ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“หลินเฟิงเจ้ารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ใช่ไหม?”
ม่อเสียรู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ เขาไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อกี้หลินเฟิงไม่ได้หลบการโจมตี แต่เขากลับยืนรับการโจมตีด้วยความเต็มใจ ทำให้ม่อเสียสงสัยหลินเฟิง
แต่เงานั้นไม่เคยปรากฏออกมาตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ข้ากับเจ้าเจอกัน แล้วหลินเฟิงรู้ได้อย่างไรว่ามันจะปรากฏออกมาในตอนนี้?
“ท่านผู้อาวุโส”
ม่อเสียกล่าวกับเงาดำ แต่เขาไม่กล้าเคลื่อนไหว เขาหวาดกลัวเพราะชีวิตของเขาอาจจะจบลงเมื่อตอนไหนก็ได้
“นิกายมีผู้อาวุโสที่เลวทรามอย่างเจ้า เจ้ามันเป็นความอัปยศอดสูของนิกาย”
เสียงดังกล่าวดังมาจากทิศทางไหนก็ไม่รู้ ทันใดนั้นได้ปรากฏแสงสีเขียวเข้มผ่านอากาศด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ไม่สามารถมองเห็นร่างเงานั้นได้ สามารถเห็นแต่แสงที่ผ่านอากาศเท่านั้น เมื่อแสงหายไป ได้มีเงาร่างหนึ่งปรากฏออกมา เงาร่างนั้นสวมเสื้อคลุมสีดำและปกปิดใบหน้า ทันใดนั้นร่างเงาได้หยิบกริชที่กลายเป็นสีแดงเลือด และมีเลือดไหลลงมาจากปลายกริช
เลือดที่เห็นคือมันเป็นเลือดของม่อเสีย
ม่อเสียยังคงยืนอยู่ที่เดิมเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นนิ่งอย่างสมบูรณ์
ดวงตาของม่อเสียเปิดกว้างราวกับว่าเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง เขายังคงไม่เชื่อว่าภายใน 2 วินาทีผู้อาวุโสจะจบชีวิตของเขาได้
เลือดเริ่มพุ่งไหลออกมาจากลำคอของม่อเสีย และในที่สุดร่างของเขาก็ร่วงหล่นลงบนพื้น
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่ง ข้าจะใช้กริชเล่มนี้กับผู้อาวุโสร่วมนิกาย น่าเศร้าจริงๆ”
น้ำเสียงของชายชราดูอ้างว้าง
“ผู้พิทักษ์คง” หลินเฟิงกล่าวกับชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำ
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าอยู่ที่นี่?”
ผู้พิทักษ์คงมองหลินเฟิงขณะพยักหน้า เมื่อเขาใช้จิตวิญญาณเงา ทำให้เขากลายเป็นเงา และในก่อนหน้านี้ผู้พิทักษ์คงไม่ได้เปิดเผยตัวตนว่าเขาอยู่ที่นี่ แต่หลินเฟิงกลับหลอกล่อให้ม่อเสียโจมตีเขา
“ข้ารู้สึกได้”
หลินเฟิงตอบกลับอย่างเรียบเฉย จิตวิญญาณของเขาทำให้เขารู้สึกได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ เขาไม่จำเป็นต้องใช้ตาของเขาเพื่อมอง เขาสามาถรู้สึก และรับรู้ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกการเคลื่อนไหว
ในสมองของหลินเฟิง โลกแห่งความมืดนั้นเขาสามารถรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งราวกับเขาเป็นผู้สร้างความมืด
ถึงแม้ว่าผู้พิทักษ์คงจะใช้จิตวิญญาณเงาของเขา แต่หลินเฟิงก็ยังคงรู้สึกประหลาดใจที่ได้รู้ตัวตนของเขา หลินเฟิงเข้าใจว่าเงานั้นเป็นเงาที่ปกป้องเขาในตอนนั้นที่เขาถูกม่อเสียโจมตี
ผู้พิทักษ์คงพยักหน้า
“หลินเฟิงเจ้าเป็นรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดที่ข้าเคยพบเจอมา เจ้าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง ออกไปจากที่แห่งนี้เสีย และไปไกลที่สุดเท่าที่เจ้าจะไปได้ ข้าหวังว่าสักวันหนึ่งนิกายหยุนไห่จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” น้ำเสียงของผู้พิทักษ์คงเต็มไปด้วยความโศรกเศร้า เขาเป็นผู้พิทักษ์ของนิกายหยุนไห่ แล้วในวันนี้เขาจะต้องปกป้องนิกายจากการถูกทำลาย
“ถ้าข้ามีชีวิตรอดจากไป ข้าจะทำให้นิกายหยุนไห่กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”
หลินเฟิงพยักหน้า เป็นสัญญาณว่าเขากำลังทำสัญญากับชายชรา แต่อย่างไรก็ตามเขายังคงต้องออกไปจากที่แห่งนี้เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป
แต่ต้วนเทียนหลางจะไม่ปล่อยให้หลินเฟิงออกไป
“อ๊ากกกกกกกก!”
