ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ทรงพลังยิ่งนัก! นี่มันความแข็งแกร่งของผู้ที่อยู่ขอบเขตปฐพี!”
ฝูงชนราวกับถูกแช่แข็งอย่างแท้จริง หญิงสาวผู้หญิงยโสที่ยืนใกล้กับเมิ่งฉิง ชั้นน้ำแข็งก่อตัวขึ้นบนร่างกายของนางและค่อยๆหนาขึ้นในทุกๆวินาที พลังนี้สามารถทำให้แม่น้ำหรือลำธารกลายเป็นน้ำแข็งได้ มันน่ากลัวเกินไป!
ในอาณาจักรหิมะจันทรา ผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตปฐพีถือว่ามีพรสวรรค์ที่มหัศจรรย์และเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง พวกเขาสามารถกลายเป็นผู้อาวุโสหรือแม้แต่ประมุขของนิกายขนาดใหญ่ได้
ผ้าคุมหน้าของเมิ่งฉิงถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ปราณที่ออกมาจากร่างกายของนางบริสุทธิ์อย่างมาก นางอายุเท่าไรกันแน่? ทันในนั้นดวงตาของนางเปล่งประกายออกมา
ชิงซินรู้สึกสั่นเทาไปถึงกระดูกสันหลัง นางพยายามที่จะข่มขู่หลินเฟิงแต่มันก็ไม่ได้ผล อย่างไรก็ตามใบหน้าของนางแปรเปลี่ยนไปและแสดงออกถึงความหวาดกลัวอย่างมาก บางคนไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเวลาพูด เพียงแค่ปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาก็ทำให้ผู้คนถึงกลับหวาดกลัว เมิ่งฉิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
แน่นอนว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความแข็งแกร่งของเมิ่งฉิง ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านไปทั่วกระดูกสันหลังของพวกเขา ราวกับว่าถ้านางสะบัดมือเพียงครั้งเดียวพวกเขาจะต้องตกตายอย่างแน่นอน การแสดงออกของนางทำให้เวลาของทั่วทั้งร้านอาหารกลายเป็นหยุดนิ่ง
หลินเฟิงที่อยู่ข้างกายของเมิ่งฉิงไม่สามารถสัมผัสถึงความเย็นใดๆจากร่างกายของนางได้ อย่างไรก็ตามเขาสามารถสัมผัสถึงปราณที่ทรงพลังจากบรรยากาศรอบๆได้
หลินเฟิงเองก็ตกตะลึง ไม่เพียงสาวน้อยคนนี้จะงดงามแต่นางยังครอบครองพลังที่น่ากลัว มันเป็นไปได้อย่างไร? ตลอดเวลาที่ผ่านมามันดูไม่เหมือนว่านางจะทรงพลังขนาดนี้
“อ่าา เข้าใจแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงสามารถอาศัยอยู่ที่หุบเขาวายุทมิฬได้ด้วยตัวคนเดียว นั่นเป็นเพราะนางแข็งแกร่งอย่างมาก” หลินเฟิงยิ้ม สาวงามล้มเมืองและยังมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวเดินทางไปทั่วกับเขา ดูเหมือนว่าอนาคตต่อจากนี้ของเขาจะต้องสดใสแน่
แต่การที่จะให้เด็กผู้หญิงมาปกป้องตัวเองแบบนี้ จะให้หลินเฟิงสบายใจได้อย่างไร?
