ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ท่านอาจารย์ อย่าได้มีโทสะ ข้าจะเกลี้ยกล่อมเขาเอง” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าว เขาดูสง่างามอย่างมาก เสื้อผ้าของเขาปราศจากรอยฝุ่น ไม่มีใครคิดว่าเขาเป็นผู้ชายจริงๆ
“แม้ว่าสำนักสวรรค์จะไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายนัก แต่ถ้าเจ้าได้กลายเป็นหนึ่งในศิษย์ของที่นี่ เจ้าจะเข้าใจเองว่ามันยอดเยี่ยมแค่ไหน เจ้าสามารถได้รับการพัฒนาและใช้ความสามารถทางธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ในฐานะผู้บ่มเพาะพลัง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าจะได้รับผลประโยชน์มาก” ดวงตาที่งดงามของ เวิ่นเหงาเสวี่ยจับจ้องไปที่หลินเฟิงพร้อมกับรอยยิ้มบนหน้า
“มันดูไม่เหมือนอย่างนั้นตอนที่ข้าพบกับอาจารย์ของเจ้า” หลินเฟิงตอบอย่างไม่แยแส เขากำลังทำให้สำนักเสียหน้า
ชายชราขมวดคิ้ว ประกายแสงแห่งการฆ่าฉายอยู่ในดวงตาของเขา เขาคิดว่าหลินเฟิงคงไม่จะไม่รู้วิธีการปฏิบัติตัวในสถานที่เช่นนี้ หลินเฟิงหยาบคายและบ้าบิ่นเกินไป
“ความคิดของเจ้ายังตื้นเขินเกินไป” เวิ่นเหงาเสวี่ยส่ายหัว นิกายและสำนักแม้ว่าจะมีจุดประสงค์เดียวกันแต่ก็มีวิธีการที่ต่างกัน
นิกายหยุนไห่ถูกทำลายแต่ทุกคนก็เต็มใจที่จะเสียสละเพื่อให้หลินเฟิงมีชีวิตอยู่รอด เขาจะต้องสร้างนิกายหยุนไห่ขึ้นมาใหม่และทำให้แน่ใจว่าจะไม่ซ้ำรอยเหมือนในอดีต
“เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวถูกแล้ว สิ่งที่เจ้าเห็นเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ข้าหวังไว้อย่างมากว่าเจ้าจะเข้าร่วมกับสำนัก” มีอีกเสียงหนึ่งกล่าวออกมา ทันใดนั้นก็มีร่างเงาร่างหนึ่งโผล่ออกมาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เขาเป็นชายชรา ทุกคนที่เห็นเขาต่างก็ประหลาดใจและจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เคารพ
ชายคนนี้คือรองเจ้าสำนักสวรรค์ ในฐานะรองเจ้าสำนักเขาถึงกับเชิญชวนหลินเฟิงด้วยตัวเองซึ่งทำให้ทุกคนต่างประหลาดใจ
“เป็นไปได้ไหมว่าหลินเฟิงมีพรสวรรค์และเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยาก แม้แต่ตัวตนระดับสูงของสำนักก็ยังต้องจับตามองเขา?” บางคนในฝูงชนกล่าว จั่วชิวและจงหลิงโกรธมากที่หลินเฟิงผู้ซึ่งไม่มีแม้จดหมายแนะนำไม่สนใจโอกาสที่จะได้เข้าร่วมกับสำนัก…. แม้แต่ตัวตนอย่างรองเจ้าสำนักก็ยังมาเชิญเขาด้วยตัวเอง
“ถูกของเจ้า มีศิษย์ที่น่าสมเพชบางคนอยู่ในสำนัก พวกเขามีทั้งดีและไม่ดี แต่เจ้าก็ได้มอบความอัปยศให้กับพวกเขาซึ่งเป็นการลงโทษที่เหมาะสมแล้ว และยังมีอาจารย์บางคนที่ยังใจแคบ ข้าจะทำให้เขาขอโทษเจ้าสำหรับการกระทำของเขา” รองเจ้าสำนักกล่าว จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่ชายชราด้วยสายตาที่น่าหวาดกลัว
รองเจ้าสำนักกำลังทำให้อาจารย์ของสำนักขอโทษหลินเฟิง?
หลินเฟิงเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นผู้บ่มเพาะที่มีพรสวรรค์ แต่สำนักเองก็เต็มไปด้วยศิษย์ที่โดดเด่นเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเอาชนะจั่วชิวและจงหลิงแต่มันก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆของสำนักเท่านั้น ทำให้รองเจ้าสำนักจึงให้ความสำคัญกับเขาเช่นนี้?
“ท่านรองเจ้าสำนัก” ชายชรากล่าวด้วยความตื่นตระหนก รองเจ้าสำนักกำลังทำให้เขากลัว
จากนั้นชายชราก็หันไปทางหลินเฟิงและกล่าวด้วยท่าทีไม่ค่อยพอใจ “รับการขอโทษจากข้าไป”
“พูดให้จริงใจกว่านี้!” รองเจ้าสำนักไม่พอใจกับการขอโทษของชายชรา ฝูงชนและโดยเฉพาะอาจารย์ต่างตะลึงกับท่าทีดังกล่าว
ความแข็งแกร่งที่หลินเฟิงแสดงออกมาทำให้รองเจ้าสำนักแสดงท่าทีเช่นนี้? หรือว่าจริงๆแล้วหลินเฟิงจะมีภูมิหลังที่น่าหวาดกลัว? มันยากที่จะจินตนาการได้ อาจารย์ทุกคนได้รับเชิญจากสำนัก พวกเขาทั้งหมดมีชื่อเสียงและแข็งแกร่งอย่างมาก น่าประหลาดใจที่รองเจ้าสำนักบังคับให้หนึ่งในพวกเขาต้องขอโทษหลินเฟิง แม้ว่าหลินเฟิงจะไม่ได้ขอ ทุกคนพยายามทำความเข้าใจว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ทำไมกัน?”
เขาเพิ่งจะถูกทำให้เสียหน้า เขาเกลียดสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แต่เมื่อเขามองไปที่ใบหน้าของรองเจ้าสำนักทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่น “โปรดรับการขอโทษจากข้าด้วย ข้ามันไร้ความสามารถและหวังว่าเจ้าจะให้อภัย”
“เจ้าคิดว่าอย่างไร?” รองเจ้าสำนักจ้องมองไปที่หลินเฟิง เขารู้สึกว่ารองเจ้าสำนักจะต้องมีบางอย่างอยู่ในใจแต่เขาก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันคืออะไร
หลินเฟิงต้องการที่จะกล่าวบางอย่างแต่ทันใดนั้นรองเจ้าสำนักก็กล่าวขัดขึ้นมา “ถ้าเจ้าไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมกับสำนัก ข้าก็ไม่อาจบังคับเจ้าได้ ข้าสามารถให้ใบอนุญาตพิเศษเพื่อให้เจ้าได้รับประโยชน์เหมือนกับศิษย์ของสำนักโดยไม่จำเป็นต้องมีข้อผูกมัด ไม่มีอะไรที่จะผูกมัดเจ้ากับสำนักสวรรค์ เจ้าสามารถมีอาจารย์ส่วนตัวและได้รับประโยชน์จากแหล่งข้อมูลทั้งหมดของสำนักแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เจ้าสามารถออกไปได้ทุกเมื่อที่เจ้าต้องการ เจ้าจะมีสถานะเหมือนกับศิษย์ของสำนักเพียงแค่มีอิสระ ทั้งหมดคือข้อเสนอที่ดีสำหรับเจ้าและเจ้าไม่เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย”
คำพูดเหล่านี้ทำให้หัวใจของผู้คนเต้นระรัว พวกเขาทั้งหมดประหลาดใจ หลินเฟิงสามารถจากไปได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ เขาสามารถได้รับประโยชน์ทั้งหมดจากสำนัก นอกจากนี้มันยังออกมาจากปากของรองเจ้าสำนักอีกด้วย เขาได้กล่าวออกมาต่อหน้าผู้คนและไม่สามารถที่จะคืนคำได้
“เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะมาจากตระกูลต้วน?”
