I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 111 ความขัดแย้ง

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

 

 หลินเฟิงจ้องมองไปยังเหล่าคนที่ว่าเขาเมื่อครู่ คนเหล่านั้นเพียงยืนและยิ้มมาที่พวกเขาอย่างเย้ยหยัน

 

 “เมื่อกี้เจ้าพูดอะไร?” ต้วนเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา

 

แต่ทันใดนั้นหลินเฟิงก็กล่าวขึ้นมา “ต้วนเฟิง ไปกันเถอะ เจ้าจะต้องไปลงชื่อ”

 

 เมื่อพวกเขาพูดเสร็จ หลินเฟิงก็ขับรถม้าตรงต่อไป

 

 “พี่ใหญ่หลินเฟิง” ต้วนเฟิงประหลาดใจและมองไปที่หลินเฟิงจากนั้นก็ส่ายหัว

 

 “มีคนโง่อยู่มากมาย เจ้าอย่าได้สิ้นเปลืองน้ำลายไปกับพวกมัน”

 

 ต้วนเฟิงถึงกับสะดุ้ง เขาหัวเราะและส่ายหัว

 

 อย่างไรก็ตาม คำพูดของหลินเฟิงทำให้คนเหล่านี้โกรธมาก หน้าตาของพวกเขาเริ่มบิดเบี้ยว

 

 “ไอขอทานสกปรก เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างปัญหาให้กับสำนักสวรรค์ ไม่เช่นนั้นข้าจะทำลายการบ่มเพาะพลังของเจ้า” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวอย่างเย็นชา

 

 อย่างไรก็ตามหลินเฟิงไม่ได้ให้ความสนใจกับเขาแม้แต่น้อย ตั้งแต่มาที่โลกนี้ หลินเฟิงก็คุ้นเคยกับคนแบบนี้แล้ว

 

 “จั่วชิวเจ้ากำลังโต้เถียงกับใคร?” ทันในนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากด้านหลังของจั่วชิว นางคือต้วนอวี้

 

 “ไม่มีอะไรหรอก พวกมันก็แค่ขอทาน” จั่วชิวกล่าวอย่างเฉยเมย จากนั้นเขาก็กระโดดลงมาจากหมาป่าจันทรา

 

 อย่างไรก็ตามแม้ว่าต้วนเลี่ยจะไม่ได้มีสถานะที่สูงในตระกูลต้วน แต่อย่างไรก็ตามแซ่ของเขาก็ยังคงเป็นต้วน พวกเขาย่อมได้รับความเคารพจากคนอื่นๆ

 

 ในชีวิตของพวกเขา ผู้คนจะถูกแบ่งออกเป็นชนชั้นต่างๆ ชนชั้นระดับล่าง ชนชั้นกลางและชนชั้นสูง ความคิดของพวกเขาถูกครอบงำด้วยระบบดังกล่าว มันคือเหตุผลที่พวกเขาดูถูกหลินเฟิงเมื่อเห็นเขามาถึง

 

 แม้ว่าสถานะทางสังคมของพวกเขาจะต่ำกว่าต้วนอวี้แต่ก็ยังเหนือกว่าหลินเฟิง

 

 “ถ้าเขาเป็นเพียงขอทานก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีโทสะ ไปและลงชื่อของเจ้า” ต้วนอวี้กล่าวอย่างเย็นชา รอยมือของหลินเฟิงบนแก้มของนางหายไป ด้วยสถานะของตระกูลของนางย่อมเป็นเรื่องง่ายที่จะมียาสำหรับรักษาแผลภายนอกเล็กน้อยแบบนี้ แต่แผลที่หัวใจและศักดิ์ศรีของนางถูกทำลายอย่างไม่มีชิ้นดี มันไม่ง่ายเลยที่จะเยียวยา

 

 แต่สิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับนางก็คือข่าวที่นางถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีแพร่กระจายไปทั่วเมืองจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว คนอื่นจะคิดอย่างไรเกี่ยวกับนาง?

 

 ต้วนเฟิงมาถึงโต๊ะที่มีชายชราอยู่ “นำจดหมายแนะนำมาให้ข้า”

 

 “ขอรับ” ต้วนเฟิงตอบและส่งมันให้กับชายชรา หลังจากดู ทันใดนั้นชายชราก็แปลกใจและถาม “เจ้ามาจากตระกูลต้วน?”

 

 “ใช่แล้ว” ต้วนเฟิงตอบ

 

 “ โอ้ ไปตรงนั้นและรับบัตรของเจ้าจากนั้นเจ้าจะเข้าสำนักได้ แน่นอนว่าจะมีคนคอยต้อนรับเมื่อเจ้าไปถึง” ชายชราชี้นิ้วออกไปเพื่อให้ต้วนเฟิงไปเอาบัตร ต้วนเฟิงพยักหน้า

 

 “พี่ใหญ่หลินเฟิงไปข้างในกันเถอะ” ต้วนเฟิงกล่าวกับหลินเฟิง แต่ในตอนนั้นเองชายชราก็กล่าวขึ้น “พวกเจ้าเป็นใคร? แล้วจดหมายแนะนำของเจ้าอยู่ที่ไหน?”

