ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อหลินเฟิงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขากลับกลายเป็นเย็นชายิ่งขึ้น
นี่มันผู้หญิงบ้าอะไรกัน? เอาแต่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าคนอื่นไม่มีสิทธิ์ที่จะแสดงออก? นางคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น?“
“ผู้หญิงคนนี้โหดร้ายจริงๆ แม้ว่านางจะงดงาม แต่พฤติกรรมของนางช่างน่ารังเกียจมาก”
หลินเฟิงรู้สึกเดือดดาลอย่างมาก ผู้หญิงคนนั้นต้องการที่จะลงโทษจิ้งยวิ๋นด้วยเหตุผลไร้สาระ
หลินเฟิงปัดป้องการโจมตีของหญิงคนนั้นแม้ว่ามันจะเป็นการดึงเขาเข้าไปเกี่ยวด้วยเช่นกัน
นางกล้าที่จะทำร้ายผู้อื่นแต่ไม่ยอมให้ผู้อื่นตอบโต้ การแสดงออกของนางทำให้ผู้คนเอือมระอา
“รนหาที่ตาย!” หญิงสาวตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
“เพียงแค่ขั้นที่ 1 ขอบเขตจิตวิญญาณ ด้วยพลังแค่นี้นางคิดว่าเพียงพอที่จะข่มเหงผู้อื่น?” หลินเฟิงคิดกับตัวเองและรู้สึกประหลาดใจ
หลินเฟิงยกมือขึ้นและโจมตีออกด้วยแปดฝ่ามือพิฆาต กลิ่นอายที่รุนแรงของหกฝ่ามือกระจายไปทั่วชั้นบรรยากาศ เขาไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งแปดฝ่ามือกับนาง เพียงหกฝ่ามือก็เพียงพอที่จะบดขยี้นางอย่างสมบูรณ์แล้ว
พลังโจมตีที่น่าหวาดกลัวพุ่งตรงไปยังหญิงสาว
“ระวัง!” ชายทั้งสองที่ยืนข้างๆหญิงสาวตะโกนออกมาพร้อมกับปลดปล่อยพลังเขาขัดขวางแปดฝ่ามือพิฆาตของหลินเฟิง การโจมตีผสานเข้าปะทะกับหกฝ่ามือจากนั้นมันก็หายไป ผู้คนในร้านกลายเป็นหวาดกลัวและรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะไม่ธรรมดา แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงผู้เยาว์แต่ก็บรรลุถึงขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว”
ฝูงชนต่างประหลาดใจที่เด็กเหล่านี้ต่างทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว ในเมืองจักรพรรดิผู้บ่มเพาะที่บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณไม่ถือว่าแข็งแกร่งอะไรมากมาย อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงอายุของหลินเฟิง หญิงสาวคนนั้นและผู้คุ้มกันของนาง ถือว่าพวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก ชายทั้งสองอายุราวๆ 20 ปีและหญิงสาวคนนั้นดูเหมือนว่าจะอายุพอๆกับหลินเฟิงที่อายุ 16 ปี แต่พวกเขาสามารถทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณได้และถือว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่น
“เจ้ากล้าดียังไงโจมตีข้า?!” นางจ้องมองไปที่หลินเฟิงอย่างดุร้าย
หลินเฟิงลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นปราณที่ทรงพลังก็ถูกปลดปล่อยออกมาและแพร่กระจายไปทั่วร้านอาหาร
“เจ้าต้องการที่จะสังหารข้าและไม่ยอมให้ข้าแก้แค้น เจ้าหมายถึงแบบนี้สินะ?”