“หรือว่ามาจากตระกูลเย่วหรือยวี่?”
บางคนเริ่มตระหนัก ถ้าแซ่ของเขาคือต้วนจริงๆ แต่ทำไมไม่มีใครเลยที่เคยได้ยินเกี่ยวกับเขา นอกจากนี้ผู้คนจากตระกูลเย่วยังหยิ่งยโสเกินไปที่จะเข้าร่วมกับสำนัก พวกเขามีความแข็งแกร่งที่เทียบเท่ากับนิกายและไม่จำเป็นที่จะต้องฝึกฝนด้านนอกตระกูล
ผู้คนต่างคิดถึงความเป็นไปได้ แม้ว่าหลินเฟิงจะเป็นยอดอัจฉริยะและแข็งแกร่งแต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะให้รองเจ้าสำนักปฏิบัติกับเขาเช่นนี้ พวกเขาเริ่มมึนงงและไม่เข้าใจมากขึ้น
แต่หลินเฟิงสับสนยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก เขาถามออกไป “ข้าโชคดีเช่นนี้ได้อย่างไร? มันเป็นไปได้? ข้าอยากรู้ว่าทำไมท่านถึงให้โอกาสดีๆกับข้าแบบนี้?”
“ข้ากล่าวได้เพียงว่าข้าเองก็มีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันในชีวิตของข้า ข้าได้รับการสนับสนุนจากผู้คนมาโดยตลอด” รองเจ้าสำนักกล่าว
“ได้รับการสนับสนุนจากผู้อื่น?” ฝูงชนยิ่งมึนงงเข้าไปใหญ่ หลินเฟิงไม่รู้จักใครในเมืองจักรพรรดิ ทำไมรองเจ้าสำนักถึงดีกับเขานัก?
นอกจากนี้หลินเฟิงยังไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธเพราะเขาสามารถเข้าร่วมกับสำนักได้โดยไม่ต้องมีข้อผูกมัด เขาสามารถเข้า-ออกที่นี่ได้ดั่งใจปรารถนา เขาจะปฏิเสธผลประโยชน์ที่มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร?
ถ้ารองเจ้าสำนักมีเจตนาร้ายเขาคงจะไม่ทำเช่นนี้ เขาสามารถสังหารหลินเฟิงได้อย่างง่ายดาย
“บางทีข้าอาจจะโชคดีจริงๆ” หลินเฟิงคิด จากนั้นเขาก็ยิ้มและกล่าว “สหายของข้าจะต้องได้เข้าร่วมด้วยเช่นกัน”
“ไม่มีปัญหา เจ้าสามารถพาใครไปก็ได้ตราบใดที่ยังอยู่ใกล้ชิดกับเจ้า นอกจากนี้เจ้ายังไม่จำเป็นต้องเคารพกฎหรือข้อบังคับของพวกเรา แต่นั่นไม่ได้นับรวมสหายของเจ้า” รองเจ้าสำนักกล่าวอย่างจริงใจ
“แน่นอน” หลินเฟิงกล่าวตอบ
“ประเสริฐ ถ้าเช่นนั้นทุกคนแยกย้ายได้” รองเจ้าสำนักกล่าว ทันใดนั้นเขาก็ยื่นบางอย่างให้กับหลินเฟิง ฝูงชนทั้งหมดกำลังจะตายจากความอยากรู้ พวกเขาไม่รู้ว่ารองเจ้าสำนักให้อะไรกับหลินเฟิงกันแน่
“ยินดีต้อนรับสู่สำนักสวรรค์” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าว หลินเฟิงพยักหน้า จากนั้นกลุ่มของเขาก็เดินเข้าไปในสำนักสวรรค์
พวกเขาเดินผ่านซุ้มประตูและพบกับสถานที่ที่สวยงามราวกับพระราชวัง
“โอ้ว สวรรค์…..” หลินเฟิงมองเห็นสวนขนาดใหญ่, ตำหนักมากมายรวมถึงแม่น้ำ แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือทุกอย่างล้วนสมบูรณ์แบบ พวกมันสวยงามอย่างมาก
“เจ้าสามารถเดินสำรวจสถานที่เหล่านี้ได้อย่างอิสระในระหว่างที่เจ้าอยู่ที่นี่” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าว หลินเฟิงประหลาดใจกับสถานที่แห่งนี้มาก
“สำนักสวรรค์…!”