“อวี้เอ๋อ!” ชายวัยกลางคนตะโกน เขาเดินตรงไปที่หญิงสาวผู้หยิ่งยโสและดึงตัวนางให้ออกห่างจากเมิ่งฉิง
ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป
“พวกเจ้ายังทำบ้าอะไรกันอยู่ที่นี่?” เมิ่งฉิงกล่าวอย่างเย็นชา ชายวัยกลางคนถึงกับสั่นสะท้าน ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด
“กลับ!” ชายวันกลางคนกล่าวและขยับมือส่งสัญญาณว่าให้กลับ พวกเขาออกไปทางหน้าต่างไม่ใช่ประตู
“เจ้าสองคนก็ไสหัวไป” เมิ่งฉิงจ้องมองไปที่ชาย 2 คนที่ยืนอยู่ด้านซ้ายและขวาของชิงซิน น้ำเสียงของนางยังเย็นชาเช่นเดิม
“ที่นี่มันร้านของข้า” ชิงซินกล่าว
“พวกเราถูกดูหมิ่นในร้านของเจ้า ข้าไม่สนใจว่ามันจะเป็นของใคร”
เมิ่งฉิงก้าวไปข้างหน้าและยกมือที่เรียวขาวของนางขึ้น ทันใดนั้นพลังปราณเยือกแข็งที่น่าหวาดกลัวก็ปกคลุมไปทั่วร้าน มันราวกับว่าร้านอาหารสามารถพังพินาศได้ภายใต้แรงกดดันเหล่านี้ ไม่มีแม้แต่เสียงแต่ร้านถูกทำให้หายไปในทันที ผู้คนสามารถรับรู้ถึงแสงแดดจากภายนอกได้
เพียงแต่เมิ่งฉิงขยับมือเล็กน้อยก็ทำให้ทั่วทั้งร้านอาหารถูกทำลาย หลินเฟิงตกตะลึงในพลังของนาง เขาอ้าปากกว้างและไม่สามารถที่จะกล่าวอะไรออกมาได้
นางแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ด้านนอกบนถนน ผู้คนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าร้านอาหารของชิงซินถูกทำลาย ปราณที่แข็งแกร่งกระจายไปทั่วบรรยากาศ หลายคนหยุดและจ้องมองไปที่ร้านอาหารด้วยความตกตะลึง
“เกิดอะไรขึ้น? ร้านอาหารของชิงซินถูกโจมตี?”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ใครกล้าทำลายร้านอาหารของชิงซิน?”
ฝูงชนต่างจ้องมองไปที่ร้านอาหารด้วยความตื่นตระหนก แผ่นหลังของชิงซินเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หญิงสาวคนนี้แข็งแกร่งเกินไป นางจะแก้แค้นได้อย่างไร
แต่มันเป็นความคิดที่แย่มากที่ไปกระตุ้นผู้ที่อยู่ในชั้นที่ 2
ทันใดนั้น ได้มีร่างเงาลอยลงมาจากท้องฟ้าจากที่ๆเคยเป็นชั้น 2 ของร้าน และลงมาที่พื้น
คนๆนี้สวมเสื้อผ้าสีดำและมีใบหน้าที่น่ากลัว เขาจ้องมองไปที่หลินเฟิงและคนอื่นๆอย่างเย็นชา
“ต้วนเฟิงกล่าวไว้ว่ารัชทายาทเป็นผู้คนที่โหดร้ายและไร้ความปรานี แต่ชายคนนี้ดูไม่เหมือนเช่นนั้น ดังนั้นเขาไม่น่าจะใช่รัชทายาท นอกจากนี้องค์ชายลำดับที่สองสมควรดูเป็นมิตรและชาญฉลาด แต่ปราณที่เขาปลดปล่อยออกมาดูไม่เหมือนเช่นนั้น แล้วเขาเป็นใครกัน?” หลินเฟิงคิด เขาเชื่อว่าชายคนนี้ไม่ใช่รัชทายาทและองค์ชายลำดับที่สอง แต่น่าจะเป็นสมาชิกคนอื่นจากตระกูลต้วน
“ขอบเขตปฐพี” ชายคนนั้นกล่าวอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็กล่าว “เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งสมควรที่บรรลุถึงขอบเขตปฐพี แต่ถึงกระนั้นเจ้าก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำตามใจชอบในเมืองจักรพรรดิหรือพื้นที่โดยรอบ ข้าไม่อาจเพิกเฉยต่อการกระทำของเจ้าได้”
