ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลัวเจ้า” หลินเฟิงกล่าวกับเวิ่นเหงาเสวี่ย สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือเด็กหนุ่มที่มีใบหน้างดงามราวกับหญิงสาวทำให้ผู้อื่นเกรงกลัวและหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้เขา
“บางทีพวกเขาอาจจะหวั่นเกรงและเคารพข้า” เวิ่นเหงาเสวี่ยตอบขณะหัวเราะ ในตอนนี้เองหลินเฟิงและคนอื่นๆเริ่มสังเกตเห็นว่าผู้คนรอบตัวเริ่มน้อยลงๆเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าสาเหตุคือเวิ่นเหงาเสวี่ย
“การทดสอบนั้นไม่ยาก มันคงจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเจ้า เพราะประเภทแรกเป็นประเภทที่ศิษย์ส่วนใหญ่ให้ความสนใจและยังเป็นที่ๆรวมศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเอาไว้ ทุกปีในระหว่างการลงทะเบียนและสัปดาห์แห่งการทดสอบ จะอนุญาตให้ศิษย์รุ่นเก่าเข้าร่วมเพื่อดูว่าพวกเขามีการพัฒนามากน้อยแค่ไหน” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวกับหลินเฟิงด้วยโทนเสียงต่ำ
“การทดสอบฟังดนตรี?” หลินเฟิงกล่าวขณะจ้องมองไปยังชายชราที่วางมือไว้บนพิณ เขากำลังหลับตาอยู่
“ถูกต้อง การทดสอบคือการฟังดนตรีที่เขาเล่น” เวิ่นเหงาเสวี่ยตอบและหัวเราะ
อะไรกัน? การสอบฟังดนตรี? ต้วนเฟิงและจิ้งยวิ๋นต่างประหลาดใจ นี่มันการสอบแบบไหนกัน?
มีเพียงเมิ่งฉิงเท่านั้นที่ราวกับไม่แยแสอะไร ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับนาง
“แล้วพวกเจ้าจะเข้าใจเอง” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าว
ในเวลาไม่นาน คนในจัตุรัสก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มีถึง 200 คนแล้ว
บางคนในพวกเขาเมื่อเห็นหลินเฟิงและเวิ่นเหงาเสวี่ยต่างก็มีท่าทีประหลาดใจและตกตะลึง
“มันคือหลินเฟิงที่ก่อความวุ่นวายก่อนหน้านี้ น่าประหลาดใจที่มันก็เลือกประเภทแรกเหมือนกับพวกเรา”
“ฮ่าๆๆ เขาแข็งแกร่งและมีความสามารถทางธรรมชาติที่เป็นเลิศ เขาสามารถเอาชนะศิษย์จากตระกูลชั้นสูงได้ แต่เขาจะสามารถผ่านการทดสอบได้หรือเปล่า?”
“คงจะไม่ปัญหา เจ้าสมควรเห็นถึงวิธีการที่เขาใช้จัดการกับไป๋เจ๋อและจั่วชิว เขายังไม่เกรงกลัวที่จะเผชิญหน้ากับท่านอาจารย์ ความกล้าหาญและความมุ่นมั่นไม่น่ามีปัญหาสำหรับเขา”
ทุกคนในที่นี้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของหลินเฟิง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบหลินเฟิงแต่ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชนในตัวเขา นอกจากนี้หลินเฟิงยังมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้บัญชาการที่ดีอีกด้วย
ในตอนนั้นเอง ชายชราก็ลืมตาขึ้นและกวาดสายตามองไปรอบๆ
“เอาล่ะ การทดสอบจะเริ่มขึ้นแล้ว ผู้ที่ล้มเหลวในการทดสอบจะต้องกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้เพื่อที่จะลองอีกครั้ง” ชายชราผู้ถือพิณกล่าว เขานั่งลงและถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าศิษย์
ฝูงชนต่างพยักหน้า ที่นี่มีทั้งศิษย์ที่เข้ามาใหม่และศิษย์เก่า แน่นอนว่าพวกเขารู้กฎและเริ่มนั่งขัดสมาธิ
“เอาล่ะ นั่งให้ถูกต้องและก็ฟังพิณบรรเลง” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อือ” หลินเฟิงกล่าวตอบสั้นๆ จากนั้นพวกเขาก็นั่งขัดสมาธิ