หลินเฟิงคิดว่ามันไร้สาระมาก ในโลกใบนี้ มีบางคนที่รังแกและทำให้ผู้อื่นอับอาย แต่พวกเขาไม่อาจให้คนอื่นทำในสิ่งเหล่านั้นกับตัวเองได้
ผู้คุ้มกันทั้งสองของนางจ้องมองหลินเฟิงอย่างระมัดระวัง พวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่าหลินเฟิงเป็นตัวอันตรายอย่างแท้จริง
“ถ้าเจ้าอยากจะมีชีวิตอยู่ จงตบหน้าตัวเองและไสหัวออกไปจากที่นี่ซ่ะ” ใบหน้าของหญิงสาวบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว นางไม่เคยถูกทำให้อับอายมาก่อน
“แล้วถ้าข้าอยากจะมีชีวิตอยู่ล่ะ? ข้าไม่รู้ว่าเจ้าหมายความว่าอะไร” หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาและก้าวเดินต่อไป ในตอนนั้นเองปราณที่แข็งแกร่งได้พุ่งผ่านอากาศและตรงไปยังหญิงสาว
“เจ้าบอกว่าข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเปิดปากพูด เช่นนั้นข้าอยากที่จะถามเจ้า อะไรที่ทำให้เศษขยะไร้ค่าอย่างเจ้ามีสิทธิ์ที่จะทำให้คนอื่นอับอาย?”
เมื่อหลินเฟิงกล่าวเสร็จ เขาขยับมือและโจมตีด้วยแปดฝ่ามือพิฆาตอีกครั้ง คราวนี้เขาโจมตีออกไปถึงเจ็ดฝ่ามือและความรุนแรงของมันไม่อาจเทียบกับก่อนหน้านี้ได้
“สามหาว!” ท่าทีของชายทั้งสองเปลี่ยนไปในทันที จากนั้นพวกเขาก็ปลดปล่อยพลังปราณออกมาและทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อหยุดการโจมตีของหลินเฟิง
เกิดเสียงดังก้องไปทั่วอากาศ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่พวกเขา เด็กหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งเกินไป หญิงสาวที่หยิ่งยโสคนนี้ได้ยั่วยุเขาโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมา
“ไสหัวไป!” หลินเฟิงคำราม ฝ่ามือของเขาพุ่งพาดผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสามารถที่จะต้านทานมันได้
“ตู้มมม ตู้มมม ตู้มมม….!”
ผู้คุ้มกันทั้ง 2 ถูกส่งบินขึ้นไปในอากาศและตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง ผู้คนต่างตกตะลึง เด็กหนุ่มคนนี้เป็นเพียงผู้เยาว์เท่านั้นแต่เขาก็แข็งแกร่งอย่างมาก หากกล่าวว่าเขาคืออัจฉริยะที่ท้าทายสวรรค์ก็ไม่เป็นการกล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย
หญิงสาวจ้องมองไปยังผู้คุ้มกันที่นอนกองอยู่บนพื้น การแสดงออกที่หยิ่งยโสของนางหายไปในทันที
“เจ้า….” หญิงสาวจ้องมองไปที่หลินเฟิงที่กำลังเดินตรงมาที่นาง ดูเหมือนนางต้องการที่จะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้
“ตอบคำถามของข้า เจ้าบอกว่าข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะพูด แล้วดูตัวเจ้าตอนนี้?” หลินเฟิงเดินตรงไปที่นาง เขาไม่ชอบผู้ที่ข่มเหงผู้อื่น เขาไม่สามารถอยู่เฉยๆได้เมื่อเห็นคนอื่นถูกรังแก
หลินเฟิงรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นคนแบบไหน นางคือผู้ที่ชอบข่มขู่และทำให้ผู้อื่นอับอาย รวมทั้งยังมีความจริงที่ว่านางต้องการที่จะทำร้ายจิ้งยวิ๋น หลินเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยื่นมือเข้ามาช่วย
หลินเฟิงไม่ใช่คนประเภทที่จะให้ใครเข้ามากลั่นแกล้งได้ง่ายๆ เขาเป็นคนแข็งแกร่งและจะต่อต้านทุกคนหากว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
“เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร?” หญิงสาวหวาดกลัวปราณที่หลินเฟิงปลดปล่อยออกมา นางค่อยๆก้าวถอยหลังทีละก้าว นางเกลียดตัวเองที่ไม่ได้เอาผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่งกว่านี้มา
แน่นอน นั่นก็เป็นเพราะนางไม่คิดว่าจะมีใครกล้าต่อต้านนางเหมือนกับหลินเฟิง นางคิดว่าหลินเฟิงคงจะเป็นคนนอกที่เพิ่งมาถึง
“เจ้าจะเป็นใครแล้วยังไง?” หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา “มีเพียงเศษสวะเท่านั้นที่จะอาศัยสถานะของตัวเองเพื่อข่มขู่ผู้อื่น สิ่งที่เจ้าไม่รู้ก็คือถ้าเจ้าพยายามที่จะตบหน้าใครบางคนที่เจ้าไม่รู้จัก เจ้าก็อาจจะถูกตบกลับมา”
“ตบหน้าข้า? นั่นมันเรื่องตลกอะไร ไม่มีใครกล้าที่จะตบหน้าข้า” หญิงสาวกล่าวอย่างเย็นชา
“อย่างงั้นรึ? เช่นนั้น คงเป็นเกียรติที่ข้าจะได้ตบหน้าเจ้าเป็นคนแรก” หลินเฟิงยิ้มอย่างชั่วร้าย
“เจ้ากล้า?” หญิงสาวจ้องมองด้วยความโกรธและกล่าวต่อ “ถ้าเจ้ากล้าสัมผัสข้า เจ้าจะตายอย่างทรมาน”
หลินเฟิงยิ้มอย่างเย้ยหยัน “เจ้าจำสิ่งที่เจ้ากล่าวไปได้หรือไม่? ตอนนี้เจ้าต้องแบกรับผลของการกระทำของเจ้า เจ้าต้องการให้ข้าตบหน้าตัวเอง? ดี เช่นนั้นข้าก็จะทำแบบเดียวกันกับเจ้า”
“เจ้ากล้า?”
“ทำไมจะไม่กล้า?” ในที่สุดหลินเฟิงก็เดินมาถึงตัวหญิงสาว เขาง้างมือขึ้นในอากาศ
“หยุด” ทันในนั้นก็มีเสียงหนึ่งพูดออกมา
ผู้ชนต่างจับจ้องไปยังต้นเสียง เป็นหญิงสาวที่งดงามและกำลังถือพิณอยู่ในมือ นางอยู่ที่ชั้นสองของร้านและเดินตรงไปที่บันได นางงดงามอย่างมากไม่มีใครกล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์นาง
หลายคนต่างจับจ้องไปที่นาง นางคือเจ้าร้านอาหารแห่งนี้ ชื่อของนางคือชิงซิน นางดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ร้านอาหารของนางเองก็มีชื่อเสียงอย่างมาก
“ดูเหมือนว่าการต่อสู้จะไม่เกิดขึ้น” หลายคนจ้องมองไปยังหญิงสาวที่งดงามที่กำลังยื่นมือเข้ามาจัดการปัญหา เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะหญิงสาวที่หยิ่งยโสตรงหน้า ไม่มีใครชอบนาง แต่ก็ไม่มีใครที่จะกล้าต่อต้านเมื่อรู้ถึงสถานะของนางเช่นกัน
ในตอนนั้นเองหลินเฟิงก็หันกลับไปและจ้องมองไปที่ชิงซิน นางดูราวๆอายุ 20 ปี เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้มีความน่าสนใจยิ่งนัก
แต่การแสดงออกของหลินเฟิงก็ยังไม่เปลี่ยนไป แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะงดงามแต่ก็ยังน้อยกว่าเมิ่งฉิง และหลินเฟิงเองก็ยังใช้เวลาอยู่กับเมิ่งฉิงมาสักพักทำให้เขามีภูมิต้านทานต่อความงดงามของหญิงสาว
“มีปัญหาอะไรรึ?” หลินเฟิงถามอย่างเย็นชาราวกับไม่แยแสในความงดงามของนาง
ชิงซินจ้องมองหลินเฟิงด้วยความโกรธ ผู้ที่กล่าวกับนางด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไม่แยแสนั้นหาได้ยากมาก
“เจ้าไม่ควรแตะต้องนาง” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยน
“นั่นคือคำสั่ง?” หลินเฟิงขมวดคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นยิ่งกว่าเก่า
เมื่อชิงซินได้ยินที่หลินเฟิงพูด มันทำให้นางประหลาดใจ แต่ทันใดนั้นนางก็ยิ้มและกล่าว “ไม่ มันไม่ใช่คำสั่ง”
“อย่าได้ทำให้ข้าเสียหน้า น้ำเสียงแบบนั้นมันอะไรกัน?”