เมื่อเมิ่งฉิงได้ยินคำขู่ นางกล่าว “พวกเจ้ายังมัวทำอะไรอยู่อีก?” นางกล่าวเสร็จก็สะบัดมืออีกครั้ง
“ไปกันเถอะ” ชายในชุดสีดำคว้าชิงซินออกไปในทันที
“พูดมากเสียจริง” เมิ่งฉิงเอามือลง ชายในชุดดำได้ยินดังนั้นก็โกรธอย่างมาก
หลินเฟิงหัวเราะ หญิงสาวคนนี้ไม่ชอบพูดแต่นางเลือกที่จะแสดงพลังออกไป บางคนก็เริ่มหัวเราะ ชายคนนั้นเพิ่งจะข่มขู่เมิ่งฉิงแต่เขาก็เลือกที่จะจากไปเหมือนกับคนอื่นๆ
เมิ่งฉิงหันกลับไปมองคนอื่นๆ ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่นางราวกับเป็นสัตว์ประหลาด
“เมิ่งฉิง ท่านช่าง… แข็งแกร่งยิ่งนัก” ต้วนเฟิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม เขาคิดว่าหลินเฟิงแข็งแกร่งแล้วแต่เมิ่งฉิงกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่า มันราวกับว่านางไม่ใช่มนุษย์ นางทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร?
ดวงตาที่งดงามของจิ้งยวิ๋นเบิกกว้างด้วยความตกใจ จากนั้นก็ปรากฏความเศร้าในดวงตาของนาง นางรู้สึกอับอายในความอ่อนแอของตัวเอง เมิ่งฉิงทั้งงดงามและแข็งแกร่งกว่านางอย่างมาก
“เจ้าเป็นมนุษย์หรือสัตว์ประหลาดกันแน่?” หลินเฟิงกระซิบ หญิงสาวคนนี้อัศจรรย์เกินไป
“เนี่ยเสี่ยวเชี่ยน” เมิ่งฉิงกล่าว จากนั้นนางก็เดินไปที่โต๊ะและนั่งลง (**น่าจะเป็นเรื่องจากโลกที่แล้วที่หลินเฟิงเล่าให้กับเมิ่งฉิงฟัง**)
“…………..”
หลินเฟิงถึงกับพูดไม่ออก
“พี่ใหญ่หลินเฟิง ใครคือเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน?” ต้วนเฟิงถามและจ้องมองไปที่หลินเฟิง
“ความมหัศจรรย์ของพี่สาว” หลินเฟิงกระซิบ ทำให้ต้วนเฟิงสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า
หลินเฟิงนั่งลงข้างๆเมิ่งฉิงและกล่าว “เจ้าแข็งแกร่งขนาดนี้ ทำไมเจ้าไม่เคยบอกข้า?”
“เจ้าไม่เคยถาม” คำตอบของเมิ่งฉิงทำให้หลินเฟิงหดหู่อย่างมาก
“แล้วเจ้าแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร?” หลินเฟิงถาม
เมิ่งฉิงจ้องมองไปที่หลินเฟิง เกิดแสงระยิบระยับในดวงตาของนาง “ข้าไม่บอกเจ้าหรอก”
“……………..”
“แต่ข้าก็น่าจะแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องเจ้าจากอันตรายได้” เมิ่งฉิงกล่าวทำให้หลินเฟิงรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย หญิงสาวที่งดงามและแข็งแกร่งคนนี้กล่าวว่าจะปกป้องเขา อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้แย่ไปเสียทั้งหมด
“แต่หลังจากนี้ เจ้าจะต้องเล่าเกี่ยวกับบ้านของเจ้าให้ข้าฟังวันละ 5 เรื่อง” เมิ่งฉิงกล่าวทำให้หลินเฟิงถึงกับตกใจ 5 เรื่องต่อวัน…..
เมื่อต้วนเฟิงและจิ้งยวิ๋นได้ฟังการสนทนาระหว่างหลินเฟิงกับเมิ่งฉิง ทำให้ภายในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยคำถาม เนี่ยเสี่ยวเชี่ยน? ความมหัศจรรย์ของพี่สาว? บ้านของหลินเฟิง?