“จะเริ่มล่ะนะ” ชายชรากล่าวขณะขยับนิ้วมือไปมาบนพิณ
สายตาของหลินเฟิงจับจ้องไปที่มือของชายชรา พวกมันมีความอ่อนช้อยเหมือนกับมือของเวิ่นเหงาเสวี่ย มันดูคล้ายกันมาก
ทุกตัวโน้ตที่ปล่อยออกมาต่างมีความกลมกลืนและไพเราะ ราวกับว่าบรรยากาศได้หยุดนิ่ง ช่วงเวลานี้ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงของพิณ มันเงียบสงบอย่างมาก
ผู้คนส่วนมากเริ่มหลับตาและเพลิดเพลินไปกับเสียงดนตรี มันคือความสุขสงบที่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
หลินเฟิงเกือบที่จะหลับตาลงหลายครั้ง แต่ละครั้งที่เขารู้สึกเคลิบเคลิ้ม เขาจะพยายามที่จะอดทนไว้
“มันคือการสะกดจิต!” ในที่สุดหลินเฟิงก็เข้าใจ เป้าหมายของการสอบคือการสะกดจิต
“น่าแปลก มันต้องเป็นทักษะที่ลึกลับ” หลินเฟิงคิดและหลับตาลง เขารู้สึกง่วงอย่างมากแม้ว่าเขาจะพยายามดิ้นรน แต่เขาก็ต้องการที่จะดูพลังของทักษะสะกดจิตและหยุดต่อต้าน
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าเขาได้อยู่คนเดียวบนโลก
บางทีทักษะนี้อาจจะแข็งแกร่งเกินไปหรือหลินเฟิงตั้งใจที่จะตกอยู่ในห้วงนิทราด้วยความตั้งใจของตัวเองโดยปราศจากผลของการสะกดจิต ด้านข้างของเขามีกองทหารม้าจำนวนมากที่ถือหอกยาวเอาไว้ พวกเขาปลดปล่อยจิตสังหารอันแรงกล้าออกมาเห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการที่จะสังหารหลินเฟิง
โลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
ในตอนนี้ ร่างกายของหลินเฟิงก็ถูกชโลมไปด้วยเลือด
ทันใดนั้นได้มีหัวที่ปราศจากร่างกายบินตรงมาที่เขา ดวงตาที่ใหญ่โตยังคงเบิกกว้างด้วยความตกใจ
มันรวดเร็วอย่างมาก เขาถูกรายล้อมไปด้วยกระดูก เนื้อสดๆและเลือด ซากศพกำลังซ้อนทับกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ภายใต้ดวงอาทิตย์ เสียงของหญิงสาวที่กำลังร้องไห้กระจายไปทั่วบรรยากาศ
ดวงวิญญาณเหล่านี้ต่างต้องการที่จะแก้แค้นสำหรับความทุกข์ทรมาน ภายใต้แสงสลัวของดวงจันทร์ เหล่าวิญญาณคนตายต่างเดินไปมาบนพื้นที่เต็มไปด้วยเลือดและซากศพ
ทันใดนั้นเอง ผู้คนจำนวนหนึ่งก็ลืมตาขึ้นมาอย่างฉับพลัน พวกเขาหายใจอย่างหนักหน่วงและอยู่ในอาการตกใจ เสื้อผ้าของพวกเขาถูกชโลมไปด้วยเหงื่อ
ผู้ที่ลืมตาขึ้นมาต่างตื่นตระหนกและมองไปรอบๆ พวกเขาเริ่มสักเกตเห็นว่ายังมีศิษย์บางคนที่ยังคงหลับตาโดยเฉพาะพวกศิษย์รุ่นเก่าดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจมอยู่ในห้วงความฝัน
หลังของหลินเฟิงถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อที่ไหลเย็น ใครกันที่จะสามารถสงบเสงี่ยมอยู่ได้ในความฝันที่น่ากลัวเช่นนี้? นอกจากนี้เสียงดนตรีจากพิณยังเพิ่มความสยดสยองซึ่งให้ฉากตรงหน้าดูสมจริงยิ่งขึ้น
ความรู้สึกที่รุนแรงได้บุกเข้าไปยังหัวใจของหลินเฟิงอีกครั้ง เขารู้สึกราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน เขาสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นของเหงื่อที่ปกคลุมแผ่นหลังของเขา
“ภาพลวงตา มันคือพิณ…. แข็งแกร่งยิ่งนัก…” เสียงของพิณสร้างความประหลาดใจให้กับผู้คน มันทำให้พวกเขาตกอยู่ในห้วงนิทราและฝันร้ายที่น่าสยดสยอง นี่มันน่ากลัวมาก!
ถ้าผู้ที่เล่นพิณเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวโน้ต มันจะน่ากลัวขนาดไหน?