ที่อาคารหลัก มีชื่อของสำนักถูกเขียนติดไว้อยู่ มันดูเหมือนว่าเป็นสถานที่ๆไม่เหมือนใครในโลก
“ยินดีต้อนรับสู่สำนัก เจ้าจะไม่เสียใจแน่นอน” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
หลินเฟิงจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มที่งดงามราวกับหญิงสาวและถาม “ทำไมเจ้าถึงแก้ตัวให้กับข้า?”
เวิ่นเหงาเสวี่ยส่ายหัวและกล่าว “มันก็เหตุผลเดียวกับรองเจ้าสำนักนั่นแหละ”
“ข้าหมายถึงพวกเราไม่เคยเจอกันก่อน ไม่เคยรู้จักกัน แล้วเจ้ามาช่วยข้าทำไม?”
“มีบางคนที่เจ้าอาจจะเห็นเพียงไม่กี่วินาที แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าชอบพวกเขา เหตุผลก็ประมาณนี้แหละ” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวจากนั้นแก้มของเขาก็กลายเป็นสีแดง หลินเฟิงตกตะลึงกับการตอบสนองของเขา
เมื่อเวิ่นเหงาเสวี่ยเห็นหลินเฟิงทำหน้าแปลกๆ ทำให้เขานึกบางอย่างได้
“บัดซบ ข้าไม่ใช่แบบนั้น” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวซึ่งทำให้หลินเฟิงหัวเราะ แน่นอนว่ามีคนในโลกนี้ดึงดูดเพศเดียวกัน บางคนชอบแบบนั้น แต่เห็นได้ชัดว่าเวิ่นเหงาเสวี่ยไม่ได้เป็นแม้ว่าเขาจะดูเหมือนก็ตาม
…………
ในตอนนั้นเอง ในที่ห่างไกล รองเจ้าสำนักและอาจารย์ชราเดินอยู่ด้วยกันในเขตของสำนัก รองอาจารย์ใหญ่สังเกตอาจารย์ชราที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ใครกันจะชอบที่ถูกบังคับให้ขอโทษเด็กรุ่นเยาว์ต่อหน้าคนมากมาย? แน่นอนว่าเขาไม่มีความสุขเลยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เจ้ายังโกรธอยู่?” รองเจ้าสำนักกล่าวอย่างไม่แยแส
“ข้าไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งท่าน ท่านคือรองเจ้าสำนัก” ชายชรากล่าว เขาได้รับเชิญมาโดยรองเจ้าสำนักเมื่อหลายปีที่แล้ว
“ฮ่าๆๆๆ ไม่จำเป็นต้องคิดอย่างนั้น เจ้าควรจะรู้ไว้ว่าข้าไม่เคยที่จะทำเพื่อตัวเองแต่ข้าก็เข้าใจเจ้า สิ่งที่ข้าทำไปล้วนแต่มีเหตุผล เจ้าจำเกี่ยวกับทักษะที่ข้าเคยบอกเจ้าไว้ได้ไหม? ไปและเอามันมา เพียงแค่บอกว่าเป็นคำสั่งจากข้า”
ชายชราประหลาดใจ จากนั้นใบหน้าที่โศกเศร้าของเขาถูกแทนที่ด้วยความปิติยินดี เขาดูตื่นเต้นอย่างมาก
***************************************************************************************
ติดตามได้ที่ –