จิ้งยวิ๋นรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยที่เห็นหลินเฟิงใกล้ชิดกับเมิ่งฉิงอย่างมาก นอกจากนี้นางยังไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขากำลังพูด จิ้งยวิ๋นรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจของนาง
“บางทีอาจจะมีเพียงหญิงสาวเช่นเมิ่งฉิงเท่านั้นที่จะทำให้หลินเฟิงตกหลุดรักได้” จิ้งยวิ๋นคิด ทันใดนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง สำหรับจิ้งยวิ๋นแล้วหลินเฟิงคืออัจฉริยะที่ไม่อาจเอื้อม
ผู้คนได้จากไปแล้ว หลินเฟิงและคนอื่นๆกินและดื่มก่อนที่จะจากไปเหลือทิ้งไว้เพียงซากร้านอาหารของชิงซิน
ตอนนี้มีผู้คนมากมายที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองจักรพรรดิ
หลินเฟิงกำลังขับรถม้าไปที่เมืองจักรพรรดิ หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงหน้าประตูที่งดงามและใหญ่โต
“ประตูของที่นี่กับประตูของนิกายหยุนไห่ไม่สามารถนำมาเทียบกันได้จริงๆ” หลินเฟิงกล่าว
“ดูนั่น! มีบางคนบินลงมาจากท้องฟ้า! แข็งแกร่งยิ่งนัก!” ผู้คนที่เข้าคิวอยู่บนพื้นช่วยไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปอย่างอิจฉา
หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นไปและมองเห็นปีกสีดำอยู่บนท้องฟ้า พวกมันกระพืออยู่กลางอากาศอย่างงดงาม
“มันดูเหมือนกับนกยักษ์โบราณ? หรือว่าจะเป็นฉู่จั่นเผิง?” หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ ชายคนนั้นเหลือบมองลงมาที่คนบนพื้นและพุ่งเข้าไปในเมืองจักรพรรดิด้วยความเร็วสูง
“นั่นฉู่จั่นเผิง เขาแข็งแกร่งอย่างมาก” หลายคนคิด ไม่ว่าจะไปที่ไหนฉู่จั่นเผิงก็ได้รับความเคารพ แม้แต่คนจากตระกูลจักรพรรดิก็ยังให้ความเคารพกับเขา
คนที่แข็งแกร่งพอที่จะบินบนท้องฟ้าได้ก็มีพลังมากพอที่จะทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ พวกเขาสามารถเขาไปยังเมืองจักรพรรดิได้โดยไม่ต้องรอเข้าคิว
“ฉู่จั่นเผิง รอข้าด้วย!” มีเสียงดังออกมาจากที่ห่างไกล จากนั้นก็ได้มีเกล็ดหิมะล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า คนๆนั้นสวมเสื้อคลุมสีขาว จากนั้นก็มีคนตามฉู่จั่นเผิงเข้าไปในเมืองจักรพรรดิ
“นั่นมันปรมาจารย์รุ่นเยาว์ลั่วเสวี่ย!” ฝูงชนต่างประหลาดใจ ในอาณาจักรหิมะจันทรามีปรมาจารย์รุ่นเยาว์ทั้งหมด 8 คน ในนั้นมี 6 คนที่มาจากเมืองจักรพรรดิและอีก 2 คนมาจากด้านนอก หนึ่งคือนิกายห้าวเย่วและอีกหนึ่งจากหมู่บ้านน้ำแข็งหิมะ ถ้าปรมาจารย์รุ่นเยาว์ทั้ง 2 คนนี้มาที่เมืองจักรพรรดิก็หมายความว่าเหล่าปรมาจารย์รุ่นเยาว์ทั้งหมดก็กำลังจะมารวมตัวกันเพื่อประชุมบางอย่าง
**********************************************************************************
ติดตามได้ที่ –