ในท้องฟ้า ได้มีเลือดพุ่งลงมาเบื้องล่างราวกับสายฝน ใครบางคนที่สวมเสื้อคลุมถูกสังหาร ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้อาวุโสของนิกายหยุนไห่
“คงหมิง ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว”
จากนั้นภาพเงาได้ลงมาจากท้องฟ้า และปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าผู้พิทักษ์คง
ผู้พิทักษ์คงถึงกับพูดไม่ออก และสั่นเพราะความโกรธเกรี้ยว การแสดงออกทางสีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเขาก็หายไปในพริบตา หลงเหลือเพียงภาพเงาของเขาที่ยังอยู่บนพื้น
ในขณะนั้น ร่างเงาบนท้องฟ้ากำลังมองไปที่เลือด แล้วมองไปยังซากศพของม่อเสียที่อยู่บนพื้น ใบหน้าของคนคนนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“นิกายหยุนไห่ ข้ายอมทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของนิกาย แต่สุดท้ายเจ้ากลับสังหารลูกชายเพียงคนเดียวของข้า ทำไมเจ้าถึงทำกับข้าได้!”
ม่อช่างหลานกลายเป็นเสียสติ เขามองไปรอบๆมองต้วนเทียนหลาง และหนานกงหลิงที่กำลังต่อสู้กันอยู่
“ตายซะ!” ม่อช่างหลานคิดอย่างชั่วร้าย จากนั้นเขาก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและปรากฏตัวอยู่ด้านข้างหนานกงหลิง และยืนเคียงข้างต้วนเทียนหลางเพื่อต่อสู้กับหนานกงหลิง
หนานกงหลิงยังไม่รู้ว่าม่อเสียถูกฆ่าตายไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นม่อช่างหลานได้โจมตีหนานกงหลิงทีเผลอ
หลังจากนั้นเลือดได้พุ่งออกมาจากแขนซ้ายของหนานกงหลิง ผสานกับแสงที่ปลดปล่อยออกมาจากดาบ แขนซ้ายของหนานกงหลิงถูกตัดออกอย่างสมบูรณ์โดยดาบ
“ม่อ…..ช่าง…..หลาน เจ้า!”
หนานกงหลิงร่วงหล่นตกลงพื้น แต่เขาไม่ได้มองแขนซ้ายที่ถูกตัด กลับกันเขากำลังจ้องมองม่อช่างหลานผู้ที่กล้าโจมตีเขา…ม่อช่างหลานเป็นทั้งสหายของเขา และเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายหยุนไห่
“นี่คือการแก้แค้นของข้า” ม่อช่างหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น ขณะมองไปที่ศพของม่อเสียที่นอนกองอยู่บนพื้น
เมื่อหนานกงหลิงสังเกตเห็นศพของม่อเสีย และมองไปที่บาดแผลของเขา… จากนั้นก็มองไปที่ผู้พิทักษ์คงที่ยืนอยู่ใจกลางลานประลอง
ม่อเสียถูกสังหารโดยผู้พิทักษ์คง
หนานกงหลิงเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“ดี ในที่สุดมันก็ได้รับผลของการกระทำ”
หนานกงหลิงพูดอย่างไม่แยแส จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ เขาเห็นว่ามีผู้อาวุโสจำนวนมากกำลังเสียเปรียบ และฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนมากเกินไป และยังมีฝ่ายตรงข้ามบางคนยังไม่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ พวกเขายืนอยู่รอบนอกเพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ใดหลบหนีออกไปจากที่แห่งนี้ได้
“สมาชิกทุกคนของนิกายหยุนไห่ มารวมตัวกันที่นี่เดี๋ยวนี้”
หนานกงหลิงตะโกนเสียงดัง ทำให้มีผู้คนมากมายจากทุกทิศทุกทางมุ่งมายังลานประลองแห่งชีวิต
ผู้คนจำนวนมากทิ้งการต่อสู้ของพวกเขา; ทิ้งการต่อสู้ไว้เบื้องหลัง และรวมกลุ่มกับหนานกงหลิงที่ลานประลองแห่งชีวิต
นอกเหนือจากหนานกงหลิงผู้ที่แขนขาดแล้ว มีผู้คนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ และปกคลุมไปด้วยเลือด หลินเฟิงยืนอยู่เบื้องหลังกลุ่มศิษย์และผู้อาวุโส เขาดูสงบนิ่ง แต่ในนัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโศรกเศร้าต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้
“เจ้ารู้หรือไม่ ตอนนี้พวกเราควรจะทำอะไร?”