รอบตัวของหลินเฟิง ต้วนเฟิงยังคงหลับตาแต่เขาก็ยังสั่นเล็กน้อย ส่วนจิ้งยวิ๋นนางลืมตาขึ้นและหายใจอย่างหนักหน่วง ในตอนนี้นางดูหวาดกลัวอย่างมาก
“การทดสอบความอดทน…” หลินเฟิงคิด เกิดรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้าของเขา ตอนแรกที่เขาตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันยังไม่มีเวลาให้เขาได้คิดมากนัก ตอนนี้เขาเข้าใจจุดประสงค์ของการทดสอบแล้ว ดูเหมือนว่าการลืมตาคือความพ่ายแพ้
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงเพลงก็หยุดลง เหล่าศิษย์ที่หลับตาอยู่เริ่มลืมตาขึ้นมาที่ละคนๆ
ชายชรามองไปรอบๆและกล่าว “จุดประสงค์ของการทดสอบนี้คือความอดทนและความมุ่งมั่นของพวกเจ้า ด้วยสภาพแวดล้อมที่เจ้าเห็น ถ้าทนไม่ได้จนต้องลืมตาขึ้นมามันก็หมายความว่าพวกเจ้ายังไม่พร้อมสำหรับสนามรบ ดังนั้นผู้ที่ตื่นขึ้นมาก่อนจงออกไป พวกเจ้ายังไม่สามารถที่จะเป็นผู้บัญชาการได้”
“เป็นอย่างที่คิด” หลินเฟิงคิดและยิ้ม ที่หลินเฟิงลืมตาขึ้นมาไม่ใช่เพราะเขาทนกับภาพลวงตาไม่ได้ แต่เป็นเพราะจิตวิญญาณของเขาทำให้เขาหลุดพ้นจากภาพลวงตา
มีผู้คนมากมายที่ต้องผิดหวังและจากไป นอกจากนี้ยังมีบางคนที่คิดว่าการกลายเป็นผู้บัญชาการไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับพวกเขา
ชายชรามองไปรอบๆและเห็นหลินเฟิง จากนั้นก็ถาม “เจ้า ทำไมถึงยังไม่ไป?”
“หืม?” ผู้ที่รู้จักหลินเฟิงต่างมึนงง หลินเฟิงล้มเหลว?
เวิ่นเหงาเสวี่ยประหลาดใจ เป็นไปได้ไหมที่หลินเฟิงไม่อาจทนมองภาพที่สยดสยองได้? การสอบอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นไปไม่ได้สำหรับคนอย่างหลินเฟิงที่จะไม่ผ่านการทดสอบหลังจากที่เขาได้แสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมา
“ท่านอาจารย์ข้าไม่ได้ตื่นขึ้นมาเพราะความหวาดกลัว” หลินเฟิงกล่าวขณะยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว เมื่อเขาพูดจบได้มีหลายสายตาจ้องมองมาที่เขา หลินเฟิงรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกกดขี่ด้วยสายตาเหล่านั้น ผู้ที่เป็นอาจารย์ควรจะมีความสามารถที่โดดเด่น อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สังเกตว่าที่หลินเฟิงตื่นขึ้นมาไม่ใช่เพราะความหวาดกลัว นอกจากนี้วิธีการที่เขาจ้องมองหลินเฟิงยังเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“ถ้าเจ้าอยากที่จะเป็นผู้บัญชาการ จงอย่ายอมแพ้และกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้” อาจารย์กล่าว
“พรุ่งนี้?” หลินเฟิงรู้สึกหงุดหงิด พิธีเปิดของลานศักดิ์สิทธิ์จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้เช่นกัน
“อาจารย์ ให้ข้าลองใหม่อีกครั้ง” หลินเฟิงกล่าวและยิ้ม
“เจ้านี่มันดื้อรั้นเสียจริง เจ้าเพิ่งจะได้รับโอกาสไป จงกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้และอย่าได้ใจร้อน” ชายชรากล่าวด้วยความประหลาดใจ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หลินเฟิง
หลินเฟิงส่ายหัวและกล่าว “ ท่านอาจารย์ ข้าขอร้อง ให้โอกาสข้าอีกครั้ง”
ชายชรามองไปที่หลินเฟิงด้วยความประหลาดใจและกล่าวด้วยโทนเสียงต่ำ “ด้วยความมุ่งมั่นและความแน่วแน่ของเจ้าในตอนนี้ มันยากที่จะเชื่อว่าเจ้าไม่ผ่านการทดสอบ วันนี้ข้าจะงดเว้นและทำลายกฎเพื่อเจ้า เอาล่ะ มาลองกันอีกครั้ง”
*******************************************************************************
ติดตามได้ที่ –