดขึ้นไปราวกับร่างของเขาลอยอยู่ในอากาศ จากนั้นเขาก็โจมตีออกด้วยดาบ
ความสามารถในการเคลื่อนไหวของเหวินเริ่นเหยียนยังคงรวดเร็ว เขาเคลื่อนไหวราวกับงู ดาบของหลินเฟิงได้พุ่งผ่านตัวเหวินเริ่นเหยียนไป เขาประสบความสำเร็จในการหลบการโจมตีของหลินเฟิง
“ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเหวินเริ่นเหยียนถึงหยิ่งผยอง นั่นเป็นเพราะเขาแข็งแกร่งอย่างแท้จริง”
หลินเฟิงรู้สึกหดหู่อีกครั้ง ดวงตาและพิษของเหวินเริ่นเหยียนเพียงพอให้การโจมตีของเขารุนแรงยิ่งขึ้น
ถ้าหลินเฟิงไม่มีจิตวิญญาณสวรรค์เขาจะไม่สามารถรับการโจมตีของเหวินเริ่นเหยียนได้อย่างแน่นอน ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีศิษย์คนใดสามารถต่อกรกับเขาได้
“ข้าจะดูว่าเจ้าจะทนได้อีกนานแค่ไหน”
เหวินเริ่นเหยียนยิ้มอย่างเย็นชา ทันใดนั้นพลังปราณที่น่าเหลือเชื่อก็กลืนกินไปทั้งบรรยากาศ
“ตอนนี้แหละ!” หลินเฟิงตะโกน
“คมดาบสังหาร”
อำนาจดาบที่ทรงพลังปรากฏขึ้นที่ปลายดาบของเขา ราวกับว่ามันสว่างไสวไปทั่วลานประลอง ปราณพิษของเหวินเริ่นเหยียนถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆด้วยอำนาจดาบของหลินเฟิง จากนั้นเขาก็เตรียมพร้อมที่จะใช้ทักษะดาบแห่งสวรรค์
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่ากำลังเล่นกับข้า ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะเล่นกับข้ายังไง? ศิษย์ภายในอันดับหนึ่งผู้ไม่มีใครเทียบ? อย่าได้พูดจากโอหังเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า!”
เสียงของหลินเฟิงดังก้องไปทั่วหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน
เป็นไปได้อย่างไร? หลินเฟิงไม่ได้รับอันตรายจากการโจมตีของเหวินเริ่นเหยียนเลย?
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้วไอเศษสวะ” เหวินเริ่นเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ
“หยุดพูดไร้สาระ? เจ้าไม่มีตาหรือในหัวของเจ้าไม่มีสมองกันแน่? เจ้าคิดว่าเป็นคนเดียวที่มีจิตวิญญาณ?”
เมื่อหลินเฟิงพูดเสร็จได้มีเงาสีดำปรากฏข้างหลังของเขาในทันที สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงที่สุดร่างเงานั้นมีดวงตา มันดูชั่วร้ายราวกับปีศาจ
“นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเฟิงปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขา มันดูทรงพลังอย่างมาก!”
“มันคือจิตวิญญาณอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน”
ผู้คนกลายเป็นแตกตื่นเมื่อเห็นจิตวิญญาณของหลินเฟิง ถูกต้อง หลินเฟิงไม่เคยปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขาต่อหน้าผู้อื่นจนกระทั่งตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้ว่าจิตวิญญาณที่หลินเฟิงปลดปล่อยออกมาเป็นขั้นแรกของจิตวิญญาณสวรรค์
“สวรรค์.. นั่นคือจิตวิญญาณของหลินเฟิง? ข้าจำได้ว่ามีคนเคยบอกไว้ หลินเฟิงมีจิตวิญญาณงูขนาดเล็กและมันก็ไร้ประโยชน์ เป็นไปได้อย่างไรที่หลินเฟิงจะมีจิตวิญญาณเช่นนี้?