ในขณะที่เลือดไหลออกมาจากแขนของหนานกงหลิงอย่างไม่หยุดสาย แต่เขากลับจ้องมองต้วนเทียนหลาง
ทุกๆคนในฝูงชนไม่ต้องการคำอธิบาย พวกเขาทุกคนพยักหน้าเพื่อเป็นสัญญาณว่าพวกเขาเข้าใจหนานกงหลิงว่าเขาจะสื่ออะไร
“ผู้พิทักษ์เป๋ย พาตัวเขาไป”
หนานกงหลิงกล่าวกับผู้พิทักษ์เป๋ยด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
ผู้พิทักษ์เป๋ยพยักหน้า จิตวิญญาณนกกระเรียนของเขาถือว่าเป็นจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง และรวดเร็วมาก ไม่นานหลังจากนั้นผู้พิทักษ์เป๋ยได้ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าหลินเฟิง เขาปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขาแล้วกางปีกออกจากนั้นคว้าตัวหลินเฟิงไป
ในที่สุดหลินเฟิงก็เข้าใจว่าหนานกงหลิงต้องการสื่ออะไร พวกเขาต้องการ…..
ศิษย์ทุกๆคนรวมทั้งผู้อาวุโสพวกเขาต่างจ้องมองไปที่หลินเฟิง พวกเขาแสดงออกทางสีหน้าไปต่างๆนาๆแต่มีเพียงไม่กี่คนที่มองหลินเฟิงด้วยความ…ความหวัง!
ทุกๆคนต่างคาดหวังในตัวหลินเฟิง หลินเฟิงเป็นความหวังเดียวของพวกเขา
หลินเฟิงราวกับได้รับแรงกดดันมหาศาลจากพวกเขา พวกเขาต้องการยอมสละชีวิตของตัวเอง เพื่อให้เขาหลบหนีอย่างปลอดภัย พวกเขาต้องการเสียสละตัวเองเพื่อเขา ชีวิตของพวกเขาทุกคน…เพื่อช่วยชีวิตของเขาเพียงชีวิตเดียว พวกเขาหลายคนแข็งแกร่งพอที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หากพวกเขาพยายามหลบหนีไปคนเดียว
แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับหลินเฟิง แต่พวกเขาเลือกที่จะมอบอนาคตของพวกเขาให้กับหลินเฟิง เพราะหลินเฟิงไม่ได้มีความผูกพันกับนิกาย พวกเขาไม่รู้ว่าหลินเฟิงจะทำเช่นไรหากเขาหลบหนีรอดชีวิตไปได้ แต่พวกเขารู้สึกโล่งอกราวกับว่าพวกเขาได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำได้แล้ว
มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้มองหลินเฟิง คือ หนานกงหลิง เขากำลังจ้องมองฝ่ายตรงข้าม
“ข้า หลินเฟิง มีพรสวรรค์ของตัวเอง และความภักดีของข้าไม่สามารถซื้อได้”
เขาจะไม่เชื่อใจคนที่พูดประโยคพวกนี้ได้อย่างไร? ในใจของหนานกงหลิงมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เขาคิด คือ ให้หลินเฟิงหลบหนีออกไป ขณะที่พวกเขาเปิดเส้นทางให้หลินเฟิง
“ไปซะ!”
หนานกงหลิงตะโกนเสียงดัง จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง และเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
ทุกๆคนเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกับหนานกงหลิง
“นิกายหยุนไห่ถูกทำลายในยุคสมัยของข้า….ยกโทษให้ข้าด้วย! ข้าขอโทษ!”
ทันใดนั้นได้มีพลังปราณอันแข็งแกร่งปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของหนานกงหลิง จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปในสนามรบเพื่อเปิดทางให้หลินเฟิงปราศจากความลังเล นี่เป็นความเสียใจที่สุดในชีวิตของเขา เพราะในเวลานี้นิกายหยุนไห่ได้ถูกทำลาย
“เจ้าต้องตาย!”
เสียงเสียงหนึ่งตะโกนดังไปทั่วอากาศ และทันใดนั้นได้มีดาบแหวกว่ายผ่านอากาศโจมตีหนานกงหลิง
“ตู้มมมมมมมมมมมมมม!”
ร่างของหนานกงหลิงกลายเป็นขี้เถ้าทันที
ประมุขที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของนิกายหยุนไห่…..ถูกสังหารแล้ว!
ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้สึกเสียใจให้กับเขา หรือร้องไห้เพื่อเขา ผู้อาวุโสของนิกายหยุนไห่ทุกคนมองดูศพของหนานกงหลิงอย่างสงบ พวกเขาถูกโจมตีจากทุกด้าน แถมพวกเขายังต้องคอยระวังศัตรูไม่ให้เข้าถึงตัวหลินเฟิง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็น
ผู้อาวุโสบางคนยังพยายามหลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามา และต่อสู้กับศัตรูของนิกาย พวกเขาไม่สนใจการตายของประมุข แต่พวกเขาหวังว่าจะอยู่รอดให้นานที่สุดเพื่อสังหารศัตรูของพวกเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ตายซะ!”
“ตายซะ, ตายซะ, ตายซะ….”
สายลมอันแข็งแกร่งพัดเหนือลานประลอง ทุกๆคน และผู้อาวุโสพยายามมีชีวิตอยู่ให้นานที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ และต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมด พวกเขามุ่งเน้นไปที่การโจมตีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้พวกเขาไม่ได้ป้องกันตัวเอง
ทุกๆคน รวมถึงผู้อาวุโสต่างตกตายด้วยการโจมตีต่างๆ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาที่จะแสดงเจตจำนง และความตั้งใจของพวกเขา หลินเฟิงมองไปที่พวกเขา เขาไม่ได้กระพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว พวกเขาทุกคนต่อสู้จนกว่าจะตาย แต่ก่อนที่พวกเขาจะตายพวกเขาได้หันหน้ามามองหลินเฟิงก่อนที่พวกเขาจะตาย
“หนีไปซะ…”
ในที่สุดผู้พิทักษ์เป๋ยก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ราวกับดาวหางที่เคลื่อนที่ไปตามเส้นขอบฟ้า
ปีกของนกกระเรียนได้สร้างลมหมุนขึ้น ขณะกระพือปีกในอากาศ ลมหมุนที่นกกระเรียนสร้างขึ้นมันเจ็บปวดมากสำหรับหลินเฟิง มันเหมือบใบมีดที่กรีดผิวของเขา แต่ในขณะนี้หัวใจของหลินเฟิงรู้สึกเจ็บปวดกว่าเป็นอย่างมาก ศิษย์ร่วมนิกาย,สหายของเขา หรือแม้แต่ผู้อาวุโส พวกเขาไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณอะไรกับหลินเฟิง แต่พวกเขายังมอบชีวิตของพวกเขาให้หลินเฟิง พวกเขาต้องตายจากไปในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่
“เจ้าคิดว่าจะหนีข้าพ้น?”
เสียงเสียงหนึ่งดังแผ่กระจายไปทั่วทั้งบรรยากาศ มันเป็นเสียงที่แหลมคมเช่นเคย และได้มีดาบปรากฏขึ้น มันคือชายชราที่ยืนอยู่ข้างๆต้วนเทียนหลาง
“เงาทะลวงร่าง ตายซะ!”
เสียงดังแผ่กระจายไปทั่วบรรยากาศ และได้มีแสงสีเขียวพุ่งออกไป ทุกๆคนสามารถเห็นมันได้
ผู้ที่ครอบครองจิตวิญญาณเงาสามารถสังหารผู้อื่นได้โดยไม่ต้องเคลื่อนไหว พวกเขาสามารถดึงวิญญาณของคนอื่นออกจากร่างของพวกเขาได้
“เจ้ากล้าดียังไง!” เสียงเสียงหนึ่งตะโกนเสียงดังมาก เงา และดาบขนาดใหญ่ปะทะกัน ราวกับพวกมันกำลังพยายามกลืนกินกันและกัน ชายชราได้รับบาดเจ็บ และมีเลือดไหลออกมาจากอกของเขา
ในขณะนั้น เงาก็ปรากฏขึ้น แขน และกริชก็ได้หายไปจากสายตา
ผู้พิทักษ์เป๋ยไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น และยังคงบินต่อไปยังขอบฟ้า