“ข้าเข้าใจ” หลินเฟิงกล่าวและยิ้ม จากนั้นก็ถามต่อ “พวกเรารู้จักกัน?”
“หืม?” ชิงซินจ้องมองไปที่หลินเฟิงจากนั้นก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว “พวกเราเพิ่งเคยพบกันครั้งแรก แต่…”
“ใช่ พวกเราไม่เคยรู้จักกัน” หลินเฟิงกล่าวขัด “ในเมื่อพวกเราไม่รู้จักกัน ทำไมข้าจะต้องห่วงว่าเจ้าจะเสียหน้า?”
คำพูดของหลินเฟิงทำให้ผู้คนตกตะลึง ชายหนุ่มคนนี้ก้าวร้าวเกินไป! เขาพูดเยี่ยงนี้กับชิงซินได้อย่างไร? ทั้งๆที่นางยังงดงามขนาดนี้
เห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงไม่รู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไรอยู่และกล่าวต่อ “ในเมื่อนางเป็นคนเริ่มและเกือบจะทำร้ายสหายของข้า จะให้ข้าอยู่เฉยๆได้ยังไง”
“ตอนที่นางกำลังข่มเหงคนอื่นหรือสั่งให้ข้าตบหน้าตัวเอง ทำไมเจ้าถึงไม่ออกมา?”
“นางนั่นหยิ่งผยองและตั้งตัวเองอยู่เหนือผู้อื่น นางกลั่นแกล้งและสร้างความอับอายให้กับผู้ที่อ่อนแอกว่า นางยังต้องการให้ข้าตบหน้าตัวเอง… แล้วตอนนั้น เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? ทำไมเจ้าถึงไม่ออกมาทำอะไรสักอย่าง?” หลินเฟิงกล่าว ทำให้ชิงซินถึงกับพูดไม่ออก
คำพูดของหลินเฟิงดังไปทั่วร้านอาหาร ทุกคนกลายเป็นใบ้ในทันที พวกเขากำลังคิดในสิ่งที่หลินเฟิงกล่าว บางทีเขาอาจจะพูดถูก ก่อนหน้านี้เพราะการมาของชิงซิน ทุกคนคิดว่าจะทำให้หลินเฟิงเงียบและเห็นแก่หน้านาง แต่ตอนนี้เขากลับทำในสิ่งตรงกันข้าม
ทำไมนางเพิ่งออกมาตอนนี้? ทำไมนางไม่ออกมาให้เร็วกว่านี้ตอนที่หญิงสาวผู้หยิ่งยโสคนนั้นกลั่นแกล้งผู้คน?
คำพูดของหลินเฟิงราวกับเป็นการตบหน้าชิงซิน
“ทุกคนต้องแสดงความเคารพถ้าพวกเขาต้องการมีชีวิตอยู่ต่ออย่างมีศักดิ์ศรี”หลินเฟิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ทันใดนั้นเขาก็ตบไปที่แก้มของหญิงสาว ฝูงชนกลายเป็นตื่นตระหนกถึงที่สุด
เพี๊ยะ!
“!!!!!!..”
***********************************************************************
ติดตามอัพเดทได้ที่ –