ผู้คนต่างเหลือบมองไปยังชายที่กล่าวเมื่อครู่และเมินเฉยต่อคำพูดของเขาในทันที เขาเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาที่อ่อนแอมาก เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการพูดให้เข้าใจผิด
“ถูกต้อง ข้าจำได้ว่าจิตวิญญาณของหลินเฟิงคืองูไร้ประโยชน์ เป็นไปได้ไหมว่าเขามีจิตวิญญาณ 2 ดวง? มิฉะนั้นเขาจะมีจิตวิญญาณแบบนั้นได้อย่างไร?”
ศิษย์ธรรมดาอีกคนกล่าวขึ้น เฉพาะศิษย์ธรรมดาเท่านั้นที่รู้ว่าหลินเฟิงถูกข่มเหงและกลั่นแกล้งทั้งหมดเป็นเพราะจิตวิญญาณของเขา ศิษย์ธรรมดาเกือบทุกคนจดจำได้ว่าหลินเฟิงเป็นเพียงเศษขยะในก่อนหน้านี้
มันเหมือนกับว่าหลินเฟิงได้กลายเป็นคนใหม่อย่างสมบูรณ์ ในเวลาสั้นๆความแข็งแกร่งของเขาก้าวกระโดดขึ้นมากจนได้รับความเคารพจากศิษย์มากมาย
แต่ที่น่าเสียดาย แม้ว่าศิษย์ธรรมดาเหล่านี้จะพูดความจริง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อคำพูดของพวกเขา ศิษย์คนอื่นต่างคิดว่าพวกเขาเป็นเพียงพวกโง่ที่ต้องการจะสร้างข่าวลือ
จิตวิญญาณคู่? จะเป็นไปได้อย่างไร? จิตวิญญาณคู่เป็นสิ่งที่หายากมาก ถ้าหลินเฟิงมีจิตวิญญาณคู่จริงๆ เขาไม่อาจเป็นเพียงแค่อัจฉริยะ แต่เขาคือสัตว์ประหลาด!
ศิษย์ธรรมดามากมายต่างหลงใหลและเทิดทูนในตัวของหลินเฟิงอย่างมาก
“เหวินเริ่นเหยียน ข้าจะแสดงให้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของข้า” คำพูดของหลินเฟิงทำให้ฝูงชนต่างสั่นกลัว
เขายังไม่ได้เอาจริงจนถึงตอนนี้?
เขาแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
หมอกสีดำโผล่ออกมาจากร่างกายของหลินเฟิงและปกคลุมลานประลอง มันยิ่งทำให้ดวงตาสีดำของหลินเฟิงดูน่าสยดสยองและดูชั่วร้ายกว่าแต่ก่อน
หลินเฟิงถือดาบไว้ในมือและปลดปล่อยปราณดาบที่น่าเกรงขามจำนวนมหาศาลออกมา
“ศักยภาพสวรรค์”
หลินเฟิงกล่าว แสงเล็กๆสาดประกายอยู่ในม่านตาสีดำของหลินเฟิง พวกมันดูอันตรายเสียยิ่งกว่าตาสีน้ำเงินของเหวินเริ่นเหยียนเสียอีก
หลินเฟิงปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ความสามารถของจิตวิญญาณ : ศักยภาพสวรรค์
เหวินเริ่นเหยียนหยุดชะงักในทันที เขารู้สึกแปลกๆ เขารู้สึกราวกับว่าตกอยู่ในความมืด แม้ว่าต้องการวิ่งแต่ก็ไม่อาจขยับตัวได้
“เคลื่อนที่ดั่งเงาจันทรา”
หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ และไปปรากฏอยู่ตรงหน้าของเหวินเริ่นเหยียนจากนั้นก็ใช้ออกด้วยคมดาบสังหาร
เหวินเริ่นเหยียนหลบการโจมตีได้อย่างหวุดหวิดและโต้กลับด้วยปราณพิษในมือ
ในตอนนั้น ปราณสีดำได้โผล่ออกมาและดูดซับปราณพิษเข้าไปในหมอกสีดำ ดาบของหลินเฟิงเริ่มเปล่งประกายอีกครั้ง อำนาจดาบของเขาเริ่มเข้มข้นและทรงพลังยิ่งขึ้น
“หนี!”