 

 จดหมายแนะนำ?

 

 หลินเฟิงและคนอื่นๆจะมีจดหมายแนะนำได้อย่างไร? หลินเฟิงส่ายหน้าและกล่าว “พวกเราแค่มากับเขา พวกเราไม่มีจดหมายแนะนำ”

 

 “ถ้าเจ้าไม่มีจดหมายแนะนำ เจ้าก็ไม่ใช่สมาชิกของสำนักสวรรค์ดังนั้นเจ้าไม่อาจจะเข้าไปข้างในได้ แม้ว่าคนของตระกูลเจ้าจะเป็นคนของสำนักแต่พวกเจ้าก็ไม่สามารถเข้าไปได้ พวกเจ้าควรจะออกไป” แม้ว่าชายชราจะกล่าวอย่างสงบ แต่น้ำเสียงของเขาราวกับว่ากำลังออกคำสั่ง

 

หลินเฟิงตระหนักได้ว่าคนมากมายที่มาที่นี่มาจากตระกูลที่สูงส่งแต่พวกเขาล้วนมาด้วยตัวคนเดียว บางทีมันอาจจะเป็นเพราะกฎของสำนัก

 

 “พวกขอทานคงไม่อาจจะสามารถเข้าใจกฎได้ พวกมันไม่มีแม้จดหมายแนะนำและยังคงทำให้ตัวเองอับอายด้วยความโง่เขลา” จั่วชิวที่เพิ่งมาถึงได้ยินที่พวกเขาคุยกัน

 

 “จั่วชิวกล่าวถูกแล้ว พวกขอทานสกปรกนี่มาจากที่ใดกัน? น่าขายหน้ายิ่งนัก” หญิงสาวที่มีนามว่าจงหลิงกล่าว คำพูดของนางรุนแรงและหยาบคายอย่างมาก

 

 “ต้วนอวี้เจ้าคิดอย่างไร?” จงหลิงถามต้วนอวี้ นางรู้ว่าต้วนอวี้เป็นคนที่หยิ่งยโสที่สุดในหมู่พวกเขา นางคิดว่าต้วนอวี้คงไม่พลาดที่จะเหยียดหยามเหล่าขอทานพวกนี้

 

 แต่ในตอนนั้นเองจงหลิงสังเกตว่าต้วนอวี้กำลังจ้องมองไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่ม นางดูหวาดกลัวอย่างมาก สีหน้าของนางแสดงออกถึงความโกรธและความกลัวในเวลาเดียวกัน

 

 หลินเฟิงหันหลังกลับไปและมองต้วนอวี้ จากนั้นเขาก็ยิ้มให้กับนาง  “อ่า คนเหล่านี้คงจะเป็นสหายของเจ้า ทั้งเจ้าและสหายของเจ้าต่างเป็นเพียงเศษขยะ พวกมันต่างพูดแต่เรื่องไร้สาระเหมือนๆกับเจ้า” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นชาทำให้จงหลิงและจั่วชิวโกรธมาก

 

 ขอทานเหล่านี้กล้าที่จะยั่วยุพวกเขา? นอกจากนี้ยังกล้าดูถูกต้วนอวี้ นี่มันรนหาที่ตาย!

 

 แต่จงหลิงและจั่วชิวมองไปที่ต้วนอวี้ที่กำลังสั่น นางดูไม่เหมือนว่าตั้งใจจะทำอะไร ต้วนอวี้มีความหยิ่งยโสและมักจะอารมณ์เสียได้ง่ายๆ….. แต่ในตอนนี้ นางกับเลือกที่จะเงียบ จงหลิงและจั่วชิวต่างประหลาดใจ พวกเขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ

 

 “เจ้าว่าอะไรนะ?” จงหลิงกล่าวขณะที่จ้องมองไปยังหลินเฟิง เมื่อนางเห็นว่าต้วนอวี้ไม่พูด สิงโตที่นางขี่อยู่ก็คำรามด้วยความโกรธ

 

 สัตว์อสูรที่ดุร้ายระดับจิตวิญญาณสามารถรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของเจ้านายได้

 

 “โง่เง่า… ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมสำนักสวรรค์ถึงได้ยอมรับขยะเหล่านี้” หลินเฟิงกล่าวพร้อมกับส่ายศีรษะ เขาทำให้พวกนางอับอายเป็นครั้งที่ 2

 