สัญชาตญาณของเหวินเริ่นเหยียนบอกเขาว่าจะต้องหนี! แต่หลินเฟิงก็ติดตามเขามาอย่างใกล้ชิดราวกับเงาตามตัว ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่อาจสลัดหลินเฟิงให้หลุดได้
ประกายแสงจากคมดาบสังหารกลืนกินท้องนภาอีกครั้ง
ในขณะที่เหวินเริ่นเหยียนพยายามหนีอย่างต่อเนื่องแต่เขาก็ยังต้องพบเจอกับดาบของหลินเฟิงซึ่งมันแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและยากที่จะหลบหลีก
เหวินเริ่นเหยียนขบฟัน เขาสับสนเพราะประกายแสงที่ออกกมาจากดาบในการฟาดฟันแต่ละครั้ง ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนหลบไปทางไหนเขาก็ยิ่งพบเจอกับอันตราย
สิ่งที่ทำให้เหวินเริ่นเหยียนประหลาดใจที่สุดคือหลินเฟิงสามารถโจมตีอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก มันเหมือนกับว่าหลินเฟิงต้องการที่จะสังหารเขาให้ได้
“เป็นไปได้อย่างไร?”
เหวินเริ่นเหยียนตะตึงอย่างมาก นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว! มันราวกับว่าหลินเฟิงอ่านทางเขาออกว่ากำลังจะทำอะไร ในตอนนั้นหลินเฟิงได้มุ่งเป้าโจมตีไปที่เหวินเริ่นเหยียนที่กำลังคิดแผนหลบหนี ดูเหมือนหลินเฟิงจะรู้ถึงสิ่งที่เหวินเริ่นเหยียนคิดและขัดขวางก่อนที่เขาจะทำมัน
บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับอำนาจพลังที่แพร่กระจายไปทั่วบรรยากาศ?
ใบหน้าของเหวินเริ่นเหยียนแปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ ดาบของหลินเฟิงเปล่งประกายและพร้อมจะโจมตีเขาอีกครั้ง
เหวินเริ่นเหยียนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและสิ้นหวังอย่างมาก เขาพยายามที่จะปลดปล่อยปราณพิษให้มากขึ้นแต่ก็ถูกดูดซับไปโดยหมอกสีดำ ดูเหมือนว่าหลินเฟิงจะสามารถครอบงำพลังและความสามารถของเขาได้อย่างสมบูรณ์
“หลินเฟิงสามารถต้อนเหวินเริ่นเหยียนให้จนมุมได้?”
ใบหน้าของทุกคนแข็งค้างราวกับกลายเป็นหิน ดูเหมือนว่าเหวินเริ่นเหยียนจะตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง เขาต้องคอยปกป้องตัวเองจากการโจมตี ไม่ว่าเขาจะหลบเลี่ยงได้กี่ครั้งแต่เขาก็ยังถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง การโจมตีแต่ละครั้งค่อยๆทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ มันราวกับว่าเขาจะถูกฆ่าได้ทุกเมื่อ
นี่นะหรือที่เหวินเริ่นเหยียนบอกว่ากำลังเล่นกับหลินเฟิง? มันดูเหมือนว่าเหวินเริ่นเหยียนเป็นเหยื่อเสียเองมากกว่า
ฝูงชนต่างให้ความเคารพหลินเฟิง เขากลายเป็นคนที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อปลดปล่อยจิตวิญญาณออกมา เขาคืออัจฉริยะที่แท้จริง ทุกคนต่างอิจฉาในพรสวรรค์และศักยภาพของเขา
ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้ว่าพลังที่หลินเฟิงเก็บซ่อนไว้น่ากลัวขนาดไหน!
“ ไง พ่ออัจฉริยะ! เจ้าอย่ามัวแต่หลบและใช้เวลาเพื่อวิ่งหนีอย่างงเดียว?” คำพูดของหลินเฟิงเต็มไปด้วยความเหยียดหยาดและเหน็บแนม
หลินเฟิงไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย มันเกือบจะเหมือนว่าพลังของเขาในตอนนี้มีมากกว่าในตอนที่เขาเริ่มการประลองและเป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น
ผู้คนที่เฝ้ามองการต่อสู้ต่างมีความรู้สึกมากมายปะปนกันไป พวกเขาทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัวหลินเฟิงในเวลาเดียวกัน พวกเขาจ้องมองหลินเฟิงราวกับเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าเกรงขาม
ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าใครคืออัจฉริยะที่แท้จริง?
“เหวินเริ่นเหยียน ไม่ใช่เจ้าหรือที่บอกว่าข้ากับเจ้านั้นแตกต่างกันมาก? เจ้ายังบอกอีกว่าข้าไม่อาจสัมผัสแม้แต่เส้นผมของเจ้าได้? แต่ตอนนี้เจ้าเอาแต่วิ่งหนีและหลบการโจมตีของข้า เจ้าไม่อับอายบ้างหรือ?”
คำพูดของหลินเฟิงราวกับคมดาบที่ทิ่มแทงหัวใจของเหวินเริ่นเหยียน ตอนนี้เขากำลังบ้าคลั่งจากความอัปยศที่ได้รับจากหลินเฟิง
“เหวินเริ่นเหยียน เจ้าจะไม่พิสูจน์หน่อยหรือว่าเจ้านั้นเป็นอัจฉริยะที่โดเด่นที่สุด? หรือว่านี่คือวิธีการพิสูจน์ของเจ้า?”
ดูแล้วหลินเฟิงจะไม่ยอมปล่อยเหวินเริ่นเหยียนไปง่ายๆอย่างแน่นอน เขายังคงสร้างความอัปยศให้เหวินเริ่นเหยียนและโจมตีอย่างต่อเนื่อง เหวินเริ่นเหยียนเริ่มคลั่งขึ้นเรื่อยๆ เขาบ้าคลั่งเพราะความอัปยศที่หลินเฟิงมอบให้
“เจ้าดูถูกคนอื่นและเรียกพวกเขาว่าขยะ ดี ดูเหมือนว่าเจ้าจะกลายเป็นขยะแล้วเช่นกัน เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง? นี่แหละเรียกว่าความอัปยศ แต่เจ้าเป็นคนที่ไร้อย่างอายอยู่แล้วข้าขอเดาว่าเจ้าคงจะไม่รู้สึกอะไร”
คำพูดของหลินเฟิงเหยียบย้ำความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของเหวินเริ่นเหยียนจนป่นปี้
“เจ้าควรให้ข้าลงมือและความตายจะมาหาเจ้า”
ดวงตาสีดำสนิทของหลินเฟิงราวกับไม่มีความรู้สึกใดๆ อำนาจดาบของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ มันดูดซับทุกอย่างในบรรยากาศและแปรเปลี่ยนเป็นพลัง
“คมดาบสังหาร”
ดาบของหลินเฟิงเปล่งแสงออกมา มันพุ่งตรงไปยังหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ของเหวินเริ่นเหยียน
“หนี!” เสียงหนึ่งดังออกมาจากฝูงชน โดยปราศจากความลังเลเหวินเริ่นเหยียนใช้พลังทั้งหมดในการหลบหนี
“ตาย!”
ดาบของหลินเฟิงพุ่งทะลวงผ่านอากาศและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า