 “ขอทานที่ไม่มีแม้แต่จดหมายแนะนำกล้าที่จะตั้งคำถามกับสำนักสวรรค์ เจ้าช่างเป็นคนที่ไร้ยางอายเสียจริง แม้ว่าวันนี้สำนักจะไม่ทำอะไรเจ้า แต่ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้” จงหลิงกล่าวอย่างเย็นชา ไม่เคยมีใครกล่าวว่านางเป็นขยะมาก่อน

 

 “พอแค่นั้นแหละ! วันนี้เป็นวันลงทะเบียนของสำนักสวรรค์ ไสหัวไป” ชายชรากล่าวด้วยความโกรธ

 

 “ผู้อาวุโส นี่คือจดหมายแนะนำของข้า” จงหลิงเดินไปหาชายชรา นางยืนอยู่ข้างหลินเฟิงและยื่นจดหมายให้กับชายชรา

 

 เมื่อชายชราเห็นลายเซ็นในจดหมายแนะนำ มันทำให้เขาประหลาดใจและกล่าวขึ้นในทันที “เจ้าไปได้ บัตรของเจ้าอยู่ตรงนั้น”

 

 “อย่าได้ใจร้อนล่ะ” จงหลิงกล่าวขณะจ้องมองไปที่หลินเฟิง จากนั้นจั่วชิวก็เดินไปที่ชายชราและมอบจดหมายแนะนำให้กับเขา

 

ชายชรามองอย่างระมัดระวังและกล่าวพร้อมกับพยักหน้า “ไม่เลว อายุยังไม่ถึง 17 ปีแต่ก็ทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 2 แล้ว ตระกูลจั่วให้กำเนิดบุตรที่ดี”

 

 “ขอบพระคุณขอรับ ผู้อาวุโส” จั่วชิวกล่าวอย่างภูมิใจ

 

 “จั่วชิว… อย่าได้ตื่นเต้นจนเกินไป มีอัจฉริยะมากมายในสำนักสวรรค์… จงพยายามต่อไป และอย่าทำให้ตระกูลจั่วเสียหน้า”

 

 “เข้าใจแล้วขอรับ” จั่วชิวกล่าว จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่หลินเฟิงและกล่าวอย่างเย็นชา “ผู้อาวุโส ข้าคิดว่าตอนนี้มีผู้ที่สมควรถูกลงโทษ”

 

 ในตอนนั้นก็มีแสงแวบเข้ามาที่ตาของชายชราที่เหลือบมองไปยังหลินเฟิง

 

 “แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันลงทะเบียนของสำนักสวรรค์และห้ามสร้างความวุ่นวาย แต่การต่อสู้กับผู้ที่ไม่มีจดหมายก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้” ชายชรากล่าวและสร้างความแปลกใจให้กับหลินเฟิงและคนอื่นๆ จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “พลังและอิทธิพลของสำนักสวรรค์นั้นมีมากมาย”

 

 “ถ้าข้าไม่ได้ตบปากเจ้า ข้าก็ไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นสมาชิกของสำนักสวรรค์” จั่วชิวกล่าว

 

 ในตอนนั้นเองผู้คนก็เริ่มเข้ามามุงดูและอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พวกเขาไม่คิดว่าจะมีใครกล้าก่อปัญหาในวันลงทะเบียนของสำนัก

 

 “ขอทานก็ยังคงเป็นขอทาน พวกมันจะต้องถูกลงโทษเพราะความไร้ยางอาย” ชายคนหนึ่งในฝูงชนกล่าว เขาสวมเสื้อผ้าราคาแพงและดูหยิ่งยโสอย่างมาก เขาคิดว่าคนธรรมดาไม่สมควรได้รับการยอมรับจากสำนักสวรรค์ แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแต่จะเทียบกับผู้บ่มเพาะพลังจากตระกูลที่ร่ำรวยได้อย่างไร?

 

 “ไร้สาระ ใช้ประโยชน์จากอำนาจเพื่อกลั่นแกล้งผู้อื่น นอกจากการซื้อยาแพงๆเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเองแล้วพวกเจ้าทำอะไรได้บ้าง?” ได้มีเสียงโต้แย้งจากฝูงชนดังขึ้น เขาดูตรงกันข้ามกับชายผู้ร่ำรวยที่กล่าวถ้อยคำดูถูกก่อนหน้านี้ มุมมองและความคิดเห็นต่างๆเริ่มเกิดขึ้นในหมู่ผู้ที่เฝ้ามอง

 

ในเมืองจักรพรรดิมีผู้บ่มเพาะพลังมากมายที่มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงและร่ำรวย ดังนั้นพวกเขาจึงหยิ่งยโส เมื่อเวลาผ่านไปความขัดแย้งและความตึงเครียดระหว่างกลุ่มคนที่มีชนชั้นทางสังคมต่างกันก็เพิ่มมากขึ้น นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะในเมืองจักรพรรดิ เมืองอื่นๆแทบจะไม่เคยมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น

 

***************************************************************************************

 

ติดตามได้ที่ – 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments